"บัดซบที่สุด" เฉิงซินหลินสบถออกมาอย่างหัวเสีย
อู๋เต๋าหอบหายใจอย่างหนักแทบจะรักษาเสถียรภาพต่อไปไม่ได้เขากล่าวเสริมอย่างรวดเร็วว่า
"ผมเพิ่งได้รับรายงานจากทางฝั่งฮ่องกง ว่าตอนนี้หุ้นของพวกเรากำลังร่วงลงอย่างหนัก..."
ดวงตาของเฉิงซินหลินส่องประกายแหลมคมออกมาเขายกหูโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นต่อสายไปหาหลิวมู่เฉิงซึ่งเป็ที่ปรึกษามือดีในด้านการเงินให้กับฉางหลินมาค่อนชีวิต
"ลุงหลิวสถานการณ์ตอนนี้เป็ยังไงบ้างครับ"เฉิงซินหลินถามขึ้นอย่างร้อนรน
"ซินหลินวิกฤตครั้งนี้หนักหนามาก เริ่มมีคนซื้อหุ้นที่ถูกขายออกไปแล้วแต่ยังมีจำนวนไม่มากนัก หากเราแก้สถานการณ์ตรงนี้ไม่ได้ เราถูกกินรวบแน่ๆ”
ถูกกินรวบ!!!
คำพูดของหลิวมู่เฉิงคล้ายกำปั้นกระแทกเข้าไปในจิตใจของเฉิงซินหลินโดยตรง
"ครับ... ผมต้องรีบหาเงินโดยเร็ว..." หลังจากเฉิงซินหลินวางสายลง เขาก็หันไปสั่งการกับอู๋เต๋าทันทีว่า
"รีบอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นโดยทันที ก่อนที่สถานการณ์จะย่ำแย่ไปมากกว่านี้!"
"ครับบอส!" อู๋เต๋ารู้ว่านี่เป็เื่คอขาดบาดตายอย่างยิ่ง เขาจึงรีบวิ่งออกไปทันทีหลังจากสิ้นเสียงคำสั่ง
เฉิงซินหลินสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ จากนั้นจึงกดโทรศัพท์อีกครั้ง
"ไง น้องเฉิงหายากนะเนี่ยที่น้องจะโทรมาหาพี่!"เสียงที่ดังออกมาจากปลายสาย เป็เสียงเ็าของชายคนหนึ่ง
"คุณหวัง ตอนนี้ผมแย่แล้วเช้าวันนี้สื่อต่างๆ พากันรายงานข่าวเชิงลบของพวกเราคุณเป็เพียงคนเดียวที่สามารถควบคุมสื่อต่างๆ ได้"
"อะไรกัน? หนังสือพิมพ์พวกนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ!? ไม่ต้องห่วงนะน้องชายฉันจะจัดการให้เื่นี้ให้เอง"
"ขอบคุณมากครับ" เฉิงซินหลินวางโทรศัพท์ลงพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ใช่... เขายังต้องติดต่อไปที่บ้านตระกูลเฉิง!
สิ่งที่จำเป็ที่สุดในเวลานี้คือเงินที่สามารถอุดช่องว่างได้
เฉิงซินหลินยกโทรศัพท์ขึ้นมากดปุ่มโทรออกอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ปลายสายกลับเป็เสียงของผู้หญิง
"น้องเฉิงมีเวลาว่างโทรหาฉันด้วยงั้นเหรอ?"เสียงที่เปล่งออกมาค่อนข้างคล้ายเสียงของหญิงสาวสูงอายุ
เฉิงซินหลินสาปแช่งอยู่ในใจแต่ปากยังคงพูดขึ้นว่า
"ไม่ทราบว่าท่านประธานจวงผู้งดงาม พอจะมีเวลาให้แก่คนไม่สำคัญเช่นผมหรือเปล่าครับ"
"คิ คิ... ยังปากหวานเหมือนเดิมนะมีอะไรอยากบอกพี่สาวคนนี้หรือไง?"
"ตอนนี้ฉางหลินของผมประสบปัญหานิดหน่อยจึงใคร่อยากจะขอเครดิตเงินบางส่วนจากประธานจวงน่ะครับ" เฉิงซินหลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล
ประธานจวงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวขึ้นว่า
"น้องเฉิงจ๊ะ ไม่ใช่ว่าพี่สาวคนนี้ตระหนี่หรืออะไรหรอกนะแต่น้องก็รู้ว่าตอนนี้ทางพี่ก็วุ่นวายไม่น้อยเลยเช่นกัน ถ้าเป็คำพูดปากเปล่าที่ไม่มีหลักประกันพี่คงให้ได้ไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านหรอกนะ"
"งั้นผมขอใช้บริษัทและทรัพย์สินบริษัททั้งหมดเป็สิ่งค้ำประกัน!"
"ทรัพย์สินแบบนี้ไม่สามารถโอนเข้าบัญชีได้ทันทีได้หรอกนะจ๊ะ" ประทานจวงกล่าวเสียงหวาน
ล้อเล่นหรือไงกัน!?
เฉิงซินหลินกัดฟันกรอด แต่แล้วก็ถอนหายใจออกมาพลางกล่าวว่า
"โอเค ร้อยห้าสิบล้านก็ได้ครับ!"
หลังจากอัดฉีดเงินเข้าตลาดหุ้นเป็จำนวนมากแต่เฉิงซินหลินก็พบว่าเงินที่เขามีอยู่นั้นยังไม่เพียงพอ เขาจำเป็ต้องใช้เงินมากกว่านี้!!!
เฉิงซินหลินจ้องมองโทรศัพท์ของตนอยู่เป็เวลานาน ก่อนจะตัดสินใจกดปุ่มโทรออกอีกรอบในที่สุด
"ซินหลิน ฉันรู้เื่ทั้งหมดแล้ว" เสียงแหบแห้งดังขึ้นจากปลายสาย
"คุณปู่ นี่เป็ความประมาทของผมเอง แต่ตอนนี้ผม้าเงินอย่างเร่งด่วนจริงๆ ขอแค่หนึ่งพันล้านเท่านั้นผมเชื่อว่าผมจะต้องชนะเกมนี้ได้อย่างแน่นอน!!!" เฉิงซินหลินกล่าวว่าเป็เื่เป็ราว
ชายชราเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า
"แกบอกว่า้าเงินเท่าไหร่นะ?"
เฉิงซินหลินได้ยินคำถามดังกล่าวก็รู้สึกยินดีในใจเขารู้ว่าแม้ตอนนี้ปู่จะส่งต่อมรดกมาให้พ่อแล้วแต่อำนาจที่แท้จริงยังคงอยู่ที่ปู่ของเขาตราบใดที่ปู่ตอบตกลง เื่เงินจะไม่เป็ปัญหาใดๆ อีกต่อไป
"พันล้านครับ! ผมอยากได้แค่พันล้านเท่านั้นครับ!" เฉิงซินหลินกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงยินดี
"ซินหลินยอมแพ้เสียเถอะฉันให้แกได้แค่ 500ล้านเท่านั้นเท่าที่ฉันรู้แม้ฉันจะให้แกสองพันล้านแต่มันก็ไม่สามารถกู้สถานการณ์ในตอนนี้ได้หรอก" ปู่พูดพลางถอนหายใจออกมา
เฉิงซินหลินหน้าซีดเผือด เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าน่าเกลียดว่า
"ทำไมล่ะครับ... คุณปู่สามารถตรวจสอบผู้อยู่เื้ัเื่นี้ได้ใช่มั้ยเป็อวี้เหล่ยใช่มั้ยครับ!?"
"ใช่ อวี้เหล่ยของหลินรั่วซีนั่นแหละ"
“ลำพังเพียงอวี้เหล่ยจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอครับ”
เฉิงซินหลินเมื่อได้ยินว่าเป็หลินรั่วซีจริงๆก็ทวีความหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
"ถ้ารวมตงหัวกรุ๊ปกับตระกูลซูของซูจื้อหงเข้าไปด้วยล่ะ?"
คล้ายกับถูกสายฟ้าฟาดใส่กลางกระหม่อม มือที่ถือโทรศัพท์ของเฉิงซินหลินสั่นสะท้าน!
ซูจื้อหง!?
ซูจื้อหงร่วมมือกับหลินรั่วซี!?
ผู้หญิงคนนั้น... ทำสิ่งที่น่ากลัวได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
"ซินหลินแกยังเด็กเกินไปเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองมากเกินไป โลกของธุรกิจมักโหดร้ายเสมอ ถ้าแกประมาทแม้เพียงก้าวเดียว ต่อให้เป็คนที่ใกล้ชิดที่สุดก็สามารถหักหลังแกได้" ผู้าุโเฉิงกล่าวต่อว่า "ที่แกแพ้รอบนี้เพราะหลินรั่วซีไม่ได้ใช้วิธีที่ผิดกฎหมายแม้แต่ข้าเองยังต้องยอมรับในสติปัญญาและความสามารถของเธอ"
"คุณปู่... ผมไม่ยอมเป็อันขาด... ผมทำงานอย่างหนักเพื่อให้บริษัทสามารถเข้ามาทำตลาดในจงไห่นี้ได้ ผม... ผมจะยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนี้ได้ยังไงกัน!?"อารมณ์ของเฉิงซินหลินในตอนนี้เดือดดาลถึงขีดสุด
"แพ้ก็คือแพ้หากแก้าที่จะชนะก็จงอย่ากลัวที่จะประสบกับความล้มเหลว!"
เฉิงซินหลิงกำโทรศัพท์แน่นก่อนจะถอนหายใจกล่าวว่า
"ครับปู่ ผมเข้าใจแล้ว"
...
ในขณะเดียวกันภายในรีสอร์ตส่วนตัวของหลินรั่วซีบรรยากาศของที่นี่กลับตรงกันข้าม
หน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่แสดงกราฟตัวเลขหุ้นผันผวนไม่หยุด
หลินรั่วซียืนมองหน้าจอด้วยสายตาอย่างเ็าอย่างเงียบงัน
เื้ัของเธอคือโม่เชี่ยนนี หยางเฉิน และซูจื้อหง กำลังนั่งมองกราฟของฉางหลินที่ดิ่งลงอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว
อู๋เยวี่ยที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ก็ขยับแว่นตาขึ้นลงเล็กน้อยก่อนรายงานหลินรั่วซีว่า
"บอสคะ ฉางหลินเริ่มซื้อหุ้นตัวเองคืนแล้วค่ะ อีกไม่กี่ชั่วโมงนักลงทุนก็คงขายหุ้นไปจนหมดเมื่อถึงเวลานั้นฉางหลินจะต้องพังพินาศอย่างแน่นอน"
"ให้กลุ่มอาเธน่าเฝ้าดูสถานการณ์ของฉางหลินไปก่อน หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้วค่อยชวนพวกเขามาเฉลิมฉลองด้วยกัน"หลินรั่วซีกล่าวเสียงดังฟังชัด
แม้สถานการณ์ตรงหน้าจะเป็การบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างหมดจดแต่ลักษณะของหญิงสาวก็ดูไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก
สมาชิกของอาเธน่าคนหนึ่งที่มีผมหยักศกสีบรอนซ์ยกยิ้มขึ้นกล่าวด้วยภาษาจีนสำเนียงอังกฤษว่า
"บอสเดี๋ยวนี้ไม่ว่างมาเยี่ยมพวกเราเลยนะคะ ปล่อยให้พวกเราเหงาหงอยกันจะแย่อยู่แล้ว"
หลินรั่วซียิ้มบางเบาก่อนกล่าวว่า
"ให้ทุกคนลาพักร้อนได้หนึ่งเดือนและโบนัสอีกคนละสองแสน"
"โอ้ว! เยส!!!" สมาชิกหลายคนของอาเธน่าได้ยินดังนั้นก็ต่างปรบมือโห่ร้องกันด้วยความปรีดาเป็ที่สุด
เหตุการณ์เบื้องหน้าทำให้หยางเฉินขมวดคิ้วและเอ่ยถามโม่เชี่ยนนีว่า
"นั่นคือการจ่ายค่าจ้างของเธองั้นเหรอ?"
"โบนัสสองแสนเงินเดือนประจำปีของแต่ละคนบวกโบนัสอย่างน้อยก็สามล้านนายคิดว่าความสามารถของพวกเขาเป็ยังไงล่ะ?" โม่เชี่ยนนีกลอกตาไปมา
หยางเฉินพึมพำอย่างหงุดหงิดว่า
"เทียบได้กับเงินเดือนร้อยปีของผมเลยนะไม่ยุติธรรมจริงๆ นอกจากนี้ความสามารถของผมยังไม่ธรรมดา..."
ซูจื้อหงกล่าวขึ้นอย่างสนุกสนานว่า
"คุณหยาง ขอเงินจากภรรยา มันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะครับ"
"คุณอิจฉาผมหรือไง" หยางเฉินกล่าวอย่างไม่สนใจแล้วหันไปกล่าวกับหลินรั่วซีว่า "ที่รัก อ่า... เรากลับไปคุยเื่เงินกันส่วนตัวดีกว่า และเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ด้วย"
หยางเฉินเห็นบริษัทฉางหลินในตอนนี้กำลังล้มไม่เป็ท่าเขาที่เป็ถึงหนึ่งในหัวหน้าของไตรภาคีแต่ั้แ่ต้นจนจบเขากลับไม่รู้ว่าเื่ทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!!