หนีเจียเอ๋อร์รีบยกมือขึ้นปิดปากโจวชิงหวา ไม่คิดว่าเื่นี้จะทำให้เขากล้าสาบานแบบนั้น “เอาละๆ ข้ารู้แล้วว่าเ้ามิได้หมายความเช่นนั้น”
หากจะว่ากันตามตรง การถูกจับตัวไปขายให้หอโคมเขียว นับเป็ความอัปยศใหญ่หลวงของสตรี แต่สำหรับหนีเจียเอ๋อร์ที่เคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ถือว่าเป็เื่เล็กน้อย มิได้สะดุ้งะเือันใดเสียด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก ก่อนยกยิ้มออกมา
หลังเงียบไปสักพัก หญิงสาวก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องหนังสือให้โจวชิงหวาฟัง ทั้งยังคิดอีกว่าภายในห้องลับนั้น จะต้องมีหลักฐานที่พวกตน้าอยู่เป็แน่
มิฉะนั้น คงไม่ติดตั้งค่ายกลกับดักเอาไว้...
เมื่อนึกถึงตอนที่เผชิญหน้ากับเว่ยฉีหราน หนีเจียเอ๋อร์ก็เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “ในวันสำคัญของแคว้น เหตุใดเว่ยฉีหรานจึงไปฝึกตนในห้องลับ แทนที่จะออกมาดูแลด้านความปลอดภัยตามรับสั่งของฮ่องเต้เล่า?”
โจวชิงหวาขมวดคิ้ว พลางแสดงความคิดเห็น “แม้เป็เื่ปกติ ที่ผู้ฝึกตนทุกคนต้องหมั่นเพียรฝึกฝนอยู่เป็ประจำ แต่ก็ไม่น่าจะถึงขนาดที่ต้องขัดราชโองการของฝ่าาเช่นนี้”
หนีเจียเอ๋อร์เลิกคิ้ว “หรือว่าเว่ยฉีหรานกำลังลอบฝึกวิชามาร จึงไม่อยากให้ใครพบ”
โจวชิงหวาพยักหน้าเห็นด้วย “เป็ไปได้!” แล้วเสริมอีกว่า “เพราะทุกครั้งที่เว่ยฉีหรานกลับมาจากา มักจะปลีกวิเวกไปยังสถานที่ลับตาคนเสมอ”
หนีเจียเอ๋อร์เอ่ย “ไปรักษาตัวหรือ? แต่แข็งแกร่งปานนั้น ใครเล่าจะทำร้ายเขาได้?”
โจวชิงหวามุ่นคิ้ว “นั่นสิ! ทั่วใต้หล้านี้ มีน้อยคนนักที่จะต่อกรกับเขาได้”
ดังนั้น ความเป็ไปได้ที่เว่ยฉีหรานจะปลีกตัวไปรักษาอาการาเ็ ย่อมน้อยมาก... หรือว่าคนผู้นี้กำลังซุ่มฝึกวิชามารจริงๆ?!
ฟึ่บ!
เสียงหนึ่งดังขึ้นที่นอกประตู
“ข้าคงต้องไปแล้ว”
เพราะได้รับความไว้วางใจจากไป๋หาน ชายหนุ่มจึงต้องทำหน้าที่ผู้คุ้มกัน และลาดตระเวนรอบๆ เรือนอีกฝ่าย
“อืม... ระวังตัวด้วย!”
หนีเจียเอ๋อร์พยายามจะลุกขึ้นมานั่ง แต่โจวชิงหวาก็ดันร่างให้นางนอนลงตามเดิม “ไม่ต้องกังวลอันใด พักผ่อนเถอะ”
…
วันต่อมา
ด้วยความไว้ใจ ไป๋หานจึงพาโจวชิงหวาติดตามเข้าไปห้องหนังสือเป็ครั้งแรก นางเดินไปหยิบกล่องดำที่ซ่อนอยู่ด้านล่างของชั้นวางหนังสือขึ้นมา
เมื่อเปิดออก ก็พบเข้ากับรูปปั้นทองแดงขนาดเล็ก อย่างที่หนีเจียเอ๋อร์เคยเล่าให้ฟัง
โจวชิงหวาแสดงท่าทีนิ่งเฉย แต่ดวงตาคมกลับติดตามการเคลื่อนไหวของไป๋หานทุกย่างก้าว
จากนั้น ก็ลอบกดมือลงบนศีรษะของรูปปั้นทองแดง ก่อนแสร้งส่งเสียงอุทานอย่างใ
ครืด!
ประตูห้องลับเปิดออก
เขาทำทีเป็ปากอ้าตาค้าง มองแสงที่ลอดออกมาจากโถงทางเดินด้านในด้วยความประหลาดใจ
เป็ไปตามที่หนีเจียเอ๋อร์บอก ที่นี่มีห้องลับซุกซ่อนอยู่จริงๆ
ไป๋หานเบิกตากว้าง รีบเข้ามาปิดประตูห้องลับ แล้วหันไปตำหนิทันที “หากเป็ท่านเ้าสำนัก เ้าคงโดนตัดมือไปแล้ว ถ้ายังรักชีวิตก็หุบปาก เก็บเื่นี้เป็ความลับเสีย!”
ชายหนุ่มก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ก่อนเอ่ยขอบคุณไป๋หานเสียงนอบน้อม “ขอบพระคุณท่านรองเ้าสำนักที่เมตตา อาหวาจะปิดปากเงียบ ไม่บอกเื่นี้กับใครแน่นอนขอรับ!”
พอเห็นอีกฝ่ายเอ่ยเสียงอ่อย ไป๋หานก็ใจอ่อน ไม่คิดจะติดใจเอาความ เพียงโบกมือ “ไปส่งของที่วัง แล้วรีบกลับมา ข้ามีงานให้เ้าทำอีกมาก”
โจวชิงหวาโค้งคำนับ “ขอรับ!”
...
ณ ตำหนักองค์หญิงใหญ่
ตอนนี้ กู่อวี่เสวียนกำลังจะมุ่งหน้าไปหาเว่ยฉีหราน โดยที่ด้านหลังมีขบวนขันทีและนางกำนัลเดินตามมาติดๆ ด้วยท่าทีหวาดหวั่น
ทุกคนรู้ดีว่าเว่ยฉีหรานน่ากลัวเพียงใด แต่ก็ไม่มีใครกล้าทักท้วงหรือห้ามปราม เนื่องจากองค์หญิงกำลังอารมณ์ไม่ดี หากเข้าไปห้าม เกรงว่าจะกลายเป็ที่ระบายอารมณ์เสียเปล่าๆ
“เว่ยฉีหราน เ้าคนวิปริตชั่วช้า บังอาจนัก กล้าเมินคำสั่งข้า! ข้าจะทำให้เ้ารู้สำนึกเอง ว่าอย่าได้มาลองดีกับข้าผู้นี้!”
ยิ่งเห็นท่าทีคลุ้มคลั่งของเ้านาย ก็ยิ่งไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก ทั้งๆ ที่ผู้คนทั่วราชสำนักต่างก็รู้ดี ว่าเว่ยฉีหรานผู้นี้ใจคอโเี้เพียงใด
จำได้ว่าครั้งหนึ่ง หลิงกุ้ยเฟยเคยบริภาษและดูิ่เว่ยฉีหราน เขาจึงตอบโต้ ด้วยการสั่งให้ลงโทษทุบตีนางกำนัลของพระองค์จนตายต่อหน้าสาธารณชน
แต่พอฮ่องเต้และฮองเฮาทรงทราบ เขากลับถูกตำหนิเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่าเื่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะตกกลางคืน เว่ยฉีหรานก็สั่งให้คนไปขุดร่างของนางกำนัลคนนั้นขึ้นมาเฆี่ยนอีกร้อยกว่าครั้ง
ั้แ่นั้น ภาพลักษณ์ของเว่ยฉีหรานในสายตาผู้คน คือเป็อสูรคลั่ง ที่ไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย
เมื่อนึกถึงเื่นี้ ชุนเหินก็เสียวสันหลังวาบ และพยายามเข้าไปเกลี้ยกล่อมเ้านาย “องค์หญิง หากท่านะเิโทสะใส่ท่านแม่ทัพ เขาต้อง...”
กู่อวี่เสวียนหันขวับกลับมามอง “แม่ทัพหรือ? คนเช่นนั้น คู่ควรที่จะมาเป็แม่ทัพใหญ่ของแคว้นตรงไหน? หึ!”
ชุนเหินทึ้งผมตัวเองด้วยความสิ้นหวัง จนกระทั่งร่างของชายหนวดเครารกครึ้มปรากฏขึ้น ท่าทีขึงขังขององค์หญิงก็เปลี่ยนไป
กู่อวี่เสวียนเอ่ยทักทายคนผู้นั้นเสียงอ่อน “เ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ดูสงบเสงี่ยม ราวกับเป็คนละคน
ทุกคนกระตุกยิ้ม ขณะลอบมองบุรุษตรงหน้าด้วยความกังขา
ชายผู้นี้เป็ใครกัน ถึงทำให้องค์หญิงแสดงท่าทีอ่อนโยนเช่นนี้ออกมาได้?
หรือว่าพระองค์จะตัดใจจากคุณชายโจว แล้วหันมาชอบบุรุษเคราครึ้มผู้นี้แทน?!
โจวชิงหวากวาดตามองไปรอบๆ ก็พบว่ามีคนของเว่ยฉีหรานกระจายกำลังอยู่ทั่วพื้นที่ ชายหนุ่มจึงค้อมตัวลง พลางกล่าว “ถวายพระพร องค์หญิงใหญ่”
และใช้จังหวะนี้เอ่ยกระซิบว่า “ขอบพระทัยองค์หญิงใหญ่ที่ช่วยเหลือ แต่ตอนนี้มีสมุนของเว่ยฉีหรานอยู่รอบด้าน คงไม่เป็การดี หากเราจะทำเหมือนรู้จักมักคุ้นกัน”
เมื่อปรายตามอง ก็เป็จริงเช่นที่เขาเอ่ย เพื่อมิให้อีกฝ่ายต้องเดือดร้อน กู่อวี่เสวียนจึงแสร้งทำเป็โมโห และต่อว่าโจวชิงหวาที่มายืนขวางทาง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้