ร่มฉัตรก็จีบน้ำใสมาพักหนึ่ง โดยที่ไม่เคยล่วงเกินนอนหรือเข้าไปนอนร่วมห้องกับน้องอีกเลย ทำให้น้ำใสก็มองร่มฉัตรใหม่ และยอมให้ร่มฉัตรขับรถไปรับไปส่งน้องที่โรงเรียนเป็ประจำ จนพวกเธอเริ่มพัฒนากลายมาเป็ความผูกพันมากขึ้น และน้องก็ยอมรับใจของตัวเองว่า ชอบร่มฉัตรไม่น้อย ก็เริ่มยอมให้ร่มฉัตรจับมือในบางครั้ง พาน้องไปเดินเที่ยวก็จะยอมให้จับมือ นั่งดูหนังในโรงภาพยนตร์ก็ยอมให้โอบไหล่หรือกอดในบางครั้งที่น้องใกลัว เพราะมันเป็แผนเล็ก ๆ น้อยของร่มฉัตรที่จะกอดน้องเวลาน้องใ เพราะน้ำใสไม่ชอบดูหนังผี ร่มฉัตรไปถามนภาก่อนที่จะพาน้องมาดูหนัง จึงเลือกหนังที่น้องไม่ชอบ มาให้น้องดู พอน้องเห็นว่าร่มฉัตรยิ้ม ก็รู้เลยว่าโดนพี่แกล้งกัน
“วางแผนไว้แล้วใช่มั้ยพี่ฉัตร รู้ั้แ่แรกสินะว่า น้ำไม่ชอบดูหนังพวกนี้ ร้ายกาจที่สุดเลย ปล่อยได้แล้ว น้ำไม่ดูแล้ว มีแต่ฉากน่ากลัวทั้งนั้นเลย”
“ก็พี่อยากเห็นตอนเธอกลัว จะได้โผล่มาซบอกของพี่ไง พี่จะได้กอดเธอแบบนี้ หรือไม่อยากให้พี่กอด ให้พี่จูบก็ได้นะ จะได้หายกลัวยังไงละ”
น้ำใสเอามือไปปิดปากร่มฉัตรที่กำลังจะก้มลงมาจูบน้องจริง ๆ
“อย่าลืมสัญญา น้ำแค่ชอบ แต่ยังไม่ได้รักนะ ยังไม่ให้จูบค่ะ”
“แต่น้ำ พี่มีอะไรจะบอก อีกไม่ถึงเดือน พี่ก็ต้องบินแล้วนะ อีกตั้งสองปีเลยนะคะ พี่ฉัตรถึงจะกลับมาจีบน้ำใสต่อ ขอแค่จูบกับกอดไม่ได้หรือคะ พี่จะไม่เกินเลยก็ได้นะ แต่จูบเพื่อตีตราจองน้ำใสเอาไว้”
“หืม ทำไมเร็วจัง น้ำพึ่งสอบปลายภาคเสร็จไม่ถึงอาทิตย์เลยนะ”
“ไม่เร็วหรอก น้ำลืมไปแล้วหรือคะ พี่จีบเธอมาเป็ปีแล้วนะ จนเทอมหน้า น้ำใสของพี่ฉัตรก็ขึ้นม.ห้าแล้วนะ เธออายุสิบเจ็ดปีแล้วอย่าลืมสิ”
“จริงด้วยสิ น้ำย้ายเข้ามาอยู่บ้านพี่ฉัตรครบปีแล้วนี่”
“ใช่ หนึ่งปีกับอีก สองเดือน พี่จำได้ดีเลย ให้พี่ฉัตรเป็เ้าของริมฝีปากของน้ำใสได้มั้ย ส่วนอื่นยังไม่ต้องให้พี่ก็ได้ พี่ขอแค่ริมฝีปากก็พอ”
