เมื่อตอนที่หานโม่เดินเข้าไปในลานต่อสู้ของตระกูลหานก็ได้รับความสนใจเป็อย่างมาก
หลายคนไม่ทราบว่าหานโม่เป็ผู้ใด แต่หลังจากที่คนตระกูลหานได้รับความสนใจพวกเขาก็รู้ทันที
ดังนั้น ไม่ว่าหานโม่จะไปที่ไหนก็จะได้ยินการซุบซิบเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นอยู่ดี
“นางก็คือคนไร้ค่าผู้นั้นอย่างไรเล่า”
"ทำไมคนไร้ค่านั่นถึงเข้าร่วมการประลองของตระกูลได้กัน?"
“นางไม่รู้หรือว่าในการประลองรอบนี้จะมีตระกูลอื่นๆ เข้าร่วมด้วย นางจะไม่ทำให้ตระกูลหานต้องอับอายขายหน้าหรอกหรือ?”
หานโม่ได้ยินคำพูดไร้สาระเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้สนใจนางเดินตรงไปหามุมที่เงียบสงบเพื่อนั่งคุยกับโตวโตว
ผู้คนที่เอาแต่ส่งเสียงจอแจไม่หยุดพวกนั้น เมื่อเห็นว่าหานโม่ไม่ได้โต้ตอบต่างก็คิดว่านางขี้ขลาด พวกเขาเอ่ยอะไรออกมาอีกสองสามคำแต่ก็ยังไม่มีการโต้ตอบใดๆ กลับมา กลุ่มคนพวกนั้นก็รู้สึกเบื่อหน่ายจนพากันเดินจากไป
เมื่อใกล้ถึง่เวลาการประลอง หานเฉินต้งก็เดินนำเหล่าทายาทตระกูลหานเข้ามาในสนามประลอง
แตกต่างจากหานโม่ที่เดินเข้ามาด้วยตัวคนเดียว เมื่อเหล่าบุตรชายและบุตรสาวที่อยู่ด้านหลังของหานเฉินต้งทยอยเข้ามาในสนามประลอง พวกเขาทั้งหมดต่างได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างมากมาย
เสียงปรบมือจากผู้ชมรอบสนามดังสนั่น
หานโม่มองไปยังเื้ัของหานเฉินต้ง บุตรชายคนโตอย่างหานเทียนเดินต่อจากหัวหน้าตระกูลหานเข้ามาด้วยใบหน้าหยิ่งยโส ถัดไปเป็หานเยว่ที่วางท่าสง่างาม ส่วนด้านหลังของทั้งคู่คือหานเซียงที่ห่อไหล่เล็กน้อยอย่างหวาดกลัวดูไร้เดียงสาราวกับกระต่ายขาวตัวน้อย ทันใดนั้นมุมปากของหานโม่ก็เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา
ครอบครัวนี้ช่างแปลกประหลาดเสียจริง
การประลองนี้เป็ของตระกูลหานพวกเขาก็มีข้อได้เปรียบอยู่แล้ว หากแสดงทีท่าถ่อมตนเสียหน่อยไม่แน่ว่าอาจจะได้รับความเคารพนับถือมาจากผู้คนอย่างล้นหลาม
แต่หานเฉินต้งรวมถึงบุตรหลานต่างมีท่าทางโอหังอวดดีที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน คนพวกนั้นทำตัวราวกับว่าเป็เชื้อพระวงศ์อันสูงศักดิ์
หานโม่กวาดสายตามองไปในฝูงชนที่ปรบมือต้อนรับพวกเขาอย่างกะตือรือร้น
พวกเขาเก็บซ่อนอารมณ์ในแววตาเอาไว้อย่างดี แต่หานโม่ก็ดูออกว่าแท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้มีความเลื่อมใสศรัทธาอันใดต่อคนตระกูลหานเลย
จริงๆ แล้วตระกูลหานไม่ได้มีภาพลักษณ์สวยสดงดงามเหมือนอย่างที่หานเฉินต้งและคนอื่นๆ แสดงออกมา ความเคารพเลื่อมใสที่พวกเขาได้รับจากผู้คนก็ไม่ใช่อย่างที่พวกเขาเห็น
"ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่การประลองของตระกูลหาน ทุกท่านต่างรู้อยู่แล้วว่ารางวัลของผู้ที่ชนะการประลองในครั้งนี้เป็สิ่งใด ขอให้ทุกท่านพยายามอย่างเต็มที่!"
หลังจากที่หานเฉินต้งกล่าวเปิดงานอย่างเรียบง่าย ต่อไปก็เป็ขั้นตอนการจับฉลากเพื่อเลือกคู่ประลอง
"ถึงตาท่านแล้วขอรับ" ในขณะที่หานโม่กำลังกวาดตามองไปรอบๆบ่าวรับใช้ชายผู้หนึ่งก็มายืนอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับกระบอกใส่ป้ายหมายเลข
หานโม่เอื้อมมือออกไปหยิบขึ้นมาหนึ่งอัน
“หมายเลขยี่สิบห้า หานโม่จากตระกูลหานคู่กับหานเซียงจากตระกูลหาน!”
