ตูม!
พลังของกระบี่คมจันทราพุ่งเข้าไปถูกต้นไม้ใหญ่กว่าสองคนโอบจนมันแตกละเอียดเพราะหวังหนิงหลบไปก่อนดูเหมือนว่าความเร็วของเขาจะไม่ต่างจากข้าเท่าไร
และตอนนี้เองถังเชวียหรานที่อยู่บนยอดไม้ก็ะโบอก“ปู้อี้เชวียน เ้าไปจัดการคนอื่นที่เหลือ หวังหนิงปล่อยเป็หน้าที่ของข้าเอง!”
เพราะข้ามั่นใจในฝีมือของถังเชวียหรานจึงะโม้วนตัวลงจากต้นไม้และพุ่งเข้าหาหนึ่งในศิษย์ของสำนักใจกลาง์ด้วยพลังของมหาัั์และสายฟ้าอรหันต์อย่างรวดเร็ว
เต๊ง!
เมื่อใช้กระบี่คมจันทราฟันเข้าไปจนหอกยาวของเขาปลิวออกไปแล้วข้าก็ะโถีบเข้าไปที่หน้าอกของเขาต่อจนกระดูกด้านในหัก และนั่นก็ทำให้เขาถึงกับถอยไปไกลด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความเ็ปและเหนือความคาดหมายแต่ไม่นึกว่าข้าที่อยู่ในขั้นเทวิญญาเหมือนกับเขาจะมีพลังมากกว่าเขาได้ถึงขนาดนี้!
ลูกธนูสองดอกของหวังหนิงถูกยิงเข้ามาตรงกลางหัวข้าจึงรีบหันไปใช้กระบี่คมจันทราฟันให้กระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนหวังหนิงก็ถึงกับแสดงสีหน้าที่หวาดผวาออกมาและถึงตอนนี้ชีวิตของเขาก็ไม่ปลอดภัยอีกแล้วเพราะถังเชวียหรานกำลังเล็งเป้ามาที่เขาด้วยธนูคลื่นมรกตที่มีอานุภาพรุนแรงจนเกินต้านทาน
...
ตูม!
ถงจั๋วฟาดขวานลาวาเพลิงเข้าใส่ร่างศิษย์ของสำนักใจกวาง์ถึงสองคนอย่างรุนแรงจนลอยปลิวขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับอาการาเ็สาหัสจนต้องเป่าขลุ่ยกระดูกกลับออกไปจากสนามประลอง
“ถงจั๋ว!”
ศิษย์ของสำนักใจกลาง์ที่อยู่ในขั้นเทวิญญาพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์“สำนักทิวากรกับสำนักใจกลาง์ต่างคนต่างอยู่กันมาตลอดแล้วทำไมเ้าต้องมาเป็ปรปักษ์กับพวกเราเพราะคนของสำนักหมื่นิญญาด้วยฮะ!?”
ถงจั๋วหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดขึ้น “ข้าก็แค่เห็นพวกเ้าทำร้ายผู้หญิงก็เลยไม่ชอบใจขึ้นมาเท่านั้น ทำไมถ้ามีปัญญาก็เข้ามาสิ!”
“เ้าคนสารเลว!”
ผู้เข้าร่วมการประลองคนนั้นตวาดเสียงดังก่อนจะพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วแต่ก็ถูกถงจั๋วซัดจนปลิวขึ้นฟ้าและตกลงมาได้รับาเ็และกระอักเืออกมาเหมือนกัน
ส่วนข้าก็หันมาหาศิษย์ต่างสำนักอีกสามคนพลางกระชับกระบี่คมจันทราไว้แน่นและเดินตรงเข้าไปหาอย่างช้าๆ พร้อมกับถามขึ้น“พวกเ้าสินะที่รวมหัวกันทำร้ายถังเชวียหราน?”
“พวกข้า...”
หนึ่งในนั้นพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เริ่มหวาดกลัว“เพราะพวกข้าโดนหวังหนิงบังคับถึงได้ทำแบบนั้นลงไปต่างหาก”
“โดนบังคับอย่างนั้นเหรอ?”
ข้าแสยะยิ้มแล้วพูดต่อ“ทั้งที่พวกเ้าไม่ใช่ศิษย์ของสำนักใจกลาง์แต่กลับยอมฟังคำสั่งจากหวังหนิงเนี่ยนะ? ทำแบบนี้มันจะต่างจากพวกสวะตรงไหน?”
“บัดซบ!”
หนึ่งในนั้นสบถออกมาก่อนจะจับกระบี่ในมือไว้แน่นแล้วพูดต่อ“จะมัวเสียเวลาคุยกับมันอีกทำไม ลุยเข้าไปเลย อย่างมากก็แค่ตาย!”
ว่าแล้วเขาก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับกระบี่ที่มีคลื่นพลังสีขาวซึ่งพลังที่แผ่ออกมาถือได้ว่ามีการฝึกฝนมาอย่างดีจนเข้าระดับสูงใช้ได้เลยทีเดียวมิน่าล่ะถึงได้กล้าอวดเก่งขนาดนี้!
หวึ่ง!
ข้าตวัดกระบี่คมจันทราเข้าใส่กระบี่ของเขาอย่างจังและด้วยความแตกต่างของพลังจึงทำให้กระบี่ในมือของเขาปลิวหลุดมือออกไปอีกทั้งพลังที่มีก็ลดน้อยถอยลงไปมาก ในเวลาเดียวกันข้าก็ชกเข้าที่ลิ้นปี่อย่างแรงจนได้ยินเสียงกระดูกซี่โครงแตกหักออกจากกันก่อนจะเตะเข้าไปเต็มแรงอีกครั้งจนเขากลิ้งไปเหมือนลูกบอล
สองคนที่เหลือเมื่อรู้ว่าหมดทางหนีจึงได้เข้ามาทีเดียวพร้อมกันถึงสองคน
ข้าตั้งท่าัพันศิลาก่อนจะย่อตัวลงแล้วถีบเข้าไปอย่างแรงด้วยพลังของเอกากัลป์เบิกขุนเขาและนั่นก็ทำให้ขาของสองคนนั้นหักไปคนละข้างและปลิวออกไป
ทั้งสองคนเป็เพียงผู้ฝึกฝนิญญาในขั้น์เท่านั้นจึงไม่คณนามือข้าเลยสักนิด
อ๊ากกก!
และในตอนนี้เองก็มีเสียงร้องอย่างน่าเวทนาของใครคนหนึ่งดังมาจากบนต้นไม้ก่อนที่ร่างของเขาจะตกลงมาบนพื้นหญ้าและกระอักเืออกมาหน้าท้องของเขามีรูโหว่ขนาดใหญ่จากการถูกโจมตีด้วยลูกธนูของถังเชวียหรานถ้านางยิงสูงขึ้นอีกหน่อย หวังหนิงก็คงต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เป็แน่
พลังที่แข็งแกร่งของถังเชวียหรานใช้กระบวนท่าัพันศิลาะโลงจากยอดไม้และเหยียบลงบนหน้าอกของหวังหนิงเต็มแรงจนกระดูกของเขาหัก
นางก้มหน้ามองคนที่นอนกระอักเือยู่บนพื้นด้วยสายตาที่เยือกเย็นก่อนจะพูดขึ้น“ข้าอุตส่าห์ใจดียื่นมือเข้าไปช่วยพวกเ้าสังหารวิหคสีเพลิงแต่พวกเ้ากลับหันมาทำร้ายข้าเสียเอง! พวกเ้าช่างน่าไม่อายจริงๆ ไสหัวไปซะแล้วอย่าให้ข้าต้องเจอเ้าอีก!”
อย่างน้อยๆหวังหนิงก็ถือเป็แนวหน้าของศิษย์ในสำนักใจกลาง์ถังเชวียหรานจึงไว้หน้าด้วยการไม่ฆ่าเขา
หวังหนิงกัดฟันแน่นก่อนจะหยิบขลุ่ยกระดูกขึ้นมาเป่าด้วยใบหน้าที่เ็ปและสั่นไปทั้งตัวไม่นานเขาก็หายวับไป ส่วนคะแนนในการประลองที่อยู่ในสายรัดผูกิญญาของเขาก็ลอยเข้ามาในสายรัดของถังเชวียหรานอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นศิษย์คนอื่นๆก็พากันเป่าขลุ่ยกระดูกแล้วกลับออกไปยังโลกแห่งความจริงทีละคนจนแสงสว่างไปทั่วผืนดินที่เหลือไว้เพียงร่องรอยของการต่อสู้อย่างน้อยกลับออกไปก็ยังพอรักษาชีวิตตัวเองได้บ้าง เพราะถ้าขืนดื้อดึงอยู่ในนี้ต่อไปจะต้องมีอันตรายถึงชีวิตเป็แน่
“เ้าไม่เป็ไรใช่ไหมเชวียหราน?”
ข้าถามพลางมองนางที่มีรอยแผลตรงเรียวขาและร่องรอยถูกกระบี่ทำร้ายที่หัวไหล่ยังโชคดีที่เกราะิญญาของนางไม่ได้สลายไป ไม่อย่างนั้นจะต้องแย่แน่ๆ
ใบหน้าของนางที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้ายิ้มขึ้นก่อนจะส่ายหัวเบาๆ“ไม่เป็ไร...โชคดีที่ได้เ้ามาช่วยไว้ไม่อย่างนั้นข้าคงจะต้องละทิ้งการประลองทั้งที่ยังอยู่ในชั้นที่สามแน่ๆ...ครั้งนี้ถือว่าข้าติดหนี้บุญคุณเ้าก็แล้วกัน ขอบใจมากนะ ปู้อี้เชวียน”
“ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ พวกเราไปตามหาหินาาสรรพสัตว์กันเถอะ”
“อืม”
ว่าแล้วพวกเราก็เริ่มออกเดินทางกันอีกครั้งโดยครั้งนี้นอกจากข้ากับถังเชวียหรานแล้วก็ยังมีถงจั๋วและศิษย์ของสำนักทิวากรรวมอยู่ด้วย จึงทำให้มีผู้ร่วมเดินทางกว่าสิบคน
...
ถึงแม้ว่าเส้นทางจะคดเคี้ยวและสูงต่ำต่างระดับกันทว่าสำหรับผู้ฝึกฝนิญญาแล้วมันก็เป็เหมือนพื้นราบที่ไม่ได้เป็อุปสรรคต่อการเดินทางแม้แต่น้อยข่าวคราวของหินาาสรรพสัตว์ดังเข้าหูว่าอยู่ทางทิศตะวันออกและเมื่อพวกข้าเดินทางไปยังคำบอกว่าห้าลี้ก็เห็นว่าอยู่ตรงนั้นจริงๆเพียงแต่ตอนนี้ท้องฟ้าในสถานที่ที่หินาาสรรพสัตว์ตั้งอยู่นั้นเต็มไปด้วยวิหคสีเพลิงที่บินว่อนกว่าร้อยตัวและคอยคุ้มกันหินก้อนนั้นอยู่
แต่นั่นก็ทำให้ผู้เข้าร่วมการประลองต่างไม่มีใครสามารถเข้าใกล้หินนั้นได้เลยสักคนขนาดว่าฟางชิงยวน มู้เซวี่ยน และหยู่เหวินชิงกับคนอื่นๆก็ยังมารออยู่ตรงนี้เหมือนกัน
“เ้าคนกินจุ เชวียหราน!”
ร่างของสาวงามอย่างซูเหยียนเดินเข้ามาหาหลังจากที่นั่งรอพวกเราอยู่ในป่าละแวกใกล้เคียงอยู่นานและด้วยรูปร่างที่ได้สัดส่วนแถมยังใส่ชุดรัดรูปจนสามารถมองเห็นหน้าอกนูนๆและท่อนขาอันเรียวยาว รวมทั้งกลิ่นตัวหอมๆของนางจึงทำให้ผู้ชายหลายต่อหลายคนต่างหันมามอง
และเมื่อนางเดินเข้ามาใกล้และเห็นาแของถังเชวียหรานจึงถามขึ้น“เ้าเป็อะไรหรือเปล่าเชวียหราน?”
“าแเล็กน้อยเอง ไม่เป็ไรหรอก”
ถังเชวียหรานว่าพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ“ข้าถูกคนของสำนักใจกลาง์ทำร้าย แต่โชคดีที่ปู้อี้เชวียนมาช่วยได้ทันเวลาพอดีไม่อย่างนั้นคงจะต้องถอนตัวออกจากการแข่งขันแล้วล่ะ”
“ข้านึกแล้วเชียวว่าคนเลวๆ อย่างหวังหนิงมันจะต้องเล่นสกปรกแน่ๆ!”ซูเหยียนพูดด้วยความโมโห
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วข้าจึงหัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้น“หวังหนิงได้รับาเ็สาหัสจนออกจากการประลองไปแล้วล่ะข้าว่าพวกเรามาหาวิธีทำให้วิหคสีเพลิงออกไปจากหินาาสรรพสัตว์ดีกว่านะ”
“อืม”
และตอนนี้เองซือคงอี้เชวียนหยวนจิ้นรวมถึงจวงเหิงซิ่ง และศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาคนอื่นๆก็เดินเข้ามาเพื่อจะร่วมกันก้าวผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปพร้อมๆ กับพวกเราเพราะวิหคสีเพลิงที่บินว่อนอยู่ข้างบนก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายและถ้าพวกเราต่างคนต่างอยู่แล้วถูกพวกมันโจมตีขึ้นมาจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แน่นอน
ผู้เข้าร่วมการประลองทุกคนต่างก็มายืนรวมอยู่ด้วยกันเป็กลุ่มราวๆสามสิบถึงสี่สิบคน
ถงจั๋วที่ถือขวานลาวาเพลิงในมือพูดขึ้น“พวกเราจะต้องร่วมมือกันถึงจะสามารถต่อสู้กับฝูงวิหคสีเพลิงนี้ได้ไม่อย่างนั้นไม่ว่าใครก็เข้าไปยังชั้นที่สี่ไม่ได้แน่”
มู้เซวี่ยนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะพูดเสริม“ถูกต้อง ตอนนี้การสามัคคีกันคือสิ่งที่ดีที่สุด”
ขณะนั้นหยู่เหวินชิงก็ปรายตามามองข้าก่อนจะพูดด้วยสายตาที่เยือกเย็น “จะให้ข้าร่วมมือกับสวะพวกนี้เนี่ยนะ? ไม่มีทาง ข้าไม่ยอมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกมันหรอกนะ ฮึ...”
ตอนนี้เขาได้ทำลายพลังจากยาสะกดพลังไปแล้วจึงทำให้พลังในระดับเซียนของขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์แผ่ประกายออกมาอย่างรุนแรงและนี่ก็เป็เหตุผลที่ทำให้เขากล้าที่จะอวดเก่งนั่นเอง
ข้าขมวดคิ้วเข้มก่อนจะพูด“ถ้าแน่จริงเ้าก็เข้ามาเลยหยู่เหวินชิงจะให้จัดการเ้าก่อนและค่อยไปจัดการกับพวกวิหคสีเพลิงทีหลังข้าก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ”
“บัดซบ!เ้าเป็แค่ผู้ฝึกฝนขั้นเทวิญญาแต่กลับกล้าทำตัวอวดดีอย่างนั้นเหรอ!?” หยู่เหวินชิงตวาดขึ้นเสียงดังพร้อมกับเรียกกระบี่ยาวมาไว้ในมือซึ่งพลังที่รุนแรงของมันยังทำให้ศิษย์คนอื่นๆ ต้องถอยหลบไปหลายก้าว
มู้เซวี่ยนพูดขึ้นบ้าง“ช่วยทิ้งความแค้นส่วนตัวของพวกเ้าไปก่อนได้ไหม? เวลาแบบนี้ยังอยากจะสู้กันอยู่พวกเ้าก็อย่าคิดเลยว่าจะผ่านชั้นนี้ไปได้!”
ตอนนี้เองคนที่เงียบอยู่นานอย่างฟางชิงยวนก็พูดขึ้นด้วยแววตาที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะเป็ปรปักษ์กับคนอย่างเขา“ช่วยหุบปากแล้วล่อวิหคสีเพลิงลงมาสังหารได้แล้ว!”
พอเขาพูดแบบนั้นพลังของหยู่เหวินชิงก็อ่อนลงไปมากก่อนจะขมวดคิ้วพลางพูด“ในเมื่อฟางชิงยวนเอ่ยปากมาแบบนี้ก็จัดการกับพวกวิหคสีเพลิงแล้วค่อยว่ากัน!”
มู้เซวี่ยนชี้ไปยังยอดเขาที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะพูดขึ้น“ยอดเขาลูกนั้นเหมาะสำหรับการป้องกันสามทิศทาง ถังเชวียหรานเดี๋ยวเ้าใช้ธนูยิงล่อวิหคสีเพลิงลงมาจัดการส่วนคนของสำนักวรยุทธ์นักปราชญ์จะป้องกันไว้ทางหนึ่งและให้คนของสำนักหมื่นิญญาและสำนักทิวากรคอยป้องกันอีกทางหนึ่งส่วนคนของสำนักใจกลาง์และคนอื่นๆ ก็ไปช่วยป้องกันอีกทางและจำไว้ว่าอย่าออกไปสู้เองเด็ดขาดไม่อย่างนั้นจะเป็อันตรายได้ทุกคนเข้าใจแล้วใช่ไหม?”
หยู่เหวินชิงตอบรับ“ไม่มีปัญหา”
ข้าเองก็หยักหน้าตอบ“ตกลง”
...
ถังเชวียหรานเรียกธนูคลื่นมรกตออกมาก่อนจะถามขึ้น“ข้าต้องทลายการสกัดจุดผู้พิทักษ์ไปก่อนใช่ไหม?”
“อืม” ข้ากับซูเหยียนต่างพยักหน้าบอก
หลังจากนั้นพลังในร่างของนางก็พุ่งขึ้นมาอย่างมหาศาลและต่างจากเดิมอย่างมากและเมื่อพลังระดับกลางของขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ถูกแผ่ออกมาสายตาของนางก็เต็มไปด้วยความมั่นใจก่อนจะยิงขึ้นไปบนฟ้าถึงสามครั้งในคราวเดียว
ฟิ้ว!ฟิ้ว! ฟิ้ว!
พลังของลูกธนูพุ่งเข้าไปในฝูงของวิหคสีเพลิงที่กำลังบินวนอยู่บนท้องฟ้าจากนั้นจึงะเิออกไม่นานวิหคสีเพลิงพวกนั้นก็บินลงมาเป็ฝูง
“ป้องกันไว้!”
ข้าจับกระบี่ไว้ในมือแน่นและหันไปบอกกับจวงเหิงซิ่งและหวินยู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ“การโจมตีด้วยขนปีกของวิหคสีเพลิงแข็งแกร่งมาก พวกเ้าหลบอยู่ข้างหลังข้าดีๆ ล่ะไม่อย่างนั้นตายไปข้าไม่รับผิดชอบหรอกนะ”
จวงเหิงซิ่งได้ยินแล้วก็พูดด้วยสีหน้าที่ตื้นตันใจ“อืม ข้ารู้แล้ว!”
ดูเหมือนเขาจะรู้ดีอยู่แก่ใจเหมือนกันว่าเวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาอวดเก่ง
ซุ่ม!
พลังไฟลุกโชนขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากร่างของซูเหยียนที่ปล่อยพลังของระบำทิวากาลแทบจะทันทีทำให้ขนของวิหคสีเพลิงที่ถูกยิงลงมาถูกสกัดไว้ตรงวงนอกของพลังส่วนข้าก็ช่วยใช้กระบี่สกัดการโจมตีของพวกวิหคสีเพลิงอีกแรง
และในตอนนี้เองก็มีพลังสายฟ้าถูกปล่อยออกมาบนฟ้ามีคนกำลังดึงพลังสายฟ้าออกมาใช้อย่างนั้นเหรอ?
เพียงชั่วพริบตาเดียวพลังของวิชาโลกชิตก็ลอยขึ้นมาเป็ลูกๆก่อนจะแตกออกจนร่างของวิหคสีเพลิงแตกละเอียดไปถึงสี่ตัว
พลังเพลงกระบี่โลกชิตของฟางชิงยวนช่างร้ายกาจสมคำร่ำลือจริงๆ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้