หลิวฉินย่นจมูกของเขาและหัวเราะขณะมองไปยังปู่หลินและจ้าวซื่อ รวมถึงหลินต้าซาน
เขากล่าวกับหลินต้าหลางอย่างเมินเฉยว่า “พี่ใหญ่หลิน ข้าเกรงว่าท่านเพียงลำพังจะทำสิ่งใดไม่ได้นะ”
หลินต้าหลางขมวดคิ้วจ้องเขม็งไปยังหลิวฉิน หรี่ตาลงก่อนจะถาม “ข้าขอถามท่านได้หรือไม่ว่าคุณชายใหญ่หลิวหมายถึงอะไรกัน?”
หลิวฉินหัวเราะและพ่นลมหายใจ ชี้ไปยังปู่หลิน หลินต้าซาน จ้าวซื่อ แม้กระทั่งหลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอ ก่อนจะถามว่า “พี่ใหญ่หลินสามารถรับประกันได้ว่าท่านไม่้าเงินของฟู่อิน แต่ท่านสามารถรับประกันให้พวกเขาเหล่านี้ได้หรือไม่ว่าพวกเขาไม่้าเงินของฟู่อิน?” จากนั้นเขาก็เดินไปด้านข้างหลินต้าหลาง ก่อนจะตบหน้าอกตัวเอง “มองน้องสาวของท่านสิ ไม่ใช่เื่ง่ายเลย ท่านจะทนได้อย่างไรกัน”
หลินต้าหลางใบหน้าเปลี่ยนสีเพราะคำพูดของหลิวฉิน เขาวางกับดักเอาไว้จริงๆ
เขาเป็คนมีความสามารถ แต่นี่เขากลับโดนบุตรชายของพ่อค้าทำให้ขายหน้าเช่นนี้ เขาจะวางตัวอย่างไรกัน?
หากไม่ใช่เพราะหลิวฉินมีเงินทองเล็กน้อย เขาคงด่าคุณชายใหญ่หลิวนี่และไล่มันออกจากห้องนี้ไปแล้ว
แต่หลิวฉินไม่สนใจสายตาคนในสกุลหลินเลยสักนิด เขากล่าวต่อว่า “ท่านผู้เฒ่า นี่ท่านก็อยู่ต่อหน้าครอบครัวทุกคนแล้ว ท่านสามารถป่าวประกาศได้เลยว่าในอนาคต… ท่านไม่สามารถ… กระทำเื่นำเงินจากหลานสาวของท่านไปช่วยเหลือหลานชายคนโตที่กำลังศึกษาและสอบเลื่อนระดับอยู่ การกระทำเหล่านี้นอกจากไม่มีความเมตตาแล้วยังน่าอับอายอีกใช่หรือไม่?”
ปู่หลินโกรธมาก แต่ชายตรงหน้าคือคุณชายใหญ่หลิวที่ในวันนี้ให้สัญญาต่อหน้าผู้าุโทั้งสามตระกูลว่า ตราบใดที่คนในหมู่บ้านหูลู่ถูกแนะนำโดยหลินฟู่อินก็สามารถไปทำงานที่ภัตตาคารหลิวจี้ได้ หรือทำงานอื่นๆ ที่ร้านค้าของเขา ดังนั้นคนเช่นนี้ และยังเป็พ่อค้าด้วยแล้ว เขาไม่กล้าทำให้ขุ่นเคืองใจได้เลย!
ไม่อย่างนั้นเขาจะได้กลายเป็ศัตรูกับคนในหมู่บ้านหูลู่ทั้งหมดน่ะสิ?
หลิวฉินเห็นชายชราปฏิเสธที่จะกล่าว จึงกังวลขึ้นมา “ข้ากับฟู่อินเป็หุ้นส่วนทางธุรกิจกัน ท่านผู้เฒ่าเคยกล่าวว่าฟู่อินมีความสามารถและพร์ทางธุรกิจมาก แต่หากเื่ภายในครอบครัวทำให้เกิดความล่าช้าต่อธุรกิจข้าล่ะ? ข้าไม่สามารถจะพาคนทั้งหมู่บ้านไปกับข้าได้หรอกนะ!”
ผู้าุโทั้งหลายและหลี่เจิ้งเคยได้ยินคำร่ำลือมาว่าคุณชายใหญ่หลิวมีชื่อเสียงในเมืองชิงหยาง มีฝ่ายมืดและฝ่ายสว่างกลืนกินกัน บุคคลเช่นนั้นเปลี่ยนมาทำธุรกิจ ทว่าเนื้อแท้คงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปนัก
ถ้าทำให้ธุรกิจของเขาล่าช้าจริงๆ จนเกิดการสูญเสียขึ้น ใครเล่าจะรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น?
เช่นนี้เองผู้าุโทั้งสามสกุลและหลี่เจิ้งจึงมองหน้ากัน จากนั้นผู้าุโสกุลเฉียนก็มองไปยังปู่หลิน และกล่าวว่า “ผู้เฒ่าหลิน ท่านนำต้าซานและครอบครัวประกาศจุดยืนเถอะ ความจริงแล้วนี่ก็ไม่นับว่าเกินไปนะ อย่างไรพวกท่านคงไม่ได้คิดอะไรมากในใจหรอกใช่หรือไม่”
ปู่หลินมีคำพูดติดที่ริมฝีปาก แต่ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้
เขามีความคิดเช่นนั้นในจริงๆ…
ผู้าุโสกุลเฟิงกล่าวว่า “พี่หลิน ท่านก็แค่ต้องออกมาพูด อย่างไรก็เถอะ ฟู่อินคงไม่ปฏิบัติต่อท่านทั้งสองอย่างโหดร้ายหรอก”
สิ่งนี้เตือนให้ปู่หลินนึกได้ หลินฟู่อินไม่ได้ทำเื่ไม่ดีกับทั้งเขาและอู๋ซื่อ เมื่อหลินฟู่อินมอบเงินให้พวกเขา แต่เขาจะนำเงินเ่าั้ไปสนับสนุนหลินต้าหลาง พวกเขาจึงพูดอะไรไม่ได้อีก
เหตุใดพวกเขาต้องหยุดตอนนี้แล้วกลายเป็คนร้ายกาจกันเล่า?
ในที่สุดปู่หลินก็ไม่สามารถสบตาผู้คนได้อีกต่อไป และหมดถ้อยคำจะกล่าว
เมื่อหลิวฉินเห็นผู้าุโของหมู่บ้านกล่าวยืนกรานเช่นนี้ จึงหันไปมองหลินต้าซานและจ้าวซื่อด้วยรอยยิ้ม "ถึงตาพวกท่านทั้งสองแล้ว"
หลินต้าซานเห็นว่าเื่ทั้งหมดดำเนินมาถึงจุดนี้จึงกล่าวอย่างเหยียดหยัน “เรามีมือมีเท้าที่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ และจะไม่รบกวนเด็กสาวเช่นนางแน่นอน!”
จ้าวซื่อกล่าว “ใช่แล้ว ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนที่มีความสามารถยอดเยี่ยมเช่นพวกเราที่จะช่วยเหลือการสอบของต้าหลางได้แล้วละ มีที่ไหนกันอีกล่ะ?”
คำพูดของทั้งสองไม่น่าฟังมากจนผู้คนต้องหยุดพูดคุย และหันมามองคู่สามีภรรยาตรงหน้าก่อนส่ายหัว
บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้น หลี่เจิ้งกล่าวอ้อมๆ ว่า “เอาละ วันนี้นับว่าเป็เื่ดีที่ได้พูดคุยหัวข้อนี้กัน แยกย้ายเถอะ”
หลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอเห็นหลี่เจิ้งประกาศว่าเื่จบลงแล้ว จึงโถมตัวไปหาหลิวฉินอย่างมีความสุข
“คุณชายใหญ่หลิว คุณชายใหญ่หลิวจะเชิญพวกข้าไปรับรองที่ภัตตาคารหลิวจี้ในมื้อเย็นจริงหรือเ้าคะ?” หลินเสี่ยวเถาพูดขึ้นก่อนคนแรก
หลินเสี่ยวเหอเห็นว่าหลินเสี่ยวเถาแย่งนางกล่าว นางจึงผลักเสี่ยวเถาด้วยความโมโห
หลินเสี่ยวเถาเกือบสะดุดเข้า ด้วยความโมโหนางจึงหันไปตำหนิเสี่ยวเหอ
สองสามีภรรยามองเห็นลูกสาวทั้งสองที่ทำตัวน่าอับอายแต่ยังคิดว่าพวกตนน่ายกย่อง ดังนั้นด้วยความโกรธพวกนางจึงถีบออกไป
หลินต้าซานเป็คนแข็งแรงมาก เนื่องจากเขาทำงานมาหลายปี ดังนั้นแรงถีบของเขาจึงมีมาก
หลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอ ทั้งสองไม่ได้กรีดร้องอันใด เมื่อถูกถีบออกมาไกลถึงระยะหนึ่งลี้ ทั้งคู่ก็เป็ลมหมดสติไปกับพื้น
ฝูงชนต่างร้องด้วยความใ ไม่คิดว่าหลินต้าซานจะถีบบุตรสาวของตนจนสลบทันที
จ้าวซื่อพ่นลมหายใจอย่างเ็า “ถีบได้ดียิ่ง นางลูกสุนัขสองตัวข้างนอกนั่นน่ะ ถีบมันให้ตายไปเลย!”