เมื่อบ่าวรับใช้ผู้นั้นประกาศหมายเลขของคู่ต่อสู้คู่แรกด้วยเสียงอันดัง พริบตาเดียวภายในสนามประลองก็เต็มไปด้วยเสียงฮือฮา
ในการประลองคู่แรกของรอบนี้ หานโม่เป็ทายาทสายตรงของตระกูลหานคนแรกที่ลงสนาม ไม่เพียงเท่านั้นคู่ต่อสู้ของนางยังเป็ทายาทสายตรงของตระกูลหานอีกคน เท่ากับว่าเวลานี้ในลานประลองเป็การต่อสู้ของทายาทตระกูลหานถึงสองคน
ช่างเป็ภาพที่น่าดูเสียจริง!
แม้ว่าหานโม่กับหานเซียงจะยังไม่ได้ขึ้นไปบนเวที แต่บรรยากาศรอบลานประลองแห่งนี้ก็ครึกครื้นขึ้นมาแล้ว
หานโม่คิดไม่ถึงว่านางจะได้พบกับหานเซียง ซึ่งเป็บุตรสาวของจางซื่อภรรยาคนที่สามในรอบแรก
หลังจากที่ได้เจอกับจางซื่อในงานเลี้ยงตระกูลเมื่อครั้งนั้น หานโม่ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนางอีกเลย เพียงแค่ได้รับรู้เื่ราวต่างๆ ของจางซื่อมาจากเสี่ยวเยว่
ภรรยาคนที่สามของหานเฉินต้งผู้นี้ไม่ใช่คนที่มีเบื้องลึกเื้ัอะไรมากนัก แต่นางเป็คนที่แขนยาวย่อมร่ายระบำได้อย่างสวยงาม [1] การที่นางไม่ได้รับการสนับสนุนจากญาติฝ่ายมารดาแต่ยังสามารถนั่งในตำแหน่งภรรยาคนที่สาม อีกทั้งยังสามารถต่อสู้กับอู๋ซื่อและเว่ยซื่อภรรยาคนที่สองได้อย่างทัดเทียม เพียงเท่านี้ก็อธิบายความสามารถของนางได้ชัดเจนแล้ว
รูปโฉมอันงดงามของจางซื่อทำให้นางเป็ที่โปรดปรานของหานเฉินต้งมากกว่าผู้อื่น แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะความคิดของนางนั้นสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของเขา
เด็กที่ถูกสอนโดยคนฉลาด แน่นอนว่าต้องฉลาดเช่นกัน
จางซื่อมีบุตรสาวเพียงคนเดียวก็คือหานเซียงและไม่มีบุตรชาย ดังนั้นนางจึงทุ่มเทสอนทุกอย่างที่รู้ทั้งหมดให้แก่บุตรสาวอย่างเต็มที่
จากการที่หานโม่สังเกตในงานเลี้ยงครั้งก่อนหน้าก็พบว่าหานเซียงได้รับการถ่ายทอดทุกอย่างมาจากมารดาของนางอย่างแท้จริง
ในบรรดาคนที่เคยรังแกหานโม่ นางจำได้มีเพียงหานซิน หานเยว่ และเหล่าคนรับใช้ในตระกูลหาน แต่นางจำไม่ได้ว่ามีหานเซียงด้วยหรือไม่
หานโม่ไม่เชื่อว่ามือของหานเซียงจะใสสะอาด
ด้วยนิสัยของจางฉู่ฉู่ที่ชอบดูไฟชายฝั่ง [2] เช่นนั้น แน่นอนว่าหานเซียงเองก็คงต้องคอยเฝ้าดูทุกอย่างอยู่ไกลๆ ไม่ต่างกัน
เมื่อเทียบกับหานซินผู้ซึ่งมักคิดว่าตนเองเป็องค์หญิงตัวน้อยๆ ของตระกูลและหานเยว่ที่้าโดดเด่นในทุกๆ เื่แล้ว หานเซียงเป็ผู้ที่สงวนท่าทีมากที่สุดในบรรดาบุตรสาวทุกคน
หานโม่เดินขึ้นไปบนเวทีการประลองอย่างช้าๆ
หานเซียงก็ขึ้นมาอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามแล้วเช่นกัน
สตรีทั้งสองมีรูปโฉมงดงาม แม้ว่าใบหน้าของหานเซียงจะไม่ละเอียดอ่อนเท่ากับหานโม่ แต่เพราะนางเป็บุตรสาวของสตรีที่งามล่มเมืองอย่างจางฉู่ฉู่ ดังนั้นรอบกายของนางจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกอ่อนโยนและสง่างาม จนทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นต่างรู้สึกเพลิดเพลิน
"น้องเจ็ด คิดไม่ถึงว่าในรอบแรกจะเป็การประลองระหว่างคนตระกูลหานด้วยกัน แถมยังเป็พวกเราที่เริ่มเสียด้วย"
ผู้คนที่มาเข้าชมการประลองอยู่ไกลจากเวทีการประลองมาก หานเซียงเอ่ยขึ้นมาโดยไม่ได้ใช้พลังลมปราณ เมื่อมองดูจึงคล้ายกับการพูดคุยกันระหว่างพี่สาวน้องสาวที่อบอุ่นเท่านั้น คนอื่นๆ ไม่ได้ยินแต่ถึงได้ยินก็ไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติ
หานโม่ชำเลืองมองหานเซียงอย่างเ็า "เริ่มเลยเถอะ ไม่ต้องพูดจาไร้สาระ"
หานเซียงหัวเราะออกมา "น้องเจ็ดช่างตรงไปตรงมาเสียจริง"
หานโม่ไม่ได้เอ่ยอะไร
เมื่อผู้ตัดสินที่อยู่ด้านข้างเวทีประกาศให้เริ่มการประลอง หานโม่จึงโจมตีใส่หานเซียงโดยไม่ลังเล ความเร็วของนางมากเสียจนพริบตาเดียวก็มาอยู่เบื้องหน้าคู่ต่อสู้แล้ว
คนอื่นๆ ต่างใกันหมด หานเซียงดูคล้ายว่าจะเตรียมพร้อมอยู่แล้ว นางยืนอยู่กับที่โดยบนใบหน้ามีเพียงรอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีแต่นางกับหานโม่เท่านั้นที่จะได้ยินว่า "น้องเจ็ด ถ้าข้าแพ้ให้กับเ้าในการประลองครั้งนี้ ข้ามีเื่จะขอร้องเ้าสักเื่ได้หรือไม่?”
ดวงตาของหานโม่ทอประกายเ็า นางไม่ได้ตอบคำถามของหานเซียงและเหวี่ยงฝ่ามือออกไปทีหนึ่งจนทำให้เกิดแรงลมอันทรงพลังพัดเอาหานเซียงกระเด็นตกจากเวทีประลองไป
"ว้าว......"
“ข้าไม่เคยเห็นกระบวนท่าเช่นนี้มาก่อนเลย? ข้าััถึงพลังลมปราณไม่ได้ด้วยซ้ำแล้วกระบวนท่านั้นทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ผู้ชมรอบข้างเมื่อเห็นว่าหานเซียงล้มลงกับพื้นราวกับว่าวที่ขาดลอย พวกเขายังไม่ทันได้สงสารสาวงามที่ถูกกระทำเช่นนี้ แต่เอ่ยวิพากษ์วิจารณ์ถึงกระบวนท่าโจมตีของหานโม่แทน
ความประหลาดใจพาดผ่านแววตาของหานเฉินต้งที่กำลังนั่งชมการประลองอยู่อย่างรวดเร็ว
เมื่อครั้งที่หานโม่ยังเป็บุตรสาวผู้เต็มไปด้วยพร์อันยอดเยี่ยม หานเฉินต้งให้ความสนใจนางอยู่่หนึ่ง ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับกระบวนท่าของหานโม่เป็อย่างดี แต่หลังจากที่หานโม่กลับมาจากข้างนอกฝีมือและกระบวนท่าโจมตีของนางก็ทำให้เขามองไม่ออกมากขึ้นเรื่อยๆ
นี่เป็ผลมาจากการที่นางออกไปเผชิญโลกภายนอกเช่นนั้นหรือ......
หานโม่จัดการกับคู่ต่อสู้ได้เพียงกระบวนท่าเดียวและสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเมื่อการต่อสู้ของหานโม่จบลง การประลองของหานซินและทายาทสายตรงคนอื่นๆ จะน่าตื่นเต้นมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้มากนัก
หลังจากการต่อสู้ในคู่แรกหานโม่เป็ฝ่ายชนะ นางก็จับคู่เพื่อต่อสู้กับคนอื่นต่อไป ยิ่งจำนวนคนที่ชนะเหลือน้อยลงเรื่อยๆ ความน่าจะเป็ที่หานโม่และคนอื่นๆ ในตระกูลหานจะได้พบกันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น หานโม่ไม่รู้ว่าตนเองเอาชนะต่อสู้ไปกี่คนแล้วจนในที่สุดนางก็ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป แต่น่าแปลกที่หลังจากต่อสู้กับหานเซียงนางก็ไม่ได้ประลองกับคนในตระกูลหานอีกเลยแม้แต่คนเดียว
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] แขนยาวย่อมร่ายระบำได้อย่างสวยงาม เป็การอุปมาอุปไมยว่าผู้ที่มีคุณสมบัติที่ดีไม่ว่าจะทำอะไรย่อมได้เปรียบ นอกจากนี้ยังอุปมาอุปไมยถึงบุคคลที่มั่งคั่งและมีอำนาจมักเก่งในการใช้เล่ห์เพทุบาย
[2] ดูไฟชายฝั่ง เป็กลยุทธ์การต่อสู้ โดยใช้โอกาสตอนที่ศัตรูเกิดการแตกแยก วุ่นวายและปั่นป่วนอย่างหนักภายในกองทัพแล้วรอจังหวะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเกิดความระแวงจนศัตรูใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกันเอง
