ถนนบนูเายาวกว่าสิบลี้มีกลิ่นหอมของซาลาเปาเนื้อไปด้วยตลอดทาง และไม่นานก็เข้าไปในเมือง
บางทีชาวบ้านส่วนใหญ่อาจจะกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานในทุ่งนา ถนนในเมืองจึงดูร้างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน
ติงเหว่ยกำลังคิดถึงร้านขายของเล่นของนาง ทันทีที่เข้าเมืองนางก็จ้องตาปริบๆ ไปที่กงจื้อิ แต่ไม่รู้ว่ากงจื้อิกำลังตั้งใจอ่านหนังสือหรือว่าจงใจกันแน่ เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยปากสั่งหลินลิ่วสักประโยค
ติงเหว่ยรู้สึกหงุดหงิดจึงแอบบิดผ้าเช็ดหน้าของตนเองเพื่อระบายความโกรธ ในใจของนางกำลังสงสัยว่าตอนที่กำลังตุ๋นซื่ออู้ทัง [1] จะใส่ฮวงเหลียน [2] ลงไปดีหรือไม่
ในขณะที่นางกำลังแอบไม่พอใจอยู่เงียบๆ นึกไม่ถึงว่าหลินลิ่วจะหยุดรถม้า เขาเดินเข้ามาที่ข้างหน้าต่างและถามว่า “แม่นางติง ข้างหน้าก็เป็ร้านเถาเป่าแล้ว ท่านอยากจะเข้าไปดูสักหน่อยหรือไม่?”
“หา!” ดวงตาของของติงเหว่ยเบิกกว้างด้วยความดีใจ พอนางเรียกสติกลับมาก็หันไปมองกงจื้อิที่ไม่รู้ว่าเขาวางหนังสือลงั้แ่เมื่อไร ดวงตาดำขลับของเขาเต็มไปด้วยความขบขัน “ช่วยลงไปดูสักหน่อยเถอะ ข้าจะให้เวลาเ้าสองเค่อ”
เมื่อคิดถึงแผนการอัน ‘ชั่วร้าย’ เมื่อสักครู่ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็สีแดงด้วยความเขินอาย นางรีบขอบคุณเขาอย่างฉุกละหุกแล้วก็เปิดประตูลงไป
หลินลิ่วเองก็วางเก้าอี้ตัวเล็กรอเอาไว้แล้ว นางก้มตัวลงและเดินลงมา แต่ในขณะที่กำลังจะหมุนตัวไปปิดประตูจู่ๆ ก็มีเสียงคนกรีดร้องขึ้นมา
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงพวกเขาก็พากันหันหน้าไปมองโดยไม่รู้ตัว ที่มองเห็นก็มีแค่ของน่ารักๆ ที่อยู่หน้าร้านของเล่นเถาเป่า และมีลูกค้าวิ่งออกมาจากในร้านสองสามคน จากนั้นก็มีชายสองคนที่ใส่จมูกสีแดงและสวมเสื้อลายทางวิ่งตามออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล้มลงบนถนนอย่างแรง ทำให้คนที่ผ่านไปมาต่างก็พากันหยุดดูเื่ราวสนุกสนาน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีคนกำลังก่อกวนสร้างเื่อยู่เป็แน่!
ติงเหว่ยโกรธจนสีหน้าเ็า นางยกเท้าจะก้าวไปตรวจสอบดูข้างหน้า ทว่าเฟิงจิ่วกลับดึงแขนเสื้อของนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ยังไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด หากว่าเข้าไปแล้วได้รับาเ็ขึ้นมาก็คงเสียเปรียบไม่น้อย
แต่ติงเหว่ยในฐานะเ้าของร้าน จะปล่อยให้นางเห็นคนงานของตนเองถูกทุบตีโดยไม่ออกหน้าไปจัดการได้อย่างไร?
ในขณะที่นางกำลังจะพูดก็มีชายร่างใหญ่สี่หาคนเดินกร่างออกมาจากในร้าน แม้แต่วันที่อากาศเริ่มอบอุ่นก็ยังมีความหนาวเย็นอยู่ แต่พวกเขากลับเปิดเสื้อผ้าออกเผยให้เห็นอกและเปลือยท่อนบนเอาไว้ ใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มดูดุร้ายน่ากลัว และมีฟันสีเหลือง เมื่อเขาเปิดปากพูดก็มีน้ำลายกระเด็นออกไปโดนลูกน้องทั้งสองคนของนาง เขาพูดจาหยาบคายเสียงดังว่า “เ้าพวกคนไม่เห็นคุณค่าของผู้อื่น แล้วยังไม่รู้จักดูให้ดีอีกว่าข้าเป็ใคร?”
“ถูกต้อง” ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เขาโค้งตัวขึ้นและก้าวไปข้างหน้าเพื่อยกเท้าเหม็นๆ [3] ของพี่ใหญ่ “พี่ใหญ่ของพวกเราตั้งชื่อให้เราว่าผิงตงเซี่ยน วันนี้เรามาที่ร้านของพวกเ้าหวังจะใช้เงินสักหน่อย แต่เป็พวกเ้าที่ดูถูกพวกเราแล้วยังกล้าพูดว่าพวกเราไม่มีเงินและมาเพื่อก่อกวนเท่านั้นอีก! ให้คนที่คุยรู้เื่รีบจัดการเอาเงินมาให้พี่ใหญ่เดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นที่อำเภอชิงผิงนี้พวกเ้าก็อย่าอยู่เลย!”
ชายที่เป็หัวหน้ากลุ่มฟังอย่างสบายใจ เขาทำท่าทีวางกล้ามแล้วเชิดคางขึ้นสูง พร้อมฉีกยิ้มโชว์ฟันสีเหลืองและพูดอย่างลามกว่า “ข้าได้ยินว่าเ้าของร้านที่นี่เป็ผู้หญิง ข้าผิงตงเซี่ยนก็เป็ชายชาติวีรบุรุษ ยังไงก็ไม่ทำความรู้จักกับผู้หญิงทั่วไป ดังนั้นจงไปบอกนางว่าให้เอาเงินมาให้ข้าหนึ่งพันตำลึง หากขาดตำลึงหนึ่งก็นอนกับข้าคืนหนึ่ง หลังจากที่ข้าหลับนอนด้วยพอแล้ว ยังมีเหล่าพี่น้องของข้า…”
“โอ๊ย!” ก่อนที่ชายหัวหน้ากลุ่มจะพูดจบจู่ๆ เขากลับล้มลงหน้าแนบไปกับพื้น และเขาก็เอามือปิดปากที่ฉีกออกเอาไว้ เืสีแดงสดไหลออกมาตามง่ามนิ้วของเขาและหยดลงบนถนนชิงฉืออย่างเห็นได้ชัดเจน
กลุ่มคนที่ไม่มีอะไรทำมาล้อมวงยืนดูพวกเขาเดิมทีคิดว่าเป็เพียงพวกอันธพาลที่มาหาเื่รังแกที่ร้านทั่วไปเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เหตุการณ์จะเปลี่ยนไปเช่นนี้ ทุกคนต่างเบิกตาโตและคึกคักขึ้นมาในทันที แต่เท้ากลับถอยหลังกลับไปหลายก้าว
อันธพาลสามสี่คนนั้นก็ใ ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะเรียกสติกลับมาได้ และก็มีผู้กล้าหาญสองคนเข้าไปประคองพี่ใหญ่ของตนเองขึ้นมา ส่วนที่เหลืออีกสองคนก็ทำเป็ยกกระบองในมือขึ้นแกว่งไปมาพลางจ้องไปรอบๆ อย่างดุดัน “ใครเป็คนลอบกัด ถ้าแน่จริงก็ก้าวออกมาสิ!”