หลินฟู่อินเห็นความคิดของคู่สามีภรรยาที่มีต่อบุตรสาวทั้งสอง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเ็าและเข้าไปช่วยเหลือเด็กสาวทั้งสอง
หลังจากพลิกเปลือกตาและฟังเสียงหัวใจของพวกนาง หลินฟู่อินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จ้าวซื่อนั่งมองหลินฟู่อินและหัวเราะเยาะ “อย่าแสร้งทำตัวเป็คนดีไปหน่อยเลย”
หลินต้าซานเองก็จ้องหลินฟู่อินอย่างเ็า “ข้ากำลังให้บทเรียนกับลูกสาวข้า ไม่จำเป็ต้องให้เ้ากังวลหรอก!”
ผู้คนมองเื่ราวที่เริ่มเลยเถิดและเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง
หลินฟู่อินเยาะเย้ยกลับว่า “ในภายภาคหน้าหากครอบครัวท่าน้าความช่วยเหลือจากข้า อย่ารอเช่นตอนนี้ ลูกๆ ของท่านอาจจะไม่ได้ทำเื่ดีให้แก่ท่าน แต่การที่ท่านดุด่าและทุบตีเช่นนี้นั้น แล้วท่านยังผลักไสไล่ส่งคนที่เข้ามาช่วยเหลือเช่นข้าอีก ท่านคิดว่าข้าไม่มีอย่างอื่นต้องทำเช่นนั้นหรือ?”
หลินฟู่อินกล่าวจบก็หันไปกล่าวกับปู่หลิน “ท่านปู่ ถึงเสี่ยวเถาและเสี่ยวเหอจะยังไม่เสียชีวิต แต่ทั้งคู่มีอาการกระดูกหัก เสี่ยวเถากระดูกซี่โครงหน้าอกหัก เสี่ยวเหอเองาเ็ที่กระดูกบริเวณต้นขาร้ายแรงมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่หมดสติไปเพราะความาเ็เช่นนี้ เื่ของกระดูกข้าเองก็ไม่ทราบว่าจะช่วยเหลืออย่างไร จะต้องส่งทั้งคู่ไปยังโรงหมอสกุลหลี่เ้าค่ะ”
หลินฟู่อินพูดจบก็ไม่สนว่าชายชราจะจัดการอย่างไร ตรงเข้าไปหาหลินเฟิน หลินฟางและเฟิงซื่อ จากนั้นจึงเข้าไปในครัวของบ้านใหญ่เพื่อช่วยงาน
หลิวฉินถูกห้อมล้อมด้วยหลี่เจิ้งและเหล่าผู้าุโของตระกูล เขาเดินกลับไปยังโถงหลักของบ้าน
จากนั้นหลินเสี่ยวเหอและหลินเสี่ยวเถาก็ได้รับการช่วยจากหลินต้าหลางและอาสาสมัครสองสามคนจากในหมู่บ้าน นำทั้งคู่ไปขึ้นเกวียนเพื่อส่งตัวไปรักษายังโรงหมอสกุลหลี่
อู๋ซื่อช่วยกำกับงานอยู่ในครัวและไม่ได้เดินออกไปไหน ดังนั้นเมื่อเห็นเฟิงซื่อกลับเข้าครัวมาอีกครั้ง นางจึงชี้นิ้วไปที่จมูกของเฟิงซื่อและตำหนิว่า “ข้ารู้ั้แ่ก่อนที่เ้าจะแยกตัวออกไปแล้ว เ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยสินะ สะใภ้รอง วันนี้เ้ายังกล้ามาสายอีก น้องสะใภ้เพิ่งจะพูดกับเ้าไปไม่กี่คำเ้าก็วิ่งออกไปแล้ว ตอนนี้เ้ากล้ากลับมาแล้วหรือ?”
เฟิงซื่อไม่กล่าวอะไร เพียงก้มศีรษะลงและหันไปทำงานของตนต่อ
คู่พี่น้องหลินแทบจะทนไม่ได้ และ้าเอ่ยปากโต้ตอบกลับไป แต่ถูกหยุดไว้โดยหลินฟู่อิน “ท่านย่า นี่ท่านยังไม่ทราบเื่สินะเ้าคะ เสี่ยวเถาและเสี่ยวเหอถูกท่านลุงใหญ่ถีบเสียจนกระดูกหัก ตอนนี้ทั้งคู่กำลังถูกส่งตัวไปที่เมืองเพื่อให้ท่านหมอหลี่ทำการรักษา” หลินฟู่อินกล่าว
“อะไรนะ? เสี่ยวเถา เสี่ยวเหอถูกถีบจนกระดูกหักจากพ่อตัวเองงั้นหรือ?” อู๋ซื่อตกตะลึง ั้แ่จ้าวซื่อเริ่มตั้งท้อง บรรดางานบ้านต่างๆ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากเสี่ยวเถาและเสี่ยวเหอ มาตอนนี้ทั้งคู่ถูกทำร้ายจนกระดูกหัก ไม่เพียงไม่สามารถทำงานบ้านต่างๆ ต่อไปได้แล้ว แต่ยังต้องไปพบหมอ และการหาหมอก็ยังเปลืองค่ารักษาอีกด้วย
อู๋ซื่อคิดกังวลไปมากมายและรู้สึกไม่ดี ตอนนี้ในหัวมีแต่ความเ็ป
“ท่านลุงใหญ่ของเ้าอยู่ที่ใด? รีบพาเขามาหาข้าที่นี่ ข้าอยากถามเขาว่าไปทำร้ายเด็กสาวทั้งสองให้กระดูกหักทำไม!” อู๋ซื่อเหวี่ยงทัพพีลงในน้ำแกงมะระที่ต้มไว้และเดินจากไปอย่างฉุนเฉียว
หลินเฟินและหลินฟางยกนิ้วให้หลินฟู่อิน
หลินฟู่อินหัวเราะขึ้นและดึงตัวพวกเขาไปด้วยกัน “มาเถอะ ไปข้างนอกเพื่อชมเื่เร็ว!”
“นี่ ฟู่อิน อย่าไปเลย ทุกคนมาช่วยกันทำงานเถอะ ไม่เช่นนั้นหากท่านแม่กลับมา ท่านจะตำหนิเ้าได้ว่าี้เีไม่ทำงาน” เมื่อเฟิงซื่อเห็นทุกคนจะออกไปชมเื่สนุก นางก็พยายามหยุดพวกนางไว้
ในสายตาของเฟิงซื่อแล้ว ไม่มีคำว่าบ้านรองและบ้านสามอีกต่อไป ฉะนั้นแล้วอย่าไปยุ่งเกี่ยวเื่ภายในของบ้านใหญ่ และหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดเื่เข้าใจผิดกันจะดีกว่า
“ข้าจะไม่ช่วยพวกเขาทำงานหรอก ข้าจะไปทำตัวเกียจคร้าน” หลินฟู่อินรีบวิ่งออกไปในขณะที่เฟิงซื่อหัวเราะ
“ใช่แล้ว ข้าเองก็จะไม่ช่วยพวกเขาทำงานต่างๆ ด้วย พวกไม่รู้จักสำนึกบุญคุณน่ะ” หลินฟางทำหน้าทำตาใส่เฟิงซื่อและวิ่งหนีตามหลินฟู่อินออกไป
หลินเฟินรออยู่ด้านใน นางกลัวว่าหากมารดาอยู่เพียงลำพัง จ้าวซื่อกลับมาแล้วอาจจะสร้างปัญหาให้กับนางอีก
หลินฟู่อินและหลินฟางก้าวออกมาทันได้เห็นแผ่นหลังอู๋ซื่ออยู่ที่ประตูรอง อู๋ซื่อกำลังตบหน้าหลินต้าซาน
หลินต้าซานปกป้องหลานชายต่อหน้าคนอื่นๆ แต่เขากลับโดนมารดาของตนตบหน้า สีหน้าของเขาเปลี่ยนกะทันหัน มองไปยังอู๋ซื่อและถามอย่างไม่เชื่อสายตาว่า “ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงต้องตีข้า?”
