“นี่คือหรานอิ่งชุน บุตรสาวของแม่ทัพหราน นี่สืออี นี่เหมินเค่อที่องค์ชายใหญ่ส่งมาชื่อคุณชายต้วน ต้วนจิงเย่ ส่วนนี่ นางเป็ภรรยาของข้า เวินซี”
จ้าวต้านเอ่ยแนะนำพวกเขาให้ซูเหอรู้จักทีละคน
เมื่อได้ยินคำว่าภรรยา ดวงตาของซูเหอก็เป็ประกายขึ้นมา นางมองเวินซีด้วยความดีใจ “ที่แท้ก็เป็พี่สะใภ้นี่เอง เช่นนั้นซูเหอยิ่งต้องชดใช้เ้าค่ะ พี่สะใภ้ชอบสิ่งใด เอาไปได้หมดเลยเ้าค่ะ ถือว่าเป็คำขอโทษจากข้า”
“พี่สะใภ้อย่ามองว่าที่นี่เป็หมู่บ้านบนเขานะเ้าคะ ของล้ำค่าหรืออัญมณีต่างๆ ที่ปล้นมาได้เรามีนับไม่ถ้วน หากท่าน้าสิ่งใด นำกลับไปได้เลยเ้าค่ะ”
“พี่สะใภ้หากมีเวลาช่วยเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่เ้าคะว่าท่านทำให้คนที่แข็งทื่อราวกับหุ่นไม้อย่างแม่ทัพต้านหวั่นไหวได้เช่นไร ข้าสงสัยจริงๆ ท่านรู้หรือไม่เ้าคะว่าเมื่อก่อนมีสตรีมากมายขอร้องให้เขาแต่งงาน แต่ก็โดนเขาปฏิเสธกลับไปทั้งหมด”
คำพูดตลกเพียงประโยคเดียวทำให้เวินซีเงยหน้าขึ้นมองจ้าวต้านอย่างอึดอัด ไม่นานนักนางก็ละสายตาออกแล้วฉีกยิ้มเป็การตอบกลับ
“ไม่จำเป็ต้องชดใช้อันใดหรอก เ้าเองก็มิได้มีเจตนาทำร้ายข้า ส่วนเื่ที่ข้ากับแม่ทัพต้านเป็สามีภรรยากันได้เช่นไรนั้น ต่อไปเดี๋ยวเ้าก็ได้รู้เองล่ะ”
“ก็ได้เ้าค่ะ” เมื่อเห็นว่านางไม่อยากพูด ซูเหอก็ไม่บังคับ นางมองดูทุกคนแล้วลุกขึ้นจากเตียง “ไปกันเถิดเ้าค่ะ พวกเขาเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับไว้แล้ว ยามนี้เราไปที่โถงใหญ่กัน น่าจะเตรียมการเสร็จหมดแล้ว”
“เช่นนั้นก็รบกวนคุณหนูซูด้วยขอรับ” ต้วนจิงเย่ประสานมือขึ้น แล้วพูดอย่างสง่างาม
“ไม่รบกวนเ้าค่ะ ต่อไปเรียกข้าว่าซูเหอเถิดเ้าค่ะ เราไปกันเถิด”
ซูเหอเดินไปด้านหน้าสุด นำพวกเขาไปยังห้องโถง
ห้องโถงที่นางบอกนั้น แท้จริงแล้วเป็ถ้ำธรรมชาติแห่งหนึ่ง ตรงกลางถ้ำมีเก้าอี้ไท่ซือวางอยู่ตัวหนึ่ง บนนั้นมีหนังเสือปูอยู่
ทั้งสองด้านของเก้าอี้ไท่ซือเป็โต๊ะยาวเหยียดออกไปถึงประตู แต่ละที่นั่งมีเบาะรองนั่งขนกระต่ายซึ่งดูหรูหราไม่น้อย
เมื่อเวินซีและคนอื่นๆ ก้าวเข้าไปในห้องโถง โจรก็แขวนผ้าไหมสีแดงประดับอย่างเป็ระเบียบ มีโคมไฟสีแดงสดกำลังส่องสว่าง บรรยากาศแลดูรื่นเริงเป็อย่างยิ่งราวกับงานมงคลสมรส
“นั่งลงเถิดเ้าค่ะ อาหารใกล้จะมาแล้ว” ซูเหอพูด พลันเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ไท่ซือ
“ไปกันเถิด”
เวินซีเอ่ยเบาๆ แล้วนำจ้าวต้านไปนั่งฝั่งขวา ส่วนคนอื่นๆ ก็หาที่นั่งของตนแล้วนั่งลง
เมื่อเหล่าโจรป่าเห็นก็กลัวว่าพวกเขาจะเบื่อ จึงนำขวดเหล้ามาเทใส่จอกให้แต่ละคน
กลิ่นเหล้าอบอวลไปทั่วทั้งห้องโถงทันที
“นี่เป็เหล้านารีแดงชั้นดี เราปล้นได้จากขุนนางคนหนึ่งไม่นานมานี้ ลองชิมสิเ้าคะ คนกันเองทั้งนั้น ข้าไม่เกรงใจล่ะนะเ้าคะ ข้าขอดื่มเป็การเคารพพวกท่านก่อน” ซูเหอดื่มเหล้าในจอกจนหมดอย่างรวดเร็ว
