แม้ว่าซุนเถียนจะเป็อันธพาลที่เป็ที่รู้จักในหลายหมู่บ้านละแวกนี้ แต่กลับขึ้นชื่อเื่ความกตัญญูอย่างยิ่ง ทว่าความกตัญญูก็เป็สิ่งเดียวที่เขาเหลืออยู่แล้ว
เพื่อยื้อชีวิตของบิดาชรา เขาได้ติดต่อกับแม่สื่อให้ช่วยจับคู่แต่งงานให้บิดาของตนเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปหลงเชื่อหมอดูหลอกลวงจากที่ใด ถึงต้องหาแม่นางที่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นให้จงได้
เ้าบ่าวใกล้จะลงหลุมอยู่รอมร่อ เื่เสื่อมเสียไร้มโนธรรมเช่นนี้ยังทำออกมาได้ นี่ไม่ใช่การทำลายทั้งชีวิตของแม่นางน้อยคนหนึ่งพอดีหรือ
ต่อมาได้ยินว่ามีคนยอมตกลงที่จะแต่งงาน ส่วนบ้านเ้าสาวก็คือครอบครัวสกุลิ
ตอนนั้นนางยังไม่รู้จักกับิเป่าจู ประกอบกับข่าวลือของอีกฝ่ายในเวลานั้นก็ย่ำแย่มากจริงๆ จึงคิดว่าไม่มีใครจะเหมาะสมไปกว่าพวกเขาสองคนอีกแล้ว
กลับมาบ้านมารดาครานี้ ก็ไม่คิดจะเอ่ยถึงเื่นี้เลย สำหรับนางแล้วนี่ก็เป็เพียงเื่ตลกขบขันอย่างหนึ่ง ซึ่งนางเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบเื่ครึกครื้นทำนองนี้อยู่แล้ว
แต่พอได้ยินมารดาเล่าถึงนิสัยใจคอของิเป่าจู และได้ัักันจริงๆ ถึงรู้ว่าข่าวลือเ่าั้ล้วนเชื่อถือไม่ได้ ย่อมจะไม่ปิดบังอีกต่อไป
ิเป่าจูได้ฟังเช่นนั้น ก็แค่นเสียงเยาะในใจ
อันธพาล?
ผู้ใดจะอันธพาลไปกว่าิเถี่ยจู้กับหวังซื่อสองคนนั้น
พวกเขาแค่ซ่อนเร้นตัวตนอย่างดีมาหลายปี ไม่เคยมีข่าวลือแพร่งพรายออกไปเท่านั้นเอง
“เอาล่ะ ข้าจะจดจำไว้ ต่อไปจะระวังตัวมากขึ้น” ถึงอย่างไรผู้อื่นก็หวังดี ถ้าปฏิเสธอาจกลายเป็คนไม่รู้จักดีชั่ว
ิเป่าจูคิดว่าเื่จะจบแค่นี้ แต่กู้ชิงชิงผู้มีจิตกระตือรือร้นกลับไม่คิดจะปล่อยไปเช่นนี้
“หมู่บ้านของพวกเราไม่มีใครที่อายุเหมาะสมสักคน ถ้าหากว่ามี ก็พอจะวางแผนได้อยู่บ้าง ตราบใดที่เ้าออกเรือนแล้ว พวกเขาก็จะสร้างปัญหาไม่ได้อีก”
ด้วยความสัตย์จริง กู้ชิงชิงรู้สึกว่าไม่มีความคิดใดจะสมบูรณ์แบบไปกว่าความคิดของตนเองอีกแล้ว นั่นคือให้ิเป่าจูแต่งงาน!
ต่อให้ไม่สามารถเร่งแต่งงานในเวลานี้ได้ ขอเพียงมีการหมั้นหมายและแลกเทียบวันเกิด [1] ไว้ก่อน มีหลักฐานและพยานบุคคลครบถ้วน ิเถี่ยจู้ก็จะบีบบังคับให้ิเป่าจูล้มเลิกการแต่งงานไม่ได้
“หา?” ิเป่าจูอึ้งงัน ไม่คิดว่ากู้ชิงชิงจะคิดก้าวะโไปไกลถึงเพียงนี้
แม้ว่าจะเป็แนวทางในการแก้ปัญหา แต่ตนเองก็ยังไม่ได้วางแผนใดๆ เกี่ยวกับเื่นี้เลย
อย่าว่าแต่อายุยังไม่ถึงวัยปักปิ่น ต่อให้ถึงแล้ว ิเป่าจูก็ยังมีความคิดเฉกเช่นคนในยุคปัจจุบัน อยากหาคนที่ชอบด้วยตนเองและใช้ชีวิตกับคนที่ตนเองรัก
แต่เื่แบบนี้คุยง่ายเสียที่ใด
พักเื่เหล่านี้เอาไว้ก่อน สิ่งที่ิเป่าจูให้ความสำคัญเวลานี้ก็คือเื่งาน นางต้องเปิดโรงหมอ ้าเป็หมอรักษาคนป่วยไข้ ้าหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ส่งเสียให้น้องชายได้เรียนหนังสือ...
