นี่เป็ปัญหาที่ซูิเยว่อยากรู้มาก นางคงไม่ได้เผยไต๋อะไรออกมาใช่หรือไม่ เหตุใดถึงได้ถูกจี๋โม่หานจับได้เล่า
จี๋โม่หานไม่ได้ตอบคำถามนาง แต่หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมารินให้ตัวเองและซูิเยว่หนึ่งแก้ว
ซูิเยว่จ้องการกระทำของจี๋โม่หานอยู่ตลอด นางพบว่าถึงจี๋โม่หานจะตาบอด แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเขาเลยสักนิด
พอจี๋โม่หานจิบชาเสร็จก็เปิดปากพูด “เปิ่นหวังไม่เคยสงสัยเ้าเลย ก็แค่ไปเจอเข้าพอดีก็เท่านั้น”
“ก็ได้” ซูิเยว่จนปัญญาเล็กน้อย ถึงถามอีกก็ไม่ได้อะไรกลับมา นางจ้องจี๋โม่หานอยู่ครู่หนึ่ง แต่ท่าทางของเขาปกติทุกอย่าง มองอะไรไม่ออกเลย “องค์ชายสาม ท่านไม่มีอะไรที่อยากจะถามหรือเพคะ?”
จี๋โม่หานเงยหน้าขึ้นแล้วหันมามองนาง เขาเลิกคิ้วขึ้นพูดเสียงเรียบ “ถามอะไรหรือ? ถามว่าเหตุใดเ้าถึงไปปรากฏตัวที่จวนผู้ตรวจการตอนเกิงสาม หรือว่าเหตุใดคนชุดดำพวกนั้นถึงได้บุกเข้ามาฆ่าเ้ากัน?”
“ใช่สิเพคะ ท่านไม่อยากรู้หรือ?”
ยิ่งจี๋โม่หานไม่ถาม ในใจซูิเยว่ก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นใจ
“เปิ่นหวังไม่สนใจ” จี๋โม่หานกลั้วหัวเราะเบาๆ “เื่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเปิ่นหวังเหตุใดเปิ่นหวังจะต้องถามด้วย”
“.....” ซูิเยว่เงียบไป เป็อย่างที่คิด กระบวนความคิดของจี๋โม่หานไม่เหมือนคนอื่นเท่าไรนัก “เพคะ”
สิ่งเดียวที่ซูิเยว่ดีใจในตอนนี้คือจี๋โม่หานไม่รู้เื่ที่นางวางแผนจัดการองค์ชายห้า หากรู้ว่าผู้เป็ญาติของตัวเองถูกกัดไม่ปล่อยขนาดนี้ เขาจะยังมานั่งคุยดีๆ กับนางได้หรือ?
หลิงชวน จิ่งฉือและิจิ่วอยู่ด้านนอกคอยเฝ้าหน้าประตูตลอด ห้องนั้นเป็ห้องเก็บเสียง ด้านนอกจึงไม่ได้ยินเนื้อหาการพูดคุยในห้องนั้น
“คุณหนูซูคุยอะไรกับองค์ชายสามของพวกเรากัน เข้าไปครึ่งชั่วยามได้แล้วไม่ใช่หรือ”
จิ่งฉือนั่งไม่ติดพร้อมกับเดินวนไปวนมาไม่หยุด เขาอยากรู้บทสนทนาของทั้งสอง
ิจิ่วมองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วพูดเสียงเย็น “เ้าอย่าเดินไปเดินมาจะได้หรือไม่”
จิ่งฉือหันกลับมาสบตากับิจิ่วชั่ววินาทีหนึ่งก็หยุดฝีเท้าลงก่อนจะหัวเราะเกร็งๆ “เอ๋ ได้สิ ได้ ได้ ข้าก็แค่อยากรู้นี่ องค์ชายสามคงใช้คำพูดทั้งเดือนนี้หมดในคืนนี้แล้วล่ะ”
“เื่ของเ้านายเป็สิ่งที่เ้าเอามาพูดได้หรือ?” หลิงชวนกอดกระบี่เอนตัวพิงกับเสาด้านข้าง เขารู้สึกรำคาญจิ่งฉือที่เอาแต่บ่น
จิ่งฉือหัวเราะฮี่ๆ แล้วยื่นหน้าเข้าไปกดเสียงให้เบาลง “พี่หลิงชวน เ้าไม่คิดว่า่นี้องค์ชายสามแปลกๆ หรือ? ปกติแล้วองค์ชายสามเคยสนใจเพศตรงข้ามเสียที่ไหน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพูดคุยเลย คุณหนูซูผู้นี้จะต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน?”
