คำตอบนี้ทำให้องค์หญิงไม่ค่อยพอพระทัยอย่างเห็นได้ชัด
แต่พระองค์ไม่ได้ตรัสอะไร เพียงแค่ทอดถอนใจ “คุณหนูใหญ่บ้านนั้นรังแกเจาเจาของข้ามิใช่แค่วันสองวัน ข้ามักจะไม่อยู่เมืองเซียงเฉิงและเข้าหาหวังซื่อเพียงไม่กี่ครั้ง แต่หวังซื่อกลับเอาการทะเลาะวิวาทระหว่างพี่น้องอะไรสักอย่างมาตบตาข้า ข้าเข้าไม่ถึงเลย สมัยก่อนข้ากับอาฮุ่ยก็เป็เช่นนี้หรือ?”
“บ้านใหญ่แค่ไม่ชอบองค์หญิงเท่านั้น คุณหนูเลยโดนหางเลขไปด้วย นิสัยของคุณหนูใหญ่ก็ใช่ว่าจะดีอยู่แล้วเพคะ”
ซงจื่อตอบอย่างระมัดระวัง
สถานการณ์ในจวนเยี่ยนยามนี้ใครก็มองออก ฉากหน้าอ่อนโยนเป็มิตร แต่ฮูหยินเฒ่าไม่เคยลงรอยกับองค์หญิง หวังซื่อก็เช่นกัน บุญคุณความแค้นของคนรุ่นก่อนย่อมลากยาวมาถึงรุ่นถัดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“นางไม่ชอบก็ต้องข่มใจไว้ ข้าคือน้องสาวของอาฮุ่ย เจาเจาคือหลานสาวแท้ๆ ของอาฮุ่ย สมควรมีเกียรติและร่ำรวยล้นฟ้าอยู่แล้ว นางริษยาคนอื่นจนทนไม่ได้เอง”
อาฮุ่ยคือชื่อเล่นของเหลียงฮุ่ย หลังจากฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์ ใต้หล้านี้ก็มีเพียงองค์หญิงฉงหยางที่กล้าเรียกขานฮองเฮาว่าอาฮุ่ย
องค์หญิงฉงหยางพาทหารออกศึกหลายปี บนร่างเลยมีกลิ่นอายความสง่างามแข็งแกร่งอย่างที่ฮูหยินในเมืองหลวงไม่มี ยามที่พระองค์ตรัสประโยคนี้ สายพระเนตรจึงราวกับมีประกายคมปลาบพุ่งออกมา
“เยี่ยนฟางหวามีฐานะอะไร นางอยากได้ของเล่นของเจาเจาก็ไม่ประมาณตนว่าเอามาได้ไหม
อดีตข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขา เพราะคิดว่าหากข้าทำก็จะเหมือนใช้สถานะและอำนาจข่มเหงผู้อื่น แต่พอข้าปล่อยปละละเลยพวกนางวันสองวัน พวกนางก็เสียนิสัยแล้ว!”
องค์หญิงฉงหยางคือองค์หญิงที่อดีตฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งด้วยองค์เอง แผ่นดินครึ่งค่อนแคว้นของต้าซีล้วนเป็องค์หญิงที่ตีมา นอกจากฮองเฮาแล้ว ก็นับว่าองค์หญิงมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะสบประมาทสตรีทุกคนในเมืองหลวงได้
“ฝ่าาทรงพระราชทานนกแก้วหยกขาวให้คุณหนูเล่น คุณหนูก็ยินดีมอบให้คุณชายิเหอ เป็ความใจดีของคุณหนูเพคะ” ซงจื่อเห็นองค์หญิงกริ้วแล้ว จึงจำเป็ต้องเกลี้ยกล่อม
“เ้าบอกว่าปกติคนของบ้านใหญ่กับบ้านสามไม่ชอบิเหอ ข้าไม่อยู่จวนเกือบตลอดปีจึงเข้าไปก้าวก่ายมากไม่ได้ แต่คราวนี้เยี่ยนฟางหวากล้าลงมือแย่งของิเหอ ดูท่าคนกลุ่มนี้จะเข้ากับข้าไม่ได้แล้วจริงๆ”
องค์หญิงทรงลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้าต่าง ทอดพระเนตรผ่านม่านลูกปัดเห็นเยี่ยนเหิงกำลังป้อนเผือกกวนเยี่ยนเจาเจาอยู่ในห้องอาหารฝั่งตรงข้าม เมื่อเห็นแม่หนูยิ้มมีความสุข ในใจของพระองค์จึงสงบลง
ซงจื่อรู้สึกได้ว่าคำพูดขององค์หญิงมีนัยแฝงอยู่ นางจึงคาดเดา “ความหมายขององค์หญิงคือ...?”
“ในคลังของข้ามีนกยูงคู่ตั้งโต๊ะจากหยกเหอเถียน[1] ที่ข้าได้มาระหว่างทำาปราบปรามแคว้นต้าสือ ตอนนั้นหวังซื่อเคยมาขอหนหนึ่ง เ้าไปส่งให้นางเถอะ”
พระสุรเสียงขององค์หญิงฉงหยางเยาะหยันเล็กน้อย
ซงจื่อเป็หญิงรับใช้องค์หญิงฉงหยางในจวน เคยตามนางไปสนามรบเพียงน้อยครั้ง พอยามนี้เห็นความอาฆาตปรากฏอยู่ในดวงเนตรขององค์หญิงจึงอดกลัวไม่ได้
“นี่...”
“เ้าติดตามข้ามาหลายปี ไม่รู้ความหมายของข้าหรือ?”
รูปโฉมขององค์หญิงคล้ายคลึงกับอดีตฮองเฮาที่เป็มารดาผู้ให้กำเนิดอย่างไทเฮาเซี่ยวอี๋ซุ่น แม้พระพักตร์จะงดงามหยาดเยิ้ม ทว่าพระองค์กลับมีท่าทีเ็าและนิ่งเฉยอยู่เป็นิจ เมื่อคนนอกพบองค์หญิงก็จะใกับพลังทั่วร่างก่อน และมักมองข้ามพระพักตร์ของพระองค์ไป
ซงจื่อไม่กล้าสบดวงเนตรองค์หญิง นางเข้าใจความหมายของพระองค์แล้ว จึงรีบร้อนจะออกไปจากเรือน
“จริงสิ เ้าเรียกท่านหมอหลวงหวังมาอีกรอบ ลูกข้าร่างกายแข็งแรงมาตลอด ข้าอยากถามว่า่สองปีมานี้เกิดอะไรขึ้น”
“เพคะ”
องค์หญิงไม่ชอบคนปรนนิบัติ หลังซงจื่อจากไปทั้งห้องจึงเงียบสนิท
เจาเจาคือบุตรีของนาง เหลียงฉงหรือองค์หญิงฉงหยางนั่นเอง การโต้ตอบคราวนี้สะอาดหมดจดจนนางยังต้องปรบมือชม
องค์หญิงฉงหยางไม่เคยเข้าแทรกแซงความขัดแย้งระหว่างเยี่ยนเจาเจาและเยี่ยนฟางหวา เพราะนางไม่อยากเลี้ยงบุตรีให้เป็สตรีอ่อนแอไร้เดียงสา นางอยากดูว่าเจาเจาจะสามารถเติบโตขึ้นเองได้หรือไม่ ดังนั้นนางเลยจงใจเมินเื่เล็กๆ ที่ไม่ก่ออันตรายแก่เจาเจาไป
นางโตก่อนวัย อายุเพียงสิบกว่าขวบก็รบทัพจับศึกในค่ายทหารแล้ว เมื่อพบเจอแผนชั่วร้ายกลับกลอกและต้องไปรบราฆ่าฟันนับพันนับหมื่นแถบแนวหน้าทะเลทรายก็กลัวว่าตนเองจะจากไปสักวัน หากเจาเจายังคงน่ารักใสซื่อ เกรงว่าจะโดนปีศาจโเี้อำมหิตและโลภมากเต็มเมืองเซียงเฉิงปอกลอกเอา!
แต่เมื่อเห็นเจาเจารู้จักตอบโต้แล้ว องค์หญิงจึงสบายใจขึ้นมาก
ทว่าคราวนี้นางเหมือนเพิ่งตระหนักว่าเมื่อก่อนตนทำพลาดไป
นางลืมว่าใจคนเราชั่วร้ายที่สุด แม้นบนโลกนี้ไม่มีเื่ใดน่ากลัวไปกว่ากองซากศพและทะเลโลหิต ทว่าในเรือนหลังก็ฆ่าคนอย่างเืเย็นไม่แตกต่างจากภายนอกเหมือนกัน
แม้องค์หญิงจะหวังให้บุตรีเติบโตมากแค่ไหน ก็ไม่อาจลืมว่าเจาเจาเป็เพียงสาวน้อยที่เติบโตในกรอบตระกูลมั่งคั่ง นางเพิ่งจะอายุได้แค่แปดขวบ ยังเด็กนัก มิควรเรียกร้องจากนางสูงเพียงนี้
ในบางเื่ หากพระองค์สามารถกระทำได้ เมื่อเจาเจาเห็นก็จะได้เรียนรู้
แม้เมื่อครู่เจาเจาจะไม่บอก แต่นางมองเห็นความกลัวและความเสียใจในแววตาบุตรสาวน่ารักของตนได้อย่างชัดเจน เด็กสาวที่เติบโตมาท่ามกลางตระกูลมั่งคั่งอย่างนั้น หากไม่โดนแกล้งหนัก จะมีอารมณ์รุนแรงขนาดนี้ได้อย่างไร?
บ้านใหญ่วอนหาเื่จริงๆ
ั์เนตรขององค์หญิงเข้มขึ้น พระองค์หมุนตัวกลับไป ก่อนจะยกมือเรียกคนอื่นเข้ามา
ความจริงเจาเจาคาดเดาได้ว่าท่านแม่ให้ตนไปดื่มนม เพราะ้าแยกตนออก เพื่อสอบถามคนรอบข้างว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นางไม่กลัวคนอื่น กลัวเพียงท่านแม่จะมองออกว่าตนไม่เหมือนเมื่อก่อน
การกลับมาเกิดเป็เื่แปลกประหลาดเหนือธรรมชาติ เยี่ยนเจาเจาคิดว่าตนต้องเก็บรักษาความลับเล็กๆ นี้ไว้ให้ดี
เยี่ยนเหิงสังเกตเห็นว่าเจาเจาใจลอยจึงยื่นมือไปบีบจมูกนาง ทำให้สองพ่อลูกตีกันอีกรอบ ก่อนที่เยี่ยนเจาเจาจะพบว่าหนานิเหอที่นั่งอยู่ข้างๆ เหมือนเป็คนนอก เขาไม่มีท่านพ่อ นางทำเช่นนี้จะแทงใจเขาหรือเปล่า?
หนานิเหอได้รับความกังวลที่ส่งมาไม่หยุดจากแม่หนูน้อยข้างๆ จึงกลั้นยิ้มไม่อยู่ อดไม่ได้ที่จะยกมือขยี้ผมของนาง
คาดไม่ถึงว่าหลังการกระทำนี้ เยี่ยนเหิงพลันไม่พอใจขึ้นมา เขารู้สึกเหมือนผักกาดขาวที่ยังเลี้ยงไม่โตของตนโดนคนจับจ้อง เขาจึงมองหนานิเหอด้วยใบหน้าหงิกงอยิ่งกว่าเดิม
“เ้าคัดกวีที่ข้าให้คัดก่อนหน้านี้เสร็จหรือยัง?”
เยี่ยนเหิงยังไม่ทราบว่าหอเซียวเซียงโดนทุบจนเละเทะ กวีที่หนานิเหอคัดก็ถูกกำจัดไปแล้ว
เยี่ยนเจาเจากลัวว่าท่านพ่อจะทำให้เขาลำบากใจ จึงชิงเอ่ยขึ้นมาก่อน “เมื่อวานพี่หญิงใหญ่พากลุ่มคนป่าเถื่อนเข้ามาทำลายจนหอเซียวเซียงยุ่งเหยิงไปหมด จะมีบทกวีจากไหนกันเ้าคะ”
เยี่ยนเหิงโดนบุตรสาวของตนเองอุดปาก คิดแต่ว่าเด็กใจร้ายคนนี้ยังไม่ทันโตก็เข้าข้างคนอื่นแล้ว และรู้สึกว่านักเรียนคนโปรดของตนน่ารำคาญขึ้นมาฉับพลัน จึงแบะปากพลางเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นคัดอีกรอบแล้วกัน เ้ามาคัดที่ห้องหนังสือข้า”
เยี่ยนเหิงเรียกหนานิเหอ หนานิเหอย่อมไม่ปฏิเสธ เขาจึงลุกขึ้นเดินตามเยี่ยนเหิงไป แต่เมื่อถึงหน้าประตูก็ยังอดใจไม่ไหวจนต้องหันกลับมามองเจาเจาอีกรอบ
แม่หนูยิ้มจนตาคิ้วโก้งโค้ง แล้วจู่ๆ ก็เช็ดมุมปากของตน หนานิเหอเผลอทำตามนาง สุดท้ายจึงเช็ดโดนก้อนนมที่ติดมุมปากตนเอง
ใบหน้าของหนานิแย้มออกราวกับผ้าไหมครามต้องแสง
หากเขาสามารถพูดได้ ไม่ถือว่าได้คืบจะเอาศอกใช่ไหม?
เชิงอรรถ
[1] หยกเหอเถียน หมายถึง หยกเนไฟรต์ โดยแหล่งผลิตส่วนมากจะกระจายอยู่ตามที่ราบสูงแนวเขาคุนหลินในซีอาน ด้วยแต่ละที่มีแร่ธาตุที่ต่างกันทำให้มีรูปแบบสีสันแตกต่างกันไปด้วย เช่น สีขาว สีเขียวเข้ม สีดำ สีเหลือง เป็ต้น ส่วนราคาจะขึ้นอยู่กับสีและระดับความบริสุทธิ์ แบ่งแยกได้เป็ หยกขาว หยกมันแพะ หยกเขียวอมขาว หยกเขียว และหยกเหลือง