“คนไร้ยางอาย!” เซี่ยเชียนชิวเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก นางมองเย่เฟิงด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความขุ่นเคือง จึงขึ้นเสียงใส่เย่เฟิงด้วยความโมโหเช่นนั้น
ผู้คนรอบข้างต่างมองนางด้วยความประหลาดใจ ทำให้เซี่ยเชียนชิวหน้าซีดลงกว่าเดิม ภาพลักษณ์บริสุทธิ์ดั่งเทพธิดาที่นางมีมาตลอดจะถูกทำลายอย่างนั้นหรือ?
“ข้าไร้ยางอายหรือ? เ้าคิดมากไปแล้ว!” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มอย่างเ็าโดยไม่สนใจท่าทีของเซี่ยเชียนชิวแม้แต่นิดเดียว ผู้หญิงคนนี้เป็คนนิสัยไม่ดี เื่ที่เกิดขึ้นในถ้ำ หากเขาอ่อนแอไร้พลัง เกรงว่าคงไม่ได้มายืนอย่างในวันนี้ และการที่เผชิญหน้ากับคนที่้าฆ่าตัวเอง เย่เฟิงจะเมตตาไปทำไม ยิ่งกว่านั้น คำพูดซุบซิบนินทาพวกนี้ก็เป็ความคิดสกปรกของผู้คนรอบข้าง แล้วเกี่ยวอะไรกับเขากัน?
“เชียนชิว ขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” ขณะนั้นมีเสียงดังมาจากอัฒจันทร์หลัก ทำให้ผู้คนหันไปมองตามเสียงนั้น ก่อนรูม่านตาจะหดแคบลง
“เป็ตู๋กูหลง เขารู้เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้ว เื่ต่อจากนี้ชักน่าสนใจแล้วสิ!” มีคนหนึ่งกล่าว ขณะมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนจุดสูงสุดของอัฒจันทร์หลักด้วยสายตาหวาดกลัว
ตู๋กูหลงเป็อัจฉริยะชั้นยอดแห่งตระกูลตู๋กู อายุไม่ถึง 20 ปีก็บรรลุขั้นรวมชี่ที่ 7 ปลุกิญญาาดาบขั้นเขียวตอนอายุ 15 ปี พออายุ 18 ปีก็ปลุกิญญาาที่สอง ที่น่ากลัวไปกว่านั้นิญญาาทั้งสองที่ตู๋กูหลงปลุกล้วนอยู่ขั้นเขียว ิญญาาขั้นเขียวคู่ ทั่วทั้งอาณาจักรจ้าวมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์เพียงหยิบมือเท่านั้นจึงจะทำได้ อีกสองเดือนตู๋กูหลงจะอายุครบ 20 ปี แต่เขาอยู่ตำแหน่งสูงสุดของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนแล้ว เป็บุคคลที่ผู้คนต่างเลื่อมใสศรัทธา
ตู๋กูหลงเป็อัจฉริยะอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็พลังต่อสู้หรือพร์ก็ล้วนยอดเยี่ยม กระทั่งเป็ยอดฝีมือในหมู่คนรุ่นเยาว์ทั่วทั้งอาณาจักรจ้าว บัดนี้เขาปรากฏตัวบนอัฒจันทร์หลักแล้ว ทั้งยังสั่งให้เซี่ยเชียนชิวหญิงของเขากลับขึ้นไปบนนั้น
นาทีนี้เหล่าผู้คนที่ซุบซิบนินทาเื่ของเย่เฟิงกับเซี่ยเชียนชิวที่ยังไม่ชัดเจนต่างหุบปากสนิท ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา กระทั่งหลาย ๆ คนเผยสีหน้าสับสน กลัวว่าคำพูดที่ตนพูดไปก่อนหน้านี้จะตกไปถึงหูของตู๋กูหลง แล้วจะต้องเจอกับหายนะ
“อืม” เซี่ยเชียนชิวเงยหน้ามองเงาร่างนั้นที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดของอัฒจันทร์หลัก พลางยิ้มด้วยรอยยิ้มสวยสง่า นางเหลือบมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไป
“พี่เย่ ร้ายกาจมาก!” หลักจากเซี่ยเชียนชิวออกไป เซี่ยจวิ้นหลงก็กล่าวพลางยกนิ้วให้เย่เฟิง แต่เย่เฟิงทำเป็กลอกตาไม่พูดอะไร
“ข้าไม่นึกเลยว่าความสัมพันธ์ของเ้ากับเซี่ยเชียนชิวจะไม่ธรรมดาแบบนี้ บอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเ้า?” เซี่ยจวิ้นหลงเห็นเย่เฟิงเงียบ จึงเอ่ยถามเช่นนั้น
“ไม่มีอะไร ข้าเป็ผู้มีเกียรติ จะทำอะไรได้ล่ะ?” เย่เฟิงกล่าว เขาดูจากแววตาของอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“เ้าคนไร้ยางอายผู้นี้ทำหญิงบ้านอื่นเปื้อนมลทิน แต่กลับบอกว่าตัวเองเป็ผู้มีเกียรติ ช่างน่ารังเกียจนัก!” เซี่ยจวิ้นหลงเห็นสีหน้าของเย่เฟิงก็ระบายยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่คิดในใจเท่านั้น
ขณะเดียวกันเซี่ยเชียนชิวเดินขึ้นไปบนอัฒจันทร์หลัก ก่อนจะนั่งลงบนบัลลังก์ที่ตู๋กูหลงอยู่ ร่างทั้งสองแนบชิดกัน พวกเขาทั้งหล่อและสวย ช่างเป็คู่ที่เหมาะสมกันยิ่งนัก
ผู้คนพากันถอนใจ จากนั้นมีหลายคนหันกลับไปมองเย่เฟิง ชายโอหังผู้นี้ ไม่ว่าเขาจะทำเื่ไม่ดีกับเซี่ยเชียนชิวหรือไม่ วันนี้ตู๋กูหลงไม่ปล่อยเขาไว้แน่
“เ้าโอหังยิ่งนัก กล้าดียังไงมากล่าวหาผู้หญิงของข้าตู๋กูหลง เ้าสมควรตาย!” เป็ไปตามที่ผู้คนคาดการณ์ ขณะนั้นเสียงตู๋กูหลงดังออกมา เสียงนั้นยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความเฉยชาและความมั่นใจ ราวกับว่าเขาคือผู้ปกครอง ณ ที่แห่งนี้และไม่มีใครทำอะไรเขาได้
“น่าขัน!” เย่เฟิงมองเงาร่างนั้น พร้อมกล่าวเสียงเย็นว่า “ข้ากล่าวหานาง นั่นสมควรแล้ว หากนางไม่ยั่วยุข้าก่อน แล้วจะมีเื่อย่างในวันนี้ได้เยี่ยงไร?”
แม้เสียงของเย่เฟิงจะไม่ดังมาก แต่กลับฉะฉานและชัดเจน ต่อให้คนที่เขาเผชิญหน้าด้วยจะเป็ตู๋กูหลง เขาก็ยังคงมั่นใจไร้ความเกรงกลัว ราวกับมีมาั้แ่เกิด เซี่ยเชียนชิวเผยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร นางเป็เช่นนี้ในสายตาเย่เฟิง
“หมอนี่แม้แต่ตู๋กูหลงก็กล้ามีเื่ด้วย สงสัยไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว!” ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็ตกตะลึง คนผู้นี้กล้ามีเื่กับตู๋กูหลง วันนี้เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ก็แค่มดแมลงเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าตู๋กูหลง แต่กล้าดียังไงมาทำตัวอวดดีกับข้า?” ตู๋กูหลงเหยียดยิ้มด้วยความดูถูก นานแล้วที่ไม่มีใครยั่วโมโหเขา ตอนนี้คนที่กล้ายั่วโมโหเขากลับเป็ผู้อ่อนแอ แค่ดัชนีเดียวของเขาก็ฆ่าตายได้แล้ว แต่ก็ทำให้เขาเกิดความสนใจเช่นเดียวกัน
“บทลงโทษสำหรับความผิดที่เ้าทำลงไปในวันนี้ มีสองทางเลือก หนึ่งคือถอนคำพูดของเ้า ทำลายการบ่มเพาะของตัวเอง แล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ สองคือมาเป็คนรับใช้ของข้า หากคิดทรยศ ข้าตู๋กูหลงจะฆ่าเ้าด้วยมือของตัวข้าเอง” ตู๋กูหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรงขาม ราวกับว่าคำพูดของเขาเป็คำพิพากษาของเย่เฟิง แล้วเย่เฟิงจะไม่เชื่อฟังเขาได้หรือ? เย่เฟิงอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 จะต่อต้านได้อย่างไร ต่อหน้าตู๋กูหลงและตระกูลตู๋กู เย่เฟิงนับเป็สิ่งใด? ดูเหมือนมีแต่คนอื่นที่ฆ่าเย่เฟิงได้เท่านั้น
เซี่ยเชียนชิวที่อยู่ข้าง ๆ ตู๋กูหลงมองทุกอย่างนี้ด้วยท่าทีเฉยชา เพลิดเพลินไปกับเกียรติยศของตู๋กูหลงที่มอบให้แก่นาง ว่าที่สามีของนางก็โดดเด่นเช่นนี้แล ไม่ว่าใครก็ต้องสวามิภักดิ์ รวมทั้งเย่เฟิง นี่ทำให้เซี่ยเชียนชิวชอบใจเป็อย่างยิ่ง
“นี่แหละความภูมิใจของตู๋กูหลง แค่คำพูดก็กำหนดชะตากรรมของผู้อื่น ไม่มีใครไม่ปฏิบัติตาม เป็ความผิดของชายผู้นี้ที่ไปล่วงเกินเขา” ผู้คนคิดในใจขณะมองเย่เฟิง ในเมื่อตู๋กูหลงกล่าวเช่นนั้น พวกเขาก็จะรอดูว่าเย่เฟิงจะตัดสินเลือกทางไหน
ทำลายการบ่มเพาะของตัวเองจะไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้อีก ในทางตรงกันข้ามการกลายเป็คนรับใช้ของตู๋กูหลงดูเหมือนเป็ทางเลือกที่ดีกว่า หากวันข้างหน้าตู๋กูหลงได้ดี ก็อาจจะมีโอกาสก้าวหน้า ผู้คนได้แต่ครุ่นคิดในใจ ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็พวกเขาคงต้องเลือกเป็คนรับใช้ของตู๋กูหลงอย่างแน่นอน ตู๋กูหลงเป็ผู้มีอิทธิพล แม้จะเป็คนรับใช้ของอีกฝ่าย แต่ก็ยังดีกว่าทำลายการบ่มเพาะของตัวเอง ดังนั้นผู้คนส่วนมากจึงคิดว่าเย่เฟิงอาจจะเลือกทางเลือกที่สอง
ขณะนั้นเย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมองตู๋กูหลงบนนั้นด้วยสายตาเ็า พร้อมกล่าวว่า “เ้าเป็ใคร มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินชีวิตของข้า?”
“เปรี้ยง!” คำพูดนี้ทำให้ผู้คนต่างต้องเบิกตาโพลงด้วยความใ ราวกับมีเสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องในหัวของพวกเขา
“หมอนี่บ้าไปแล้ว ตู๋กูหลงไม่ฆ่าเขา ทั้งยังให้สองทางเลือกแทน นับว่าเป็การให้อภัยที่ใจกว้างที่สุดของเขาแล้ว ทว่าคนคนนี้กลับไม่รักษามันไว้ ดูิ่ตู๋กูหลง แม้หมอนี่อยากตายก็ไม่จำเป็ต้องใช้วิธียุ่งยากขนาดนั้น” ผู้คนไม่น้อยต่างตะลึงงันและไม่เข้าใจการกระทำของเย่เฟิง จึงคิดว่าเย่เฟิงบ้าไปแล้วจริง ๆ ตู๋กูหลงไม่มีทางให้อภัยเขาเป็แน่ นาทีนี้ทุกคนต่างมองไปยังเงาร่างบนอัฒจันทร์ หลังจากได้ยินคำพูดจาของเย่เฟิงก็เริ่มสงสารแทนเย่เฟิง
“ทำไม เ้าคิดว่าจะต่อต้านข้าได้งั้นหรือ?” ตู๋กูหลงกล่าวเสียงเย็นพร้อมไอสังหารแผ่ออกจากร่าง ไม่นึกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 จะกล้าโอหังถึงเพียงนี้
“วันนี้ข้าเย่เฟิงมาเพื่อเข้าร่วมการประลองของตระกูลตู๋กูเ้า ก่อนเข้ามาก็จ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้าแล้ว ถือว่าเป็ลูกค้าของตระกูลตู๋กูเ้า แต่ข้าในฐานะลูกค้าที่จ่ายค่าเข้าไปถึงหินหยวนระดับล่าง 100 ก้อน กลับไม่สามารถเพลิดเพลินกับสิทธิ์ของลูกค้าได้ เ้าตู๋กูหลงก็เล็งเป้ามาที่ข้าอีก กระทั่งจะให้ข้าทำลายการบ่มเพาะของตัวเอง ข้าเสียค่าเข้าเพื่อมาที่นี่ จำเป็หรือที่จะต้องฟังคำสั่งเ้าแล้วทำลายการบ่มเพาะ? ตลาดตระกูลตู๋กูเ้าต้อนรับแขกกันแบบนี้หรือ? แล้วจะทำให้ทุกคนที่จ่ายหินหยวนเป็ค่าธรรมเนียมแรกเข้ารู้สึกปลอดภัยได้อย่างไร ไม่แน่ว่าคนไหนบังเอิญไปทำให้เ้าโกรธก็อาจจะถูกตระกูลตู๋กูเ้าฆ่าทิ้งหรือทำลายการบ่มเพาะ เช่นนั้นเราทุกคนที่เข้าร่วมการประลองนี้จะมีความหมายอะไร แม้สุดท้ายแล้วจะเก็บสะสมคะแนนได้ดีแค่ไหน แต่ก็อาจแลกกับสิ่งของที่้าไม่ได้”
เสียงของเย่เฟิงดังกึกก้องทั่วเขตเวทีประลองทดสอบ ทำให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
แม้เย่เฟิงจะไม่แก้ต่างให้ตัวเอง แต่ดูเหมือนทำไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเขาเข้ามาที่เขตเวทีประลองทดสอบแห่งนี้ มีคนไหนบ้างที่ไม่จ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้า
หากไม่มีแม้แต่หลักประกันในการคุ้มครองซึ่งเป็เื่พื้นฐานที่สุด ตระกูลตู๋กูก็ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง กระทั่งรางวัลก็ไม่อาจแลกได้
คำพูดของเย่เฟิงทำให้ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา เสียงกังขาต่อตระกูลตู๋กูดังอย่างต่อเนื่อง
“พูดจาไร้สาระ!” ตู๋กูหลงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าคำพูดของเย่เฟิงจะปลุกปั่นได้มากเพียงนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่สามารถฆ่าเย่เฟิงได้โดยตรง
“เวทีประลองทดสอบที่ตระกูลตู๋กูข้าจัดมีความยุติธรรม ไม่ใช่คนอย่างเ้าจะมาใส่ร้ายป้ายสีได้ หากเ้าอยากขึ้นเวทีประลอง ข้าสนองให้ได้ ข้าก็อยากเห็นนักว่าเ้าจะเก่งเหมือนปากของเ้าหรือไม่ หากเ้าเก็บคะแนนได้ 50,000 แต้ม ข้าจะลืมเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ถ้าทำไม่ได้ เ้าต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยราคาแสนเ็ปกับสิ่งที่เ้าทำลงไป” ตู๋กูหลงกล่าวเสียงเย็น แม้เขาจะฆ่าเย่เฟิงตรง ๆ ไม่ได้ แต่ก็ให้ขึ้นเวทีประลองได้ ถึงเวลานั้นย่อมมีคนมาเอาชีวิตของเย่เฟิงแน่นอน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้