แน่นอนว่าเหตุผลที่ซุนเฟยสนใจเด็กหนุ่มหน้าสวยผมบลอนด์ทองคนนั้นไม่ใช่ว่าเขาเปลี่ยนรสนิยมทางเพศ รสนิยมทางเพศของเขายังปกติดีอยู่ ไม่ได้นึกพิศวาสผู้ชายด้วยกัน แต่ที่สนใจเด็กคนนั้นเพราะะว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของเด็กหนุ่มหน้าสวยนั่น ทำให้ซุนเฟยรู้สึกแปลกมาก เหมือนทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่จู่ๆ ก็อ่อนแอเหมือนไส้ตะเกียงเทียนแห้งที่กำลังจะดับ กลิ่นอายเดี๋ยวอ่อนแอเดี๋ยวเข้มแข็ง มันแปลกมาก
พูดได้ว่าการที่ได้ขัดแย้งกับโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์วันนี้ นอกจากจะได้ใช้ ‘โหมดพาลาดิน’ กดดันพวกหมาป่าดุร้ายอย่างแมซโซลาและลูเซียโนแล้ว ยังได้รับสถานะสถานะ ‘นายท่าน’ มาอย่างงงๆ แล้วยังรู้สึกประทับใจกับเด็กหนุ่มหน้าสวยลึกลับคนนั้นอีก
และซุนเฟยมั่นใจอย่างมากว่า ในจังหวะที่รถม้าเคลื่อนผ่านร่างตัวเองไป เด็กหนุ่มหน้าสวยลึกลับคนนั้นก็ยังแอบสังเกตตัวเองอย่างละเอียดเช่นกัน
ฝูงชนที่อยู่บนท้องถนนก็เริ่มทยอยออกไป
ซุนเฟยจูงมือเล็กๆ ของแองเจล่าและเจ็มม่าไว้คนละข้าง คอยฟังสาวงามทั้งสองพูดคุยเื่ราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างตื่นเต้น พลางยิ้มออกมาแต่ไม่ได้กล่าวอะไร พระอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับฟ้า แสงของพระอาทิตย์ค่อยๆ ทาบทับร่างทั้งสามคน ทำให้เงาที่อยู่ด้านหลังของพวกเขายืดสูง กลายเป็ภาพที่งดงามและอบอุ่น
“อเล็กซานเดอร์ ทำไมสองคนนั้นถึงเรียกเ้าว่านายท่านล่ะ? เ้าแอบเข้าร่วมกับโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ั้แ่เมื่อไรกัน?” สาวน้อยผมทองเจ็มม่าดูเหมือนนกกระจิบตัวน้อยๆ ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ถามซุนเฟยอย่างกระตือรือร้น
“ข้าก็ไม่รู้ คิดว่าพวกเขาคงเลอะเลือนจำคนผิดกระมัง!” ซุนเฟยตอบแบบขอไปที
“จำคนผิด? จะเป็อย่างนั้นได้อย่างไร...ชิ เ้าไม่อยากพูดใช่ไหมล่ะ!”
สาวน้อยเริ่มโมโหอยากจะสะบัดมือซุนเฟยทิ้ง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ดูเหมือนว่าจะตัดใจจากความรู้สึกอบอุ่นของฝ่ามือหนาไม่ได้ ร่างเล็กลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็ปล่อยให้ซุนเฟยจับมือตัวเองต่อ นางแสดงท่าทางน่ารักๆ ด้วยการ ‘เบะปากข้างซ้าย’ ขึ้น
ซุนเฟยหัวเราะออกมา
เื่นี้ไม่มีทางอธิบายได้จริงๆ และไม่มีทางที่หมาป่าสองตัวนั้นจะจำคนผิดแน่ๆ
คำพูดเมื่อครู่ของแมซโซลาทำให้ซุนเฟยรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา
คิดไม่ถึงว่าโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์จะรู้เื่ราวการต่อสู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ของเมืองแซมบอร์ดได้ไวขนาดนี้ และยังคำพูดที่มั่นใจมากว่ามีเวทมนตร์แห่งความตายปรากฏขึ้นบนสะพาน ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยมากเกินไปแล้ว
อย่างแรก ซุนเฟยแน่ใจแล้วว่า เวทมนตร์ของเนโครแมนเซอร์ไม่เป็ที่ยอมรับของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ในโลกแห่งความเป็จริง หลังจากนี้ หากจะใช้ ‘โหมดเนโครแมนเซอร์’ ต้องระมัดระวังมากกว่านี้และต้องไม่ทิ้งร่องรอยไว้ อย่างน้อยก็รอจนกว่าจะมีพลังที่สามารถต่อกรกับโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ ตอนนี้ต้องสวมบทเป็เด็กดีไปก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงถูกพวกนักบวชที่ชอบเล่นกับไฟ จับตัวเองไปมัดที่ไม้กางเขนแล้วจุดไฟเผาเป็ไก่ย่าง
อย่างที่สอง ทำไมโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ถึงรู้เื่การต่อสู้บนสะพานเร็วขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่ามีระบบข่าวกรองที่น่ากลัว ความเร็วในการส่งและรับข่าวสารของโลกนี้แทบจะเร็วเหมือนอินเตอร์เน็ตในโลกเก่า คาดว่าน่าจะมีช่องทางพิเศษอะไรสักอย่างที่ซุนเฟยไม่รู้ในตอนนี้ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า แม้แต่ความสามารถในการสืบข้อมูลของราชอาณาจักรไอนด์โฮเวน ราชอาณาจักรระดับสี่ก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ถ้าพวกเขา้าตรวจสอบที่มาของกองทัพเกราะดำ เกรงว่าคงใช้เวลาไม่นานคงสามารถขุดคุ้ยออกมาได้ และนั่นจะกลายเป็ภัยคุกคามที่น่ากลัวของเมืองแซมบอร์ด หากจัดการไม่ได้ แม้แต่เื่ของแผนที่ที่ตั้งเทพและปีศาจก็คงรั่วไหลออกมาแน่นอน...
ซุนเฟยเริ่มรู้สึกว่าการที่ตัวเองได้เป็าามันช่างเป็เื่ที่น่าเศร้าจริงๆ หลังจากทะลุมิติมาเขาไม่มี่เวลารื่นรมย์โอบกอดนารีซ้ายขวาเลยสักนิด กลับกันยังกลายเป็นักปฏิวัติ ที่ไหนจำเป็ต้องไปก็ไป ที่ไหนจำเป็ต้องย้ายก็ย้าย นี่มันนักดับเพลิงชัดๆ ช่างเป็ชีวิตที่ยากลำบากดีแท้
หลังกลับมาที่พระราชวัง เหล่าข้ารับใช้ก็จัดเตรียมอาหารเย็น
ซุนเฟยไม่ชินกับนิสัยการทานอาหารของโลกนี้ ทุกๆ วันนอกจากเนื้อย่างและผลไม้ ก็จะเป็ขนมปังสีดำๆ ที่มีรสฝาดกับนมแพะนมวัวสดคาวๆ กินแค่มื้อสองมื้อยังพอรู้สึกว่ามันแปลกใหม่ดี แต่กินมากๆ เข้า กินแต่อันเดิมซ้ำซากๆ ก็ทำให้ซุนเฟยรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา
แต่เห็นแองเจล่าและเจ็มม่าทั้งสองคนดูดื่มด่ำกับรสอาหาร ซุนเฟยได้แต่ลูบจมูกตัวเองอยู่ไกลๆ คว้าแอปเปิ้ลมากัดแล้วเคี้ยวอย่างคับข้องใจ
“ดูเหมือนว่าจำเป็ต้องเปลี่ยนความเคยชินด้านอาหารการกินของเมืองแซมบอร์ดซะแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ต้องประกาศรับสมัครแม่ครัวที่มีพร์สักสองคนมาฝึกอบรม คาดว่าอาหารประเภท หม่านฮั่นฉวนซี่1 เคเอฟซี แมคโดนัลด์ วัตถุดิบคงไม่มีเยอะขนาดนั้นในแผ่นดินอาเซรอท แล้วเราก็ไม่รู้สูตรซะด้วย คงทำไม่ออกมาได้แน่ๆ แต่ถ้าเป็ผัดเส้นหมู เต้าหู้ทรงเครื่อง หรือหม้อไฟที่เป็อาหารที่หากินได้ง่ายๆ ตามท้องถนนบนโลกเก่าน่าจะพอทำออกมาได้อยู่นะ?”
