“เหยาเอ๋อร์?” เสียงคุ้นเคยดังทักขึ้น
กู้เจิงช้อนตาขึ้นมอง นางเห็นองค์ชายสิบสองกับน้องรอง นางจึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพองค์ชายสิบสอง
“ไม่ต้องมากพิธี” องค์ชายสิบสองไม่แม้แต่จะมองกู้เจิง เขามองกู้เหยาอย่างยินดีแล้วกล่าวถาม “ทำไมเ้าถึงมากินข้าวที่นี่ได้?”
“วันนี้หม่อมฉันอยากกินเป็ดย่างที่นี่ องค์ชายกับพี่รองมาที่นี่ได้ยังไงเพคะ?” กู้เหยายังถือขาเป็ดไว้ขณะย่อกายคารวะองค์ชายสิบสอง
“พี่ใหญ่” กู้เจิ้งชินทักทายกู้เจิง
องค์ชายสิบสองได้ชวนพวกนางไปนั่งในห้องส่วนตัวด้วยกัน แต่กู้เหยาปฏิเสธไป องค์ชายสิบสองจึงไม่ยอมไปเช่นกัน
กู้เจิงทานอาหารอยู่เงียบๆ นางกับน้องรองนั่งอยู่ข้างกัน ส่วนองค์ชายสิบสองก็นั่งอยู่ข้างกู้เหยา กู้เจิงดูออกว่าองค์ชายสิบสองรู้สึกดีๆ ต่อกู้เหยา
เสี่ยวเอ้อร์เดินเข้ามาสอบถามด้วยรอยยิ้มว่า “พวกท่าน้าสั่งสุราไหมขอรับ?”
“เอาสุราชั้นดีมา” องค์ชายสิบสองสั่งเสี่ยวเอ้อร์ไป
“ได้ขอรับ”
ไม่นาน สุราก็ถูกนำมาบริการส่งถึงโต๊ะ
บุรุษของต้าเยว่หลังจากอายุสิบห้าปีสามารถดื่มสุราได้ แต่กู้เจิงรู้ว่าเจิ้งชินไม่ค่อยได้ดื่มสุรา แต่เมื่อเสี่ยวเอ้อร์รินสุราให้เขา เขากลับยกจอกสุราดื่มรวดเดียวหมดพร้อมทั้งทำหน้าเหยเก
กู้เจิงเตะขาเจิ้งชินที่ใต้โต๊ะตอนเขาทำท่าจะยกสุราดื่มอีกจอก
กู้เจิ้งชินหันมองพี่ใหญ่ก่อนจะวางถ้วยในมือลง
“ดื่มไปเถอะ มีคำกล่าวกันว่าดื่มสุราก็เพื่อคลายทุกข์ ถ้าเ้าเมาข้าจะไปส่งเ้าเอง” องค์ชายสิบสองบอกเจิ้งชิน
“ดื่มสุราเพื่อคลายทุกข์จะยิ่งทุกข์น่ะสิ” กู้เจิงบอกด้วยเสียงอ่อนโยน “อย่าดื่มเลยจะดีกว่า”
องค์ชายสิบสองมองกู้เจิงด้วยสายตาหงุดหงิดก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า “เจิ้งชินเป็บุรุษ ดื่มสุราเพียงแค่นี้ไม่ได้ส่งผลอะไรนักหรอก”
กู้เจิงกรอกตามองบน ก่อนจะก้มหน้าทานอาหารต่อ
“ท่านพ่อดื่มสุราไม่เป็ พี่รองก็ดื่มไม่เป็ สิ่งที่พี่ใหญ่พูดข้าเห็นด้วย” กู้เหยารีบช่วยเสริม
“ข้าเชื่อเ้า” องค์ชายสิบสองอ่อนลงให้กับกู้เหยา เขาเห็นนางแทะขาเป็ดเสร็จแล้ว จึงเรียกให้เสี่ยวเอ้อร์นำผ้ามาให้นางเช็ดมือ “เ้าอิ่มหรือยัง?”