น้ำใสมองไปในแววตาของร่มฉัตรที่เต็มไปด้วย ความจริงใจและไม่มีแววตาของคนที่อยากจะได้มากกว่าการจูบเลย มันไม่มีความปรารถนา น้องจึงพยักหน้า ลองจูบดูก็ได้ เพราะน้องก็อยากรู้ว่า ถ้าถูกร่มฉัตรจูบแล้วภายในใจของตัวเองจะรู้สึกยังไง ถ้าจูบแล้ว มีความรู้สึก น้ำใสจะได้รู้ว่าควรทำยังไงกับความสัมพันธ์ของตัวเองกับร่มฉัตรต่อไป ก่อนที่ร่มฉัตรจะไปเรียนต่อ ร่มฉัตรเมื่อน้องยอมให้เธอได้จับจอง ก็ก้มลงไปจูบน้องอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะพยายามดันลิ้นของตัวเองเพื่อแทรกปลายลิ้นเข้าไปเก็บเกี่ยวความหวานภายในโพรงปากของน้อง น้ำใสก็เหมือนจะต่อต้านแต่พอเธอลองพยายามเชิญชวนน้องอีกครั้ง น้ำใสก็ยอมเปิดปากให้ มันยิ่งทำให้น้ำใสมีความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นภายในใจของตัวเองขึ้นมาจริง ๆ และเริ่มตอบรับไมตรีของร่มฉัตรที่ส่งความรู้สึกผ่านปลายลิ้นไปถึงน้อง น้ำใสก็เริ่มครางเบา ๆ ตอบรับความรู้สึกจริงๆ ที่มันออกมาจากใจ ทำให้ร่มฉัตรพอใจมากที่สุด ที่น้องตอบรับความรู้สึก จึงจูบน้องด้วยความลึกซึ้งแล้วเร่าร้อนมากขึ้น ทำเอาน้องแค่คลั่งเพราะรสจูบที่มันรุนแรงยากเกินกว่าน้องจะทำความเข้าใจ ในความรู้สึกแบบนี้ในตอนนี้
“อือออ พ..พอแล้ว” น้องร้องห้าม ไม่ให้ร่มฉัตรแสดงออกให้มันเร่าร้อนไปมากกว่านี้ เพราะน้องยังไม่พร้อมจะรับความรู้สึกที่มากกว่านั้น จนมันไปไกลเกินกว่าที่น้องอยากให้เป็ในตอนนี้ ร่มฉัตรก็ยอมปล่อยน้อง เพราะตัวเองก็รู้ว่า กำลังปลุกอารมณ์ของน้องขึ้นมาจริง ๆ และก็เข้าใจว่ายังไม่ถึงเวลา
“พี่ขอโทษ อย่าโกรธพี่นะ น้ำใส”
“อือ ไม่เป็ไร อย่าทำอีกนะ แค่จูบกันก่อน อย่าพึ่งสอนอะไรน้ำไม่มากกว่านี้เลย น้ำยังไม่พร้อม”
“ได้ พี่จะรอ ถ้าน้ำใสพร้อมเมื่อไร พี่จะสอนให้รู้จักมากกว่านี้ แล้วอย่าปฏิเสธการไปต่อนะน้ำใส”
“ค่ะ เราออกไปกันเถอะ น้ำไม่ชอบจริง ๆ นะ ที่หลังอย่าแกล้งน้ำแบบนี้อีก ไม่งั้นน้ำจะไม่ยอมให้จูบอีกแล้วนะ ถ้ามาแกล้งให้กลัวอีก”
“สัญญาเลย พี่ฉัตรจะไม่พาน้ำใสมาดูหนังผีแบบนี้อีกแล้ว ไปกันค่ะ พี่ก็หิวละ”