มีงานอีกมากมายรอให้นางไปทำ ไม่มีเวลาใคร่ครวญถึงอย่างอื่น ยิ่งเื่แต่งงานด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง
“พี่ชิง เื่นี้... อย่าว่าแต่ยังไม่มีวี่แววใดๆ เลย ต่อให้พวกเขาบุกมาถึงบ้านก็ยังมีหนทางอื่นรับมือได้อย่างแน่นอน เื่แต่งงาน เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังเถอะ”
ิเป่าจูยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน นางไม่อยากจัดการอนาคตของตนเองอย่างสุกเอาเผากินเพียงเพราะเื่เฮงซวยเล็กน้อยแค่นี้
“น้องสาว...” เห็นได้ชัดว่ากู้ชิงชิงไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่ายๆ นางคิดจะเกลี้ยกล่อมิเป่าจูอีกครั้ง
ิเป่าจูเห็นนางกำลังจะเอ่ยปากอีกหน ระฆังเตือนในใจก็ดังขึ้นในสมองของนาง
“ชิงชิง เป่าจู อาหารเสร็จแล้ว พวกเ้าสองคนมาเอาถ้วยกับตะเกียบออกไป”
“เ้าค่ะ มาแล้วเ้าค่ะท่านป้า”
ขณะที่ิเป่าจูกำลังลำบากใจเพราะคำแนะนำของกู้ชิงชิง เสียงของท่านป้าจงที่ดังออกมาจากห้องครัวก็ช่วยชีวิตนางในยามคับขันได้พอดี
นางพรูลมหายใจยาวออกมา แล้ววิ่งเข้าไปในครัว หยิบถ้วยและตะเกียบที่สะอาดออกไปวางบนโต๊ะในห้องหลัก
ตอนกลับมาไม่เห็นกู้ชิงชิง ก็เดาว่านางคงไปหาหนิวหนิวแล้ว
“เ้าดูสิ ขาของท่านลุงเ้าเดินช้าแค่ไหน จนป่านนี้ยังตามเด็กสองคนมาไม่ได้เสียที เดี๋ยวกับข้าวก็เย็นชืดหมด ถ้าอุ่นใหม่ก็ไม่อร่อยแล้ว” ท่านป้าจงยกกับข้าวสองจานเข้ามา ปากก็บ่นไปด้วย
“น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะเ้าค่ะ” ิเป่าจูยิ้มให้ท่านป้าที่ยังบ่นพึมพำ
ยังไม่ทันขาดคำ ก็ได้ยินเสียงมาจากประตู
“มาแล้วขอรับท่านป้า”
เสียงที่ได้ยินคือหลี่ไหวฺอวี้ แต่คนที่เข้ามาก่อนกลับเป็ท่านลุง แล้วถึงจะเป็เขากับิเป่าอวี้ตามาด้านหลัง
พอเข้ามาถึง หลี่ไหวฺอวี้มองิเป่าจูก่อน หลังจากนั้นถึงเงยหน้ามาคุยกับท่านป้าต่อ
“ระหว่างทางท่านลุงเดินเร็วราวกับเหาะเหิน ใจร้อนอยากกลับบ้านดั่งลูกศรพุ่งจากคันธนูก็ไม่ปาน ท่านป้าจะปรักปรำผู้อื่นมิได้นะขอรับ”
“เ้าลูกลิงนี่ พูดให้ท้ายลุงของเ้าจนเคยตัว”
ท่านป้าจงทั้งฉุนทั้งขัน ถูกหลี่ไหวฺอวี้สอพลอจนเบิกบานใจ ิเป่าจูเลื่อมใสในความสามารถของเขาอย่างยิ่ง
“แหม ก็พูดความจริงทั้งนั้น” ท่านลุงกู้เห็นมีคนช่วย ก็ทำท่าแข็งขัน พูดติดตลกขึ้นมาบ้าง
“ข้าพูดผิดที่ไหน ท่านป้ารักพี่ไหวฺอวี้ที่สุด ทุกครั้งที่เห็นเขาล้วนมีสีหน้าชื่นบาน” น้ำเสียงของิเป่าอวี้เจือแววริษยา แต่กลับมีรอยยิ้มกลาดเกลื่อนบนใบหน้า
“โถๆๆ ดูเป่าอวี้น้อยของพวกเราสิ ป้าก็รักพวกเ้าทั้งสามคนนั่นแหละ รักหมดทุกคน”
ท่านป้าจงกุมมือของิเป่าอวี้แล้วโอบกอดเขา พลางหัวเราะตบบ่าเบาๆ ด้วยเกรงว่าเขาจะน้อยใจจริงๆ
“หมู่บ้านของพวกเรามีหนุ่มหล่อเช่นนี้ั้แ่เมื่อใดกัน มาจากครอบครัวไหนเล่า เอ๊ะ น้องเป่าจู ข้าว่าเขาไม่เลวเลยนะ ไยเ้าไม่แต่งงานกับเขาเสียเลยล่ะ”
