ปึก! ปึก! ปึก!
ภายในลานบ้าน เวลานี้นิ้วมือของมู่เฟิงนั้นกำลังถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังปราณจนดูเสมือนว่ามันเป็กระบี่เล่มหนึ่ง เด็กหนุ่มกระทุ้งนิ้วมือลงไปยังถังขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง โดยภายในถังนั้นได้บรรจุเต็มไปด้วยทรายเหล็กที่กำลังร้อนระอุ
ขณะที่นิ้วมือกระทุ้งลงไป สิ่งเจือปนที่อยู่ภายในเส้นลมปราณขนาดเล็กบนนิ้วมือของเขาก็ถูกทรายเหล็กที่กำลังร้อนระอุเสียดสี พลังปราณภายในเ่าั้จึงถูกขับออกมาหล่อเลี้ยงเส้นลมปราณขนาดเล็กเหล่านี้
กระบวนการนี้สร้างความเ็ปให้กับผู้ฝึกฝนเป็อย่างยิ่ง นิ้วทั้งสิบเชื่อมต่อกับเส้นประสาทโดยตรง ดังนั้นความเ็ปบนนิ้วมือจึงถูกส่งไปยังต่อมรับรู้ความรู้สึกของเขาอย่างต่อเนื่อง
ทว่ามู่เฟิงยังคงกัดฟันอดทนต่อความเ็ปและฝึกฝนต่อไป
แน่นอนว่าบนโลกนี้ไม่มีอัจฉริยะคนใดสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้เองโดยไม่สูญเสียเืเนื้อและหยาดเหงื่อ หาก้าแข็งแกร่งขึ้น ย่อมต้องอดทนต่อความทุกข์ทรมานได้มากกว่าคนอื่น เพราะมีเพียงคนที่ยอมทุ่มเทน้ำพักน้ำแรงของตัวเองอย่างเต็มที่เท่านั้นถึงจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้
หลังจากฝึกฝนเป็เวลาหนึ่งชั่วยาม นิ้วมือทั้งสองของมู่เฟิงนั้นก็เปรอะเปื้อนไปด้วยหยดเืแล้ว เด็กหนุ่มแช่มือของตนลงไปยังอ่างใส่ยาด้านข้าง ซึ่งภายในอ่างนั้นมีของเหลวสีขาวที่สกัดมาจากหญ้ากระดูกเสืออยู่
สมุนไพรตัวนี้มีสรรพคุณในการหล่อเลี้ยงกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแกร่งขึ้น เมื่อมู่เฟิงแช่มือลงไปเขาก็รับรู้ได้ถึงความชาหนึบและความรู้สึกแสบซ่านเล็กน้อย
หลังจากแช่สมุนไพรมาครึ่งชั่วยาม ตัวยาภายในอ่างก็ถูกดูดซับไปจนหมด กระทั่งน้ำในอ่างยังเปลี่ยนเป็น้ำสีใสกระจ่าง
หลังจากนั้นมู่เฟิงได้นำดาบของเขาออกมา ก่อนจะเริ่มฝึกซ้อมวิชาดาบพยัคฆ์หาญต่อในทันที!
เวลานี้ร่างของเขากำลังโค้งงอราวกับพยัคฆ์ที่เตรียมจะออกล่า ทันใดนั้นดาบในมือของเขาก็พลันพุ่งออกไปดุจดังสัตว์ร้ายที่พุ่งกระโจนเข้าหาเหยื่อ และเนื่องจากดาบเล่มนี้คืออาวุธปราณขั้นหนึ่ง ดังนั้นมู่เฟิงจึงสามารถส่งพลังปราณเข้าไปในตัวดาบได้ ส่งผลให้อานุภาพการโจมตีของมันทรงพลังมากยิ่งขึ้น โดยครั้งนี้เด็กหนุ่มได้เล็งเป้าไปยังเสาไม้ตรงหน้า!
เปรี้ยง!