อู๋ซื่อหัวเราะ “ฮึ เ้ากล้าที่จะถีบลูกของตัวเอง แล้วเหตุใดข้าจะตีเ้าบ้างไม่ได้?”
พอหลินต้าซานได้ยินเข้า เขาก็รู้ทันทีว่าอู๋ซื่อหมายความว่าอย่างไร
เขาอุทานออกมา “ท่านแม่ ท่านทำร้ายลูกชายของตนโดยไม่ถามอะไรเลย ท่านควรจะถามข้าก่อนสิว่าเพราะเหตุใดข้าถึงถีบนางเด็กน่าตายสองคนนั่น ถูกหรือไม่?”
“เพราะอะไร?” เมื่ออู๋ซื่อเห็นว่าหลินต้าซานกล้ากล่าวกับนางในเื่นี้ ความโกรธของนางก็เพิ่มพูนมากขึ้น “จะเพราะอะไรอีกล่ะ? ก็เพราะสะใภ้ใหญ่ที่มีสมองโง่เขลานางนั้นน่ะสิ? เ้ากล้าหักกระดูกเสี่ยวเถาและเสี่ยวเหอ ดังนั้นพวกนางจะไม่สามารถทำงานต่างๆ ได้อีก เท่ากับงานทุกอย่างในบ้านนี้เป็ภาระของข้าทั้งหมด เข้าใจหรือไม่?”
เมื่อหลินต้าซานเห็นมารดาเริ่มกล่าวมากความ เขาทำได้เพียงหัวเราะและร้องไห้ออกมา และเริ่มพูด “ท่านแม่ ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดหรอก เื่มีอยู่ว่าข้าเดินออกไปเทน้ำเสียหน้าบ้านจากนั้นจึงไปรับซิ่วไฉชราและภรรยา จากนั้นต้าหลาง…”
หลินต้าซานเล่าเื่ให้อู๋ซื่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้นที่หน้าประตูบ้านใหญ่
“นั่น… นั่นคือนางเด็กสองคนที่ไม่รู้เื่อะไรเลยจริงๆ พวกนางทำให้การแสดงทั้งหมดที่แม่ของนางทำมาต้องพังลงไปนะ? ทั้งหมดนี่มันงี่เง่ามาก!” หลังจากได้ยินเื่ราว อู๋ซื่อตระหนักว่านางกล่าวโทษบุตรชายคนโตผิดพลาดไป จากนั้นนางจึงประชดประชันว่า “ถ้าเช่นนั้นเหตุใดเ้าที่อยู่ด้านนอกประตู ฟังคนเ่าั้ออกความคิดเห็น แล้วซิ่วไฉชรากับภรรยาของเขาไม่กล่าวสิ่งใดเลยหรือ?”
เมื่อนึกถึงคนผู้นั้น หลินต้าซานก็เต็มไปด้วยความโกรธอีกครั้ง กล่าวอย่างชั่วช้าว่า “คู่สามีภรรยาเฒ่านั่นน่ะพอเห็นว่าคุณชายใหญ่หลิวบีบบังคับต้าหลาง ก็ไม่กล้าแม้กระทั่งผายลม ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกัน!”
“ฮึ! เ้าก็รู้ว่าลูกชายคนโตของเ้ามีความสามารถมากเพียงใด!” อู๋ซื่อเองก็ดูไม่พอใจเช่นกัน
แม่ลูกคู่นี้ไม่สามารถหยุดพูดได้ เมื่อพวกเขาพูดถึงซิ่วไฉชราและภรรยา จากนั้นก็เอาแต่พูดโจมตี
เมื่อหลินฟู่อินเห็นว่าแม่ลูกคู่นี้กลับมาคืนดีกันอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกผิดหวังก็ฉายชัดบนใบหน้าของนาง
“พวกเ้าทั้งคู่มาหลบๆ ซ่อนๆ อะไรตรงนี้?” พูดถึงปีศาจ ปีศาจก็เดินมาพอดี
ขณะที่หลินฟู่อินและหลินฟางกำลังรับชมละครตรงหน้า ภรรยาของซิ่วไฉชรา หยวนซื่อก็โผล่มาราวกับผีที่ด้านหลังของพวกนาง
หลินฟู่อินและหลินฟางใกันยกใหญ่
หลินฟู่อินเห็นดวงตาของหยวนซื่อจึงแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน “ท่านป้าหยวนซื่อนี่เอง เรากำลังกลัวว่าท่านย่ากับท่านลุงใหญ่จะทะเลาะกัน พวกข้าก็เลยมาแอบดูตรงนี้เ้าค่ะ”
หยวนซื่อสงสัยและอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน เอ่ยถามเสียงเบา “แล้วท่านย่ากับท่านลุงใหญ่เ้าทะเลาะกันเื่อะไรล่ะ?”
