เมื่อหลินกู๋หยู่และฉือหางเดินออกมา พวกเขาเห็นสตรีผมเผ้ากระเซอะกระเซิงนั่งอยู่บนพื้นท่ามกลางฝูงชน นางร้องไห้สะอึกสะอื้น
โจวซื่อยืนอยู่ที่ประตู เฝ้าดูคนบนพื้นร้องไห้น้ำตานองพลางขมวดคิ้วแน่น
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ก่อนที่หลินกู๋หยู่จะตอบสนอง แขนข้างซ้ายของนางที่เดิมที่ก็เป็อิสระ แต่จู่ๆ มันก็ถูกดึงไว้ หากไม่ใช่เพราะฉือหางที่ดึงนางไว้ นางอาจจะล้มลงไปด้านหน้าแล้ว
"ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้าจริงๆ" ใบหน้าของฟางซื่อซีดลงด้วยความตื่นตระหนกใ ดวงตาของนางตื่นตระหนกมองไปที่สตรีที่นั่งอยู่บนพื้น นางชี้นิ้วมือไปทางหลินกู๋หยู่แล้วะโอย่างบ้าคลั่ง "เป็เพราะนาง ทั้งหมดนี้เป็ความผิดของนาง!"
เกิดอะไรขึ้นหรือ?
หลินกู๋หยู่ชำเลืองมองฟางซื่อด้วยความประหลาดใจ ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อนางหันหน้า นางก็เห็นสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่นาง
สตรีคนนั้นจ้องมองหลินกู๋หยู่เขม็งด้วยดวงตาสีเืคล้ายกับมนุษย์กินคน ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นจากพื้นและพรวดพุ่งเข้าหาหลินกู๋หยู่
ฉือหางรีบปกป้องหลินกู๋หยู่ไว้ด้านหลังเขา
สตรีคนนั้นจับมือของฟางซื่อไว้แน่น ยกมือขึ้นอย่างรุนแรงและฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของฟางซื่อโดยไม่ลังเล
หลินกู๋หยู่ไม่ตอบสนองชั่วขณะหนึ่ง เมื่อนางกลับมามีสติสัมปชัญญะ นางมองไปที่ใบหน้าของฟางซื่อที่กุมหน้าด้วยความสยดสยองและมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น
“เ้ากล้าตบข้าหรือ?” ฟางซื่อกัดฟันพูด “ข้าให้เกียรติเ้า แต่เ้าไม่้ามันแล้วใช่หรือไม่!?”
อารมณ์ก้าวร้าวของฟางซื่อถูกปลุกขึ้น นางตบศีรษะของสตรีคนนั้นโดยไม่ลังเล การเคลื่อนไหวของนางยิ่งรุนแรงมากขึ้น "ข้าจะทุบตีเ้าให้ตาย คิดไม่ถึงว่าเ้าจะตบตีทำร้ายข้า เ้าเบื่อที่จะมีชีวิตต่อไปแล้วใช่หรือไม่!”
ยังมีผู้คนในหมู่บ้านจำนวนมากกำลังยืนมุงดูอยู่ที่ประตู
เมื่อฉือเทาออกมาจากบ้าน เห็นสตรีสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างเต็มกำลัง เขาก็รีบก้าวไปข้างหน้ากำลังจะตบศีรษะของสตรีคนนั้น
“แยกพวกนางสองคนให้ข้าที” โจวซื่อเปล่งเสียงพูดทันทีที่รู้ว่าฉือเทาคิดจะทำอะไร
ถ้าเวลานี้ฉือเทาทุบตีสตรีคนนั้น มีความเป็ไปได้ว่าอาจจะเกิดเื่ใหญ่ขึ้นอีก
ได้ยินคำพูดของโจวซื่อ ฉือเทาดึงทั้งสองคนแยกออกจากกัน
มือของฟางซื่อจับเส้นผมของสตรีคนนั้น ในขณะที่มือของสตรีคนนั้นก็ดึงเส้นผมของฟางซื่อ ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีใครยอมปล่อยก่อน
“ทั้งสองคนหยุด!” จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง
หลินกู๋หยู่มองตามต้นเสียง เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ ในขณะเดียวกัน เขาประคองชายชราเดินเข้ามาด้วย ฝูงชนค่อยๆ หลีกทางให้ทั้งสอง
ฉือหางลดศีรษะลงเล็กน้อย โน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหูของหลินกู๋หยู่ และพูดเบาๆ ว่า “นี่คือผู้ใหญ่บ้านและหลานชายของผู้ใหญ่บ้าน จ้าวยู่เถียน”
ผู้ใหญ่บ้านจ้าวค่อยๆ เดินไปหาฟางซื่อและหญิงคู่กรณีอย่างช้าๆ ด้วยใบหน้าเ็า “ยังไม่ปล่อยมืออีก”
ฟางซื่อปล่อยมือก่อน จากนั้นสตรีคนนั้นก็ปล่อยมือด้วย นางยืนตัวตรงยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า
“ผู้ใหญ่บ้าน” สตรีคนนั้นแซ่หลี่ นางสูดจมูกและมองผู้ใหญ่บ้านด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ท่านช่วยตัดสินให้ข้าที นางขอเงินสามตำลึงจากข้า โดยบอกว่านางสามารถรักษาโรคให้แม่สามีของข้าได้!"
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองหญิงแซ่หลี่ จากนั้นมองไปที่ฟางซื่อพลางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
“เงินสามตำลึง” หญิงแซ่หลี่ชูนิ้วสามนิ้วขึ้น เขย่ามันต่อหน้าทุกคน น้ำตาไหลพรากๆ อย่างควบคุมไม่ได้ จากนั้นพูดอย่างสะอึกสะอื้น “ต่อให้ทำงานหนักในไร่นาเป็เวลาหนึ่งปี กระนั้นพวกเราก็หาเงินจำนวนมากเท่านี้ไม่ได้ แต่เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของท่านแม่สามีของข้า ข้าจึงยอมจำนน"
ทุกคนฟังสิ่งที่หญิงแซ่หลี่พูดต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย เงินบ้านไหนบ้างที่มาด้วยลมพัดแรง แม้ว่าจะมาด้วยลมพัดแรงก็ตาม แต่กระนั้นก็ยังต้องก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาอยู่ดี
ฟางซื่อยืนอยู่ด้านหลังฉือเทาด้วยอาการประหม่า
"พวกเราให้เงินนาง ขอให้นางรักษาโรคให้แม่สามีของข้า" น้ำตาของหลี่ซื่อไหลพรากลงมาราวกับว่านางถูก์ลงโทษอย่างหนักหน่วง นางร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม อ้าปากจะพูดทว่านางกลับพูดไม่ออกสักคำ
เมื่อนึกถึงคำถามที่ฟางซื่อเคยถามเมื่อสองสามวันก่อน หลินกู๋หยู่ก็รู้สึกไม่ดีในใจ
อารมณ์ของหลี่ซื่อค่อยๆ สงบลง นางสูดลมหายใจ "นางหลอกเอาเงินพวกเราไปสามตำลึง บอกจะรักษาอาการป่วยให้ท่านแม่สามีของข้า แต่อาการป่วยของแม่สามีของข้ากลับยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ!"
หลังจากที่ทุกคนได้ยินสิ่งที่หลี่ซื่อพูด พวกเขาทั้งหมดต่างก็กล่าวหาว่าฟางซื่อเป็คนผิด
นี่เป็เื่ของความเป็ความตาย คิดไม่ถึงว่าจะทำเหมือนเื่เล็กน้อยไม่สำคัญเช่นละครปาหี่
ก่อนที่ผู้ใหญ่บ้านจ้าวจะมาที่นี่ เขาได้ยินเื่ราวของหลี่ซื่อมาก่อนแล้ว ตอนนี้เมื่อฟังเสียงของผู้คนที่ยืนมุงสนทนาซุบซิบกัน สีหน้าของเขาก็ดูเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม
โจวซื่อดึงฟางซื่อออกมาด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด พูดกับหญิงแซ่หลี่ว่า "ในเมื่อลูกสะใภ้รองของข้าทำเช่นนี้ ก็สมควรให้นางรับผิดชอบเพียงคนเดียว!"
เดิมทีฟางซื่อดูเหมือนจะหดลำคอด้วยความใ แต่ตอนนี้เมื่อนางได้ยินสิ่งที่โจวซื่อพูด นางรีบหันหลังกลับและคุกเข่าต่อหน้าโจวซื่อ "ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว เื่นี้เป็ความผิดของข้าเอง ข้าจะเอาเงิน เอาเงินคืนให้พวกเขาก็สิ้นเื่แล้วไม่ใช่หรือ?"
ไม่ว่าฉือเทาจะโง่เง่าแค่ไหน แต่เขาก็ยังเข้าใจความหมายของโจวซื่อ นั่นคือ้าให้ภรรยาของเขาออกจากตระกูลฉือ
ฉือเทารีบเดินไปที่ด้านข้างของโจวซื่อ พูดเสียงเบาว่า "ท่านแม่ ท่านใจเย็นก่อน เื่นี้ยังไม่ถามให้กระจ่างเลย ทำไมท่านถึงโกรธถึงเพียงนี้แล้ว?"
หลังจากสิ้นคำพูดของฉือเทา ฟางซื่อก็ยืนขึ้นจากพื้นราวกับว่านางได้รับการรู้แจ้งอย่างไรอย่างนั้น
“ข้าบอกเ้าตั้งนานแล้วว่าวิธีการรักษาของข้าอาจจะไม่สามารถรักษาไข้ทรพิษให้หายได้ แต่พวกเ้าก็ยังคงยืนกราน้าให้ข้ารักษาหญิงชราคนนั้นให้ได้ ตอนนี้นางสุขภาพไม่ดี เ้าก็มาตำหนิข้างั้นหรือ?” ฟางซื่อเงยหน้าขึ้น อกผายไหล่ผึ่ง แล้วแผดเสียงะโเสียงดังว่า “เวลารักษาโรค พวกเ้าไม่ต้องเสียเงินหรือไร โรคบางโรครักษาได้ บางโรคก็รักษาไม่ได้ ข้ารักษาคนสองคนให้หายดีได้ด้วยวิธีนี้ เป็เพราะแม่สามีของเ้าสุขภาพไม่ดีเอง จึงรักษานางให้หายไม่ได้เสียที แล้วจะกล่าวโทษข้าได้อย่างไรเล่า!"
เดิมทีทุกคนเข้าข้างหลี่ซื่อ แต่ตอนนี้เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของฟางซื่อ แต่ละคนถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
สิ่งที่ฟางซื่อพูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เพราะอย่างไรเสียเมื่อหมอรักษาคนไข้ โรคบางโรคสามารถบรรเทาอาการของผู้ป่วยได้ โรคที่รักษาได้ก็มีเฉพาะโรคที่ไม่ร้ายแรงเท่านั้น หากเป็โรคร้ายแรง บางครั้งหมอก็หมดหนทาง ไม่อาจรักษาให้หายได้
หลี่ซื่อมองไปที่ฟางซื่อด้วยน้ำตาคลอเบ้า พูดด้วยใบหน้าเ็าว่า "หลังจากที่เ้ารักษามาเป็เวลาสองวัน อาการเจ็บป่วยของท่านแม่สามีของข้าก็แย่ลงทุกวัน าแที่แขนของแม่สามีของข้าก็เป็รอยแผลไม่ตกสะเก็ดเสียที มีอย่างที่ไหนเล่า รักษาโรคด้วยการกรีดตัวผู้ป่วยด้วยมีด”
หลินกู๋หยู่มองไปที่ฟางซื่อด้วยใบหน้าสงบและไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ฟางซื่อทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง จะโทษคนอื่นไม่ได้
ฉือหางปกป้องหลินกู๋หยู่ไว้ด้านหลังของเขา และค่อยๆ ก้าวถอยกลับไปด้านหลัง
"พอ!" เมื่อได้ยินทั้งสองคนพูดเช่นนั้น สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านจ้าวก็น่าเกลียดยิ่งขึ้น และเขามองไปที่ฟางซื่อที่อยู่ข้างๆ เขา "เ้ารักษาโรคอย่างไรหรือ คิดไม่ถึงว่าจะทำเช่นนั้น!"
ฟางซื่อชี้นิ้วมือไปที่หลินกู๋หยู่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหญิงแซ่หลี่ และแผดเสียงดังว่า "น้องสะใภ้สามรักษาด้วยวิธีนี้ ข้าเรียนรู้ทุกอย่างจากนาง!"
ใบหน้าของฉือหางกลายเป็อัปลักษณ์ทันที
หลินกู๋หยู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังฉือหางรู้สึกถึงความโกรธที่แผ่ซ่านจากร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน นางเอื้อมมือไปจับมือของฉือหาง เมื่อเขาหันมามอ นางจึงส่ายศีรษะช้าๆ
เมื่อหลินกู๋หยู่รักษาฉือเย่ โจวซื่อรู้อย่างคลุมเครือว่าเกิดอะไรขึ้น นางหันศีรษะไปมองฟางซื่อ แล้วหันมองไปที่หลินกู๋หยู่ที่ยืนติดอยู่กับลูกชายคนที่สามของนาง
“ผู้ใหญ่บ้าน” โจวซื่อพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง “เื่นี้เป็ความผิดของลูกสะใภ้ของข้า แต่วิธีรักษาโรคเช่นนี้เป็วิธีการรักษาของลูกสะใภ้สามจริงๆ”
“ท่านแม่” ฉือหางขมวดคิ้วเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะะโ “ท่านกำลังพูดอะไร?”
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของฉือหาง ใบหน้าของโจวซื่อก็น่าเกลียดยิ่งขึ้น
ดูสิดู ลูกชายที่แสนดีของนาง ตอนนี้กลายเป็คนคอยช่วยเหลือปกป้องผู้หญิงคนนั้นเสียแล้ว
อดีตลูกสะใภ้สามคนก่อนเป็หญิงอารมณ์ร้อน ปากจัด ตรงไปตรงมา ซ้ำร้ายยังเอาแต่ใจอย่างมาก แต่เมื่อโจวซื่อสั่งสอนลูกสะใภ้คนนั้น ลูกชายของนางก็ไม่เคยว่าอะไร
ทว่าเวลานี้?
ลูกชายของนางไม่ใช่ลูกชายของนางอีกต่อไป คอยแต่จะต่อต้าน เป็คู่อริกับนางไปเสียทุกเื่
ลูกสะใภ้เช่นนี้จะเก็บไว้ไม่ได้ ถ้านางยังอยู่ที่นี่ ก็คงจะกลายเป็ความหายนะ ในกรณีนี้จะเป็การดีกว่าที่จะหย่าลูกสะใภ้สาม ทุกอย่างจะได้ยุติลงเสียที
ผู้ใหญ่บ้านจ้าวเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวข้างๆ ฉือหาง รูปร่างของนางผอมบอบบางและดูอ่อนแอ ใบหน้าของนางไม่น่ามองนัก "เ้าเป็คนคิดวิธีการรักษานี้งั้นหรือ?"
ฉือหางยังคง้าช่วยหลินกู๋หยู่พูดแทน แต่เขาไม่คาดคิดว่าหลินกู๋หยู่จะพยักหน้าและพูดว่า "ใช่"
"โดยปกติรักษาโรคย่อมต้องกินยา" หลี่ซื่อร้องไห้ หันศีรษะไปมองเด็กสาว ขณะพูดด้วยใบหน้าเย็น "แต่ทำไมเ้ารักษาคนเหมือน้าฆ่าคนเช่นนั้นล่ะ?"
"พูดไร้สาระอะไรกัน?" ก่อนที่หลินกู๋หยู่จะเอ่ยปากพูด เสียงแหลมก็ดังท่ามกลางฝูงชน
หลินกู๋หยู่มองตามต้นเสียงนั้น เห็นแม่ม่ายสูก้าวเท้าเดินเข้ามาพร้อมกับลูกชายในอ้อมแขนของนาง
เมื่อทุกคนเห็นลูกชายของแม่ม่ายสู พวกเขาก็รีบหลีกทางให้
ลูกชายของแม่ม่ายสูป่วยเป็ไข้ทรพิษ ไข้ทรพิษเป็โรคที่แพร่เชื้อแรงมาก ถ้าเกิดติดเชื้อขึ้นมาแล้วจะยุ่ง
“พี่หญิงหลี่” แม่ม่ายสูมองหญิงแซ่หลี่อย่างขบขัน นางพูดอย่างเนิบช้าว่า “ลูกชายของข้าก็ป่วยเป็ไข้ทรพิษ ใครๆ ต่างก็รู้เื่นี้ แต่ตอนนี้อาการป่วยของลูกชายข้าหายดีแล้ว!”
เมื่อทุกคนฟังคำพูดของแม่ม่ายสู ทุกสายตาก็จับจ้องไปที่ลูกชายของแม่ม่ายสู
“ถูกต้องแล้ว คนที่นางอุ้มอยู่ก็คือลูกชายของนาง”
“เขาเป็ลูกชายของแม่ม่ายสูจริงๆ ด้วย”
“แปลกจริง ดูเหมือนเขาไม่ได้ป่วยเลยแม้แต่น้อย!”
“ตัวอ้วน ผิวขาว เขาป่วยด้วยไข้ทรพิษจริงๆ หรือ?”
.......
ลูกชายของแม่ม่ายสูป่วย หลี่ซื่อก็ได้ยินเื่นี้เช่นเดียวกัน นางมองไปที่เด็กในอ้อมแขนของแม่ม่ายสูด้วยน้ำตานองหน้า
เด็กป่วยย่อมแตกต่างจากเด็กไม่ป่วย
“ถ้าไม่ใช่เพราะน้องหญิงหลินช่วยรักษาลูกชายของข้า ลูกชายของข้าก็คงไม่ดีขึ้น!” คำพูดของแม่ม่ายสูทำให้เกิดระลอกคลื่นของความตื้นตัน
ไข้ทรพิษ
โรคนี้ร้ายแรงถึงขั้นใช้ยาก็รักษาให้หายเป็ปลิดทิ้งไม่ได้
หลี่ซื่อหันหน้าไปมองหลินกู๋หยู่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำ นางพินิจมองหลินกู๋หยู่จากศีรษะจรดปลายเท้า
ด้วยรูปร่างผอมบาง สีผิวหน้าออกจะเหลืองดูอ่อนแอมาก เมื่อลมพัดมาคงจะต้องหกล้ม คนเช่นนี้จะรักษาโรคไข้ทรพิษให้หายได้จริงหรือ?
“ตอนที่รักษาลูกชายของข้า น้องหญิงหลินก็ป่วยเป็ไข้ทรพิษเช่นกัน แต่ตอนนี้ทั้งสองคนหายดีแล้ว” แม่ม่ายสูพูดอย่างมีชัยด้วยความภาคภูมิใจ สายตาของนางจับจ้องไปที่ใบหน้าของทุกคน
มีอะไรจะน่าเชื่อไปกว่าการได้เห็นด้วยตาตัวเองหรือ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้