ชายหนุ่มสองคนที่ถูกโยนออกมาอย่างรุนแรงเมื่อครู่ พวกเขาช่วยพยุงกันลุกขึ้น เท่าที่เห็นในตอนนี้อันธพาลพวกนั้นกำลังเสียเปรียบแล้ว ในใจก็มีความสุขและยังกังวลไปพร้อมๆ กันด้วย
ปกติแล้วเถ้าแก่จะอยู่ที่ร้านทุกวัน แต่พอดีเมื่อครู่เกิดมีธุระที่ร้านขายของชำอีกแห่งจึงต้องออกไปชั่วคราว นึกไม่ถึงเลยว่าจะเจอกับอันธพาลพวกนี้ วันนี้มีคนช่วยลงโทษอันธพาลพวกนี้แล้วทุกคนก็รู้สึกดีใจไปโดยปริยาย ทว่าอันธพาลกลุ่มนี้เองก็ขึ้นชื่อในเมืองว่ารับมือได้ยากเช่นกัน ไม่รู้ว่าชายวีรบุรุษที่ลงมือท่านนี้จะต้องตกที่นั่งลำบากเพราะเหตุการณ์นี้หรือไม่?
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครออกมาตอบนักเลงทั้งสองคนเลย ไม่ว่าพวกเขาจะโบกไม้และะโอย่างไรก็ตาม ทว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาที่ครางอยู่เมื่อครู่กลับไม่มีเสียงออกมาเสียแล้ว ทั้งสี่คนต่างก็ใจนเข่าอ่อน รีบใช้เจ็ดแปดมือช่วยกันยกชายคนนั้นและวิ่งไปที่โรงหมอด้านหน้า
คนว่างงานที่มุงดูอยู่รอบๆ นั้น บางคนก็อดกลั้นความอยากรู้ไม่ไหว จึงตามไปดูเื่สนุกๆ ที่โรงหมอด้วย บางคนก็คว่ำริมฝีปากลงอย่างเสียดายแล้วเดินทางไปทำธุระของพวกเขาต่อตั้งนานแล้ว
ในชั่วพริบตาเดียว ที่ด้านหน้าร้านเถาเป่าก็เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนที่กำลังยืนอย่างงุนงง
ติงเหว่ยรีบสะบัดเฟิงจิ่วออกไปแล้วเดินเข้าไปถามด้วยเสียงแ่เบาว่า “เถ้าแก่เฉิงอยู่ที่ไหน ทำไมถึงมีแค่พวกเ้าอยู่ในร้าน?”
คนงานทั้งสองคนนั้นไม่รู้จักเ้าของร้าน แต่เมื่อฟังน้ำเสียงของติงเหว่ยก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยและรีบบอกว่า “เถ้าแก่เฉิงไปที่ร้านขายของชำ”
ติงเหว่ยขมวดคิ้ว นางคิดไปคิดมาอยู่ครู่หนึ่งและบอกว่า “ข้าสกุลติง และเป็เ้าของร้านเถาเป่า”
ชายหนุ่มทั้งสองคนก็มีไหวพริบไม่เบา พวกเขาจึงคำนับอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ติงเหว่ยห้ามพวกเขาเอาไว้ นางหันกลับไปมองภายในร้านที่เละเทะนิดหน่อย เห็นได้ชัดว่าพวกอันธพาลเมื่อครู่นี้มาทำลายข้าวของ ดังนั้นจึงพูดว่า “พวกเ้าเข้าไปเก็บกวาดร้าน แล้ววันนี้ก็หยุดร้านชั่วคราวหนึ่งวัน พวกเ้าเองก็ไปโรงหมอตรวจดูสักหน่อยเพื่อรักษาาแต่างๆ ส่วนค่ารักษาก็ให้ใช้จากบัญชีของร้าน นอกจากนี้ พอเฉิงต้าโหยวกลับมาช่วยบอกเขาให้กลับไปที่บ้านหลังเดิมของเขาด้วย”
เดิมทีคนงานทั้งสองกลัวว่าเ้าของร้านจะดุด่าว่าพวกเขาดูแลร้านไม่ดี นึกไม่ถึงเลยว่าเ้าของร้านจะใจกว้างขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ตำหนิอะไร แล้วยังให้พวกเขาไปโรงหมออีก ทั้งสองคนพูดขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า และบอกว่าไม่จำเป็ต้องไปโรงหมอ จากนั้นก็สัญญาว่าวันหน้าพวกเขาจะดูแลร้านให้ดีๆ
ติงเหว่ยโบกมือแล้วหันกลับไปมองผู้คนที่มารวมตัวกันอยู่รอบๆ นางกลัวว่ากงจื้อิและคนอื่นๆ จะไม่สะดวก ดังนั้นนางจึงรีบไล่ชายหนุ่มทั้งสองคนกลับเข้าไปในร้าน และในขณะที่นางกำลังจะเดินกลับไปที่รถม้า ไม่รู้ว่าเท้าของนางเหยียบอะไรกลมๆ
นางก้มลงไปดูและเห็นว่าที่แท้ก็เป็เหอเถาที่มีเืเปื้อนอยู่นั่นเอง
เหอเถา!
นางตกตะลึงโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น รอจนขึ้นรถไปนางก็มองอย่างละเอียด เป็อย่างที่คาดไว้จริงๆ เหอเถาสองลูกที่มักจะอยู่ในมือของกงจื้อิตลอดหายไปลูกหนึ่ง
“นายน้อย เมื่อครู่นี้…”
“ไม่จำเป็” แววตาของกงจื้อิฉายแววดุดันขึ้นมาชั่วครู่ “เื่นี้เ้าไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวให้เฟิงจิ่วไปจัดการแทน”
“เอ่อ นายน้อย แต่นี่เป็ร้านของข้า ยังไงข้าก็ควรจะคิดหาทาง...” ติงเหว่ยยังคง้าปฏิเสธ แต่กงจื้อิยื่นมือใหญ่ของเขาออกมาแล้วดึงนางให้นั่งลงข้างเขาดีๆ
“เ้าเป็คนของข้า และมันก็ไม่ใช่เื่ที่จะถูกพวกอันธพาลพวกนั้นรังแก”
ติงเหว่ยตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของนางก็เริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่งด้วยเหตุผลบางอย่าง ไม่รู้ว่าเป็เพราะผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ นางหรือเป็เพราะคนของสกุลกงจื้อประโยคนั้นกันแน่
พูดผิด จะต้องพูดผิดไปแน่ๆ!
นางได้ลงชื่อในสัญญาบ่าวใช้ ดังนั้นนางเองก็ถือเป็คนของเ้าบ้านไปโดยปริยาย ประโยคนี้ไม่ได้ผิดปกติอะไร แต่ถึงจะผิดปกติก็คงเป็เพราะว่านายน้อยไม่ได้พูดให้ชัดเจนในตอนนั้น
แต่เหตุใดหน้าของนางถึงร้อนผ่าวขนาดนี้ แล้วหัวใจก็ยังเต้นแรงยิ่งกว่าเสียงกลองอีกล่ะ?
ติงเหว่ยพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะพูดโน้มน้าวใจตนเอง บางครั้งก็ยังแอบตบหน้าแดงที่ไม่ได้ดั่งใจไปสองครั้ง ไม่ง่ายเลยกว่าที่นางจะสงบสติลงได้ แต่อย่างไรภายในใจก็ยังคงรู้สึกแปลกๆ และนางก็ไม่กล้าหันไปมองกงจื้อิที่นั่งอยู่ข้างๆ
ดวงตาของกงจื้อิเป็ประกายด้วยความสนุกสนาน จากนั้นเขาก็หันออกไปที่นอกหน้าต่าง ทว่าใบหน้าของเขาพลันเ็าขึ้นมาในทันใด มีคำพูดว่าเสือร่วงสู่พื้นที่ราบโดนสุนัขแกล้ง [4] ถึงแม้เขาเป็แค่เสือที่ป่วยแต่ก็ไม่ใช่ว่าสุนัขเ้าถิ่นไม่กี่ตัวจะมารังแกได้!
“เฟิงจิ่ว คืนนี้่จัดการเื่นี้ด้วย”
ในตอนที่ติงเหว่ยกำลังคิดเกี่ยวกับของเล่นเด็กเป็ครั้งแรงก็มีเฟิงจิ่วมาช่วยเหลือ แม้ว่าจะเปิดร้านไปแล้วของในร้านจะมีพี่รองสกุลติงเป็คนรับผิดชอบ แต่เมื่อเขาได้ยินว่ากิจการค้าขายดีเขาก็ยังภูมิใจไปด้วย ไม่ว่าจะพูดอย่างไรร้านนี้ก็เป็ผลงานของเขาอยู่ส่วนหนึ่ง วันนี้เห็นกับตาว่ามีพวกอันธพาลมาก่อความวุ่นวาย ทุบของเล่นสีต่างๆ ในร้านจนพังเละเทะ เขาจึงโกรธจนผมแทบจะลุกขึ้นมาทันที
ตอนนี้เขาได้ยินคำสั่งของนายน้อยแล้วก็ยิ่งสมเหตุสมผลมากขึ้น “นายท่านโปรดวางใจ ข้าน้อยจะจัดการให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน”
ติงเหว่ยที่กลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อได้ฟังคำพูดของเฟิงจิ่วที่มีเจตนาฆ่าแฝงอยู่ ก็เกิดความลังเลว่าจะกำชับเพิ่มสักสองประโยคดีหรือไม่ พอดีกับเฉิงต้าโหยวกำลังเดินมาจากหัวถนนไกลๆ หลินลิ่วมีสายตาเฉียบขาดไม่อยากให้เขาทำความเคารพก่อนขึ้นรถม้าและทำให้คนผ่านไปผ่านมาสนใจเอาได้ ดังนั้นเขาจึงดึงบังเหียนม้าแล้วรีบขับรถม้าออกไปจากหน้าร้านในทันที
ขามาก็มาอย่างรวดเร็ว ขาไปก็ไปอย่างไม่ล่าช้า ไม่ทันถึงหนึ่งเค่อรถม้าก็ออกมาอยู่นอกเมืองอีกครั้ง ติงเหว่ยที่ได้ยินเสียงผู้คนเบาลงจึงเปิดม่านดู และนางถึงได้รู้ตัวว่าตอนนี้กลับเข้ามาอยู่ในป่าอีกครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงถามด้วยความแปลกใจว่า “นายน้อยท่านไม่ไปทำธุระแล้วหรือ?”
กงจื้อิหยิบหนังสือขึ้นมาอีกครั้งและตอบอย่างราบเรียบว่า “ไม่ใช่เื่สำคัญอะไร เอาไว้ค่อยจัดการทีหลังเถอะ”
“เอ๋?” ต่อให้ติงเหว่ยจะโง่เขลาสักแค่ไหน นางก็ยังเดาออกว่าวันนี้กงจื้อิตั้งใจพานางออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกเท่านั้นเอง ส่วนผลลัพธ์ก็คงไม่ต้องพูดถึง ใบหน้าที่ควบคุมไม่ได้ดั่งใจของนางก็แดงก่ำขึ้นมา
คิดมากเกินไป นางคงจะคิดมากเกินไปแล้วจริงๆ!
……
ฤดูใบไม้ผลิและทิวทัศน์ที่สดใสเป็่เวลาที่ดีที่สุดในการออกจากบ้านและอาบแดด แม้ดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิจะแตกต่างจากความฉุนเฉียวในฤดูร้อน ความโอ่อ่าในฤดูใบไม้ร่วง และความเบาบางในฤดูหนาว แต่ก็ยังอบอุ่นและใจดี
ชายาุโเดินถือกรงนกอันเป็ที่รักเดินไปตามถนน ชายวัยกลางคนแกว่งพัดเข้าและออกจากร้านอาหาร ชายหนุ่มสวมชุดสีสันสดใสวิ่งไปรอบเมืองและนอกเมือง พวกผู้หญิงก็พยายามอ้างว่ายังขาดอุปกรณ์และวัสดุในการเย็บปักถักร้อย เพื่อจะได้เข้าไปเดินเล่นในร้านต่างๆ ได้
แต่ในวันนี้สถานที่ที่มีชีวิตชีวามากที่สุดก็คือหอซู่ิเซียง หากพูดตามความจริงแล้วชาที่นี่รสชาติธรรมดาๆ และการตกแต่งอาคารสองชั้นก็แทบจะไม่มีอะไรเลย ทว่าั้แ่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่นี่กลับเต็มไปด้วยผู้คนมากมายมาดื่มชาอย่างน่าประหลาด
ไม่มีสาเหตุอื่นก็แค่ร้านผ้าไหมฝั่งตรงข้ามหอชู่ิเซียงได้เปลี่ยนชื่อร้านเป็ร้านเถาเป่า
ร้านเถาเป่าขายของให้เด็กโดยเฉพาะ หากจะพูดขึ้นมาก็ไม่มีอะไรน่าอัศจรรย์ ทว่าภายในร้านยังมีห้องลับซ่อนอยู่หนึ่งห้อง โดยจะขายให้กับสาวน้อยโดยเฉพาะ มีทั้งเบาะรองนั่งรูปร่างแปลกๆ ตุ๊กตาขนยาวๆ หรือตุ๊กตาที่เหมือนคนจริงๆ แล้วยังมีหูกระต่ายแต่ว่าไม่มีรองเท้าส้นสูง ั้แ่เปิดร้านมาวันแรกก็ดึงดูดหญิงสาวจากครอบครัวที่ร่ำรวยทั้งหมดในเมืองให้มาใช้บริการ แม้แต่สตรีที่เติบโตในห้องส่วนตัวมานานหลายปีและไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าของนางก็อดที่จะมาชื่นชมความงามไม่ได้ ส่วนใครที่อดกลั้นไม่ไหวก็จะขอให้ผู้ปกครองพามาเดินเล่นที่ร้านสักหน่อย
ดังสุภาษิตโบราณที่ว่า ใครๆ ก็รักสวยรักงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหญิงสาวที่มีการศึกษา และสำหรับคนหนุ่มสาวที่ชื่นชอบเื่กิเลส ดังนั้นโอกาสดีๆ เช่นนี้ไม่ควรพลาด หอคอยิเซียงจึงกลายเป็สถานที่ที่ดีที่สุดในการสอดแนม
โดยเฉพาะคนที่มั่นใจในความสามารถของตนเองและมีความคิดที่จะออกไปสำรวจโลกกว้าง เขายืนอยู่ข้างหน้าต่าง ดื่มชาลงไป และกล่าวบทกลอนที่แสนเ็ปออกมา หากว่าเขาได้แต่งงานกับภรรยาที่ร่ำรวยจริงๆ ไม่แน่เขาอาจแต่งเพลงชื่อว่า 才子佳人 ซึ่งเป็เื่ราวที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับการแต่งงาน
-----------------------------------------
[1] ซื่ออู้ทัง 四物汤 ตำรับยา หมายถึง เป็ตำรับยาดั้งเดิมเกี่ยวกับการบำรุงเื และการปรับระบบเื ซึ่งครอบคลุมทุกเื่ของการบำรุงเื, สร้างเื, ขับเคลื่อนเื, สลายก้อนเื, ระงับอาการปวด(จากการอุดตันของเื) ตัวยาสำคัญของยาตำรับนี้คือ ตังกุย (当归) สูตี้ (熟地) ไป๋เส่า (白芍) และชวนซยง (川芎)
[2] ฮวงเหลียน 黄连 หมายถึง อึ่งโน้ย สมุนไพรแห้งชนิดหนึ่งมีฤทธิ์เย็นและขมที่สุดในทางการแพทย์แผนจีน มักใช้สำหรับการรักษาธาตุไฟของตับและหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรุกรานม้าม กระเพาะอาหาร และปอด มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรียทำให้มีประโยชน์ในการรักษาการติดเชื้อในลำไส้
[3] ยกเท้าเหม็นๆ 捧臭脚 หมายถึง แม้จะรู้ว่าผู้ที่ถูกชมนั้นผิด(เท้ามีกลิ่นเหม็น) เราก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะบอกว่าเขาถูก แม้ว่าเราจะรู้ว่าผู้ถูกชมนั้นไม่ดีนัก(เท้ามีกลิ่นเหม็น) แต่ก็ยังอยากจะเคารพนับถือ
[4] เสือร่วงสู่พื้นที่ราบโดนสุนัขแกล้ง 虎落平阳被犬欺 หมายถึง เสือที่ออกจากถิ่นฐานตนเองมาอยู่ในพื้นที่ราบ ก็ถูกสุนัขกลั่นแกล้งได้ ใช้เปรียบเปรยถึงคนที่เคยมีตำแหน่งสูงหรือมีอำนาจลาภยศ ต้องกลายมาเป็คนธรรมดา หรือถูกลดตำแหน่งลงมา ทำให้ไม่มีคนยำเกรงหรือเกรงกลัวอีกต่อไป