หลินฟู่อินทำท่าจุปากให้เงียบใส่นาง ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้น
หยวนซื่อพยักหน้ารับรู้ เดินตามหลินฟู่อินและหลินฟางไปฟังสิ่งที่คู่แม่ลูกตรงหน้ากำลังพูด
เมื่อหยวนซื่อรับรู้ได้ถึงบางอย่าง ั์ตาก็ลุกดั่งเปลวเพลิง
นี่ไม่ใช่เื่ดีงาม อู๋ซื่อและบุตรชายของนางกำลังซ่อนศพคนอยู่แถวนี้เช่นนั้นหรือ?
นับเป็เื่โชคดีสำหรับหลินต้าหลางที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัวของตัวเอง ตอนนี้พวกเขาเป็ผู้ดูแลซิ่วไฉโดยตรง
เพ้ย!
หากไม่ใช่เพราะตาเฒ่าสอนให้หลินต้าหลางศึกษาเล่าเรียนเป็เวลานาน หลินต้าหลางจะสามารถทำข้อสอบเ่าั้ได้อย่างไรกัน
มาตอนนี้พวกเ้าจะมาวิจารณ์เราสองสามีภรรยา ทำเหมือนกับว่าเ้ามีหลานชายมาก่อน?
ยิ่งหยวนซื่อคิดมากเท่าไรนางก็ยิ่งรู้สึกโมโหมากเท่านั้น นางไม่สามารถทนไหวอีกต่อไปจึงพุ่งเข้าไปหาอู๋ซื่อและบุตรชาย โดยไขว้แขนไว้
ยิ่งนางคิดมากเท่าไร ยิ่งรู้สึกโมโหมากเท่านั้น
หลินฟู่อินเห็นหยวนซื่อพุ่งออกไปด้านนอก จึงแตะหลินฟางก่อนเอ่ยว่า “พี่อาฟาง เราไปกันเถอะ”
หลินฟางเห็นว่าหยวนซื่อเริ่มโต้เถียงกับอู๋ซื่อแล้ว จึงไม่เต็มใจที่จะจากไป นางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ขอข้าดูต่ออีกสักหน่อยเถอะ…”
“รีบไปขอให้ท่านซิ่วไฉชรามาเกลี้ยกล่อมการทะเลาะครั้งนี้เถอะ” หลินฟู่อินพูดด้วยรอยยิ้ม
“เ้าหมายความว่า…” หลินฟางเข้าใจในทันที “โห ฟู่อิน เ้านี่ฉลาดจริงๆ!”
“ไม่ควรกระโตกกระตากไป ทั้งหมดนี่เป็เื่อื้อฉาวภายในสกุลหลิน คนนอกรู้มากไปไม่ใช่เื่ดี” หลินฟู่อินเตือน
“มีอะไรผิดปกติกันเล่า? ใครบ้างจะไม่รู้เื่อื้อฉาวของบ้านใหญ่หลินในหมู่บ้านหูลู่? ถึงพวกเขาจะรู้กันทั่วมันก็ไม่ใช่เื่ผิดปกติ” หลินฟางหัวเราะเ็ากล่าวต่อ “ท่านป้าใหญ่พูดจาไม่ดีกับท่านป้าหยวนซื่อหลายวันมานี้ และใครบ้างในหมู่บ้านหูลู่ที่ไม่รู้ว่าบ้านใหญ่สกุลหลินกับครอบครัวซิ่วไฉชราไม่ลงรอยกัน พวกเขาเพียงสงบศึกกันชั่วคราวเท่านั้นแหละ”
หลินฟู่อินส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมๆ
ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าหยวนซื่อทะเลาะกับอู๋ซื่อและบุตรชาย ถึงนางจะเป็คนทำให้หยวนซื่อพบว่าอู๋ซื่อและบุตรชายกำลังกล่าวหาอะไรผิดๆ เกี่ยวกับซิ่วไฉชราและภรรยา
ถ้าจะโทษก็โทษหลินต้าซาน บุรุษปากมากผู้นั้นเถอะ
หลินฟู่อินมีความสุขมาก หลินฟางจากไปเงียบๆ เพื่อตามหาปู่หลินและซิ่วไฉชรา
ไม่นานก็พบปู่หลินและซิ่วไฉชราที่โถงน้ำชาบ้านใหญ่สกุลหลิน และทั้งสองต่างกำลังโต้เถียงกันด้วยเสียงทุ้มต่ำ
หลินฟู่อินและหลินฟางยิ้มให้กัน จากนั้นหลินฟู่อินก็ะโว่า “ท่านปู่ ข้าหาท่านเจอแล้ว”
เสียงของหลินฟู่อินขัดจังหวะการสนทนาระหว่างปู่หลินและซิ่วไฉชรา พวกเขาไม่พูดอะไรกันอีก
ปู่หลินอดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อพบหลินฟู่อิน เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับการกระทำของหลินฟู่อินในวันนี้
แน่นอนว่าถึงแม้เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้จะไม่ได้เกิดจากหลินฟู่อิน แต่ปู่หลินก็เคยชินกับการโยนความผิดทุกอย่างไปให้หลินฟู่อินเสมอ
“ท่านปู่ ท่านซิ่วไฉ พวกท่านรีบไปที่ประตูด้านหลังเถอะเ้าค่ะ ท่านย่าและท่านลุงใหญ่และท่านป้าหยวนซื่อกำลังทะเลาะกันใหญ่โตแล้วเ้าค่ะ” หลินฟางเห็นปู่หลินขมวดคิ้วมองไปที่หลินฟู่อิน หัวใจนางเต้นถี่รัว จึงรีบกล่าวอย่างจงใจ
ปู่หลินใมาก เขาและซิ่วไฉชราชำเลืองมองกันและกัน จากนั้นทั้งสองก็รีบเดินไปยังประตูรองของบ้านสกุลหลิน
หลินฟางดึงหลินฟู่อินออกห่างจากชายชรา ในตอนที่ชายชราหันกลับมาตะตอกอย่างเ็าใส่นาง “เ้าไปอยู่ที่ไหนกัน เ้าเก่งมากไม่ใช่หรือ? เสี่ยวเถากับเสี่ยวเหอาเ็นะ แทนที่เ้าจะส่งตัวพวกเขาไปยังหมู่บ้าน เ้าจะต้องมาทำงานแทนพวกนาง รินน้ำชาให้กับท่านลุงใหญ่และท่านป้าใหญ่ของเ้าซะ”
หลินฟู่อินหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ท่านปู่ ใครกันที่ถีบเสี่ยวเถากับเสี่ยวเหอ เขานั่นแหละที่จะต้องเป็คนจัดการเื่ทั้งหมดเ่าั้แทน อา แต่นั่นคือท่านลุงใหญ่ที่ถีบเสียจนกระดูกพวกนางหัก งั้นเราไปกันเ้าค่ะ ไปตำหนิท่านลุงใหญ่และสั่งให้ทำงานแทนสิเ้าคะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของหลินฟู่อิน ปู่หลินแทบจะสะดุดหัวทิ่ม โชคดีที่ซิ่วไฉชราเดินอยู่ข้างๆ มีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวช่วยจับร่างของเขาไว้ทัน
หลินฟู่อินและหลินฟางเดินตามอยู่ด้านหลัง
ใครจะไปคิดกันว่าเมื่อพวกเขาเดินมาถึงสวนด้านหลังของบ้านสกุลหลิน อู๋ซื่อและหยวนซื่อก็กอดกันกลมกลิ้งไปมาบนพื้นดินแล้ว
คราวแรกอู๋ซื่อได้เปรียบหยวนซื่อ มือของนางอยู่้าหยวนซื่อ จากนั้นหยวนซื่อก็ยกมือขึ้นเหนืออู๋ซื่อ
หญิงชราทั้งสองกำลังต่อสู้กันไปมา ในขณะที่หลินต้าซานยืนมองอย่างตะลึงงัน
หลินฟู่อินเห็นหญิงชราทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ร่างของนางอดที่จะสั่นไหวตามไม่ได้
หลินฟางลูบคางของนางไปมา พลางแสดงความคิดเห็นอย่างร่าเริง “ไอหยา ข้าไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย ท่านป้าหยวนซื่อต่อสู้ได้ดีทีเดียว!” หลินฟางมีสีหน้าตกตะลึง ทันใดนั้นนางเข้ามาข้างหูของหลินฟู่อิน และกล่าวต่อยิ้มๆ ว่า “ฟู่อินคงจะไม่รู้ ตอนท่านย่ายังสาวๆ นะต่อสู้ได้แข็งแรงมากเลยละ ท่านปู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านย่าเลย เพราะเหตุนี้ท่านป้าใหญ่จึงสามารถเทียบเคียงได้กับท่านย่า ข้าใมากเลย!”
ตอนนี้เองที่หยวนซื่อได้ดึงเส้นผมของอู๋ซื่อออกมาจากศีรษะ ในขณะที่อู๋ซื่อเองก็ฝากรอยขีดข่วนและคราบเืไว้บนใบหน้าของหยวนซื่อเช่นกัน
เนื่องจากทั้งคู่เกรงว่าจะมีคนเห็นเข้า ดังนั้นจึงเป็การต่อสู้ที่อู้อี้ยิ่งนัก หลินฟู่อินอดหัวเราะในใจและตัวสั่นไม่ได้
เมื่อปู่หลินเห็นสถานการณ์ตรงหน้า เขาโมโหจนแทบจะลาลับตรงนั้น จังหวะที่เขาเกือบจะลาลับไปจริงๆ ก็กำลังจะะโ แต่ซิ่วไฉชรายื่นมือมาปิดปากเขาไว้
ชายชราเอ่ยปาก “เงียบๆ สิ เื่น่าอับอายพรรค์นี้ เ้าอยากจะดึงให้ทุกคนมาตรงนี้หรือ?”
ปู่หลินโกรธยิ่งนัก ทว่าไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขาไม่วางใจหลินต้าซาน แม้จะอยู่ที่นี่ตลอดเวลาแต่ไม่คิดจะเข้าไปห้ามหญิงชราสองคนเบื้องหน้าไม่ให้ทะเลาะกัน เขาจะคาดหวังอะไรจากหลินต้าซานได้อีกเล่า?
หญิงชราทั้งสองต่อสู้กันแบบไม่ลดละความพยายาม ปู่หลินเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้นัก ซิ่วไฉชราอ่อนแอยิ่งกว่าจึงไม่กล้าเข้าไปห้ามปรามเช่นกัน
จังหวะนั้นปู่หลินเพ่งสายตามายังหลินฟู่อินและหลินฟาง ก่อนจะพูดอย่างเ็าว่า “เ้าทั้งสองมานี่เดี๋ยวนี้ รีบแยกพวกนางออกจากกันเดี๋ยวนี้!”
หลังจากได้ยินปู่หลินพูด หลินฟู่อินก็อดรู้สึกเบะปากด้วยความประชดประชันไม่ได้ ปู่หลินไม่กล้าที่จะเข้าไปแยกการต่อสู้ของหญิงชราทั้งสอง แต่เรียกให้พวกนาง เด็กสาวสองคนเข้าไปห้ามทัพเนี่ยนะ ช่างหน้าไม่อายจริงๆ!
และยิ่งรู้สึกมากขึ้นอีกเมื่อผู้าุโไม่เข้าไปห้ามด้วยตัวเอง
“ฟู่อิน พวกเราควรทำเช่นไรดี? เราจะเข้าไปห้ามพวกนางหรือไม่ ?” ปู่หลินสั่งมาเช่นนี้ หลินฟางจึงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
หลินฟู่อินหัวเราะเยาะ “ท่านอย่าทำตัวโง่เขลาไป เหตุใดท่านปู่ถึงไม่เข้าไปแยกพวกนางออกจากกันเองล่ะ? เหตุใดท่านลุงใหญ่ไม่เข้าไปแยกพวกนางอีกเช่นกัน? ยังมีซิ่วไฉชราอีกคนที่ไม่เข้าไปแยกพวกนาง แต่กลับมาเรียกพวกเราให้เข้าไปห้ามเช่นนี้…”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้