“เ้าพอได้แล้วน่า” หลิงชวนมองเขาอย่างเอือมระอา ในบรรดาคนติดตามข้างกายจี๋โม่หานก็มีจิ่งฉือที่อายุน้อยที่สุด
ดังนั้นทุกคนจึงต้องคอยดูแลเขา ด้วยเหตุนี้จิ่งฉือจึงมีท่าทางไม่ค่อยจริงจังอยู่ตลอด “เ้าเป็เช่นนี้หากถูกจื๋อหลันเห็นเข้า ไม่แน่ว่า...”
คำพูดหยุดอยู่แค่นั้น ริมฝีปากของหลิงชวนยังอ้าแค่ครึ่งเดียว แต่แววตากลับมองไปทางด้านหลังของจิ่งฉือ สีหน้าก็พลันแข็งค้างไปทันที
“เป็อะไรไปหรือ? พี่จื๋อหลันไม่อยู่ไม่ใช่หรือ”
หลิงชวนพลันหัวเราะออกมาทันที เขายกยิ้มพร้อมยื่นคางไปด้านหลังของจิ่งฉือ “พูดถึงก็มาเลยไม่ใช่หรือ”
“หา” จิ่งฉือชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับไปมอง บนทางเดินไม่ไกลเท่าไรนัก บุรุษร่างสูงสวมชุดสีดำทางการกำลังเดินเข้ามา ด้านหลังของเขามีบุรุษวัยกลางคนมองจากสายตาแล้วน่าจะอายุประมาณห้าสิบหกสิบคนหนึ่งตามมา อีกทั้งยังมีเด็กรับใช้ชุดเขียวคนหนึ่งด้วย
ริมฝีปากจิ่งฉืออ้าออกก่อนความยินดีจะขยายออก “ในที่สุดพี่จื๋อหลันก็กลับมาแล้ว”
เขาพูดจบก็หันไปมองิจิ่วทันที สีหน้าของิจิ่วชะงักค้างไปเล็กน้อย แววตามองตามการเคลื่อนไหวของจื๋อหลัน
เพียงครู่เดียวจื๋อหลันก็พาคนวัยกลางกับเด็กรับใช้เดินเลี้ยวมาหา พอเห็นทั้งสามคนยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็ยกยิ้ม “มีอะไรหรือ พวกเ้ามายืนทำอะไรตรงนี้กัน?”
หลิงชวนได้สติก่อนคนแรกก็เดินเข้าไปหาหนึ่งก้าว เขาตบไหล่จื๋อหลันหนึ่งทีก่อนจะยิ้มออกมาจากใจ “กลับมาก็ดีแล้ว”
เขาพูดแล้วก็หันไปด้านหลังของจื๋อหลัน “ท่านผู้นี้คือหมอเฉินหรือ?”
“อ๋อ” จื๋อหลันเบี่ยงตัวออก เผยให้เห็นบุรุษวัยกลางคนด้านหลังเขากับเด็กรับใช้ชุดเขียว “ท่านผู้นี้คือเฉินอวี้เหอหรือหมอเฉินและคนทำสมุนไพรยาของเขา”
เฉินอวี้เหอที่ได้ฟังบทสนทนาทั้งหมดแล้วก็ยกมือขึ้นลูบเคราขาวของตัวเอง เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ท่าทางยากจะคาดเดา
หลิงชวนพยักหน้าถือว่าเป็การทักทายแล้ว
จิ่งฉือมองหมอเฉินคนนั้นทีหนึ่งก่อนจะดึงสายตากลับมา เขายื่นหน้าไปหัวเราะฮี่ๆ ตรงหน้าจื๋อหลัน “พี่จื๋อหลัน”
จื๋อหลันเลิกคิ้ว “เป็อย่างไรบ้าง ตอนที่ข้าไม่อยู่ได้แอบี้เีหรือไม่?”
