ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการเดินทางมาสอบถามถึงคดีนี้ด้วยตนเอง กู้ฮวายหวั่นใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้เผยสีหน้าใด
ถึงแม้คดีนี้จะเล่าลือกันไปทั่วทั้งเมือง แต่ท่านอ๋องไม่มีความจำเป็อะไรที่จะต้องเดินทางมาถึงศาลต้าหลี่ด้วยตนเอง ท่านอ๋องมีงานราชการที่ต้องจัดการเร่งด่วนกว่าคดีนี้มากมายนัก แต่กลับเลือกเดินทางมาถึงศาลต้าหลี่ด้วยตนเอง เื่นี้ก็ยากที่จะเชื่อแล้ว
บางทีอาจเป็เพราะคดีนี้เกี่ยวข้องกับเพลงนั้น อีกทั้งเหตุการณ์ทั้งสองเื่จากเนื้อเพลงเกิดขึ้นแล้วในวัง
ครั้นคิดได้เช่นนี้ กู้ฮวายพลันรู้สึกว่าหน้าที่ของตนยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
กู้ฮวายมองมือที่ยังใส่ถุงมือถักบางๆ ของเสิ่นจือเหยียนแล้วก็คลี่ยิ้มราวกับได้รับสายลมอันเย็นสบายก่อนจะกล่าวว่า “เตี้ยนเซี่ยมาได้จังหวะพอดี กระหม่อมได้ตรวจสอบศพแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“สาเหตุที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ชีวิตคืออะไร?” มู่หรงฉือเดินไปยังศพ แล้วยิงคำถามเปิดประเด็น
“ผู้ตายเป็ใคร ตรวจสอบได้แล้วหรือไม่?” มู่หรงอวี้ยืนอยู่ข้างกายนาง จ้องาแที่ลำตัวของผู้ตาย “าแ...”
“ท่านอ๋อง เตี้ยนเซี่ย ผู้ตายอายุประมาณสามสิบปี ตัวตนตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัด ตามใบหน้าและร่างกายของนางมีรอยแผลถูกกัดหลายส่วน มีปากแผลหลายที่ถูกกัดจนเนื้อหายไป” เสิ่นจือเหยียนเก็บรอยยิ้มไม่จริงจังลงไป แล้วพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“เช่นนั้นผู้ตายถูกกัดตาย? ถูกปลากัดตายจริงๆ หรือ?” นางร้อนใจอย่างรุนแรงจนเืลมพลุ่งพล่าน
“เตี้ยนเซี่ยอย่าเพิ่งร้อนใจไป ปากแผลของผู้ตายน่าจะถูกสัตว์ที่มีฟันแหลมคมกัด แต่ยังไม่แน่ว่าจะใช่ปลาหรือไม่” เขาพูดต่อ “ปากแผลหลายแห่งถูกกัดลึก ผู้ตายน่าจะมีเืไหลออกมาไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าในตอนนั้นนางยังไม่ตาย แต่แผลถูกกัดพวกนี้กลับไม่ได้ทำให้ถึงชีวิต”
“เช่นนั้นผู้ตายเสียชีวิตจากอะไร?” สายตาของมู่หรงอวี้ดุดันขึ้นหลายส่วน
“เมื่อครู่กระหม่อมเกือบจะละเลยไป อาการาเ็ของผู้ตายที่ทำให้ถึงชีวิตอยู่ที่หัวใจ หัวใจฉีกขาดถึงตายพ่ะย่ะค่ะ” เสียงนุ่มละมุนของเสิ่นจือเหยียนราวกับสายน้ำเล็กๆ ที่ปลอบประโลมความร้อนรนในใจของพวกเขา “จากผลสรุปการชันสูตรศพ กระหม่อมสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ผู้ตายถูกคนร้ายใช้กำลังภายในโจมตีจนหัวใจฉีกขาดเพียงแต่ว่ายังไม่ตายในทันที ต่อมาคนร้ายก็ให้สัตว์บางชนิดมากัดผู้ตาย จากาแที่สาหัสของผู้ตายเห็นได้ชัดว่ามีสัตว์ดุร้ายหลายตัวรุมกัด หากไม่ตายด้วยพิษาแก็คงจะใตาย หลังจากผู้ตายเสียชีวิตแล้ว คนร้ายจึงนำนางมาโยนลงแม่น้ำลั่ว จัดฉากให้เป็เหมือนปลากินคน ดังนั้น คนร้ายที่ลงมือฆ่าผู้ตายน่าจะเป็คนที่มีวิชาการต่อสู้กำลังภายในสูงมากคนหนึ่ง”
มู่หรงอวี้ถามด้วยความสงสัย “หากหัวใจฉีกขาด น่าจะต้องมีเืไหลออกมาจากเจ็ดทวาร ผู้ตายมีเืไหลจากทวารทั้งเจ็ดหรือไม่?”
“ตอนที่กระหม่อมตรวจสอบศพเบื้องตน ไม่พบว่าผู้ตายมีเืออกจากทวารทั้งเจ็ด แต่เมื่อครู่ตอนที่กระหม่อมพลิกศพจึงเห็นว่าคนร้ายน่าจะมีการจัดการกับศพก่อน ดังนั้นจึงไม่พบเหตุการณ์เืไหลจากทวารทั้งเจ็ดมายืนยัน” เสิ่นจือเหยียนตอบ
มู่หรงอวี้พยักหน้า “หากปลาสามารถกินคนได้ เช่นนั้นจะต้องเป็ปลาที่มีขนาดใหญ่ ฟันแหลมคม เพียงแต่แม่น้ำลั่วไม่น่าจะมีปลาชนิดนี้”
มู่หรงฉือครุ่นคิดก่อนจะพูด “คนร้ายจงใจจัดฉากให้เหมือนปลากินคน เช่นนั้นจะต้องรวมความหมายกับปลากินคนในเพลง นี่คงจะเป็เื่ที่สามแล้ว”
กู้ฮวายประสานมือเข้าหากัน “เตี้ยนเซี่ยโปรดวางใจ กระหม่อมจะต้องพยายามตามจับตัวคนร้ายมาให้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้เอง ด้านนอกก็มีเ้าหน้าที่มารายงาน บอกว่ามีบุรุษนามเฝิงเคอมาแสดงตัวขอรับศพ
กู้ฮวายให้ไปพาคนเข้ามา เฝิงเคอเห็นใบหน้าผู้ตายก็ร้องไห้เสียงดังออกมาทันที “อวี้เหม่ย...อวี้เหม่ย...”
เขาโถมตัวลงบนศพแล้วร้องไห้ราวหมูถูกเชือด เ็ปแทบขาดใจ
ทุกคนในห้องเก็บศพอดส่ายหน้าไม่ได้ ถึงแม้กู้ฮวายกับเสิ่นจือเหยียนจะทำคดีมามากมาย แต่ทุกครั้งที่เห็นคนมาร้องไห้เพราะคนในครอบครัวถูกทำร้ายจนตายก็ยังรู้สึกเวทนามาก
มู่หรงอวี้ยังคงสีหน้าเ็าดุจน้ำแข็ง ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมา
ในใจของมู่หรงฉือมีความเ็ปแผ่ลามออกมา ครั้นเห็นท่าทางของมู่หรงอวี้ก็อดที่จะตำหนิว่าเ็าไร้หัวใจไม่ได้
เ้าหน้าที่พาเฝิงเคอออกไป ทุกคนก็ตามออกไปด้วย
นางอยากจะรู้สถานการณ์ของผู้ตายก่อนเสียชีวิต จึงไปสอบถามจากเฝิงเคอ
เฝิงเคอเช็ดน้ำตา แล้วเล่าเื่เกี่ยวกับภรรยาของเขาซุนอวี้เหม่ย เขาเป็ช่างฝีมือคนหนึ่ง ความสัมพันธ์ของเขากับซุนอวี้เหม่ยดีมาก พวกเขามีลูกด้วยกันสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง วันนี้ ซุนอวี้เหม่ยบอกว่าจะไปซื้อผ้าที่ตลาดเพื่อเอามาตัดชุดฤดูร้อนให้กับลูกชายลูกสาว แล้วก็จะซื้อผักกับเนื้อปลากลับมา ทว่า ตอนบ่ายนางก็ยังไม่กลับมาทำอาหารกลางวัน เขาทั้งร้อนใจทั้งโกรธ แล้วก็กังวลว่าภรรยาจะเป็อะไรหรือไม่ เขาจึงออกตามหา
เขาไปเดินรอบๆ ตามสถานที่ที่ภรรยามักจะไปซื้อผักบ่อยๆ ก็หานางไม่พบ เขาจึงถามร้านขายผักที่คุ้นเคยกันหลายคน แต่พวกเขาต่างพูดว่าวันนี้ยังไม่เห็นซุนอวี้เหม่ยมาซื้อผัก ในใจของเขาก็ยิ่งกังวล ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินคนที่ถนนหลายคนพูดเื่ปลากินคน จึงเข้าไปสอบถาม
ได้ยินมาว่าคนที่ถูกปลากัดตายที่แม่น้ำลั่วเหอเป็สตรีอายุประมาณสามสิบปี หัวใจของเฝิงเคอพลันร่วงหล่น รีบเดินทางไปที่แม่น้ำลั่วทันที
ครั้นไปถึงสถานที่เกิดเหตุ เขาถึงได้รู้ว่าศพถูกยกออกไปแล้ว จากนั้นเขาจึงมาขอรับศพที่ศาลต้าหลี่
มู่หรงฉือกับเสิ่นจือเหยียนออกจากห้องนั้น เสิ่นจือเหยียนเดินไปพลางพูดไป “เฝิงเคอดูแล้วเป็ช่างฝีมือที่ซื่อสัตย์ ดูแล้วไม่ได้พูดโกหก”
นางพยักหน้า “ผู้ตายซุนอวี้เหม่ยคงจะถูกคนลักพาตัวตอนที่ไปซื้อผ้าหรือหลังจากซื้อเสร็จแล้ว จากนั้นก็ถูกคนร้ายสังหาร”
“คนร้ายเลือกซุนอวี้เหม่ยคงเป็เื่บังเอิญ หากไม่ใช่ซุนอวี้เหม่ย ก็คงจะเป็ ‘ซุนอวี้เหม่ย’ คนอื่น”
“ดูเหมือนว่าคนร้ายจะเลือกฆ่าคนตามใจชอบ ฝีมือของคนร้ายไม่ธรรมดา การจะแบกศพไปโยนถึงแม่น้ำลั่วนับว่าเป็เื่ยาก” สายตาของนางเต็มไปด้วยความเ็า
“ดูท่านี่คงจะเป็คดีที่ขาดเบาะแสเสียแล้ว” คิ้วของเสิ่นจือเหยียนแผ่ความเย็นเยียบราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง “เล็บของผู้ตายทั้งสิบนิ้วขาวสะอาด ไม่มีร่องรอยการดิ้นรน เห็นได้ชัดว่าถูกโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง ฝีมือคนร้ายรวดเร็วฉับไว ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้แม้แต่น้อย หากข้าไม่ตรวจสอบหัวใจของผู้ตายอีกครั้ง เกรงว่าคงไม่สามารถพบสาเหตุการตายที่แท้จริงได้”
มู่หรงอวี้เดินเข้ามา เสื้อคลุมสีดำปักดิ้นทองขยับไปตามแรงเดิน “เตี้ยนเซี่ย เปิ่นหวางจะไปส่งเ้ากลับตำหนักบูรพา”
มู่หรงฉือเกลียดคนที่มาจัดแจงทุกอย่างให้นางมากที่สุด นางเลิกคิ้วพูดเสียงเย็น “ยังเร็วไปสักหน่อย เปิ่นกงยังมีเื่ต้องจัดการ อีกเดี๋ยวค่อยกลับตำหนักบูรพา หากท่านอ๋องยังมีเื่อื่นที่เร่งด่วนก็ไม่จำเป็ต้องใส่ใจเปิ่นกง”
“เตี้ยนเซี่ยจำเป็ต้องพักผ่อน” น้ำเสียงของเขาอบอุ่น แต่ท่าทีกลับไม่อ่อนข้อ พูดอย่างไรก็ต้องเป็ไปตามนั้น ราวกับเป็เ้าชีวิตของนาง
“ต้องให้ท่านมายุ่งด้วยหรือ?” นางเกือบจะพูดเช่นนี้ออกไปแล้ว แต่รีบเปลี่ยนคำพูด “หากเปิ่งกงรู้สึกไม่ดีก็จะพักผ่อนเอง อีกอย่างมีจือเหยียนดูแลเปิ่นกงอยู่ มีเขาไปส่งกลับตำหนักบูรพา เปิ่นกงก็สบายใจมาก”
ั์ตาดำของมู่หรงอวี้มีประกายเ็าพาดผ่าน นิ่งเงียบลึกล้ำมองไปที่นางราวกับจะกลืนกินให้หายไป
เสิ่นจือเหยียนเดิมใบหน้ายังมีรอยยิ้ม ทว่าตอนนี้รอยยิ้มกลับแข็งค้างเสียแล้ว
เขาเป็สหายร่วมเรียนกับองค์รัชทายาท จึงอยู่กับองค์รัชทายาทตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่เคยมีความรู้สึกไม่ดีเวลาอยู่ข้างกายองค์รัชทายาทมาก่อน
แต่ในเวลานี้วินาทีนี้ เขาพลันรู้สึกว่าตนเองอยู่ผิดที่ผิดทางอย่างไรอย่างนั้น ไม่สิ การที่เขายืนอยู่ข้างกายองค์รัชทายาทตอนนี้ไม่ถูกต้องมากๆ
ความคิดนี้ช่างแปลกประหลาดเกินไปจริงๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงมีความคิดนี้ปรากฏขึ้นมาได้
เพียงแต่ เขารู้สึกถึงาอันไร้รูประหว่างองค์รัชทายาทกับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน มันทั้งเป็การโจมตีทั้งเมือง เงาอาวุธแหลมคม ไม่ใช่เ้าตายก็เป็ข้าตาย ถ้าเขายังไม่เดินออกมาคงจะต้องกลายเป็ขี้เถ้าเป็แน่
ในตอนที่เขากำลังจะเดินออกมา กลับเห็นมู่หรงอวี้หมุนตัวเดินออกไป เสื้อคลุมสะบัดม้วนราวกับธงรบ
เสิ่นจือเหยียนรู้สึกว่าท่านอ๋องวันนี้แปลกๆ ทำท่าราวกับเขาไปแย่งสมบัติล้ำค่าอะไรสักอย่างในมือของท่านอ๋องมา
มู่หรงฉือพูดเสียงเบา “เปิ่นกงมีเื่อยากจะพูดกับเ้า”
...
เสิ่นจือเหยียนพาองค์รัชทายาทไปพักที่ห้องพักผ่อนของตนเอง ปิดประตู รินน้ำชา
มู่หรงฉือยกถ้วยชาขึ้นจิบ ขมวดคิ้วพูด “หากพูดเช่นนี้ คดีของซุนอวี้เหม่ยก็เป็คดีที่ไม่สามารถตรวจสอบหาต้นตอได้?”
“คนร้ายไม่ทิ้งเบาะแสเอาไว้ ตรวจสอบได้ยากมาก” จู่ๆ เขาก็คิดอะไรขึ้นได้ พูดออกมาด้วยความดีใจ “คนร้ายจงใจให้ชาวบ้านคิดว่าคดีนี้เป็ปลากินคน เช่นนั้นก็สามารถตรวจสอบจากเื่นี้ได้ เริ่มจากเพลงบทนั้น จัดฉากใหญ่ขนาดนี้ เื่พวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนๆ เดียวจะสามารถทำได้ จะต้องมีคนสมรู้ร่วมคิดไม่น้อยทีเดียว”
“จะเริ่มตรวจสอบจากบทเพลงอย่างไร? หาต้นตอว่าเพลงเผยแพร่มาจากไหนหรือ?” นางนวดหว่างคิ้ว
“เตี้ยนเซี่ย จากเพลงนี้…ท่านมองอะไรออกหรือไม่?” เขาถามอย่างระมัดระวัง
เห็นสายตาระมัดระวังของเขา นางก็รู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไร
นางส่งสายตาให้เขา เขาเปิดประตูเรือนไปมองซ้ายมองขวา แล้วก็ปิดประตูให้ดี ก่อนจะกลับมานั่งแล้วพูดเสียงเบา “เตี้ยนเซี่ยเองก็รู้สึกว่าเพลงมันชี้ไปที่คนผู้หนึ่ง?”
มู่หรงฉือมองไปที่หน้าต่าง พูดด้วยความระมัดระวัง “เปิ่นกงคิดได้นานแล้ว ต่อไปก็จะเป็แย่งชิงแคว้น...”
เื่ราวในเพลงกลายเป็ความจริงขึ้นมาที่ละเื่ หากเพลงชี้ไปที่คนผู้หนึ่งจริง เช่นนั้นอีกสองวันนี้จะต้องเกิดเื่ที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินใช่หรือไม่?
ราชวังและราชสำนักเกิดการเปลี่ยนแปลง เืนองเป็แม่น้ำ ูเาก็จะเปลี่ยนเ้าของ แคว้นเยี่ยนจะไม่มีอยู่อีกต่อไป
นางได้ให้ฉินรั่วกระจายคำสั่งไปแล้ว ให้ทุกคนเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี พร้อมลงมือตามคำสั่ง
ความจริงแล้วเสิ่นจือเหยียนเองก็คาดเดาเช่นนี้เอาไว้ก่อนแล้ว เพียงแต่ไม่กล้าพูดออกไป
“เตี้ยนเซี่ยมีแผนการอะไรหรือไม่?”
“เปิ่นกงมีเพียงระมัดระวังตัวอย่างถึงที่สุด แล้วสั่งคนให้แอบปกป้องเสด็จพ่อ”
หลายชั่วยามมานี้ ที่มู่หรงฉือรู้สึกอย่างลึกซึ้งที่สุดก็คือตนมีใจแต่ไร้กำลัง
แต่ก่อนนางเก็บซ่อนความสามารถอยู่ในตำหนักบูรพา แอบติดต่อกับเสนาบดีในราชสำนัก บริหารสำนักหนึ่งในใต้หล้ากับหอเฟิ่งหวง จิติญญาในการต่อสู้มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แต่ในวันนี้ถึงได้พบว่า เมื่ออยู่ต่อหน้ามู่หรงอวี้ กำลังของนางยังมีไม่พอ ที่สำคัญก็คือทหารป้องกันวังหลวง ทหารคุ้มกันเมืองหลวงกับกองทหารทั้งสี่กองทัพที่ยามนี้อยู่ในกำมือของมู่หรงอวี้ มีเพียงทหารป้องกันเมืองหลวงที่มีความเป็ไปได้ที่จะฟังคำสั่งของนาง
อย่างในวันนี้ มู่หรงอวี้ยังพานางกลับไปที่จวนอ๋อง สั่งให้หมอประจำจวนรักษานาง ทั้งยังพานางไปตรวจสอบคดีที่ศาลต้าหลี่ สำหรับนางที่เป็องค์รัชทายาทนับได้ว่าเขายังใส่ใจ ทว่า นางมองไม่ออกเดาไม่ถูกว่าเหตุใดเขาถึงได้ทำเช่นนี้ หรือเขาเพียงแค่แสดงละคร?
คลื่นน้ำสีดำค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกถึงภัยอันตรายของแคว้นทิ่มแทงใจนางอยู่ตลอดเวลา ทำให้นางหายใจไม่ออก
“เตี้ยนเซี่ยอย่าได้กังวล เพลงนั้นอาจจะไม่สามารถเอามาคิดเป็จริงเป็จังได้ อีกอย่างคนที่อยู่เื้ัมีเจตนาอย่างไรเราก็ยังไม่รู้” เสิ่นจือเหยียนปลอบ
“เปิ่นกงกำลังคิดว่า เขาทำให้ตำหนักชิงหยวนมีฝนเืตกลงมาได้อย่างไร” ดวงตาของมู่หรงฉือหลุบลง เต็มไปด้วยความยุ่งยากใจ
“วันนี้ข้าคิดอยู่นานก็ยังคิดไม่ออกว่ามันเป็ไปได้อย่างไร” เขาพบว่าสีหน้าของนางขาวซีด ทั้งยังเริ่มเขียวคล้ำเล็กน้อย จึงถามด้วยความกังวล “เตี้ยนเซี่ย ท่านสบายดีหรือไม่?”
“เปิ่นกงไม่เป็อะไร...เพียงแค่ปวดหัวเล็กน้อย...” นางกุมถ้วยชาอย่างไม่เป็ตัวของตนเอง ราวกับความอบอุ่นที่หลงเหลือจากถ้วยชาจะสามารถลดทอนความหนาวเหน็บในใจลงได้
เสิ่นจือเหยียนใช้หลังมืออังที่หน้าผากของนาง ก่อนจะสะดุ้งใ “เตี้ยนเซี่ย ท่านตัวร้อนมาก”
เขารีบลุกขึ้นลากนางออกไป “ข้าจะไปส่งท่านกลับตำหนักบูรพา ให้ท่านพักผ่อนดีๆ”
มู่หรงฉือไม่ปฏิเสธ แล้วกลับไปที่ตำหนักบูรพาโดยมีเขาคอยคุ้มครอง
ฉินรั่วกับหรูอี้เห็นเตี้ยนเซี่ยตัวร้อนถึงเพียงนี้ ก็ใกันยกใหญ่ รีบส่งคนไปเรียกหมอหลวง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้