“อิ่มแล้วเพคะ” กู้เหยาตอบ
“งั้นพวกเราไปเล่นกันเถอะ ไปพายเรือเล่นที่แม่น้ำเฉาเยว่ดีไหม?" องค์ชายสิบสองออกความคิดเห็น
ดวงตาของกู้เหยาเปล่งประกาย ก่อนจะรีบพยักหน้าอย่างมีความสุข “ดีเลยเพคะ”
“เหยาเอ๋อร์ เ้าลืมไปแล้วหรือว่าตอนบ่ายยังต้องมาเรียนงานเย็บปักกับข้าอีก?” กู้เจิงขัดขึ้น
“ไม่มีเสียหน่อย ข้าเกลียดงานเย็บปักที่สุด” กู้เหยางุนงง นางไม่เคยบอกว่าจะเรียนเลย
องค์ชายสิบสองมองกู้เจิงอย่างไม่พอใจ
“เ้าสัญญาไว้แล้ว แต่เ้าลืมเอง เอาไว้วันหน้าค่อยไปเล่นกับองค์ชายแล้วกัน เสี่ยวเอ้อร์” กู้เจิงเรียกเสี่ยวเอ้อร์มา “ห่ออาหารพวกนี้แล้วส่งไปที่จวนเสิ่นด้วย”
“ขอรับ”
“ฮูหยินน้อยเสิ่น ถ้าเป็ของที่ตัวท่านเองทานไม่หมดก็แล้วไป แต่นี่ของที่คนอื่นกินเหลือท่านก็จะห่อกลับอีกหรือ?” องค์ชายสิบสองมองกู้เจิงด้วยสายตาดูแคลน
“ก็จริงนะเพคะ” กู้เจิงครุ่นคิด ก่อนหันไปบอกเสี่ยวเอ้อร์ว่า “ปลากุ้ยอวี๋* จานนี้ทิ้งไปเลยแล้วกัน ส่วนจานอื่นๆ เอาไปห่อให้หมด” กู้เจิงเห็นแล้วว่าองค์ชายสิบสองกินแต่ปลากุ้ยอวี๋
(*เป็ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในประเทศจีน เนื้อนุ่มหวานอร่อย ก้างน้อย คล้ายกับเนื้อปลากระพง)
“ได้ขอรับ”
องค์ชายสิบสองหน้าบึ้ง เพราะการกระทำของกู้เจิงแสดงชัดว่าเขาเป็คนนอก
กู้เจิงปั้นรอยยิ้มเป็มิตรก่อนพูดกับองค์ชายสิบสองว่า “ขอบพระทัยองค์ชายที่ทรงเลี้ยงอาหารในวันนี้ หม่อมฉันกับน้องสี่ขอตัวก่อนเพคะ” กล่าวจบนางก็ลากกู้เหยาออกจากหอถงชุนไปทันที
“เปิ่นหวงจื่อ* บอกว่าจะเลี้ยงตอนไหนกัน?” องค์ชายสิบสองหันไปพูดกับกู้เจิ้งชิน
(*สรรพนามเรียกแทนตัวเอง โดย หวงจื่อ แปลว่า องค์ชาย)
“องค์ชายก็ไม่ใช่คนตระหนี่ เลี้ยงไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ” สีหน้าของกู้เจิ้งชินเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“เ้าก็รู้ว่าข้าไม่ชอบพี่สาวผู้เป็บุตรีอนุคนนั้นของเ้ามาโดยตลอด ยิ่งวิธีที่นางใช้จับใต้เท้าเสิ่นและมาตอนนี้ข้ายิ่งเกลียดนางมากขึ้นไปอีก เ้ากับเหยาเอ๋อร์ก็จริงๆ เลย เหตุใดถึงต้องเชื่อฟังนางขนาดนั้น” องค์ชายสิบสองอึดอัดขัดใจ โดยเฉพาะเหยาเอ๋อร์ เด็กสาวผู้นั้นดื้อรั้นมาแต่ไหนแต่ไร แม้แต่กับมารดาของนางเองแต่เหตุใดนางถึงได้เชื่อฟังพี่ใหญ่ผู้นี้ขนาดนั้น
“หม่อมฉันบอกแล้วไงว่าพี่ใหญ่นางเป็คนดีมากพ่ะย่ะค่ะ ส่วนเื่ที่จะจับพี่เขยใหญ่ไม่ใช่ความคิดของพี่ใหญ่แน่นอน” กู้เจิ้งชินพยายามอธิบาย
“ต่อให้ไม่ใช่ความคิดของนาง แต่ด้วยมารดาเของนางป็นแบบนั้น นางก็คงไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่หรอก” องค์ชายสิบสองหัวเราะเยาะ
“หวังซู่เหนียงเดิมทีนิสัยก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก และพี่ใหญ่เอง ตอนนี้นางก็เปลี่ยนไปมาก”
องค์ชายสิบสอง “...”
