หลังจากลู่เต้ากลับมาที่หมู่บ้านเมฆาขาว ก็เจอกับคนที่จุดธูปในศาลเ้าซึ่งสวมชุดไว้ทุกข์ ครอบครัวของเขาเองก็เสียชีวิตจากการถูกเงากวนอิมสิงสู่เช่นกัน
หน้าบ้านของเขาแขวนผ้าและโคมไฟสีขาว บนพื้นเต็มไปด้วยกระดาษเงินปลิวว่อน
คนจุดธูปในศาลเ้าที่ใบหน้าเศร้าหมองยืนอยู่หน้าบ้านอย่างเหม่อลอย คอยเติมกระดาษเงินลงในกระถางเผา ลู่เต้าเดินมาข้างๆ ก่อนจะนั่งลง คนจุดธูปในศาลเ้าสะดุ้ง ก่อนจะรู้สึกตัว “อาเต้า?”
ลู่เต้าหยิบกระดาษเงินขึ้นมาพับเป็รูปกิมตุ้ง ก่อนจะโยนลงไปในกระถางเผา กิมตุ้งถูกเปลวไฟแผดเผาเหลือไว้เพียงเถ้าถ่าน
“ตอนนี้ท่านปู่ได้พักผ่อนอยู่ที่สวยงามยิ่งนัก ข้ารู้ว่าท่านปู่ต้องชอบอย่างแน่นอน” ลู่เต้ายิ้ม
คนจุดธูปในศาลเ้าส่งยิ้มพยักหน้ารับ “จริงหรือ? อย่างนั้นก็ดีแล้ว ข้าเองก็เลือกฮวงซุ้ยที่ดีที่สุดให้ภรรยา หากข้ามีบุญวาสนา ก็ขอให้ลูกหลานได้รับผลบุญด้วย”
ลู่เต้ามองคนที่จุดธูปในศาลเ้าแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงด้วยสีหน้าลังเลขึ้นมา
คนที่จุดธูปในศาลเ้าอายุหกสิบกว่าปีแล้ว ย่อมมองออกว่าเด็กหนุ่มใจดีตรงหน้ากำลังรู้สึกผิด และโทษตัวเองที่ปู่ตนพาปีศาจเข้ามาในหมู่บ้าน
“เด็กโง่” คนจุดธูปในศาลเ้ากล่าวพลางยิ้มขมขื่น “ไม่มีใครโทษปู่เ้าหรอก ถึงแม้ว่าท่านจะมีนิสัยหุนหันไปบ้าง แต่คนทั้งหมู่บ้านก็รู้ว่าท่านเป็คนดี”
คนจุดธูปในศาลเ้าตบบ่าลู่เต้า “อย่าเก็บมาใส่ใจเลย”
“อืม…”
“จริงสิ มีเื่หนึ่งจะบอกเ้า” คนจุดธูปในศาลเ้าเปลี่ยนเื่คุย “พวกเราตกลงกันแล้ว ในเมื่อเ้าทะลวงจุดชีพจรได้ ก็ควรออกไปท่องยุทธภพข้างนอก อย่ามัวแต่อยู่ในหุบเขาเลย”
คนจุดธูปในศาลเ้าหยิบถุงผ้าใบเล็กๆ ออกมาจากด้านหลังยัดใส่มือลู่เต้า “นี่เป็ค่าเดินทางที่พวกเรารวบรวมให้เ้า รับไปเถอะ!”
“ท่านลุง…” ลู่เต้ารู้ว่าทุกคนไม่ได้ร่ำรวยอะไร นี่ต้องเป็เงินที่ทุกคนประหยัดอดออมมา แต่เขาไม่อยากรับเงินที่ไม่ได้หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองไว้
“อย่ามาผลักไสไล่ส่งกับข้าที่แก่ปูนนี้เลย นี่เป็การตัดสินใจของคนทั้งหมู่บ้าน และเป็ธรรมเนียมปฏิบัติของพวกเรามาตลอด หากใครทะลวงจุดชีพจรได้ พวกเราก็จะรวบรวมเงินให้พวกเขาออกไปท่องยุทธภพ”
“หากวันข้างหน้ารุ่งเรือง ก็อย่าลืมพวกเราก็แล้วกัน” คนจุดธูปในศาลเ้าโยนกระดาษเงินทั้งหมดในมือลงกองไฟ ปัดขี้เถ้าที่ติดเสื้อผ้า ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับบ้าน
ลู่เต้าถือถุงเงินมองส่งอีกฝ่ายจากไป ไป๋เสียพลันเอ่ยถาม “พร้อมหรือยัง”
“อืม…ออกเดินทางกันเถอะ”
***
ไม่นานลู่เต้าก็เดินเข้ามาในป่าผีคร่ำครวญ รอบๆ เต็มไปด้วยต้นสนใบแหลมคม บนพื้นมีก้อนหินที่ปกคลุมไปด้วยวัชพืชกระจัดกระจาย บางจุดก็มีหญ้าสูงท่วมหัวเข่า ด้านหน้ามีหลุมศพแปลกตาตั้งตระหง่านอยู่หลายแท่น ดูเหมือนจะเป็หลุมฝังศพรวม
ขณะที่ลู่เต้ากำลังจะเดินเข้าไปดูหลุมศพ จู่ๆ ก็มีเสียง “กร๊อบ” ดังขึ้นจากใต้ฝ่าเท้า เมื่อก้มลงมองก็พบว่าเป็แท่งกระดูกสัตว์ และข้างๆ เท้ายังมีกระดูกสัตว์ที่ก่อเป็เจดีย์อีกด้วย
“ระวังหน่อย” จู่ๆ ไป๋เสียก็เอ่ยอย่างระแวดระวัง “นี่เป็สัญลักษณ์ของผู้ควบคุมิญญา ใช้เตือนคนอื่นว่าที่นี่คือเขตแดนของเขา”
“ผู้ควบคุมิญญา?” ลู่เต้ารู้สึกประหลาดใจที่พบว่าอีกฝ่ายแสดงอาณาเขตเหมือนกับเสือดาว เพียงแต่เขาใช้เจดีย์กระดูก ส่วนเสือดาวจะทิ้งรอยเล็บไว้บนต้นไม้
“อา พวกเขามีความสามารถในการสะกดิญญาร้ายไว้ในยันต์เพื่อใช้งาน และชอบฆ่าคนอย่างเืเย็นเพื่อเป็อาหารให้ปีศาจกิน” ไป๋เสียใช้นิ้ววนข้างขมับ “เอาเป็ว่าเป็พวกไม่ปกติก็แล้วกัน”
“โอ้… แม้แต่เ้าก็ยังคิดว่าพวกเขาไม่ปกติ งั้นอีกฝ่ายต้องโเี้ขนาดไหนกันนี่” ลู่เต้าตกตะลึง
“เ้า…” ไป๋เสียกำลังจะแย้ง จู่ๆ พุ่มไม้ด้านหลังก็มีเสียงดังขึ้นมา ลู่เต้าเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว เห็นแสงเย็นะเืพุ่งผ่านหน้าไป ก่อนจะปักเข้าที่ต้นไม้ข้างๆ
มันคือมีดกระดูกที่แหลมคมราวอสนี เปลือกไม้กลายเป็สีดำทันทีหลังถูกมันแทงเข้าไป บนใบมีดต้องอาบยาพิษร้ายแรงอย่างแน่นอน
“โอ๊ะ? ศิษย์พี่ เขาหลบได้” เสียงแหลมเล็กดังขึ้น
“ระวังตัวไว้ อีกฝ่ายก็น่าจะเป็ผู้ที่ทะลวงจุดชีพจรได้แล้ว” อีกเสียงหนึ่งดูเป็ผู้ใหญ่และสุขุมกว่า
ลู่เต้าหันกลับไปมองทันใด พบว่ามีชายร่างสูงผู้หนึ่งกับร่างเตี้ยผู้หนึ่งสวมชุดคลุมสีเทา และสวมหมวกคลุมศีรษะปิดบังใบหน้าเอาไว้ จึงมองไม่เห็นโฉมหน้าแท้จริงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ชุดแบบนี้… เป็สาวกของยันต์ภูตผีแน่ๆ” ไป๋เสียเอ่ยเสียงแ่ “เ้าหนู เตรียมตัวเข้าเรียนได้”
“อะไรนะ???” ลู่เต้าที่กำลังร้อนใจเผลอหลุดปากออกมา “ตอนนี้ยังจะมาเรียนอะไรอีก!”
“ก็ต้องเป็บทเรียนที่ข้าเตรียมไว้ให้เ้าฝึกฝนเป็พิเศษอย่างไรเล่า” ไป๋เสียชี้ชายทั้งสอง “จัดการพวกมันซะ!”
“ไร้เหตุผลสิ้นดี!!!”
ไป๋เสียไม่เคยทำาที่ไร้แววชนะ การเลี้ยงดูปีศาจในที่แห้งแล้งเช่นนี้ คาดว่าคงเป็ผู้ควบคุมิญญาระดับต่ำ เขาตรวจสอบพลังของอีกฝ่ายแล้ว ชายร่างเตี้ยก็เป็เพียงผู้ที่เพิ่งจะทะลวงจุดชีพจรเช่นเดียวกับลู่เต้า
ส่วนอีกรายสามารถรวบรวมพลังปราณรอบๆ ตัวเข้าสู่ร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรก็มีพลังเพียงขั้นต้นเท่านั้น หากไม่มีเคล็ดวิชาหรือศัสตราวุธิญญาที่น่ากลัวอะไร ด้วยการชี้นำของเขาแล้ว ก็ใช่ว่าลู่เต้าจะไม่มีโอกาสชนะเลย
“เขาก็ทะลวงจุดชีพจรได้แล้วหรือ” ชายร่างเตี้ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหลมเล็ก พร้อมกับมองลู่เต้า “หรือว่าเงากวนอิมที่ข้าเลี้ยงไว้แถวนี้โดนเ้า…”
ลู่เต้าเบิกตากว้างทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าไม่อยากเชื่อ “ไป๋เสีย… เมื่อกี้เขาพูดถึงเงากวนอิมใช่หรือไม่”
“ใช่ ข้ารู้สึกได้ตั้งนานแล้วว่าเงากวนอิมตัวนั้นถูกคนเลี้ยงเอาไว้ ไม่คิดว่าพวกมันจะตามมาเร็วขนาดนี้” ไป๋เสียตอบ
ชายร่างสูงเห็นท่าทางใของลู่เต้าก็เอ่ยขึ้น “โอ้? ดูท่าจะเป็เขาจริงๆ ด้วย”
ชายร่างเตี้ยตัวสั่นอย่างโกรธกรุ่น เขาเดินเข้ามาหาลู่เต้าแล้วถามว่า “กว่าข้าจะฝึกเงากวนอิมสำเร็จได้ ลำบากยากเย็นแค่ไหนรู้ไหม เ้าจะชดใช้ข้าอย่างไร!”
“แล้วจะทำไมเล่า” ลู่เต้าก้มหน้าปิดบังสีหน้าเอาไว้
“อะไรนะ” ชายร่างเตี้ยแหว
“พวกเราแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเท่านั้น” ลู่เต้ากัดฟันกรอด “ทำไมต้องปล่อยปีศาจมาทำร้ายพวกเราด้วย! เ้ารู้หรือไม่ว่ามันฆ่าคนไปเท่าไรแล้ว!”
ชายร่างเตี้ยกล่าวอย่างไม่แยแส “โลกนี้มันก็แบบนี้ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงอยู่รอด! หากไม่ฆ่าคน แล้วจะฝึกปีศาจได้อย่างไร! จะโทษก็ต้องโทษที่พวกมันอ่อนแอเอง!”
“ไอ้สารเลว…” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลู่เต้าก็กำหมัดแน่น แม้อีกฝ่ายจะมีรูปร่างหน้าตาเสมือนมนุษย์ พูดจาเหมือนมนุษย์ แต่จิตใจกลับโหดร้ายยิ่งกว่าปีศาจ ไม่เห็นมนุษย์เป็มนุษย์ด้วยซ้ำ
“อยากสู้อย่างงั้นหรือ” ชายร่างเตี้ยถอดหมวกคลุมศีรษะออก บนหัวของเขาเต็มไปด้วยฝีหนองและแผลพุพอง ช่างเป็ใบหน้าที่อัปลักษณ์ยิ่งนัก เขายกมือซ้ายขึ้น โชว์แหวนทับทิมที่สวมอยู่บนนิ้วชี้ แล้วแสยะยิ้ม “ได้สิ! ถึงเวลาที่ข้าจะได้ลองใช้ศัสตราวุธิญญาที่เจอในซากปรักหักพังเสียที!”
สิ้นเสียงของชายร่างเตี้ย ทับทิมก็เปล่งประกายสีแดงดำแปลกประหลาดออกมา เมื่อชายร่างสูงเห็นว่าเขาใช้ศัสตราวุธิญญา จึงเดินถอยออกไปด้านข้างเพื่อเฝ้ามองสถานการณ์
ชายร่างเตี้ยะโเสียงดังด้วยความตื่นเต้น “อัญเชิญกระดูก!!!”
เมื่อแสงสว่างสาดส่องถึงขีดสุด ลู่เต้าก็แทบจะลืมตาไม่ขึ้น ในขณะเดียวกันเขาก็ััได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาจากแหวนวงนั้น
สิ้นเสียงของอีกฝ่าย ลู่เต้าก็ได้ยินเสียง “ซู่ๆ” ดังมาจากข้างเท้า เมื่อก้มลงมองก็พบว่ากองกระดูกที่อยู่ตรงนั้นกำลังเคลื่อนไหว!
ลู่เต้ารีบะโหนีออกไป และเห็นว่ากระดูกเ่าั้ประกอบร่างกลายเป็สัตว์ร้ายสี่ขา จนแยกไม่ออกว่าสัตว์ร้ายตัวนี้เคยเป็สัตว์ชนิดใดมาก่อน
แต่ดูจากเขี้ยวแหลมคมแล้ว สัตว์ประหลาดตัวนี้ต้องกินเนื้อเป็อาหารแน่แท้!