ร่มฉัตรพาน้องลุกออกไปจากโรงหนัง และพาน้องไปทานอาหารที่ ริมแม่น้ำ เพื่อหาของสดกินกันตอน่เย็น ที่อากาศกำลังเย็นสบาย หลังจากที่ร่มฉัตรพาน้องไปทานข้าวเสร็จก็รีบพาน้องกลับบ้าน เพราะสัญญากับแม่ของน้ำใสเอาไว้ว่าจะไม่พาน้องกลับบ้านให้ดึกจนเกินไปอย่างน้อยสามทุ่มก็พากลับมา ร่มฉัตรก็ทำตามคำพูดทุกอาทิตย์ที่พาน้ำใสออกมาเที่ยวพักผ่อน แต่ทุกครั้งก็จะถูกพ่อของตัวเองดุเสมอ
“ฉัตร เมื่อไรจะหยุดพาน้องเที่ยวเล่นสักที ตัวเองก็จะบินอยู่แล้วเมื่อไรจะเตรียมตัว แล้วน้องก็จะขึ้นม.5 ก็ควรให้น้องเริ่มเรียนพิเศษได้แล้ว นี่อะไร พาน้องออกจากบ้านทุกอาทิตย์”
“แล้วทำไมคุณพ่อต้องโมโหฉัตรทุกครั้งที่ฉัตรพาน้องกลับบ้านมืดด้วยละคะ ในเมื่อฉัตรก็แสดงออกให้เห็นมาตลอดว่าฉัตรจีบน้อง แล้วฉัตรผิดตรงไหน ที่จะพาแฟนของตัวเองออกไปพักผ่อนบ้างแค่อาทิตย์ละครั้ง และก็เป็วันเสาร์ ไม่ใช่วันอาทิตย์ ผลการเรียนของน้องก็ไม่เคยตก ฉัตรก็สอนให้น้องทุกวันด้วยตัวเอง คุณพ่อเป็อะไรไปมากกว่า ฉัตรโตแล้วนะคะ งานก็ทำทุกวันไม่เคยปล่อยให้เสียหาย”
“ถึงจะแบบนั้นก็เถอะ ยังไงก็เลิกพาน้องไปเที่ยวอีก พ่อขอสั่งเลยนะ นับจากอาทิตย์นี้ น้ำใสต้องเรียนพิเศษที่บ้านทุกวัน พ่อจะจ้างคนมาสอนพิเศษให้ ส่วนฉัตรก็ไปเตรียมของให้พร้อม แล้วอีกสองอาทิตย์ไปเตรียมตัวเข้าเรียนได้แล้ว พ่อจองตั๋วเครื่องบินให้แล้ว”
พอร่มฉัตรได้ยินแบบนั้นว่าพ่อเร่งกำหนดการเดินทางจนเร็วขึ้นมาก จากหนึ่งเดือนกลายเป็ภายในสองอาทิตย์ทำเอาร่มฉัตรโมโหมาก และน้ำใสก็ไม่เข้าใจมองไปทางร่มฉัตร
“คุณลุงคะ น้ำขอโทษ น้ำจะเรียนก็ได้ จะไม่ออกไปเที่ยวกับพี่ฉัตรอีก แต่อย่าเร่งพี่ฉัตรแบบนี้เลย ให้พี่ฉัตรได้เตรียมตัวให้พร้อมก่อน แค่สองอาทิตย์มันเร็วเกินไปหรือเปล่าคะ”
“ไม่เร็วหรอก จริงๆ แล้ว ต้องไปเรียนั้แ่ต้นปีซะด้วยซ้ำ ลุงตามใจมาพอแล้ว ยังไงอีกสองอาทิตย์ก็ต้องบิน อย่าได้ขัดคำสั่งของพ่อ ร่มฉัตร”
“ไม่มีเหตุผลที่สุดเลย ทำไมต้องเร่งให้ฉัตรไปขนาดนี้ด้วย”
“พ่อหรือเร่ง เราต่างหากที่เอาแต่หลบไปหลบมา ไม่ยอมบินตามกำหนดสักรอบ ถึงยังไงตอนนี้ก็ต้องไป แล้วอย่าพาน้องออกไปเที่ยวเล่นซนอีก ไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่น้องด้วย จะเป็แฟนกันพ่อไม่ห้าม แต่น้องยังเด็ก ควรพาน้องเรียน ไม่ใช่พาเที่ยว”
“พอแล้ว อยากให้ไปฉัตรก็จะได้ แต่อย่ามาบังคับฉัตรมากจนเกินไป ฉัตรจะทำอะไรมันก็เื่ของฉัตร ไปน้ำ ขึ้นข้างบนกับพี่”
ร่มฉัตรดึงมือน้องขึ้นไปชั้นสอง และเป็ครั้งที่สอง ที่ตัวเองเข้าไปในห้องของน้ำใส แต่น้องก็ไม่ได้ห้าม เพราะเห็นว่าร่มฉัตรกำลังโมโห และร่มฉัตรคราวนี้กลับล็อกกลอน
“ไปกับพี่มั้ย น้ำใส บินไปพร้อมกัน พี่จะส่งเธอเรียนเอง พี่พอมีเงินฝากอยู่บางส่วน พอส่งเสียให้เธอเรียนได้จนจบ พอพี่เรียนป.โท จบพี่จะหางานทำทันที แล้วส่งให้เธอเรียนจนจบมหาลัยเอง ไปกันพี่นะ”
ร่มฉัตรนอนหนุนตักน้ำใส “น้ำยังไปตอนนี้ไม่ได้ น้ำเป็ห่วงแม่นภา น้ำไม่เคยทิ้งแม่นภาไปไหนเลย แล้วน้ำก็ยังเรียนม.ปลายไม่จบด้วย อีกอย่าง น้ำไม่อยากรบกวนเงินของพี่ฉัตร เราไม่ได้เป็อะไรกันเลยนะ เราก็แค่ลองคบกัน แม่นภาก็ไม่ได้จดทะเบียนกับคุณลุง ไม่ว่าทางด้านไหน เราสองคนก็ไม่เกี่ยวข้องกันเลย”
“อยากให้เกี่ยวข้องมั้ย เชื่อใจพี่ได้มั้ยว่าพี่จะไม่ทิ้งน้ำใส ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะอะไร พี่ฉัตรจะอยู่กับน้ำใสตลอดไป พี่รักเธอนะน้ำใส”
น้ำใสมองร่มฉัตรอีกครั้ง มองหาความจริงในแววตาคู่นั้นของร่มฉัตร น้องก็เลยอยากลองอีกครั้ง ถ้าจะจูบกัน ว่าความรู้สึกมันจะเท่าเดิม หรือมากขึ้น และกล้าพอที่จะไปต่อกับร่มฉัตรมั้ย
“ลองจูบดูอีกครั้งมั้ย น้ำก็อยากมั่นใจ ว่าน้ำพร้อมที่จะไปต่อมั้ย หรือหยุดแค่จูบ เรามาลองดูกันอีกครั้งมั้ยคะพี่ฉัตร”
ร่มฉัตรลุกขึ้นนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ น้ำใส เอามือจับแก้มของน้อง
“แน่ใจแล้วนะ ถ้าพี่หยุดตัวเองไม่ได้ ทำมากกว่าจูบ พี่ฉัตรขอร้อง อย่าเกลียดพี่ฉัตร แล้วเรามาคุยกัน”
“อืม เราจะคุยกัน แต่น้ำขอ อย่าพึ่งเกินเลยจนลึกซึ้ง ขอลองจูบให้ลึกซึ้งกว่าเดิมก่อน ถ้าน้ำมั่นใจ พี่ฉัตรกล้าพอมั้ยที่จะไปขอน้ำจากแม่นภา”
“กล้าสิ ถ้าน้ำแน่ใจ ว่าอยากไปต่อกับพี่ พี่ก็ยินดีผูกมัดตัวเองไว้กับน้ำใส โดยการของหมั้นน้ำใสเอาไว้ก่อน รอให้พี่ฉัตรเรียนจบ พี่ฉัตรจะกลับมาขอน้ำใสแต่งงาน ตกลงมั้ยคะ”
“อืม ตกลง แต่ต้องขออนุญาตแม่นภาก่อนนะ อย่าทำเหมือนน้ำเป็ผู้หญิงที่พี่ฉัตรอยากนอนด้วยเมื่อไรก็ได้ พอเบื่อแล้วทิ้ง ถ้าคิดแบบนั้น ก็อย่าไปต่อ อย่าทำให้น้ำเสียใจที่เลือกคบพี่ฉัตร”
“พี่จะขอน้ำใสจากน้านภาก่อน หลังจากนั้นไม่ว่าเราจะมีอะไรกันหรือเปล่า น้ำใสก็จะคือคู่หมั้นของร่มฉัตร”
ร่มฉัตรค่อย ๆ กอดนอนเอาไว้และเริ่มจูบน้องอย่างลึกซึ้งแล้วเร่าร้อนมากขึ้น มือก็เริ่มลูบไหลไปตามแผ่นหลังของน้อง ค่อยๆ พรมจูบซุกไซร้ไปตามซอกคอของน้อง มันทำให้น้องยิ่งรู้สึกแปลกมากขึ้น แต่ก็กลัวว่าร่มฉัตรจะคุ้มตัวเองไม่ได้เมื่อมือของร่มฉัตรมันเริ่มปลดกระดุมเสื้อของน้องและซุกหน้าลงไปยังหน้าอกของน้อง
“อ๊ะ! พ..พอแล้ว พี่ฉัตร หยุดนะคนดี”
น้องค่อยผลักร่มฉัตรออกก็เห็นสีหน้าของร่มฉัตรที่มันแดงก่ำ แสดงให้เห็นว่า้ามากแค่ไหน แต่ก็ต้องสงบลงและติดกระดุมเสื้อกลับคืนให้กับน้อง
“เกือบไปแล้ว ไม่เอาแล้วนะ ถ้าจะให้พี่จูบแบบนี้ แต่ไปสุดไม่ได้ พี่ทรมานนะคะ คราวนี้มั่นใจหรือยัง ว่ารู้สึกยังไง มาถึงขั้นนี้แล้ว แทบเกินเลยแล้ว เจ็บมั้ย พี่ดูดหน้าอกแรงไปหรือเปล่า”
“ไม่เป็ไร แต่พี่ฉัตรก็หยุดให้ ขอบคุณนะ น้ำคิดว่าพอจะเข้าใจแล้ว ว่ารู้สึกยังไง มันดี จนเกือบหยุดไม่ได้เหมือนกัน มันอยากไปต่อให้สุด แต่น้ำทำไม่ได้ แม่นภาสอนเอาไว้ ไม่ให้ยอมง่ายเกินไป ถ้าเราไม่แน่ใจว่า คนที่เรายอมให้เกินเลยด้วย เราจะรักเขาได้จริงๆ และเราก็ได้รับความรักตอบกลับมา”
“แล้วคิดว่าพี่รักน้ำใสมั้ยละ”
“คิดว่ารักนะ ถึงยอมตามใจน้ำมาตลอด ไม่เคยเกินเลยสักครั้ง ร่วมถึงครั้งนี้ด้วย”
“แล้วเธอละ น้ำใส คิดยังไงกับพี่ จูบกันขนาดนี้”
“ไปหาแม่นภากัน ถ้าอยากรู้ว่าน้ำคิดยังไง ไปคุยต่อหน้าแม่”
น้ำใสลงจากเตียงและพาร่มฉัตรไปเคาะประตูเรียกแม่ เพื่อที่จะคุยเื่สำคัญของตัวเองกับร่มฉัตร น้ำใสเห็นว่าพ่อของร่มฉัตรอยู่ในห้องก็กลัวว่า สองคนพ่อลูกจะทะเลาะกันอีก จึงจับมือของแม่ตัวไปคุยที่ห้องของร่มฉัตรที่ห่างจากห้องของน้ำใสและแม่นภา
“แม่นภา น้ำคิดว่า น้ำเจอคนที่อยากอยู่ด้วยแล้ว อย่างที่แม่นภาเคยอธิบายให้ฟัง คนที่อยากเห็นเขายิ้ม อยากเห็นเขามีความสุข อยากนอนกอดกันทุกคืน อยากอยู่เคียงข้างกันไปตลอด น้ำคิดว่าน้ำเจอแล้ว พี่ฉัตรเป็ทุกอย่างให้น้ำ และให้เกียรติน้ำ แบบที่แม่นภาบอก ว่าเขารักเราจริง เขาจะให้เกียรติรอเราจนกว่าเราจะพร้อม คนนั้นก็คือพี่ฉัตร”
ร่มฉัตรพอได้ยินคำสารภาพของน้อง ก็ดีใจมาก หอมแก้มน้องต่อหน้านภา
“พี่ก็รักเธอ ้าอยู่กับน้ำไปตลอดชีวิต ถ้าแบบนี้ พี่ฉัตรก็ขอน้ำใสจากน้านภาได้แล้วใช่มั้ย น้ำใสจะไม่ปฏิเสธพี่ฉัตรใช่มั้ย ถ้าพี่ฉัตรจะขอหมั้นฟ้าใสเอาไว้ก่อน”
“อืม ถ้าพี่ฉัตรกล้าขอน้ำจากแม่นภา น้ำก็จะรับหมั่นพี่ฉัตรต่อหน้าแม่นภา”
ร่มฉัตรยิ้มกว้างก่อนที่จะปลดสร้อยคอของตัวเองออกมา และมีแหวนอยู่หนึ่งวง ที่แม่ของร่มฉัตรเคยให้เอาไว้นานแล้ว และมันก็ไม่ใช่แหวนแต่งงาน แต่แม่ของร่มฉัตรก็ไม่เคยบอกว่าเป็แหวนของใคร บอกแค่ว่ามันสำคัญมาก เอาไว้ในร่มฉัตรใส่ในวันแต่งงาน แต่ตอนนี้ร่มฉัตรกลับสวมมันให้กับน้ำใส ต่อหน้านภา
“น้านภาคะ ยกน้ำใสให้ฉัตรได้มั้ย ฉัตรสัญญา ฉัตรจะรีบเรียนให้จบ และบินกลับมาทันทีเพื่อมารับผิดชอบ ส่งเสียเลี้ยงดูน้ำใสต่อ ในฐานะภรรยาของร่มฉัตร”
“น้าไม่ขัดข้องนะ ถ้าน้ำใส ตกลงและพวกเธอสองคนรักกันจริง ๆ ก็ตามใจเลย ขอแค่อย่าทำให้น้ำใสต้องเสียใจ ถึงน้าจะจน แต่น้าก็เลี้ยงน้ำใสมาอย่างดี เท่าที่แม่คนหนึ่งจะมีแรงทำเพื่อลูกของตัวเอง”
“ฉัตรสัญญา ฉัตรจะดูแลน้ำใสตลอดชีวิต ไม่ขอมีใครเข้ามาทำให้น้ำใสเสียใจ ไม่มีวันที่ร่มฉัตรจะทรยศนอกกายนอกใจ ผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่ร่มฉัตรจะรักแบบคู่ชีวิต ไม่ว่าฉัตรจะอยู่ไกลแค่ไหน ฉัตรก็ไม่มีวันนอกใจน้ำใส”
“งั้น น้าก็ตกลง เธอก็รักษาสัญญาด้วย ถ้าผิดสัญญา น้าจะให้น้ำใสถอนหมั้นกับเธอซะ ร่มฉัตร”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้