กู้ชิงชิงไปอุ้มหนิวหนิวกลับมาจากเล้าไก่ที่สวนด้านหลัง พอเข้ามาในห้องเห็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง นางกลับสะดุดตาหลี่ไหวฺอวี้ก่อนผู้อื่น จึงฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“หา? พี่หญิง แต่งงานอะไร ท่านจะแต่งงานแล้วหรือ แต่งกับพี่ไหวฺอวี้หรือขอรับ”
ิเป่าอวี้นึกว่าตนเองฟังผิด ถามิเป่าจูรวดเดียวออกมาเป็ชุด พี่สาวกำลังจะแต่งงาน ไฉนเื่ใหญ่เช่นนี้ตนเองกลับไม่รู้เื่เลยเล่า
ท่านลุงกู้กับท่านป้าจงต่างก็มองกู้ชิงชิงกับิเป่าจูด้วยความประหลาดใจ “ชิงชิง เ้าหมายความว่าอย่างไร”
ยากยิ่งนักที่หลี่ไหวฺอวี้จะไม่หาตรงไหนสักที่มายืนพิง แต่มองิเป่าจูอย่างล้อเลียน โดยมีรอยยิ้มเล็กน้อยประดับมุมปาก
“เปล่านะ เมื่อครู่พี่ชิงถามข้าว่าต่อไปข้าคิดจะหาสามีเช่นไร ข้าจะล่วงรู้อนาคตได้อย่างไรกัน ก็เลยตอบส่งเดชไปว่าขอคนหล่อเหลา แต่ก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น อ๊ะ ถ้วยกับตะเกียบขาดไปชุดหนึ่ง ข้าจะไปหยิบนะเ้าคะ”
เมื่อเอ่ยถึงเื่นี้ ปฏิกิริยาตอบสนองของิเป่าจูกลับรวดเร็ว สีหน้าดูเป็ธรรมชาติ เท้าที่ก้าวออกจากห้องก็มิได้รีบร้อน มีแต่ตัวนางเท่านั้นที่รู้ว่ายามหลี่ไหวฺอวี้มองมา หัวใจของตนเองเต้นเร็วเพียงใด
นางลูบอก นี่ตนเองเป็อะไรไป?
คงมิได้คิดอะไรกับหลี่ไหวฺอวี้จริงๆ กระมัง
ไม่ได้ ไม่ได้
หลี่ไหวฺอวี้เป็คนรอบรู้ มีที่มาไม่แจ้งชัด สถานะแท้จริงเป็เช่นไรก็หารู้ไม่ ตอนที่ทั้งสองพบกันครั้งแรกเขาก็อยู่ในสภาพาแเต็มตัวนอนจมกองเื บุคคลอันตรายเช่นนี้ไม่ควรเอาหัวใจไปผูกพันด้วย
“ข้าหล่อไม่พอรึ”
เสียงทุ้มต่ำของบุรุษที่ดูเหมือนไม่แยแสดังขึ้นข้างหู ิเป่าจูสะดุ้งโหยง ถึงตระหนักได้ว่าตนเองยืนใจลอยอยู่หน้าตู้ในห้องครัวนานมากแล้ว
“หืม?” ิเป่าจูเปิดตู้หาชาม ยังไม่เข้าใจความหมายที่ได้ยิน
ไม่มีเสียงใดๆ มาจากด้านหลัง แต่ิเป่าจูกลับััถึงสายตาร้อนแรงและความรู้สึกกดดันจากด้านหลังได้ชัดเจน
เจอแล้ว!
มีชามเหลือใบสุดท้ายพอดี หลังจากนั้นก็หยิบตะเกียบออกมา ิเป่าจูลุกขึ้นหันหลังกลับ
“ดูสิ โชคดียังมีเหลืออยู่ มิเช่นนั้นวันนี้ใครบางคนคงต้องกินข้าวด้วยมือเปล่าแล้วล่ะ” ิเป่าจูมองหลี่ไหวฺอวี้พลางเอ่ยกลั้วยิ้ม
หลี่ไหวฺอวี้ไม่เอ่ยคำใด มุมปากโค้งขึ้น แต่ก้นบึ้งดวงตากลับไม่มีรอยยิ้มแม้แต่ส่วนเสี้ยว
“ไปกันเถอะ ทุกคนรออยู่นะ”
ิเป่าจูยิ้มกว้างขึ้น พูดจบก็คิดจะทาน้ำมันใต้ฝ่าเท้า ออกมาจากห้องครัวด้วยความเร็วแสง
โดยไม่นำพาว่าหลี่ไหวฺอวี้ที่อยู่ด้านหลังจะมีสีหน้าหรือความคิดอย่างไร ชั่วขณะนั้นบรรยากาศในห้องก็ดูประหลาดชอบกล
เชิงอรรถ
[1] เทียบวันเกิด คือใบเขียนชื่อวันเกิดแปดอักษร ภูมิลำนา เป็ต้น ตอนหมั้นหมายฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะแลกเทียบวันเกิดกัน
