นางกำลังหัวเราะ ทว่าเนื่องจากอายุน้อยดวงตาเ็าของนางจึงดูแปลกแยกเป็พิเศษ ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกขนลุกนางต้องกล้าทำตามที่พูดอย่างแน่นอน
“เ้า! เ้ากล้า!” ซื่อจื่อที่นั่งอยู่บนพื้นถึงกับกลืนน้ำลายหนึ่งครั้ง
“ท่านคงไม่รู้ชื่อเสียงของข้าในวังใช่ไหม? ข้าเริ่มสังหารคนั้แ่อายุเจ็ดขวบ ท่านว่าข้าจะกล้าไหมล่ะ?” กงอี่โม่ลุกขึ้นยืนนางเช็ดน้ำบนมือและหันไปมองเขาอย่างช้าๆ
นางคลี่ยิ้ม ฟันขาวสวยปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงอาทิตย์ นางจงใจทำท่าเ้าเล่ห์รอบกายของนางมีไอพิฆาตแผ่ขยายออกมา
นางชอบทำให้คนใเช่นนี้เป็ที่สุดมันสนุกดีไม่ใช่หรือ?
ซื่อจื่อกลัวจนศีรษะหดแล้ว ไอพิฆาตที่เคยััเืมาแล้วของอีกฝ่ายไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถตอบโต้ได้ทว่าแม้ว่าเขาจะกลัวมาก แต่ศักดิ์ศรีในฐานะที่เขาเป็ซื่อจื่อทำให้ต้องเชิดปลายคางขึ้นต่อไปเขาทำท่าถึงต้องตายก็ไม่มีทางยอมแพ้
“แล้วอย่างไรล่ะ? สังหารข้าเ้าก็เตรียมตัวตายได้เลย”
แม้เขาจะกล่าวเช่นนี้ ทว่าดวงตากลับสะท้อนประกายหวาดกลัวอย่างชัดเจนมีน้ำตาคลอเล็กน้อย เขากำลังหลบตาทว่าท่าทางของเขากลับทำให้คนอื่นต้องมองนิ่งโดยไม่อาจละสายตา
อันที่จริงกงอี่โม่ชอบเด็กหนุ่มที่มีชีวิตชีวาเช่นนี้มากที่สุดตอนที่อยู่ในพระราชวัง นางต้องเป็ผู้แสดงบทบาทเช่นนี้มาตลอดความจริงแล้วในความคิดของนางท่าทางเช่นนี้ของอีกฝ่ายจึงจะเป็หนุ่มน้อยอย่างแท้จริง
นางเดินขึ้นไปด้านหน้าและนั่งยองๆ อยู่เบื้องหน้าของอีกฝ่ายเพราะการจ้องเขม็งของนางทำให้เขาหดขาเข้ามาแต่แล้วเมื่อรู้สึกว่าท่าทางเช่นนี้ดูไม่เหมือนความห้าวหาญของตนเขาจึงยืดหน้าอกเชิดขึ้นไปด้านหน้า ทำท่าเหมือนไม่เกรงกลัว
“เ้ามองอะไร?! ข้าอนุญาตให้เ้ามองแล้วหรือ?” ดวงตาคู่นั้นของเขาเขียนความหมายอย่างชัดเจน
กงอี่โม่หัวเราะอย่างอดไม่ได้ นางตบใบหน้าของอีกฝ่ายเบาๆ อืมช่างนุ่มมือเหมือนที่คิดจริงๆ
“ชื่อ” บุตรชายของผิงอ๋องเสียชีวิตเร็วเกินไปถึงเคยได้ยินคนอื่นเอ่ยชื่อเขามาบ้าง แต่นางก็ลืมไปนานแล้วนางคิดว่าควรจะตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน
“ทำไมข้าต้องบอกเ้า?”
จากตอนแรกที่กล่าวด้วยน้ำเสียงอวดดีทว่าเมื่อเห็นกงอี่โม่หยิบมีดสั้นออกมาจากที่ไหนก็ไม่ทราบความอวดดีที่มีจึงหายไปในชั่วพริบตา
กงอี่โม่ควงมีดสั้นในมือ อัญมณีและใบมีด้าสะท้อนประกายจนตาลายทำให้เขากลัวจับใจ
“ชื่อ?”
“ข้า”เขาถลึงตาโต ความโกรธค่อยๆ หายไป จากนั้นจึงรำพึงออกมา “เซินสือเย่”
“สือเย่? ดีมาก! ทั้งๆ ที่พวกเราไม่รู้จักกัน แล้วทำไมท่านจึงลงไม้ลงมือกับข้าล่ะ?”
