ไม่สู้ปล่อยไปตามธรรมชาติ แล้วคอยดูว่าเื่ราวต่างๆ จะหันเหไปทิศทางใดดีกว่า
หากไม่ไหวจริงๆ ก็แค่จ่ายอีกสิบตำลึงที่เหลือให้ิเถี่ยจู้ แล้วพาน้องชายกับหลี่ไหวฺอวี้ย้ายไปอยู่ในเมืองก็สิ้นเื่แล้ว
ใครอยากจะแพร่ข่าวลืออันใดก็ปล่อยให้นางแพร่ไป มีความสุขกับสิ่งที่ทำถึงจะเป็สิ่งที่จับต้องได้ นอกจากนี้นางก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์มาได้บ้างแล้วใน่สองสามวันนี้
นางแผ้วถางเปิดพื้นที่เล็กๆ ไว้สองแห่งที่หลังเขา แล้วย้ายพืชสมุนไพรที่อยู่รอบๆ มาปลูกไว้ด้วยกัน ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้การขยายพันธุ์ เพาะพันธุ์ และเก็บเกี่ยวในภายหลังสะดวกมากขึ้น
นอกจากนี้นางยังเลือกใช้น้ำจากบ่อน้ำตกมารดต้นไม้ สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือิเป่าจูพบว่า ดูเหมือนน้ำในสระจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชสมุนไพรเหล่านี้อย่างมาก
แค่เพียงไม่กี่วัน พืชที่ปลูกบนที่ดินสองแปลงก็สูงกว่าพวกที่ขึ้นตามยถากรรมแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้ ประสิทธิภาพของยาก็ยังชัดเจนกว่าอีกด้วย
หากการพัฒนายังคงเป็เช่นนี้ต่อไป ก็หมายความว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นตามอัตราการเติบโตที่รวดเร็วกับประสิทธิภาพที่สูงขึ้น
ิเป่าจูสุดแสนจะยินดีปรีดา ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังในการปกป้องสมบัติผืนนี้ให้ดียิ่งขึ้น
หลังจากยุ่งกับงานบนเขามาทั้งวัน ิเป่าจูก็กลับบ้านภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง
เมื่อมาถึงประตูบ้าน เห็นน้องชายผลักกับใครบางคน ก็นึกว่าชาวบ้านหัวรุนแรงที่ถูกหวังซื่อยุยงมาก่อความวุ่นวาย จึงรีบวิ่งเข้าไป
“พวกเ้าทำอะไรกัน” ิเป่าจูดึงน้องชายมาด้านหลัง น้ำเสียงไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย
“กลับมาแล้ว แม่หนูเป่าจูกลับมาแล้ว”
ผู้มายิ้มอย่างไม่คาดคิด เข้ามาจับมือแล้วพูดกับิเป่าจูด้วยความตื่นเต้น
ิเป่าจูไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ หันไปถามิเป่าอวี้ด้วยความงุนงง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“พี่หญิง พวกเขาบอกว่าจะมารักษากับท่าน” ิเป่าอวี้เอ่ยด้วยสีหน้าหงุดหงิด
สองคนนี้ก็ช่าง...
บอกแล้วว่าพี่สาวไม่อยู่บ้านก็ยังไม่ไป ที่สำคัญยังยืนเกาะประตูบ้านเขาไม่ยอมปล่อย จะผลักอย่างไรก็ไม่ไป
เขาไม่รู้ว่าพี่สาวจะกลับเมื่อใด แต่ถึงจะรู้ก็ไม่อยากให้นางรักษาให้พวกเขา
เมื่อก่อนยามตกอับ แต่ละคนมีแต่จะทุ่มหินลงบ่อ [1] สนุกสนานกับการเติมน้ำมันใส่น้ำส้ม [2] ตอนนี้พอรู้ว่าพี่สาวมีทักษะทางการแพทย์ ก็มาขอความช่วยเหลืออย่างไร้ยางอาย เื่ดีเช่นนี้มีเสียที่ใดกัน
“แม่หนูเป่าจู ข้าชื่อเถี่ยหนิว เป็คนขายหมูในหมู่บ้านนี้ นี่คือภรรยาข้า พวกเราสองคนตั้งใจมาให้เ้าตรวจโดยเฉพาะ”
หลิวเถี่ยหนิวหน้าด้านหน้าทน พูดพลางยื่นมือทั้งสองออกมา ซ้ำยังหิ้วเนื้อหมูชิ้นใหญ่ไว้ทั้งสองข้างด้วย
“ใช่ ใช่ น้องสาว เ้าช่วยตรวจให้พวกเราหน่อยเถอะ” ภรรยาของหลิวเถี่ยหนิวจับมือของิเป่าจูไม่ปล่อย
“ก็บอกแล้วว่าพี่สาวข้าไม่ใช่หมอ พวกเ้าอยากจะตรวจโรคก็ไปหาหมอประจำหมู่บ้านโน่น อย่ามาเสียเวลาที่นี่ ไป ไป ไป” ิเป่าอวี้ไล่คนเ่าั้อย่างหมดความอดทน
“เป่าอวี้” ิเป่าจูรั้งน้องชายไว้ ก่อนมองคนทั้งสอง “เข้ามาเถอะ”
พูดจบก็ลากน้องชายเข้าไปในบ้าน สองคนที่ตามอยู่ด้านหลังค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วเดินตามไป ทั้งยังช่วยลั่นดาลประตูให้อีกด้วย
“พี่หญิง เมื่อก่อนไม่เห็นมีใครช่วยพวกเราสักคน” ิเป่าอวี้บ่นพ้ออย่างไม่พอใจ ไฉนพี่สาวถึงใจอ่อนแบบนี้
ิเป่าจูถอนหายใจ ใช่ว่านางไม่คิดแค้นเคือง เพียงแต่มิได้แค้นไปถึงคนในหมู่บ้าน
ทุกเื่ย่อมมีสาเหตุ นางย่อมรู้แก่ใจว่าควรโกรธควรตำหนิผู้ใด คนอื่นๆ ก็แค่หลงผิดเพราะไม่รู้ความจริงเท่านั้น
อีกอย่าง นอกจากเื่พูดสามว่าสี่ [3] ก็ไม่มีพิษภัยใดๆ กับนาง
ในฐานะหมอ นางก็ต้องช่วยคนรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ผู้ป่วยมาขอความช่วยเหลือถึงที่ จะขับไสไล่ส่งได้อย่างไร อย่างน้อยิเป่าจูก็ทำไม่ได้
“นี่คือ?”