“จะไปแอบี้เีที่ไหนกันขอรับ” จิ่งฉือทำท่าไม่ยอมรับ “ท่านไม่รู้หรอกว่า่นี้องค์ชายสามสั่งให้ข้าออกไปทำงานทุกวัน”
หลังจากพูดจบก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เขายื่นหน้าไปด้านหน้าแล้วกดเสียงต่ำ “ท่านไม่รู้หรอกว่า่ที่ท่านไม่อยู่พี่ิจิ่วเป็ห่วงท่านแค่ไหน ข้าแทบไม่เห็นนางยิ้มเลย”
พอประโยคนี้จบลง รอยยิ้มที่มุมปากของจื๋อหลันก็หายไปแล้วหลุบตาลง
จิ่งฉือถอยหลังสองก้าว บรรยากาศตึงขึ้นมาทันที
ั้แ่ต้นจนถึงตอนนี้ิจิ่วที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ไม่พูดจาสักคำ แต่แววตาจ้องมาที่จื๋อหลันอยู่ตลอด แถมนางไม่เข้ามาทักทายจื๋อหลันก่อนด้วย
จื๋อหลันก้มหน้าเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินมาหยุดตรงหน้าิจิ่วทันที ส่วนิจิ่วที่นิ่งมาตลอด ใบหน้าก็ปรากฏอาการหวั่นไหวออกมา นางถอยหลังไปครึ่งก้าว
“่นี้...สบายดีใช่หรือไม่?”
“อืม” ิจิ่วหลุบตาลงไม่กล้ามองจื๋อหลันแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “เ้าออกไปข้างนอกมาทุกอย่างราบรื่นใช่หรือไม่?”
“ก็พอได้”
หลังจากพูดประโยคนี้จบทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันต่อ
จิ่งฉือที่ยืนอยู่ด้านข้างกุมหน้าตัวเองอย่างทำอะไรไม่ได้ เขาร้อนใจแทนสองคนนี้จริงๆ ส่วนหลิงชวนก็เบือนสายตาไปทางอื่น
มีแค่เฉินอวี้เหอคนเดียวที่หันซ้ายหันขวาอย่างไม่เข้าใจเื่ราว น้ำเสียงแฝงไปด้วยความไม่พอใจ “องค์ชายสามของพวกเ้าล่ะ จะทิ้งข้าเอาไว้เช่นนี้หรือ?”
จื๋อหลันได้สติก็หันไปทางนั้นทันที เขารีบถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อสร้างระยะห่าง จากนั้นก็มองไปทางหลิงชวนแล้วถาม “ใช่แล้ว องค์ชายสามล่ะ พักผ่อนไปหรือยัง?”
หลิงชวนส่ายหน้าแล้วมองเข้าไปด้านในห้อง “ยัง องค์ชายสามกำลังพูดคุยกับคุณหนูซูภายในห้องน่ะ”
จื๋อหลันขมวดคิ้ว “คุณหนูซู?”
หลิงชวนอธิบาย “ก็คุณหนูซู ซูิเยว่” เพราะว่าคนอื่นอยู่ เขาจึงไม่ได้บอกถึงฐานะของคุณหนูซูิเยว่ออกไปตรงๆ
“เ้าพูดว่าใคร....” จื๋อหลันมองไปในห้องด้วยความสงสัย ซูิเยว่เขานั้นรู้จักดี “องค์ชายสามไปรู้จักกับคุณหนูซูั้แ่เมื่อไหร่?”
“เื่นี้ต้องเล่ายาว” หลิงชวนกล่าว “นี่ก็เข้าไปตั้งนานแล้ว ข้าเข้าไปเรียกสักหน่อยดีกว่า”
ตอนนี้เองที่ซูิเยว่กำลังคิดหาเื่มาพูดกับจี๋โม่หาน ถึงแม้เขาจะแสดงท่าทีออกมาแล้วว่าไม่มีทางเป็ศัตรูกัน แต่ในเมื่อเล่ห์กลของจี๋โม่หานช่างลึกล้ำขนาดนั้น อย่างไรซูิเยว่ก็ยังไม่วางใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้