“เห็นแล้วขัดหูขัดตา! ไม่ ไม่ได้หรือ?” ในใจของเซินสือเย่กำลังน้ำตาไหลพรากเป็สองสาย ท่านแม่ ดวงตาของนางช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
“เห็นข้าแล้วรู้สึกขัดหูขัดตา?” กงอี่โม่กะน้ำหนักอยู่ชั่วครู่ นางพลิกมือแทงมีดลงไป มีดสั้นปักอยู่ข้างต้นขาของเขาอีกนิดเดียวก็จะปักผิดตำแหน่งแล้ว
เซินสือเย่คิดจะะเิอารมณ์ตามนิสัยเดิมของตน ทว่าเมื่อคิดได้ว่าที่นี่เป็ที่รกร้างหากเขาทำให้อีกฝ่ายโมโหแล้วถูกฆ่าทิ้งศพไว้ที่นี่ล่ะสุภาพบุรุษไม่มีทางยอมเสียเปรียบเป็แน่ แต่เขาต้องอดทนไว้ก่อน เขาจำเป็ต้องทนกับผู้หญิงอัปลักษณ์นางนี้ไปก่อน
“แล้วท่านรู้สึกขัดตาข้าตรงไหนหรือ? ดวงตา? จมูก? ปาก? ขอแค่ท่านกล่าวออกมาอย่างหนึ่งข้าก็จะจูบท่านครั้งหนึ่ง ท่านว่าเกมแบบนี้สนุกไหม?” กงอี่โม่เคลื่อนเข้าใกล้พร้อมคลี่ยิ้มใบหน้าเล็กๆ ของนางแนบเข้ามา นางกล่าวอย่างร่าเริง
เด็กหนุ่มท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูเบื้องหน้าทำให้นิสัยชอบเอ็นดูเด็กของนางเริ่มผุดขึ้นมา
เซินสือเย่รู้สึกยอมแพ้แล้ว จะให้ทำอย่างไร? ในเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับคนหน้าไม่อายแต่มีวรยุทธ์ยอดเยี่ยมเช่นนี้! ดังนั้นเขาจึงควรทำตัวเชื่อฟังมากกว่า
เขามองใบหน้ากงอี่โม่ด้วยสายตาโกรธแค้น ทั้งๆ ที่ยังเป็เด็กน้อยแต่ดวงตาของนางกลับฉลาดล้ำลึกและดูเป็ผู้ใหญ่ แม้นางจะกล่าวคำพูดน่าขยะแขยงทว่าริมฝีปากเล็กสีแดงสดของนางที่ขยับขึ้นๆ ลงๆ กลับดูไม่น่ารำคาญสักเท่าไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่นางเข้าใกล้นั้นกลิ่นหอมหวานบนร่างของนางทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดดูเหมือนว่านางก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่นางแสดงออกจากภายนอก
กงอี่โม่หยิกใบหน้าของเขาเบาๆ นางอยากทำแบบนี้ั้แ่แรกแล้ว อืมัันุ่มมือจริงๆ
“เชื่อฟังกันหน่อยท่านยังไม่ได้ตอบคำถามข้าเลย!”
“อาๆๆๆ เ้าเลวมาก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ น่าขยะแขยง ข้าจะตัดมือของเ้าทิ้ง”
เขาขอเก็บคำพูดที่เขาคิดตอนไม่มีสติเมื่อสักครู่ทิ้งให้หมด เด็กนี่ช่างน่าขยะแขยงจริงๆมิน่าฮ่องเต้จึงไม่้านางแล้ว
ทว่ากงอี่โม่กลับรู้สึกสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ นางจึงเริ่มขยับมือไปมาผิวหน้าของเขาช่างดีจริงๆ เขามีชีวิตสุขสบาย แต่ไม่รู้ว่าปกติดูแลผิวพรรณอย่างไรช่างนุ่มมือจนนางอยากลองกัดสักคำ
“คุณท่าน! ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว ข้ายอมบอกทุกอย่าง เ้าปล่อยมือได้ไหม?” เซินสือเย่รู้สึกยอมแพ้แล้วจริงๆเขากล่าวอ้อนวอน
เขาหมดสภาพราวกับไก่ชนที่เพิ่งพ่ายแพ้จากการต่อสู้ เพราะเหตุใดจึงไม่มีคนมาช่วยเขา? ทำให้เขาต้องอ้อนวอนกับคนอื่นเพราะเหตุใด?!!!
“ท่านพูดมาสิ! ทำไมจึงทำกับข้าแบบนี้?” กงอี่โม่ปล่อยมืออย่างเสียดาย
ดวงตาของเซินสือเย่เต็มไปด้วยหยดน้ำตา แต่เขาไม่กล้าต่อว่านาง สุดท้ายจึงทำได้เพียงเงยใบหน้าเล็กๆของตัวเองมองนางอย่างเสียใจและดื้อรั้นท่าทางเช่นนี้ทำให้กงอี่โม่เกือบอดใจไม่ไหวจริงๆ
“ก็เพราะเ้าทำให้น้องซูไม่พอใจ”
“น้องซู?” คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของกงอี่โม่ในตอนแรกพลันเกร็งค้างนางกัดฟันเอ่ยคำสั้นๆ ออกมาอย่างช้าๆ พร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อย
“น้องซูที่ท่านกล่าวถึงคือบุตรสาวของเจิ้นกั๋วโหว?ซูเมี่ยวหลัน? ท่านเกี่ยวข้องอะไรกับนาง?”
“นางเป็บุตรสาวของน้องสาวท่านแม่ข้า เป็ลูกพี่ลูกน้องของข้า” เมื่อกล่าวถึงเื่นี้ใบหน้าของเซินสือเย่พลันปรากฏสีแดงระเรื่อ
กงอี่โม่หรี่ตาลงเล็กน้อยในสมัยโบราณคนที่เป็ลูกพี่ลูกน้องกันก็ดูสนิทกันดีจริงๆ
“ข้าจำได้ว่าข้าไม่เคยเจอนางมาก่อน”
นี่คือความจริง นับั้แ่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งนางก็พยายามหลีกเลี่ยงการพบปะกับซูเมี่ยวหลันมาตลอด เนื่องจากกลัวว่าหากนางเจอหน้าอีกฝ่ายนางอาจลงมือทำอะไรบางอย่างอย่างอดไม่ได้ ดังนั้นหลายปีมานี้แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีอายุสิบสี่ปีได้รับการกล่าวขานว่าเป็สาวงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวง แต่ถึงเป็เช่นนี้นางกลับไม่เคยเจออีกฝ่ายเลยสักครั้ง
“ใช่! เ้าไม่เคยเจอนาง แต่ครั้งที่แล้วน้องซูใช้เวลาหนึ่งปีเต็มกว่าจะปักภาพสองด้านออกมาภาพหนึ่งนางมอบให้กับองค์รัชทายาท แต่เมื่อเ้าเห็นแล้ว เ้าเอ่ยว่าชอบเพียงประโยคเดียวองค์รัชทายาทก็มอบภาพปักให้เ้าทันที เมื่อน้องซูรู้เื่นี้แล้วนางจึงเสียใจเป็เวลากว่าหนึ่งเดือน เ้ารู้หรือไม่?” เซินสือเย่ััได้ย่างรวดเร็วว่ากงอี่โม่รู้สึกไม่พอใจเขาจึงกล่าวอย่างใจลอย
ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งเครียดเมื่อเงยหน้าขึ้นกลับเห็นใบหน้าของกงอี่โม่ดูเหมือนทั้งดีใจและเสียใจ แต่ก็ดูเหมือนกำลังประชดประชันหรือเย้ยหยันอยู่ในชั่วพริบตา สายตาคู่นั้นทำให้คำพูดที่เขาเตรียมย้อนถามนางกลับต้องกลืนลงไปทั้งหมดเขาพูดไม่ออกจริงๆ
ทั้งๆ ที่นางเพิ่งอายุสิบสองปีเท่านั้นแล้วเพราะเหตุใดสายตาของนางจึงช่างเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกซับซ้อนเช่นนี้
เซินสือเย่รู้สึกว่า เมื่อสักครู่มีอยู่ชั่ววินาทีที่เขารู้สึกเหมือนเห็นมารดาของตนตอนที่มารดาของเขายังมีชีวิตนั้นนางมักใช้สายตาที่เขามองไม่ออกมองมาที่เขาอยู่เสมอซึ่งเหมือนกับสายตาของกงอี่โม่ในเวลานี้
ตอนนี้กงอี่โม่พลันยื่นมือออกมาอย่างกะทันหันนางแกะเชือกที่มัดอยู่บนร่างของเขา
ขณะที่เขากำลังตะลึงงันอยู่นั้น นางก็หยิบของออกมาชิ้นหนึ่งราวกับได้จากการเสกขึ้นมาเซินสือเย่เหลือบมอง มันเป็ภาพสองด้านที่น้องซูเป็ผู้ปักขึ้นในตอนนั้น
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้กงอี่โม่จึงยิ้มเย้ยหยันตัวเองเล็กน้อยช่องว่างมิติเวลาของนางมักจะเก็บของที่นางเห็นว่าสำคัญมาตลอดและภาพสองด้านภาพนี้ก็เป็หนึ่งในสิ่งที่นางเห็นว่าสำคัญทว่าในเมื่อเป็ฝีมือของซูเมี่ยวหลัน นางจึงไม่้าอีก
“ที่ท่านกล่าวถึงหมายถึงสิ่งนี้? เอาคืนไป แล้วหวังว่าต่อไปท่านก็ไม่ต้องมาสร้างปัญหาให้ข้าอีก” นางส่งยิ้มอย่างเ็า