ซุนเฟยคิดไปพลางมองแองเจล่าและเจ็มม่าที่กำลังทานอาหารบนโต๊ะแล้วสวมเสื้อผ้าสตรีที่ตัวเองออกแบบไว้ก่อนหน้านี้ ไปพลาง เห็นได้ชัดว่าแผนการปฏิรูปเครื่องแต่งกายประสบความสำเร็จในขั้นแรกอย่างมาก นี่ทำให้ซุนเฟยรู้สึกดีมาก ทำให้เขาเริ่มอยากอาหารบ้างแล้ว
“แองเจล่า สวมเครื่องแต่งกายใหม่รู้สึกอย่างไรบ้าง?” ซุนเฟยเคี้ยวแอปเปิ้ลขณะที่ถาม
ราชินีในอนาคตใช้ผ้าเช็ดปากสีขาวเช็ดปากตัวเองเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำถามของซุนเฟย ก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมานางพูดยิ้มๆ ว่า “นี่มันเหลือเชื่อมาก ท่านรู้ไหม ตอนนี้พวกสาวๆ ทั้งเมืองต่างภูมิใจมากที่ได้สวมเสื้อผ้าที่องค์าาอเล็กซานเดอร์ออกแบบให้ ท่านป้าเอลิซ่าและพวกช่างตัดเสื้อที่มีฝีมืออีกหลายคนต่างยุ่งมาก ภรรยาของพวกขุนนางสั่งจองชุดล่วงหน้าสิบวันตั้งสิบกว่าชุดเชียวเ้าค่ะ แม้แต่พ่อค้าขายผ้าไหมในเมืองก็เริ่มร่ำรวยขึ้นมาจนสินค้าขาดตลาด...อเล็กซานเดอร์ ท่านรู้ไหมว่าคนในเมืองเรียกเครื่องแต่งกายใหม่นี้ว่าอย่างไร?”
“เรียกว่าอะไรหรือ?”
“‘ภูมิปัญญาขององค์าาอเล็กซ์ซานเดอร์’ ไงล่ะ!” ในขณะที่ปากของเจ็มม่ายังกัดอยู่กับเนื้อย่าง เมื่อได้ยินซุนเฟยถามจึงแย่งตอบ “ทุกคนเรียกเครื่องแต่งกายนี้ว่า ‘ภูมิปัญญาขององค์าาอเล็กซ์ซานเดอร์’ เห็นว่าไวเคาน์เตสของลิวอิสที่เคยไปที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมืองหลวงของราชอาณาจักรเซนิทยังบอกว่าแม้แต่คนที่อ้างว่าตัวเองเป็คนชนชั้นสูงของราชอาณาจักรยังไม่เคยได้ได้สวมเครื่องแต่งกายที่สวยงามแบบนี้เลย”
ซุนเฟยหน้าแดงเล็กน้อย
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าการขโมยความคิดเครื่องแต่งกายของ ‘ไพเรทส์ ออฟ เดอะ แคริบเบียน’ มาออกแบบเครื่องแต่งกายให้แก่ทุกคนจะเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ ตัวเองควรจะขโมยชุดเครื่องแบบโจรสลัดหญิงมาทำดีไหมนะ? ตอนนี้ จู่ๆ ก็มีบางอย่างจุดประกายความคิดในสมองของเขา แต่เขากลับไม่อาจเข้าใจมันได้อย่างชัดเจน ซุนเฟยส่ายหน้า ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก แล้วแสดงท่าทางประมาณว่า ‘ข้ารู้นะ’ พลางหันไปถามแองเจล่าว่า “อืม...จริงสิ แองเจล่า ฮึๆ แล้ว...ชุดที่ข้าออกแบบให้เ้าชุดสุดท้ายล่ะ...อืม นั่นเป็ชุดที่ไว้ใส่ข้างใน ตอนนี้มันเป็ที่นิยมหรือเปล่า?”
ใบหน้าของแองเจล่าแดงระเรื่อ
แต่ครั้งนี้สาวน้อยไม่ได้วิ่งหนีไปเหมือนครั้งที่แล้ว และจงใจที่แสดงท่าทางสงบเยือกเย็นนั่งอยู่กับที่พลางพูดออกมาอย่างช้าๆ ว่า “ชุดนั้นที่พระองค์เรียกเล่นๆ ว่า ‘ชุดมีมี่’ เป็ที่นิยมกว่าชุดกระโปรงซะอีก ท่านป้าเอลิซ่าแก้ไขภาพออกแบบของพระองค์บางส่วน ทั้งยังมีสีไม่เหมือนกันอีกด้วย แต่มันก็ยังได้รับความนิยมอย่างแพร่กระจายในหมู่หญิงสาวเช่นกัน”
ในขณะที่สาวน้อยพูดก็พยายามอย่างหนักที่ไม่แสดงท่าทางไม่เป็ธรรมชาติออกมา แม้ว่าจะพยายามสงบสติ..แต่ใครจะรู้ว่าสองมือของนางที่อยู่ใต้โต๊ะอาหารจะแอบบิดกระโปรงไปมาจนแทบขาด หัวใจเต้นโครมคราม นางแค่อยากแสดงท่าทางสงบเยือกเย็นที่เป็คุณสมบัติที่ดีของราชินีในอนาคตเพื่ออเล็กซานเดอร์ และทำตัวให้เหมือนกับภรรยาขุนนางชั้นสูงในเมืองบ้าง
การแสดงปาฏิหาริย์ของซุนเฟยในหลายวันมานี้ ไม่เพียงสร้างแรงกดดันมหาศาลให้แก่บรู๊คและนักรบคนอื่นๆ แต่ยังทำให้ว่าที่ราชินีคนนี้รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างทั้งสองเริ่มทิ้งห่างไปไกลทุกที นางพยายามนั่งอย่างเงียบๆ ให้ตัวเองดูมีคุณสมบัติคู่ควรกับองค์าาอเล็กซานเดอร์ผู้ยิ่งใหญ่
ก่อนหน้านี้ในตอนที่อเล็กซานเดอร์ยังเป็เด็กปัญญาอ่อน คนส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่าแองเจล่าเป็ดอกไม้งามที่ปักอยู่บนอุจจาระสุนัขและยังรู้สึกเสียดายแทน แต่ตอนนี้บทบาททั้งสองคนได้สลับกันตั้งนานแล้ว
อเล็กซานเดอร์ตอนนี้ไม่เพียงจะกลับมาเป็คนปกติ เขายังมีความเร็วในการเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสองเดือน เขาก็ได้ทิ้งห่างอดีตยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองแซมบอร์ดอย่างแฟรงก์ แลมพาร์ดไปแล้ว กลายเป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ของาาอย่างองอาจ ได้รับความเคารพจากทุกคนในอาณาจักร...
แล้วแองเจล่าล่ะ?
นางรู้สึกว่าตัวเองยังเป็แค่เด็กสาวที่แสนซื่อ บริสุทธิ์ เปราะบาง และโง่เง่า คนที่นอกจากเื่เล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ทำอะไรไม่ได้ สาวน้อยรู้สึกว่าตัวเองเดินตามรอยเท้าของชายตรงหน้าคนนี้ไม่ทันแล้ว ไม่สามารถปกป้องเขาได้เหมือนอย่างที่เคยทำมาก่อน ราวกับร่มกันฝนในเวลาที่ฝนตกก็สามารถบังลมบังฝนได้ แต่เมื่อฝนซาฟ้าสดใส ก็ไม่จำเป็ที่ต้องใช้มันอีกต่อไป
ดังนั้น แองเจล่าจึงพยายามอย่างหนักที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองในตอนนี้
วันนี้ เมื่อตอนที่เหล่าบาทหลวงของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ดุร้ายเหมือนหมาป่าได้ลงมือจับชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ออกมาจากฝูงชนแล้วกล่าวหาว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์แห่งความตาย ในตอนนั้นที่แองเจล่าลุกขึ้นยืนต่อต้าน ความจริงแล้วนางก็หวาดกลัวจนตัวสั่น นางไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องลุกขึ้นต่อต้าน แม้ว่านางจะเป็ราชินีของเมืองแซมบอร์ดในอนาคต แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดอย่างโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ นางก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับชาวบ้านธรรมดา เพียง ‘งูหางกระดิ่งสองขา’ พูดประโยคเดียว นางก็อาจถูกส่งไปที่ไม้กางเขน...แต่เมื่อนึกว่าหากอเล็กซานเดอร์อยู่ที่นี่ เขาคงต้องไม่ลังเลที่จะลุกขึ้นยืนเพื่อปกป้องชาวบ้านแน่นอน แองเจล่าจึงลุกขึ้นยืนอย่างจับพลัดจับผลู กระทำลงไปโดยไม่รู้ตัว ต่อมาก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวในใจ แม้ว่าความคิดที่ตัวเองพูดออกมาจะมีเหตุผลอย่างชัดเจน แต่ที่ทำให้แองเจล่าจะต้องเศร้าคือ สุดท้ายตัวเองไม่สามารถช่วยเหลือใครไว้ได้เลย หากไม่ใช่ว่ามีท่านลุงแลมพาร์ดและอเล็กซานเดอร์ที่มาทันเวลาพอดี บางทีเื่ราวต่างๆ อาจจะกลายเป็เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมก็ได้
-----------------------------
1 หม่านฮั่นฉวนซี่เป็อาหารที่รวมอาหารของชนชาติฮั่นและแมนจูทั้งหมด เป็อาหารที่ไว้สำหรับเฉลิมฉลองแบบสามวันสามคืน มีอาหารทั้งหมด 340 จาน ส่วนใหญ่ฮ่องเต้ในจีนโบราณจะจัดให้ทำ ‘หม่านฮั่นฉวนซี่’ ในงานสำคัญต่างๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้