ส่วนเวินซีจิบคำเล็กๆ เป็การตอบรับ
แม้ว่าซูเหอจะไว้ใจได้ แต่เวินซีก็ยังไม่วางใจ กลัวว่าจะเกิดเื่อันใดอีกจึงไม่กล้าดื่มจนเมา
“ซูเหอ จะลงเขาไปกับพวกเราหรือไม่?” หลังจากดื่มเหล้า จ้าวต้านก็เงยหน้าขึ้นถามนาง
“ลงเขาหรือเ้าคะ? แม่ทัพต้าน มิได้หรอกเ้าค่ะ หากข้าจากไป พี่น้องพวกนี้จะทำเช่นไร? หัวหน้าใหญ่กับหัวหน้าสามนั่นทำอันใดไม่เป็สักอย่าง มีแต่สร้างปัญหา”
“สองปีที่ผ่านมา ราชสำนักคิดจะปราบปรามพวกเราเสมอ แต่เพราะยำเกรงข้าจึงมิได้ลงมือ หากข้าจากไป หมู่บ้านนี้คงต้องเกิดเื่ขึ้นเป็แน่”
“แม้ว่าข้าจะเป็เพียงรองหัวหน้า แต่เื่ทั้งหมดที่นี่ข้าเป็ผู้รับผิดชอบ แม่ทัพต้าน ข้าต้องรับผิดชอบชีวิตของพวกเขา จึงลงเขาไปกับท่านมิได้เ้าค่ะ”
“พวกเขามีบุญคุณต่อข้า หากข้าจากไปถือเป็การเนรคุณ”
แม้ว่าบางส่วนในใจของซูเหอจะอยากจากไป แต่ก็ยังปฏิเสธคำของจ้าวต้านอย่างหนักแน่น
นางมิใช่หุ่นเชิดไม้ ่เวลาที่อยู่ที่นี่มานาน ย่อมมีความผูกพันกับพวกเขา
“แม่ทัพต้าน แม้ว่าข้าจะมิได้จากไปกับพวกท่าน แต่หากในอนาคตท่านมีเื่ที่้าให้ข้าช่วยอันใด ข้าจะช่วยเหลือเต็มที่เ้าค่ะ บุญคุณที่ท่านเลี้ยงข้ามา ชาตินี้ซูเหอจะไม่มีวันลืม”
“ทราบแล้ว” เมื่อเห็นเช่นนี้จ้าวต้านจึงไม่บังคับ
ในเวลานั้น ทุกคนต่างก้มหน้าดื่มเหล้าต่อไป
หรานอิ่งชุนเป็คุณหนูตระกูลใหญ่ นางมิค่อยได้ดื่มเหล้าจึงคออ่อนที่สุด หลังจากที่ดื่มไปจอกหนึ่งก็เมาหลับคาโต๊ะ
ต้วนจิงเย่เอาแต่จ้องมองเวินซี ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอันใด
ส่วนสืออีเหลือบมองทั้งสามคน เวินซี ต้วนจิงเย่ และจ้าวต้าน
ในเวลานั้นที่ครัว
“เร็วเข้า เร็วเข้า เพื่อนๆ แขกของรองหัวหน้ารออยู่ที่โถงใหญ่แล้ว”
“เอาไก่ เป็ด ปลา เนื้อออกมาให้หมด หากไม่มีรองหัวหน้าเราก็คงไม่มีของพวกนี้ ห้ามตระหนี่ มีสิ่งใดเอาออกมาให้หมด อย่าให้รองหัวหน้าต้องเสียหน้า”
“ทำความสะอาดห้องพักหมดแล้วหรือไม่? เสร็จแล้วไปดูที่โกดัง ข้าจำได้ว่าตอนที่เก็บของเข้าคลังวันก่อนมีสิ่งใดนะ...เรียกว่าธูปหอมใช่หรือไม่ เอาไปจุดด้วย เพื่อนของรองหัวหน้าเป็ผู้สูงศักดิ์กันทั้งนั้น คอยปรนนิบัติพวกเขาให้ดี”
......
หัวหน้างานสั่งงานไม่หยุด พวกโจรก็แบ่งงานกันชัดเจน คนที่ทำอาหารก็ทำไป พวกที่เตรียมอาหารก็พากันสับเนื้อหั่นผัก พากันจัดเตรียมอยู่ตลอด
ไม่นานนัก โต๊ะในครัวก็เต็มไปด้วยอาหารดีๆ
“พวกเ้าห้าคน เอาอาหารออกไปก่อน อย่าให้พวกเขารอนาน” หัวหน้างานชี้นิ้วสั่งโจรป่าห้าคนที่อยู่ที่ประตู
ทั้งห้าคนพยักหน้า นำอาหารใส่กล่องอาหารพลันตรงไปที่โถงหน้า
“เ้าคิดว่าคนเ่าั้มาจากที่ใดกัน? ตอนที่หัวหน้าสามแต่งงานยังไม่จัดงานใหญ่เช่นนี้เลย!”
“ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาเป็คนใหญ่คนโตจากเมืองหลวง ทักษะการต่อสู้ของพวกเขาเป็เลิศกันทั้งนั้น”
“คนจากเมืองหลวง? คนเมืองหลวงมิได้ดูถูกคนบนเขาอย่างพวกเราหรือ? เหตุใดถึงมาเป็แขกที่นี่ได้? ข้าอยากทานปลานี้มาตั้งนานแล้ว วันนี้ถูกนำไปทำอาหารเสียหมด น่าเสียดายจริงๆ...”
“ถุย คำนี้หากเ้าไปพูดให้รองหัวหน้าได้ยิน นางคงเฆี่ยนเ้าแน่ รองหัวหน้าเก่งกาจเช่นนั้น เพื่อนของนางย่อมเป็แขกผู้มีเกียรติของเรา”
“นั่นน่ะสิ รีบไปเถิด อย่าโอดครวญอยู่เลย อย่าให้ผู้ใดได้ยินเข้าล่ะ”
ในขณะนั้นทั้งห้าคนเดินออกไปพลางพูดคุยกันเบาๆ มิได้มองทางเดิน
ทันใดนั้นโจรคนที่อยู่ด้านหน้าก็โดนชนจนล้มลง กล่องอาหารในมือของเขาตกลงบนพื้น อาหารหกกระจาย
“ผู้ใดกัน? ไม่มีตาหรืออย่างไร? ไม่เห็นหรือว่าเรากำลังจะไปส่งอาหาร?” โจรป่ามองดูกล่องอาหารที่คว่ำอยู่ก็ขมวดคิ้วและพูดอย่างเคร่งขรึม
“ข้าเอง” หัวหน้าใหญ่พูดด้วยสีหน้าดุดันแล้วมองโจรคนนั้น
เมื่อได้ยินเสียงของเขา โจรก็สะดุ้ง พลันเอ่ยอย่างประจบสอพลอ “หัวหน้าใหญ่นี่เอง เป็ข้าเองที่ไม่ดูตาม้าตาเรือขอรับ หัวหน้าอย่าได้ถือสาข้าเลยขอรับ”
“ข้าน่ะไม่เป็อันใด แต่อาหารพวกนี้...” หัวหน้าใหญ่มองดูอาหารบนพื้นด้วยความเสียดายแล้วถอนหายใจ “หากรองหัวหน้ารู้เข้า พวกเ้าได้ทานไม่หมดต้องห่อกลับ [1] เป็แน่”
“หัวหน้าใหญ่ นั่น...” โจรป่าพูดด้วยสีหน้าอยากร้องไห้
หากเขาชนเข้ากับคนอื่น ยังพอจะหาข้ออ้างให้รอดพ้นไปได้ แต่ดันชนเข้ากับหัวหน้าใหญ่ จึงทำได้เพียงต้องรับผิดเอง
“ข้ามีวิธี” หัวหน้าใหญ่พูดด้วยสายตาประชดประชัน
“วิธีใดขอรับ?” โจรป่าถามด้วยความดีใจ โดยมิได้สังเกตเห็นสีหน้าของเขาเลย
“พวกเ้าสี่คนเปิดกล่องอาหารออก” หัวหน้าใหญ่ชี้ไปยังคนทั้งสี่ที่อยู่ข้างหลังโจรคนนั้น
ทั้งสี่คนเปิดกล่องพร้อมกัน
เขาหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วคีบอาหารแต่ละกล่องมาวางไว้ในกล่องที่ว่างอย่างละน้อย
ไม่นานนัก อาหารในแต่ละกล่องก็มีปริมาณที่พอๆ กัน
“นำไปส่งเถิด พวกเขาไม่รู้ปริมาณอาหาร ไม่มีทางสงสัยหรอก” เขาวางตะเกียบลงแล้วพูดอย่างใจเย็น
“ขอรับหัวหน้า” โจรพยักหน้า หลังจากที่ใเื่เมื่อครู่ พวกเขาจึงมิกล้าชักช้า นำอาหารไปส่งที่โถงหน้าทันที
เมื่อมองแผ่นหลังของพวกเขาจากไปไกล หัวหน้าใหญ่ก็ซ่อนขวดยาที่เปิดอยู่กลับเข้าไปในแขนเสื้อของตน...
เชิงอรรถ
[1] ทานไม่หมดต้องห่อกลับ 吃不了兜着走 สร้างเื่หรือก่อเื่ไม่ดีไว้ จำต้องแบกรับผลเสียที่ตามมา