การรับรองแบบไม่มีหลักประกันเช่นนี้ จิ่งเซียงคิดว่าเป็เพียงแค่คำปลอบใจ ใบหน้าจึงยังฉายแววอมทุกข์อยู่เช่นเดิม
อ๋าวหรานเห็นจิ่งเซียงขมวดคิ้ว ท่าทางน่าสงสาร อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาเด็ดดอกไม้มาหนึ่งดอก เดินไปหาจิ่งเซียง ก่อนจะนำดอกไม้เสียบไว้ที่ข้างหูนาง แล้วกล่าวว่า “พอขมวดคิ้ว ก็สวยสู้ดอกไม้ไม่ได้เสียแล้ว”
อยู่ด้วยกันมาหนึ่งเดือน ทั้งสองคนสนิทสนมกันมากขึ้น มักจะหยอกล้อกันอยู่เป็ประจำ
แม่นางน้อยเงยหน้ามองอ๋าวหราน ดวงตากลมโตใสกระจ่าง เปรียบเทียบกันแล้ว กลายเป็ว่าคนงาม งามเสียยิ่งกว่าดอกไม้
จิ่งเซียงกลับหัวเราะอย่างชั่วร้าย ก่อนจะนำดอกไม้ที่อยู่ใกล้มือเสียบไปบนหัวของอ๋าวหรานบ้าง นางหัวเราะเสียงดังพร้อมพูดว่า “อ๋าวหราน เ้างามกว่าดอกไม้เสียอีก”
อ๋าวหรานริมฝีปากกระตุก ช่างเถิด เ้าเด็กน้อย ยอมเ้าก็แล้วกัน
ด้านหนึ่งโอ๋จิ่งเซียง ทว่าอีกด้านหนึ่งอ๋าวหรานกลับเป็ทุกข์ยิ่ง ตอนนี้มีปัญหาตั้งเป็กองรุมล้อมเขาอยู่ เื่ตัวเอก เื่คนชุดดำ ยังมีคัมภีร์์เล่มนั้นที่คนชุดดำต้องหามันให้เจอ ต่อให้ต้องฆ่าล้างตระกูลอ๋าวก็ตามนั่นอีก แล้วยังอนาคตของตัวเขาเองนี่อีก!
ปัญหาข้างต้นทั้งหมดนั้นล้วนทำให้เขาสับสน แต่สิ่งที่ให้เขาสับสนมากที่สุดยังคงเป็ปัญหาสุดท้าย ตลอด่ระยะเวลาที่ได้พักรักษาตัวอยู่นี้ เขาคิดอยู่มากมายหลายเื่ และพยายามทำความเข้าใจนิยายเื่ “สูงสุดในใต้หล้า”นี้ให้ได้
ตอนนั้นว่านเฟิงไม่ได้เขียนนิยายเื่นี้จนจบ เขาเขียนไปได้ครึ่งหนึ่งก็แต่งต่อไม่ได้แล้ว จึงไม่ฝืนยืนหยัดเขียนต่ออีกต่อไป เพราะฉะนั้นอ๋าวหรานจึงยังอ่านไม่จบ อีกทั้งเดิมทีเขาก็ไม่ชอบนิยายประเภทนี้อยู่แล้ว ตอนแรกๆ ก็ยังตั้งใจอ่านดีอยู่ แต่ตอนหลังกลับอ่านแบบผ่านๆ ไม่ได้ทำความเข้าใจให้ละเอียด แน่นอนว่าเนื้อเื่่หลังนั้นก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตัวรับะุแทนเช่นเขา ไม่มีความจำเป็ต้องไปสนใจแม้แต่น้อย ปัญหาสำคัญตอนนี้ก็คือเส้นทางของตัวรับะุแทนที่เริ่มเื่ก็เกือบตายเช่นเขานี้ ควรเดินต่อไปเช่นไร?
จริงๆ แล้ว คำตอบก็ค่อนข้างจะชัดเจน มีอยู่สองทางให้อ๋าวหรานเลือก หนึ่งคือเดินตามเนื้อเื่ สองคือไม่เดินตามเนื้อเื่ แต่ทางเลือกสองทางนี่แหละที่เป็ปัญหาชวนปวดหัวให้อ๋าวหรานต้องขบคิด
เ้าระบบที่ไม่น่าเชื่อถือนั่น นอกจากหนึ่งเดือนที่แล้วที่ปรากฏตัวออกมา เพื่อช่วยให้อ๋าวหรานครองสติไว้ได้จึงพูดจ้อเื่การกลับชาติมาเกิดและสถาณการณ์ ณ ปัจจุบันของเขาไม่หยุด ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่เคยโผล่ออกมาอีกเลย ราวกับหายไปเสียเฉยๆ จนอ๋าวหรานเกือบจะสงสัยอยู่แล้วว่า ตอนนั้นเป็เพราะาเ็สาหัสเกินไปจึงได้อุปโลกน์เ้าระบบนี่ขึ้นมาเอง
หากยึดตามต้นฉบับเดิม หากอ๋าวหรานเลือกเดินตามเนื้อเื่ นั่นก็คือเขาต้องทรยศตระกูลจิ่ง ขโมยตำราแพทย์สองเล่มนั้นไป จนผลสุดท้ายทำให้ตระกูลจิ่งต้องเผชิญกับการล่มสลาย แต่ทว่ายังไม่ต้องพูดถึงเื่อื่นใด แค่จินตนาการว่าสาวน้อยน่ารักที่กำลังพูดไม่หยุดปากคนนี้ต้องตายอย่างทรมานอยู่ตรงหน้า แค่นั้นอ๋าวหรานก็ไม่สามารถเดินตามเนื้อเื่เดิมได้แเล้ว
แต่ถ้าไม่เดิมตามเนื้อเื่เดิม เช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้น? หรือว่าสุดท้ายเนื้อเื่ก็จะบีบบังคับให้เขาต้องเดิมตามเนื้อเื่แบบที่เขาควรทำ ตัวเขาคงกลับไปยังโลกแห่งความจริงไม่ได้แเล้วใช่หรือไม่?
ตอนนี้ต่อให้อ๋าวหรานจะเป็คนใจเย็นแค่ไหนก็ยังอดไม่ได้ที่จะอยากกลับไปยังศตวรรษที่ 21 เพื่อหยิกเ้าเพื่อนรัก ว่านเฟิงให้ตายพร้อมกัน หลังจากนั้นก็หยิกตัวเองให้ตายตามไปด้วย
ตอนนั้นก็แค่นึกสนุก พูดขึ้นมาเล่นๆว่าให้เพื่อนรักใส่ชื่อของตนเองลงไปในหนังสือด้วย
ถ้าหากรู้ว่าแค่ชื่อก็อาจเป็เหตุให้เขาต้องมายังโลกที่ไม่คุ้นตาใบนี้ อีกทั้งยังต้องมาตัดสินใจปัญหายากๆแบบนี้ ต่อให้ตีให้ตายอ๋าวหรานก็ไม่มีทางให้ว่านเฟิงใส่ชื่อของตนเองลงไปในนิยายเด็ดขาด
“แนะนำให้โฮสต์เดินตามเนื้อเื่เดิมจะดีที่สุดครับ เพราะว่าเนื้อเื่นั้นเป็ดังกฎของโลกใบนี้ การกระทำใดใดที่ขัดต่อกฏ ก็อาจจะถูกหยุดยั้งได้”
“ในที่สุดแกก็ออกมาจนได้ ฉันคิดว่าฉันฝันไปแล้วซะอีก! “อ๋าวหรานขบเคี้ยวเขี้ยวฟันขณะพูดประโยคนี้ออกมา
“ขออภัยจริงๆ สำนักงานใหญ่เรียกตัวกลับด่วน โปรดอย่าถือสา”
“ทำไมเปลี่ยนนิสัยแล้วล่ะ? ฉันจำได้ตอนนั้นที่ฉันาเ็หนัก แกออกจะร่าเริงนี่”
“ตอนนั้นสถานการณ์เร่งด่วน ต้องคำนึงถึงชีวิตคุณเป็สำคัญ ต้องทำให้คุณสามารถประคองสติไว้ได้ นิ่งๆ สูงส่งเ็าถึงจะเป็นิสัยที่แท้จริงของผมครับ”
ระบบก็มีนิสัยเป็ของตัวเองด้วย
“อย่างอื่นน่ะช่างมันเถอะ ตัวเอกหายไปไหนแล้ว? ถ้าตามต้นฉบับต้องกลับมาั้แ่เดือนก่อนแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ไม่ต้องกังวลไป พรุ่งนี้ตัวเอกก็จะกลับมาครับ แต่เมื่อเดือนที่แล้วเหมือนตัวเอกจะเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย สำนักงานใหญ่รับรู้ได้ว่าพลังชีวิตของตัวเอกหายไปชั่วขณะหนึ่ง ตอนหลังฟื้นกลับมาใหม่ ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นนั้นสำนักงานใหญ่เองก็ไม่แน่ใจ อาจเป็เพราะระบบมีปัญหาก็เป็ได้ครับ”
“ทำไมรู้สึกว่าระบบอย่างพวกนายนี่เชื่อถือไม่ได้เอาเสียเลย”
“สำนักงานใหญ่ต่างหากที่ไม่น่าเชื่อถือ ผมก็ทำอะไรไม่ได้”
“ช่างเถอะ พวกนายจะเป็อย่างไรก็ช่าง ฉันแค่อยากถามว่า ฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยเหตุใด? ฉันต้องทำอย่างไร? เดินตามเนื้อเื่เดิมหรือ? ฉันไม่คิดว่าตัวฉันซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่รู้จุดจบดีอยู่แล้ว จะสามารถเป็เหมือนกับอ๋าวหรานคนเดิมที่ทำร้ายตระกูลจิ่งได้” ปัญหาชวนปวดหัวเช่นนี้ให้ระบบช่วยตัดสินใจก็แล้วกัน ถึงแม้ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะทำตามที่ระบบบอกก็ตาม
“ผมแค่ทำตามคำสั่งขององค์กร ดึงคุณมายังโลกใบนี้ สุดท้ายจะทำเช่นไร ผมจะไม่ช่วยคุณตัดสินใจ ตอนแรกที่บอกให้คุณเดินตามเนื้อเื่เดิม เป็เพียงแค่คำแนะนำของผม ถึงอย่างนั้นไม่ใช่ว่าในใจคุณเองมีคำตอบอยู่แล้วหรอกหรือ? ผลสุดท้ายจะเป็เช่นไร เชื่อว่าคุณคงจะรับผิดชอบผลของมันเอง นอกจากนี้ ต่อไปนอกจากจะมีเื่สำคัญจริงๆ ไม่เช่นนั้นผมจะไม่ออกมาอีก อนาคตอยู่ในมือคุณแล้วครับ”
เฮ้! นี่มันเอาแต่สั่ง แต่ตัวเองไม่ทำอะไรสักอย่างนี่!
ในเมื่อเป็เช่นนี้ ฉันจะทำตามใจตัวเองก็แล้วกัน
อ๋าวหรานเป่ากลีบดอกใบที่อยู่บนมือ มองดูพวกมันค่อยๆ ลอยห่างออกไป
ชายหนุ่มก้มหน้าพูดกับจิ่งเซียงพร้อมรอยยิ้มว่า “เซียงเซียง เ้าเชื่อหรือไม่ว่าวันรุ่งขึ้นพี่เ้าก็จะกลับมาแล้ว”
“หา เ้ารู้ได้อย่างไร?”
“เ้าแค่บอกมาว่าถ้าข้าทายถูกจะได้อะไรเป็รางวัล? ”
“ฮึ ชีวิตเ้าก็ยังเป็ข้าที่ช่วยเอาไว้ หากอยากได้รางวัล ก็มอบชีวิตเ้ามาให้ข้าเสียก่อนเถิด! ”
“ฮ่าฮ่า ปากคอเราะร้าย”