หลี่ไหวฺอวี้ออกมาต้อนรับ ตอนเขากลับเข้ามาดื่มน้ำ ิเป่าจูพาทั้งสองคนเข้ามาแล้ว
เมื่อกลางวันเขาไล่สองคนนี้ไปแล้ว หากรู้แต่แรกว่านางไม่ถือสาเื่ในอดีต ตนเองจะยุ่งไม่เข้าเื่ไปทำไม
“ต่อไปหากมีคนมารักษา ก็ไม่ต้องขัดขวางแล้ว” ิเป่าจูเดินเฉียดไหล่เขาเข้าไปในห้อง
หลี่ไหวฺอวี้โมโหจนจุกอก เสียแรงโดยเปล่าประโยชน์แท้ๆ
“นั่งเถอะ พวกท่านสองคนมาตรวจอะไรกันล่ะ” ิเป่าจูปลดกระบุงสะพายหลัง ไปล้างมือก่อนแล้วถึงนั่งลงถาม
ทั้งสองหิ้วของในมือ ยืนอยู่กลางห้องอย่างไม่สบายใจ สายตาของพวกเขามองตามการเคลื่อนไหวของิเป่าจู พอได้ยินเสียงเรียกให้นั่ง สตรีผู้นั้นถึงกล้านั่ง ขณะที่หลิวเถี่ยหนิวยืนอยู่ข้างภรรยาของตนเอง
“คืออย่างนี้แม่หนูเป่าจู เ้าช่วยตรวจหน่อยว่าภรรยาข้าตั้งครรภ์แล้วใช่หรือไม่” หลิวเถี่ยหนิวถูมือทั้งสอง พลางมองิเป่าจูด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
ิเป่าจูเลิกคิ้ว ตั้งครรภ์เป็สัญญาณชีพจรที่พบบ่อยครั้ง ต่อให้ทักษะการแพทย์ของท่านหมอหลี่จะย่ำแย่เพียงใด ก็ควรจะวินิจฉัยได้ว่าตั้งครรภ์หรือไม่ ไฉนต้องมาหานางถึงที่นี่
นางมองท้องของสตรีนางนั้นปราดหนึ่ง อากาศต้นฤดูใบไม้ร่วงเริ่มหนาวเย็น เสื้อผ้าของผู้คนก็หนาขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าท้องน้อยของนางป่องออกมา เหมือนกับกำลังตั้งครรภ์
“ยื่นมือออกมา” ิเป่าจูก็ไม่ถาม วางมือแตะบนข้อมือที่สตรีนางนั้นยื่นออกมา
นางไม่ได้ถาม แต่หลิวเถี่ยหนิวกลับพร่ำรำพันทุกอย่างออกมาเอง
แท้จริงแล้วถึงแม้ว่าเขาจะเป็คนขายหมู แต่กลับหาเงินเลี้ยงบิดามารดาและภรรยาด้วยการขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาเชือดขาย ปีหนึ่งเหลือเงินเก็บไม่เท่าไร
ท่านหมอหลี่เป็คนโลภ ความสามารถมีไม่เท่าไร แต่ไม่ว่ารักษาได้หรือไม่ ก็จะเก็บค่าตรวจวินิจฉัยก่อนยี่สิบเหวิน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงค่ายา
ในหมู่บ้านมีหมอเพียงคนเดียว ปกติแล้วเขามักจะสวดวิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ตนเองอย่าเจ็บป่วย มิเช่นนั้นล้มป่วยเพียงครั้งเดียวก็อาจต้องเสียเงินก้อนใหญ่
คนในหมู่บ้านที่ไม่มีที่นาไม่สามารถจ่ายได้อยู่แล้ว
โชคดีที่เขาทำงานขยันขันแข็งตลอดปี ร่างกายก็แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายๆ
แต่เื่มีบุตรกลับเป็ปัญหาใหญ่ สกุลหลิวของพวกเขามีบุตรชายคนเดียวมาทุกรุ่น ภรรยาของหลิวเถี่ยหนิวแต่งงานเข้ามาหลายปีแล้ว แต่กลับไม่มีวี่แววว่าจะตั้งครรภ์แม้แต่น้อย
่สองเดือนมานี้เห็นท้องป่องขึ้นมา คนในครอบครัวคิดว่านี่คือการตั้งครรภ์ แต่พวกเขาก็ไม่แน่ใจ และไม่กล้าไปหาท่านหมอหลี่ จึงได้แต่ประวิงเวลาเรื่อยมา
นับวันท้องก็ยิ่งโตขึ้น เดิมทีนึกว่าต้องตั้งครรภ์อย่างแน่นอน แต่นางกลับไม่มีอาการของคนท้องแม้แต่น้อย
มารดาของหลิวเถี่ยหนิวคาดคะเนว่าเด็กอาจเสียชีวิตในครรภ์ เพื่อความสบายใจจึงเที่ยวหยิบยืมเงินคนรอบตัว ตัดสินใจว่าจะไปหาหมอประจำหมู่บ้าน
ประจวบเหมาะเกิดเื่เมื่อสองวันก่อน ทั้งสองจึงปรึกษากัน และตัดสินใจลองเสี่ยงมาหาิเป่าจูก่อน เผื่อว่าจะโชคดี
ก่อนออกจากบ้าน มารดาของหลิวเถี่ยหนิวกำชับพวกเขาว่าให้ิเป่าจูตรวจดูก่อน หลังตรวจเสร็จค่อยเล่าความจริง
แต่หลิวเถี่ยหนิวเป็คนซื่อสัตย์จริงใจ รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถหลอกลวงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้ทำงานเปล่าๆ ได้ จึงเล่าทั้งหมดให้ฟังก่อน
“พวกเรา... พวกเราไม่มีเงิน มีเพียงเนื้อหมูสองชิ้นนี้ เ้าเองก็ไม่ต้องลำบากใจ ถ้าคิดว่าได้ก็ตรวจต่อ แต่ถ้าไม่ได้ พวกเราก็จะไป” สีหน้าของหลิวเถี่ยหนิวฉายแววละอายใจ น้ำเสียงตกประหม่าอย่างยิ่ง
“ที่แท้ก็แล่นมาเผื่อจะเก็บของถูกนี่เอง ไม่มีเงินยังกล้ามาให้ตรวจ เห็นที่นี่เป็โรงทานกระนั้นหรือ” หลี่ไหวฺอวี้พูดกลั้วยิ้ม เขาเป็คนซื่อตรงจึงแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาไม่มีปิดบัง
ิเป่าจูทำตาขวางใส่เขา ก่อนหันกลับไป “อย่าไปสนใจเขา ของข้าไม่้า ถ้าป่วยข้าก็จะตรวจให้”
หลี่ไหวฺอวี้มองิเป่าจูอย่างพินิจ ก่อนยิ้มแล้วไม่พูดอะไรอีก
ิเป่าจูเข้าใจสภาวะของชีพจรนี้เป็อย่างดี หลังจากขบคิดสักพัก สุดท้ายผลลัพธ์ต้องทำให้พวกเขาผิดหวัง
ท้องบวมแน่น ชีพจรตึง [4] ม้ามถูกควบคุมโดยตับ ชีพจรใหญ่ เร็ว เกิดจากความร้อนรุนแรง ทำให้อ่อนแอและหนาวสั่น นี่ใช่การตั้งครรภ์เสียที่ใด เป็อาการท้องอืดชัดๆ
“น้องสาว เป็อย่างไรบ้าง” ภรรยาของหลิวเถี่ยหนิวถามด้วยความร้อนใจ
“มิได้ตั้งครรภ์ แต่เป็อาการท้องอืด”
เชิงอรรถ
[1] ทุ่มหินลงบ่อ หมายถึง เห็นผู้อื่นเดือดร้อน นอกจากจะไม่ช่วย แล้วยังซ้ำเติม
[2] เติมน้ำมันใส่น้ำส้ม ใช้เปรียบการจงใจพูดเสริมแต่งเื่ราวให้เกินข้อเท็จจริง
[3] พูดสามว่าสี่ เป็สำนวนที่ใช้ในเชิงลบ หมายถึง การพูดติติงผู้อื่นในทางลบ หรือวิจารณ์ผู้อื่นส่งเดช
[4] ชีพจรตึง หรือ ชีพจรแบบเสียนม่าย (弦脉) เวลาจับจะรู้สึกว่าเป็เส้นยาวและตึงคล้ายกับการกดสายพิณ คนที่มีลักษณะชีพจรแบบนี้ โดยมากมักจะมีปัญหาเื่ตับ