“เราออกจากวังกันมานานเกินไปแล้ว องค์ชายควรกลับวังได้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” กู้เจิ้งชินกล่าวเตือน ก่อนจะเดินนำออกจากห้องไป
“เ้ารอข้าด้วยสิ” องค์ชายสิบสองโยนเงินก้อนหนึ่งทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะรีบตามออกไป
กู้เหยาหลังจากขึ้นรถม้าก็เอ่ยกับกู้เจิงว่า “พี่ใหญ่ ข้ารู้ผิดแล้ว ท่านวางใจเถอะข้าไม่ได้ลืมคำพูดของท่านเ้าค่ะ”
กู้เจิงส่ายหน้าอย่างจนใจ นางมองอีกฝ่ายเงียบๆ อย่างเหนื่อยใจยิ่งนัก
“พี่ใหญ่?” กู้เหยาส่งเสียงออดอ้อน “ท่านอย่าเงียบสิเ้าคะ”
“องค์ชายสิบสองชอบเ้า” กู้เจิงกล่าวขัดขึ้น
“หา?” กู้เหยาตะลึงงัน
“เ้ากับเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยไม่สามารถคบกันได้ แต่กับองค์ชายสิบสองอาจเป็ไปได้” พระมารดาขององค์ชายสิบสองเป็เพียงนางสนมที่ไม่ได้รับความโปรดปรานและไม่มีอำนาจใดๆ
กู้เหยาหน้าแดง “พี่ใหญ่ ท่านพูดเหลวไหลอะไรกัน?”
“ไม่เหลวไหลทั้งนั้น จริงแท้แน่นอน”
ใบหน้าของกู้เหยาแดงยิ่งกว่าเดิม
กู้เจิงยื่นหน้าออกไปบอกคนขับรถม้า “ไปแวะส่งคุณหนูสี่ที่จวนกู้ก่อน”
“ข้ายังไม่อยากกลับเ้าค่ะ” กู้เหยาเบ้ปาก
“เ้าต้องกลับ ข้าดูแลเ้าไม่ไหวหรอก ถ้าเ้าเกิดเป็อะไรขึ้นมา ข้าจะอธิบายกับท่านแม่ยังไง?” กู้
“ข้าสัญญาจะเชื่อฟังท่าน ท่านอย่าเพิ่งให้ข้ากลับจวนได้ไหมเ้าคะ?” กู้เหยาออดอ้อน ท่านพ่อท่านแม่เอาแต่ดุนาง นางไม่มีใครที่พูดคุยด้วยได้แม้แต่คนเดียว
กู้เจิงลืมตามองกู้เหยาแล้วเอ่ยอย่างจนปัญญา “งั้นเ้าจะอยู่บ้านข้าไปถึงเมื่อไหร่?”
“พี่ใหญ่บอกว่าข้าอยากอยู่นานแค่ไหนก็ตามใจข้ามิใช่หรือเ้าคะ”
กู้เจิง “...” นางขอถอนประโยคนี้คืนได้ไหม?
ในที่สุดกู้เจิงก็รับปากให้นางอยู่ต่ออีกสักสองสามวัน
เมื่อรถม้ามาถึงหน้าประตูจวนเสิ่น ซู่หลันก็ได้มายืนรออยู่แล้วและยังมีแม่เฒ่าฉินยืนอยู่ด้วย
เมื่อเห็นแม่เฒ่าฉิน กู้เหยารีบทำปากมุ่ยก่อนจะวิ่งผ่านนางเข้าไปในจวน
กู้เจิงทักทายแม่เฒ่าฉินอย่างเป็มิตร “ท่านมาเพราะเื่ของน้องสี่กระมัง?”
แม่เฒ่าฉินพยักหน้าก่อนถอนหายใจและกล่าวว่า “เมื่อวานนายหญิงตบคุณหนูสี่ไปหนึ่งฉาด นางรู้สึกเสียใจมาก แต่ก็เสียหน้าไม่ได้ นายหญิงรู้ว่าคุณหนูสี่ต้องไม่ยอมกลับจวนแน่ จึงให้บ่าวนำเสื้อผ้าของนางมาให้ ่หลายวันนี้คงต้องรบกวนคุณหนูใหญ่คอยดูแลแล้วเ้าค่ะ”
แล้วอย่างนี้นางจะปฏิเสธได้ลงหรือ? กู้เจิงรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก