แสงแดดอ่อน ๆ ส่องใบหน้านวล ดวงตาเรียวหงส์ปรือตามอง เตียงไม้ที่ถูกขัดเป็เงาผ้าม่านสีขาวกั้นบังตาไว้ พร้อมกับกลิ่นหอมของสมุนไพร
“คุณหนู..ท่านเป็เช่นไรบ้างเ้าคะ” เยี่ยนฟางยกเอามือกุมกระหมับก่อนจะค่อย ๆ ยกเรียวขาที่ดูเหมือนจะอ่อนแรงลงเตียง มองดูสิ่งรอบ ๆ ตัวราวกับสิ่งแปลกประหลาด
//ที่นี่คือ...// ความสงสัยพุ่งตรงขึ้นมา ภาพห้องโถงกว้าง ข้าวของเครื่องใช้ถูกจัดวางไว้เป็ระเบียบ เด็กสาวสองนางนั่งมอบอยู่กับพื้นห้อง แววตาเรียวหรี่มองไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองเป็อะไรรู้สึกแทบไร้เรี่ยวแรง
//นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันกัน ฉันกำลังฝึกว่ายน้ำอยู่นี่? // เว่ยเยี่ยนฟางหญิงสาววัยสามสิบต้น ๆ พนักงานบัญชีบริษัทเล็ก ๆ ในเมืองปักกิ่ง เธอรับสอนพิเศษเป็ครูสอนว่ายน้ำโรงเรียนหนึ่งใกล้ที่พักตัวเอง แต่ก่อนที่เธอจะสลบไปคือเธอกำลังว่ายไปช่วยเด็กคนหนึ่งที่ลงไปเล่นสระผู้ใหญ่ เธอใมากรีบลงไปช่วยและรู้สึกว่าแขนขากับไร้เรียวแรง เธอคิดว่าคงเป็ตะคริว แต่ไม่คิดว่าภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือผู้ชายสวมชุดสีขาวปักลายัเขาได้ช่วยเธอไว้
“คุณหนู...ท่านอย่าเพิ่งลุกไปที่ใดเลยเ้าคะ” ร่างบางดันกายลุกจากเตียงไม้ก่อนเดินสำรวจรอบ ๆ แต่เรือนนี้ก็กว้างใหญ่จนเธอรู้สึกกลัว ไหนจะสายตาที่กำลังมองมาที่เธอมากมายทั้งชายและหญิงจนเธอไม่กล้าที่จะเข้าไปถามพวกเขาเ่าั้ เสียงหญิงสาวคนหนึ่งร้องเรียกเธอจากด้านหลังแต่เธอใช่จะสนใจ ทันทีที่เห็นประตูบานใหญ่ด้านหน้าเธอก็รีบวิ่งไปหมายจะเปิดออกเพื่อดูให้แน่ใจ
“ว้าย!! ตายแล้วคุณหนู ไม่ได้นะเ้าคะ...ใครก็ได้มาช่วยห้ามคุณหนูที” คนตัวเล็กที่วิ่งมายื้อแขนเรียวของเธอไว้
“ฉันจะกลับบ้าน” เยี่ยนฟางหันมาบอกพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มปริ่ม เธอรู้สึกใจคอไม่ดี มองไปทางไหนก็ไม่คุ้นเคยไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนและเหตุใดตัวเธอจึงมาอยู่ที่นี่กัน
“ที่นี่ก็จวนของคุณหนูไงเ้าคะ คุณหนูจะไปที่ใดได้อีก” เยี่ยนฟางพลิกฝ่ามือมอง ฝ่ามือเล็กเรียวที่ดูเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง น้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคยใจเธอเริ่มหวั่น
//ฝัน...นี่ฉันฝันแน่ ๆ // มือเรียวยกตบแก้มตัวเองเบา ๆ พร้อมกับหวังจะปลุกให้ตัวเองตื่นจากฝันที่น่ากลัว
“คุณหนู..อย่าเ้าคะ ฮือ ฮือ คุณหนู” หญิงสาวข้าง ๆ เริ่มร้องไห้ดูหวาดกลัวในท่าทางเธอ
“ที่นี่ที่ไหน?” เยี่ยนฟางถามอีกครั้ง
“จวนแม่ทัพหลี่เ้าค่ะ”
“แม่ทัพหลี่”
'นี่ฉันอยู่ที่ไหนกันแน่ แล้วฉันมาทำอะไรที่จวนแม่ทัพ แล้วแม่ทัพภาคไหนกันทำไม ไม่เห็นจะคุ้นเลย' เธอพยายามนึกหาข้อมูลจากสมองน้อย ๆ แม้จะดูคุ้นแต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าทำไมคนของกองทัพถึงได้สร้างบ้านพักซะโบราณเลย
“แล้วฉันชื่ออะไร” เยี่ยนฟางกลืนน้ำลายแห้ง ๆ ลงคอรอคำตอบ
“คุณหนูหลี่ เยี่ยนฟางเ้าคะ” น้ำเสียงคนตรงหน้าเน้นย้ำราวกับให้เธอได้สติ แต่เธอจะได้สติอย่างไรในเมื่อเธอไม่ใช่ หลี่เยี่ยนฟาง แต่เธอคือ เว่ยเยี่ยนฟาง
'นิยาย...เหมือนนิยายเล่มก่อนที่เสี่ยวอู๋เอามาให้ฉัน' เธอนึกถึงนิยายเื่หนึ่งที่เป็เื่ราวความรักของหนุ่มสาว ที่แย่งชิงอำนาจ ความรัก ที่มีตัวร้ายชื่อ หลี่ เยี่ยนฟาง เหมือนกับเธอ เสี่ยวอู๋บอกว่าหนังสือเล่มนี้ เธอเห็นมีชื่อตัวละครเหมือนตัวเธอเลยหยิบมาให้อ่าน ซึ่งมันก็เป็นิยายเล่มหนึ่งที่ค่อนข้างดี แต่จะติดไปที่ตัวร้ายที่คอยกลั่นแกล้งและอาฆาตแค้นนางเอกเสียส่วนใหญ่ รวมทั้งการแกร่งแย่งชิงอำนาจทำให้เป็นิยายที่รสชาดเข้มข้น
เยี่ยนฟางเดินกลับมายังห้องที่เธอวิ่งออกมาก่อนจะเดินวนไปมองกระจกทองเหลืองที่มองเห็นเป็เพียงเงา ๆ ไม่ชัดเจนเหมือนกระจกในสมัยนี้ แม้จะไม่ชัดเจนแต่เธอก็รู้ได้ทันทีว่าสตรีที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ตัวเธอเอง หากนี้เป็ปาฏิหาริย์ก็คงเป็ปาฏิหาริย์ที่น่ากลัว เพราะตัวร้ายอย่างหลี่เยี่ยนฟาง เป็นางร้ายที่น่ากลัวมาก ๆ ทั้งยังยอมให้ตัวเองเป็ข้อแลกเปลี่ยนกับตัวร้ายอย่างเฉิง จางิ่ทำข้อสัญญาร่วมกัน เพื่ออำนาจและคนรักทำร้ายนางเอกอย่างเหลียง หนิงอัน แม้หลี่เยี่ยนฟางจะมีนิสัยร้ายกาจแต่รูปร่างน่าตานางก็เป็ที่ร่ำลือไปทั่วว่าเป็หนึ่งสาวงามล่มเมืองได้ เยี่ยนฟางคิดหาวิธีที่จะต้องแก้ไขเื่ราวของตัวละครก่อน ก่อนที่นางจะต้องตายโดยได้รับโทษเนรเทศออกเมืองเพราะหวังไปทำร้าย องค์หญิงพระชายาเอกรัชทายาทอย่างเหลียงหนิงอัน
'คิด..ฉันต้องคิดก่อนซิ ..เหอ...ให้ตายเหอะนี่เราเป็อะไรกันแน่' เสียงสู้รบในสมองของเธอทำให้ศีรษะน้อย ๆ ของเธอเหมือนกับจะะเิ
“นอน..ฉันต้องนอนก่อน” เยี่ยนฟางลุกออกจากหน้าแผ่นกระจกทองเหลือง ประคองร่างตัวเองที่ดูเหมือนจะไร้เรียวแรงไปยังเตียงนอนตรงข้าม สาวใช้สองนางคอยประคองเธออย่างระวัง
“คุณหนูเพิ่งฟื้นอย่าฝืนมากเลยเ้าคะ”
“เพิ่งฟื้น?”
“ใช่เ้าคะ..ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจู่ ๆ เรือที่คุณหนูนั่งไปกับคุณหนูเหลียงก็คว่ำลง” เจียลู่เอ่ย
“เรือ?”
“เ้าค่ะ” สาวใช้นางหนึ่งพยักหน้า ส่วนอีกคนก็พยักตาม
'ถ้าเป็ตอนเรือคว่ำ...นั่นแสดงว่าเหลียงหนิงอันก็ยังไม่ได้ตำแหน่งองค์หญิงพระชายาองค์รัชทายาท' เยี่ยนฟางถอนหายใจออกราวกับยกูเาออกจากอก เพราะอย่างน้อยนี่ก็เป็เพียงเริ่มต้น หลี่เยี่ยนฟางยังไม่ได้ลงมือร้ายกาจขนาดที่ต้องโทษเนรเทศ เยี่ยนฟางหลับตาลงช้า ๆ
กลิ่นหอมของสมุนไพรลอยแตะจมูก เยี่ยนฟางค่อย ๆ ปรือตาขึ้นอีกครั้ง เธอเห็นสาวใช้คนหนึ่งกำลังนั่งถือถาดพร้อมวางถ้วยลายหยกใบกลาง ไว้โต๊ะข้างเตียง
“คุณหนู ดื่มสมุนไพรท่านหมอหรงก่อนเ้าคะ” สาวใช้คนหนี่งส่งยื่นถ้วยยาให้ เยี่ยนฟางเพิ่งสังเกตว่าสาวใช้ของเธอสองคนนี้หน้าตาเหมือนกันราวกับแฝด
'งั้นก็คงเป็ เจียลู่ กับเจียลี่ สองพี่น้องที่กำพร้าบิดามารดาแต่กำเนิด แม่ทัพหลี่ซื้อตัวพวกเธอมาเป็เพื่อนเล่นและเพื่อดูแลบุตรีเขาั้แ่วัยเยาว์' แต่เธอไม่แน่ใจว่าคนไหนคือเจียลู่ และเจียลี่นี่ซิ เยี่ยนฟางมองสองคนสลับไปมาเหมือนพวกนางเองก็จะรู้ตัว จึงรีบเอ่ย
“บ่าวชื่อเจียลี่เ้าคะ”
“บ่าวชื่อเจียลู่เ้าคะ” สาวใช้สองนางเอ่ยชื่อไม่พอยังยกมือขึ้นให้เธอดู มันคือปานที่ข้อมือหนึ่งของเจียลู่ แต่เจียลี่ไม่มีปาน ทำให้แยกกันได้ เยี่ยนฟางยกยิ้มอย่างอาย ๆ จึงรีบยกถ้วยสมุนไพรดื่มรวดเดียวโดยมิได้ถามสาวใช้ก่อนว่าขมหรือไม่ นั่นก็ทำให้ใบหน้าเธอในตอนนี้เหย่เกดูน่าตลก
“นี่น้ำตาลก้อนเ้าคะ” เจียลี่ส่งก้อนน้ำตาลอ้อยใส่ปากเธอพร้อมกับจะยกถ้วยไปเก็บที่โรงครัว ปล่อยให้เธอได้พักผ่อน ขณะที่เจียลี่กำลังจะเดินไปที่โรงครัวก็พบว่ากู่อี้หานเดินมาด้านหน้าเรือนของหลี่เยี่ยนฟาง
“คุณหนู....คุณหนูเ้าคะ” เสียงหอบพร้อมกับเสียงเรียกของเจียลี่ที่วิ่งตาตื่นมา นางเร่งรีบวิ่งกลับมายังเรือนของเ้านาย
“มีอะไรเจียลี่” ร่างบางบิดกายเล็กน้อยเพราะรู้สึกว่านอนนาน ๆ แล้วจะปวดเมื่อยได้เหมือนกัน
“กู่ซื่อจื่อเ้าคะ”
“กู่ซื่อจื่อทำไมเจียลี่” เจียลู่หันมาถามอย่างสงสัย นางมักจะหัวช้ากว่าเจียลี่เสมอ
“นั่นซิ...กู่ซื่อจื่อทำไม” หลี่เยี่ยนฟางหรี่ตามอง ร่างระหงเดินไปเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นเพื่อสูดกลิ่นอายธรรมชาติที่โชคดียุคนี้ไม่มีรถราวิ่งวุ่นวายทำให้มีอากาศที่บริสุทธิ์ แต่แล้วั์ตารูปหงส์ของเธอก็เหลือบเห็นบุรุษหนึ่งที่มีใบหน้าเรียวสวยคล้ายสตรีแต่ก็ดูเคร่งขรึมดังบุรุษผู้กล้า สันกรามที่รับกับใบหน้านั้นดูคมสันคิ้วหนาตัดรับกับสันจมูกที่โด่ง เธอยืนมองอย่างเคลิบเคลิ้มโดยไม่รู้เลยว่าเขานั้นคือใคร
“คุณหนูอย่าลืมซิเ้าค่ะว่าเื่ที่เรือคว่ำ กู่ซื่อจื่อต้องคิดว่าคุณหนูเป็คนทำแน่ เพราะคราวก่อนคุณหนูเองก็แกล้งเดินชนคุณหนูเหลียงจนตกสะพานที่ตลาดหน้าหอแดงหมื่นบุปผานะเ้าคะ” เจียลี่ตอบเพราะรู้นิสัยนายตน แต่เยี่ยนฟางยังคงนั่งนิ่ง หากบุรุษที่สาวใช้เธอเอ่ยเรียกว่ากู่ซื่อจื่อ นั้นก็แปลว่าเขาก็คือพระรองกู่อี้หาน ที่เป็คนคอยกีดกันแผนการของหลี่เยี่ยนฟางอยู่เสมอ แม้ในนิยายจะบอกว่าเยี่ยนฟางมิได้เกรงกลัวกู่อี้หาน เพราะพวกเขามักจะทะเลาะกันจนเป็เื่ปกติ แต่ตัวเธอผู้ที่รู้ว่าความจริงของนิยาย ว่าหลังจากที่หลี่เยี่ยนฟางถูกเนรเทศออกนอกเมืองไป กู่อี้หานได้ส่งคนไปฆ่านางจนตายและทิ้งศพไว้ให้พวกแร้งกาจิกกิน นั่นทำให้เธอรู้สึกว่าตัวละครพระรองดูน่ากลัว เขากล้าที่จะสั่งฆ่าหรือสั่งเก็บได้หมดถ้าหากใครกล้ายุ่งกับนางเอก
“พวกเ้าแต่งตัวให้ข้าทีเอาสีจืด ๆ หน่อยนะแต่งหน้าให้ข้าดูซีด ๆ ด้วย” เยี่ยนฟางรีบบอกให้สองสาวใช้แต่งตัว
เจียลี่และเจียลู่แต่งตัวให้เธอด้วยชุดสีขาวปัดแซมด้วยดอกเหมยเล็กน้อย ใบหน้าได้การประทินโฉมเส้นผมเหยียดตรงถูกปล่อยระแผ่นหลังสีดำขลับเงางาม หลังจากที่นั้นเธอก็ให้สาวใช้ทั้งสองประคองตัวเธอออกมาที่เก๋งริมสระข้างเรือนตน
“คาราวะซื่อจื่อ” หลี่ เยี่ยนฟางยอบกายลง แววตาคมมองเขม่นราวโกรธเคือง เขาไม่รีบรอเดินเขามากระชากแขนของเธอเต็มแรง
“เ้า!!... เป็เพราะเ้าใช่หรือไม่ที่ตั้งใจให้เรือคว่ำในตอนนั้น” กู่อี้หานสบถออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นราวกับพื้นน้ำแข็งที่กำลังร้าว
“ข้ามิได้ทำท่านจะเชื่อหรือไม่” เยี่ยนฟางเชิดคางจ้องมองแววตาดุคู่นั้น แม้จะรู้สึกกลัวแต่เธอก็ต้องทำให้เขาเชื่อให้ได้ว่าหลี่เยี่ยนฟางไม่ได้เป็คนทำ
“หึ..ถ้าเ้าไม่ได้ทำแล้วเหตุใดเรือจึงคว่ำหรือเ้ากำลังจะบอกว่าหนิงอันเป็คนทำเช่นนั้นหรือ” เขาสะบัดตัวเธอออกเต็มแรง แต่โชคดีหน่อยที่ยังมีคานกั้นศาลาไว้ มิเช่นนั้นเธอคงได้ลงไปแช่น้ำอีกรอบ เยี่ยนฟางจำได้ว่าก่อนที่เรือจะคว่ำหนิงอันลุกยืนขึ้นเลยทำให้เรือโคลงเคลง
“ตอนนั้นคุณหนูเหลียงลุกยืน ท่านก็น่าจะเห็น”
“นั่นก็เพราะเ้าบอกจะนั่งที่ตรงหนิงอันนั่งไงล่ะ ไม่เช่นนั้นหนิงอันจะลุกได้เช่นไร”
'สุดยอด...พระรองเข้าข้างนางเอกสุดๆ' หลี่เยี่ยนฟางจ้องแววตาคมที่กำลังจ้องมองเธอราวกับอยากจะฆ่าเสียด้วยมือของเขา ในเวลานั้น เยียนฟางเองก็ไม่วางตาสู้กลับแววตาคมนั่น
'เอาซิ..จะแข่งจ้องตากันก็เอาเลย' กู่อี้หานโมโหทำอะไรเธอไม่ได้ ได้แต่เดินสะบัดไหล่ชนเธอล้มอีกรอบ
“ฝากไว้ก่อนเถอะ..หากเ้ากล้าทำอะไรอันเอ๋อร์อีกละก็ข้าไม่เอาเ้าไว้แน่เยี่ยนฟาง” น้ำเสียงทุ้มสถบอย่างไม่พอใจใบหน้าถมึงทึงปลายตามองมาที่ร่างบาง แม้จะรู้สึกแปลกใจเพราะปกตินางจะเป็คนมิให้ผู้ใดได้เห็นใบหน้าที่ไร้เครื่องประทินโฉมไหนจะชุดที่สวมใส่มักจะต้องโดดเด่นอยู่เสมอ แต่ตอนนี้กลับดูราวคนป่วย
‘หรือนางจะป่วยจริง’ กู่อี้หานแอบนึก
'คนอะไรงี่เง่าชะมัด ตาบอดสุดท้ายเขาก็ไม่เอาตัวเองด้วยซ้ำ' เยี่ยนฟางนึกบ่นในใจอย่างโมโห เธอเดินกลับมาที่เรือนตนเอง