ทันทีที่ดาบเล่มนั้นถูกตวัดออกมา ปราณดาบสีทองก็พวยพุ่งไปยังเสาไม้ในทันใด ก่อนจะเหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอยของดาบที่ไม่ได้ลึกมากเอาไว้บนนั้น
มู่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยพอใจกับอานุภาพพลังของดาบเล่มนี้เท่าไรนัก
“ดูเหมือนว่าเ้าจะยังไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของวิชาดาบพยัคฆ์หาญ มีเพียงรูปลักษณ์แต่ไม่มีจิติญญาของพยัคฆ์ ปราศจากอำนาจและไร้ซึ่งพลัง หากเ้ายังเป็เช่นนี้ต่อไป ย่อมไม่มีทางแสดงพลังที่แท้จริงของวิชาดาบพยัคฆ์หาญออกมาได้"
ฉับพลันนั้นเสียงของซีเยว่ก็ดังขึ้นเพื่อชี้แนะอีกฝ่าย
“มีเพียงรูปลักษณ์แต่ไร้ซึ่งจิติญญาของพยัคฆ์...”
มู่เฟิงคิดวิเคราะห์ตามคำพูดนี้อย่างถี่ถ้วน จากนั้นเขาได้เหวี่ยงดาบไปยังเสาไม้ครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามค้นหาจิติญญาของพยัคฆ์ที่ซีเยว่กล่าวถึง
เมื่อเวลาผ่านพ้นมาถึง่บ่าย เด็กหนุ่มก็ได้เปลี่ยนไปฝึกฝนวิชาหมัดต่อ คราวนี้เป็วิชาหมัดเก้าเพลิงสุริยาที่ซีเยว่เคยกล่าวถึง!
วิชาหมัดนี้จะเป็การปลดปล่อยพลังปราณธาตุไฟออกมา เนื่องจากเป็ทักษะวิชาระดับนิลกาฬขั้นสูง ดังนั้นอานุภาพพลังของมันจึงน่าพรั่นพรึงเป็อย่างยิ่ง นอกจากนี้ทักษะวิชาหมัดเก้าเพลิงสุริยาที่มู่เฟิงกำลังฝึกฝนอยู่ในขณะนี้ยังเป็ทักษะวิชาที่ทรงพลังที่สุดสำหรับเขา และในขณะเดียวกันมันก็ฝึกฝนได้ยากเป็อย่างยิ่ง
ใน่เช้าเด็กหนุ่มจะทำการฝึกฝนดรรชนีทองคำตัดสะบั้น ส่วน่สายจะฝึกฝนวิชาดาบพยัคฆ์หาญ พอถึง่บ่ายก็ฝึกฝนวิชาหมัดเก้าเพลิงสุริยา และตกเย็นเขาก็จะทำการฝึกวาดลายเส้นเพิ่มอีกหนึ่งชั่วยาม หลังจากนั้นจึงจะไปนั่งสมาธิเพื่อฝึกฝนกำลังภายใน รวมทั้งกินยาบ่มเพาะพลังปราณเข้าไปเพื่อเพิ่มระดับพลังปราณ โดยในตลอดหลายวันการฝึกฝนของเขายังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้
แต่หลายวันต่อมา มู่ไห่ก็ได้มาพบมู่เฟิงถึงเรือนพัก
“เสี่ยวเฟิง ข้ามีเื่้ารบกวนเ้า และเกรงว่าครั้งนี้อาจจะต้องใช้เวลานานเสียหน่อย”
มู่ไห่กล่าวขึ้นด้วยความลำบากใจ
“เื่สลักลายเส้นหรือขอรับ?”
มู่เฟิงหัวเราะร่าขณะกล่าวขึ้น เขาสามารถคาดเดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว
“ถูกต้อง ่เวลาไม่กี่วันมานี้เราได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาเป็จำนวนมาก จำเป็ต้องจัดทำเครื่องมือปราณขึ้นมาสี่สิบชิ้น”
มู่ไห่กล่าวขึ้นด้วยความลำบากใจ
“สี่สิบชิ้น!”
มู่เฟิงอุทานออกมาเสียงดังอย่างคาดไม่ถึง จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ท่านอาไห่ ก่อนหน้านี้โดยปกติแล้วเรามีการจัดทำอาวุธปราณขึ้นมาเท่าไรหรือขอรับ?”
“อืม ก่อนหน้านี้โดยปกติแล้วในหนึ่งเดือนจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาสิบกว่ารายการ จากนั้นเราจะส่งอาวุธไปยังเมืองอันซี และเชิญให้นักสลักลายเส้นท่านหนึ่งในเมืองทำการลงลายเส้น มีอะไรงั้นรึ?”
มู่ไห่ถาม
“เมื่อก่อนในหนึ่งเดือนจะมีคำสั่งซื้อประมาณสิบถึงยี่สิบรายการ เหตุใดคราวนี้กลับมีคำสั่งซื้อเข้ามามากมายภายในเวลาไม่กี่วัน ข้าคิดว่ามันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง”
มู่เฟิงขมวดคิ้ว พลางพึมพำออกมาอย่างครุ่นคิด
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่ไห่ก็นิ่งไปทันที เขาคิดตามคำพูดของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว ในคราแรกเขาก็รู้สึกดีใจที่มีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามามากมาย และไม่ได้ทันคิดถึงเื่อื่นใดอีก ดังนั้นเมื่อมู่เฟิงกล่าวขึ้น เขาถึงค่อยรู้สึกว่ามันผิดปกติเช่นกัน
“ช้าก่อน หรือว่าที่เ้า้าจะสื่อก็คือ...”
ดวงตาของมู่ไห่เป็ประกายเมื่อเขาตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
“ข้าคิดว่าอาจเป็เช่นนั้นขอรับ”
มู่เฟิงพยักหน้า เขาหรี่ตาลงก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ท่านอาไห่ เื่สินค้าที่ถูกปล้นไปเมื่อคราวก่อน ท่านไม่สงสัยหรือว่าอาจจะเป็ฝีมือของคนในเมืองอันหนาน?”
มู่ไห่กล่าวตอบในทันทีว่า “อันที่จริงข้าก็กำลังสงสัยคนกลุ่มหนึ่ง แต่ยังไม่แน่ใจเท่าใดนัก หากเป็อย่างที่ข้าคาดเดา เกรงว่าคำสั่งซื้อในรอบนี้อาจเป็หลุมพราง”
มู่เฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ถูกต้อง ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ไม่อย่างนั้นเหตุใดจึงมีรายการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมามากมายเช่นนี้”
“ฮึ่ม ทำเช่นนี้นับว่าอีกฝ่ายนั้นกล้ามาก ครั้งก่อนลงมือปล้นชิงไปแล้ว มาครั้งนี้ยังคิดว่าจะทำสำเร็จอีกรึ?”
มู่ไห่กล่าวเสียงเย็น
“ฮึๆ ท่านอาไห่ แผนการของอีกฝ่ายนับว่าฉลาดไม่น้อย เมื่อก่อนในตอนที่ข้าออกทัพ ท่านพ่อเคยเอาชนะกองทัพฝ่ายศัตรูด้วยวิธีการเดียวกันถึงสองครั้ง เพราะเหตุใดน่ะหรือ เพราะครั้งแรกใช้ได้ผลแล้ว ดังนั้นฝ่ายศัตรูจึงวางใจและไม่คิดว่าจะถูกใช้แผนเดิมซ้ำเป็ครั้งที่สอง”
“เป็เช่นนี้นี่เอง ในเมื่ออีกฝ่ายเคยปล้นเราไปได้แล้วครั้งหนึ่ง แม้ในอนาคตเราจะเสริมการป้องกันให้มากขึ้น แต่เราก็คงไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะปล้นเราอีกเป็ครั้งที่สอง ซึ่งคนส่วนใหญ่คงคิดเช่นนี้ จึงก่อให้เกิดช่องว่างจนทำให้เกิดความเสียหายตามมา”
มู่เฟิงแย้มยิ้ม แม้เขาจะอายุยังน้อย ทว่าสติปัญญาของเขานั้นเทียบเท่ากับผู้ใหญ่คนหนึ่งเลยทีเดียว สิ่งนี้ทำให้มู่ไห่นึกชื่นชมเด็กหนุ่มอยู่ภายในใจ ัย่อมให้กำเนิดั เสือย่อมให้กำเนิดเสือ ดังนั้นบุตรชายของอดีตแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรหนานหลิงจะเป็บุคคลธรรมดาไปได้อย่างไร
“คุณชายเฟิงช่างฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก คราวนี้อีกฝ่ายคงคำนวณพลาดแล้ว ครั้งนี้เราจะไม่จัดทำอาวุธปราณที่เมืองอันซี”
มู่ไห่หัวเราะร่า
“ไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรเรายังต้องทำไปตามเดิม ในเมื่ออีกฝ่าย้าใช้กลยุทธ์นี้กับเรา เหตุใดเราไม่วางอุบายจับตัวคนร้ายเสียล่ะขอรับ”
รอยยิ้มเย็นะเืปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมู่เฟิง
ฉับพลันนั้นมู่ไห่พลันตระหนักได้ในทันที “ข้าเข้าใจแล้ว คำสั่งซื้อในรอบนี้...”
“ขอรับ ข้าจะจัดทำอาวุธปราณทั้งหมดขึ้นมาเอง หากว่าครั้งนี้ไม่ใช่กับดักของผู้อื่นเราก็ควรเตรียมพร้อมให้ดี”
มู่เฟิงพยักหน้า
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
มู่ไห่กำหมัดคารวะเด็กหนุ่มก่อนเดินจากไป ตอนนี้เขาแทบไม่รู้ตัวเลยว่าตนได้ให้ความเคารพต่อมู่เฟิงมากกว่าเมื่อก่อนขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
“แม้ข้าจะไม่ชอบการเล่นแง่ แต่หากใครคิดจะใช้เล่ห์เหลี่ยมกับข้าและคนรอบตัวข้า มู่เฟิงผู้นี้ก็จะไม่ยอมให้โดยง่ายอย่างเด็ดขาดเช่นกัน...”
ประกายคมกริบวาดผ่านดวงตาของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
การเอาชีวิตรอดบนโลกนี้ แน่นอนว่าเื่กลอุบายและการใช้เล่ห์เหลี่ยมนั้นเป็สิ่งที่ขาดไม่ได้ แม้มู่เฟิงจะชื่นชอบการกระทำที่ตรงไปตรงมา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะใช้เล่ห์เหลี่ยมไม่เป็
ศึกาที่เมืองจิ่วเฉวียนในครั้งนั้นได้ส่งผลกระทบต่อความนึกคิดของเขาอย่างมหาศาล!
หลายวันต่อมา ขบวนรถของตระกูลมู่ได้นำอาวุธจำนวนหนึ่งส่งออกไปยังอีกเมือง ส่วนด้านมู่เฟิงนั้นได้ลงมือสลักลายเส้นลงบนอาวุธสำเร็จถึงวันละสองชิ้น และเหมือนว่าอัตราความสำเร็จของเขาจะค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น
หากมีเวลา เด็กหนุ่มจะพามู่จงควบม้าเข้าไปยังเทือกเขาอันหนาน เพื่อทำการล่าสัตว์อสูรหนึ่งถึงสองตัว จากนั้นเขาจะดูดซับพลังเืของมันเพื่อใช้ในการฝึกฝนและฟูมฟักไข่อสูร
เพียงพริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยไปถึงหนึ่งเดือน และเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนก็จะถึงวันสิ้นปีแล้ว
ในวันหนึ่ง ขณะที่มู่เฟิงกำลังทำการฝึกฝนภายในห้องฝึกซ้อมของเรือนพักอยู่นั้น
กลิ่นอายพลังฟ้าดินก็โอบล้อมไปทั่วบริเวณ ก่อนที่มันจะเข้ามารวมตัวกันภายในร่างของมู่เฟิงด้วยระยะเวลาที่เร็วกว่าปกติ มู่เฟิงกลืนยาบ่มเพาะพลังปราณลงไปหนึ่งขวด เม็ดยาทั้งสิบได้ไหลลงสู่ท้องของเขา จากนั้นพวกมันก็ถูกกลั่นออกมาเป็พลังปราณจำนวนมหาศาล
ในที่สุดภายในจุดตันเถียนจื่อฝู่ของมู่เฟิงก็สามารถควบแน่นมวลคลื่นพลังลูกที่สองขึ้นมาได้สำเร็จแล้ว!
สิ่งนี้สามารถบ่งบอกได้ว่าวรยุทธ์ของเขาได้เลื่อนขึ้นเป็ระดับจื่อฝู่ขั้นสองแล้ว!
แต่ทันใดนั้น กลับมีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน!