“พี่ใหญ่ ท่านกลับมาั้แ่เมื่อใดกัน?”
หลิงมู่เอ๋อร์ราวกับเด็กน้อยที่ซุกซน ะโกอดคอเขาไม่ยอมปล่อยมือ
ไฟโทสะของซั่งกวนเซ่าเฉินที่เดิมมีอยู่เต็มท้อง เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆ ที่งามจับใจคนของสาวน้อย ก็ลดลงไปเกือบครึ่ง เขาก้มลงคิดจะริมฝีปากของนาง แต่หางตากลับเหลือบเห็นว่า ยังมีอีกสองคนอยู่ในเหตุการณ์ ยืนอยู่ที่เดิมมิได้ส่งเสียง
หลังจากส่งผู้ป่วยทั้งหมดกลับไป ซางจือและเจี้ยงเซียงก็ยิ้มมองหลิงมู่เอ๋อร์ นี่ยังจะใช่แม่นางเซียนแพทย์ที่ยามปกติสงบเยือกเย็นอยู่ที่ใด ทั่วทั้งตัวคนล้วนตกอยู่ในห้วงแห่งความรักของสตรีที่กำลังจะแต่งงาน
หลังจากคนทั้งสองพากันขอบคุณที่ซั่งกวนเซ่าเฉินได้ช่วยชีวิตไว้เมื่อครู่ ก็รีบถอยออกไป ยามนี้ หลิงมู่เอ๋อร์ยังคงอยู่บนตัวของซั่งกวนเซ่าเฉิน ราวกับเป็ปลาหมึกั์ที่มีแปดหนวด “พี่ใหญ่ เหตุใดวันนี้ท่านจึงกลับมาได้อย่างเหมาะเจาะถึงเพียงนี้ เมื่อครู่หากไม่มีท่าน ข้าก็จะถูกไท่จื่อจับเข้าเรือนจำไปแล้ว ท่านก็จะไม่ได้เห็นข้าแล้ว”
เพื่อตัดบทคำพูดเชิงน้อยใจที่ออกมาจากริมฝีปากแดงของสาวน้อย สองมือของซั่งกวนเซ่าเฉินออกแรง ราวกับอุ้มทารกน้อย อุ้มนางขึ้นมาเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างอย่างมั่นคง จากนั้นวางนางให้นั่งลงบนขาทั้งสองข้างของเขา “ไม่บังเอิญ เป็ข้าได้รับข่าว จึงเร่งกลับมาอย่างรีบร้อน แต่ยังดีที่กลับมาได้ทันเวลา”
คิดถึงโทสะเมื่อสักครู่ขององค์ไท่จื่อ ซั่งกวนเซ่าเฉินก็หัวเราะเบาๆ “แต่ว่าเ้าจงวางใจ วันหลังเขาไม่กล้ารังแกเ้าแล้ว”
“เพราะของสิ่งนี้หรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์เล่นป้ายที่แสนล้ำค่าในมือ แปลกใจที่ของสิ่งนี้ถึงกับมีประโยชน์ที่มากมายเพียงนี้ ไม่แปลกที่ยามองค์ชายเจ็ดได้ยินว่าซั่งกวนเซ่าเฉินเป็คู่หมั้นของนาง สีหน้าก็พลันชะงักลง พี่บุญธรรมของนางไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริงๆ
“ฝ่าาทรงประทานด้วยพระองค์เอง เห็นมันดุจฝ่าาเสด็จมาด้วยพระองค์เอง ยิ่งกว่านั้นยังมีอำนาจในการปะาก่อนกราบทูลทีหลังอีกด้วย เบื้องบนรวมหวางโฮ่ว ไท่จื่อ เบื้องล่างรวมชาวประชา ขอทาน ไม่ว่าจะเป็ผู้ใด” ซังกวนเซ่าเฉินด้านหนึ่งแนะนำ อีกด้านมองสำรวจใบหน้าที่งามจับใจคนของนางอย่างละเอียด
สาวน้อยนางนี้ เป็ปีศาจที่เย้ายวนจริงๆ
สองปีก่อน ยามที่จากหมู่บ้านชนบทมา ก็มิได้พบว่าคิดถึงนางเช่นนี้ ครั้งนี้ พึ่งจากไปได้ไม่กี่วัน ก็คิดถึงทั้งทิวาราตรี แม้ยามหลับฝันก็ล้วนแต่เป็นาง ตัวเขา ซั่งกวนเซ่าเฉิน ถือว่าตกอยู่ในมือของนางแล้ว
“ร้ายกาจถึงเพียงนี้ ดูท่าฝ่าาทรงปฏิบัติต่อท่านไม่ธรรมดาเลย พี่ใหญ่ เหตุใดท่านจึงเก่งกาจถึงเพียงนี้เล่า?”
หลิงมู่เอ๋อร์พูดจบ ก็มิได้ไปมองสายตาของเขา แต่กลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเขาแข็งค้างขึ้นมา ในนี้บางทีอาจมีความลับอันยิ่งใหญ่กระมัง
“มีบางเื่มีบางคำพูด ยามนี้ไม่เหมาะที่จะบอกเ้า รอจนข้าสะสางทุกอย่างเรียบร้อย ย่อมจะเปิดเผยต่อเ้าทุกประการ มู่เอ๋อร์ของข้าย่อมรอข้า ใช่หรือไม่?” ซั่งกวนเซ่าเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง ลากสายตาที่ทอดยาวกลับมามองหลิงมู่เอ๋อร์อีกครั้ง นางพยักหน้าเหมือนลูกเจี๊ยบจิกข้าว
“พี่ใหญ่อยากพูดก็พูด ไม่อยากพูด ไม่ว่าเวลาใดข้าล้วนไม่มีทางบังคับ แต่ว่า เมื่อครู่ท่านพึ่งพูดว่า ได้รับข่าวจึงรีบเร่งกลับมา เป็สิ่งใด?”
บรรยากาศที่อบอุ่นหัวใจและวาบหวามไปด้วยความรักถูกคำพูดเดียวของหลิงมู่เอ๋อร์ทำลายลง บุรุษที่เมื่อครู่ยังยินดี เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันควัน
แววตาที่อ่อนโยนเปลี่ยนเป็แหลมคม แขนที่โอบเอวนางอยู่ก็เก็บกลับไปเช่นกัน ซั่งกวนเซ่าเฉินกัดฟันว่า “เ้าว่าอย่างไรล่ะ?”
แย่แล้ว ดูเหมือนนางจะพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด ชนเข้าที่ปลายหอกเสียแล้ว
ภายในดวงตาที่แหลมคมของซั่งกวนเซ่าเฉินราวกับมีไฟอยู่กองหนึ่ง ยังมีไอสังหารอีกสามส่วนด้วย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า จะต้องเป็คนของเขา แอบรายงานข่าวลือล่าสุดของเมืองหลวงแก่เขา
หลิงมู่เอ๋อร์รีบแนบเข้ากับร่างของเขา ใช้ความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีในยามปกติ “เฉิน เื่ไม่ได้เป็อย่างที่ท่านคิดจริงๆ ท่านเข้าใจผิดแล้ว”
ที่แท้ มู่เอ๋อร์ของเขาในยามที่ออดอ้อนขึ้นมาก็เกี่ยวิญญาผู้คนเช่นนี้
เสียงเย้ายวนเล็กๆ นั่น ทำให้ก้อนหินใหญ่เช่นเขาอ่อนระทวยไปทั้งตัวแล้ว
ก้มศีรษะใช้แรงจุมพิตลงบนริมฝีปากที่คะนึงหาถึงทุกเช้าค่ำนั้น ซั่งกวนเซ่าเฉินจูบอย่างเสน่หา จนกระทั่งหลิงมู่เอ๋อร์ใกล้จะหายใจไม่ออกจึงได้ยอมเลิกรา “ลือกันว่าเ้ากับซูเช่ออยู่ในห้องส่วนตัวทำเื่…เื่เช่นนั้น ข้าให้โอกาสเ้า อธิบายให้ข้าฟัง ว่าอย่างไรหืม?”
น้ำเสียงของซั่งกวนเซ่าเฉินอ่อนโยน สายตาก็อ่อนโยนเช่นกัน แม้ว่าเื่นี้จะเคยทำให้เพลิงโทสะของเขาลุกโชน ถึงกระทั่งสาบานว่าเมื่อกลับถึงเมืองหลวงจะสังหารซูเช่อเสีย แต่เขาไม่อาจทำใจดุร้ายใส่สาวน้อยของเขาได้
“เป็โจวฉี่เยี่ยน เขาทำงานให้องค์ชายเจ็ด ลอบสังหารไท่จื่อ ผลคือะโเข้าสู่หลุมพรางของไท่จื่อ พี่ใหญ่ท่านก็รู้ว่า โจวฉี่เยี่ยนเป็เพื่อนของข้าและเป็ดั่งพี่ชายของข้า ข้าไม่อาจเห็นความตายโดยไม่ช่วยเหลือ” หลิงมู่เอ๋อร์เล่าสถานการณ์ในยามนั้นให้เขาฟังอย่างละเอียด แน่นอนว่า ซูเช่อโอบกอดนางอย่างไร กระชากคอเสื้อนางอย่างหยาบคายอย่างไร นางมิได้พูดถึงแม้แต่คำเดียว
เ้าน้ำส้มไหนี้ หากรู้ว่าซูเช่อเคยทำเื่ที่ล้ำเส้นเช่นนั้นกับนาง แม้ว่าจะเป็เพราะแผนการเฉพาะหน้าเพื่อรับมือกับสถานการณ์ก็ตาม ก็จะต้องไปสังหารถึงจวนจวิ้นอ๋องแน่
“มู่เอ๋อร์ รับปากข้า วันหลังอยู่ห่างจากซูเช่อรวมทั้งองค์ชายเจ็ดให้มากหน่อย การต่อสู้แย่งชิงในราชสำนัก มิใช่สิ่งที่สตรีอ่อนแอเช่นเ้าจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยไหว” ก้นบึ้งที่ลึกล้ำในดวงตาของซั่งกวนเซ่าเฉินมีความกังวล เขาคิดไม่ถึงว่า เขาพึ่งออกจากประตูไปได้ไม่กี่วัน มู่เอ๋อร์ถึงกับเข้าไปใกล้ชิดกับองค์ชายเจ็ดและไท่จื่อ นี่มิใช่สัญญาณที่ดีนัก
“วางใจเถิด ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร ข้าเป็เพียงหมอคนหนึ่ง หากพวกเขามีเื่ขอร้อง ข้าจะทำตามหน้าที่ของหมอที่ดี แน่นอน หากพวกเขาคิดจะหลอกใช้ข้าทำสิ่งใด เช่นนั้น พวกเขาก็ดูถูกข้าเกินไปแล้ว ”
หญิงสาวตัวน้อยเชิดศีรษะอย่างได้ใจ ท่าทางที่แสนจะหลงตัวเองนั้น ทำให้ซั่งกวนเซ่าเฉินกดนางไว้ในอ้อมกอด อดไม่ได้ที่จะแสดงความรักอีกรอบ
“เ้ามันเป็ปีศาจตัวน้อยที่เย้ายวน ปีศาจที่สามารถล่อลวงจิตใจของผู้คนได้ พูดมาดูซิ นอกจากซูเช่อแล้ว ยังมีผู้ใดที่ถูกเ้าล่อลวงให้ลุ่มหลงจนสติเลอะเลือนอีกบ้าง”
หลิงมู่เอ๋อร์หน้าแดง จ้องมองเขาโดยไม่ละสายตา ใบหน้าดวงน้อยยิ่งค่อยๆเข้าใกล้ทีละนิด “อืม ยังมีอีกคนหนึ่งจริงๆ มิใช่ท่านที่อยู่เบื้องหน้าหรอกหรือ?” กล่าวจบ ก็ส่งมอบจุมพิตออกไป
ร่างกายของซั่งกวนเซ่าเฉินชะงักงัน ทว่าไม่นานก็เปลี่ยนการรับเป็รุก
ความคิดถึงทั้งมวลแปรเปลี่ยนเป็จุมพิตที่อยู่เบื้องหน้า ในห้องที่มิดชิดนั้น ราวกับจะได้ยินเพียงแค่เสียงหัวใจเต้นที่ดังระรัวของคนทั้งสอง
หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกว่า นี่เป็เพราะนางคิดถึงพี่ใหญ่ คิดถึงอ้อมกอดของเขา คิดถึงเสียงของเขา คิดถึงเขาทั้งตัว
ส่วนซั่งกวนเซ่าเฉินนั้น เริ่มแรกถูกการกระทำที่ใจกล้าทำให้ใเข้าแล้ว แต่ความใก็เปลี่ยนเป็ความยินดีอย่างรวดเร็ว เขาชอบสาวน้อยที่จู่โจมก่อน เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกว่า นาง้าเขา
ห้องเดียวกัน ฟืนแห้ง กับเปลวเพลิงร้อนแรง
อีกเพียงนิดเดียว คนทั้งสองก็เกือบจะทลายกำแพงป้องกันไปแล้ว
“ไม่ ไม่ได้ มู่เอ๋อร์ ข้าไม่อาจทำเื่ที่ฉวยโอกาสเช่นนี้ได้ รอข้า พรุ่งนี้จะไปสู่ขอที่บ้าน”
ซั่งกวนเซ่าเฉินหอบหายใจ สายตาจับจ้องคนงามในอ้อมกอดอย่างใกล้ชิด ใช่แล้ว เขารอไม่ไหวแล้ว เขาไม่อยากรอจนแก้แค้นเสร็จจึงแต่งภรรยา เขาอยากแต่งหลิงมู่เอ๋อร์กลับไปไว้ในบ้านตอนนี้เลย
“อืม ข้ารอ…” คำว่า ‘ท่าน’ ยังไม่ทันได้พูดออกมา ประตูห้องพลันถูกคนเปิดออกอย่างกะทันหัน เงาคนยังมิทันได้เห็น น้ำเสียงที่เอาแต่เล่นไม่จริงจังก็ลอยมาเข้าหู “ไม่ทราบว่าแม่นางหลิงคิดดีหรือยัง ว่าจะติดตามเปิ่นหวางหรือไม่?”
คำพูดพึ่งกล่าวจบ ประตูห้องเปิดออก ใบหน้าหล่อเหลาของชายที่เดินเข้ามาชะงักค้าง เขามองภาพเบื้องหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
มู่เอ๋อร์ของเขา ความปรารถนาของเขา บัดนี้ ถูกซั่งกวนเซ่าเฉินกดไว้ในอ้อมกอด
ซั่งกวนเซ่าเฉินที่เดิมก็ไม่พอใจเพราะถูกขัดจังหวะหันมา เมื่อเห็นว่าเป็ซูเช่อ สายตาที่แหลมคมก็พลันเปลี่ยนเป็แดงก่ำราวกับโลหิตทันที
ยิ่งบุรุษทั้งสองเข้าใกล้กัน รอบด้านยิ่งเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร สายตาที่แหลมคมของทั้งสองฝ่าย ภายใต้แสงประกายไฟราวกับจะยิงสังหารอีกฝ่ายให้ตกตายไปข้าง
ไม่ต่างจากที่คิด คนทั้งสองพลันต่อสู้จนเป็ก้อนกลม
ซูเช่อแม้จะเป็จวิ่นอ๋องน้อยผู้เย่อหยิ่ง แต่เขามีฝีมือไม่ธรรมดา แต่ละกระบวนท่าล้วนเป็จุดสำคัญ ส่วนซั่งกวนเซ่าเฉิน ในเมื่อสามารถดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยราชองครักษ์หลวงได้ ก็เป็หลักฐานว่าวรยุทธ์ของเขาเหนือธรรมดา เผชิญหน้ากันแต่ละกระบวนท่าที่ใช้ล้วนหมายเอาชีวิตของซูเช่อ เขายิ่งรวดเร็ว เหี้ยมโหด และแม่นยำกว่า คลี่คลายได้อย่างง่ายดาย
“ซั่งกวนเซ่าเฉิน ไม่มีคำสั่งเรียกตัวของฝ่าา เ้าถึงกับกล้ากลับเมืองหลวงโดยพลการ เ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะถวายฎีการ้องเรียนเ้ากับฝ่าาสักเล่มหนึ่ง?” หมัดอันหนักหน่วงของซูเช่อซัดเข้าไป แม้จะถูกอีกฝ่ายหลบได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ไล่รุกต่อ จากนั้นก็เป็การโต้กลับอีกครั้ง ราวกับไม่คิดจะปล่อยเขาไปแม้แต่น้อย
ที่จริงแล้ว เขาได้ยินว่าไท่จื่อมาหาเื่หลิงมู่เอ๋อร์ จึงรีบมาอย่างเร่งร้อน แม้แต่ประตูก็ไม่ทันได้เคาะ แน่นอนว่าเขาก็มีความคิดที่เห็นแก่ตัวเช่นกัน เขาคิดถือโอกาสที่ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่อยู่ในเมืองหลวง อาศัยจังหวะที่ประชาชนเข้าใจผิด เขาอยากใกล้ชิดกับหลิงมู่เอ๋อร์ให้มากหน่อย บางทีอาจโชคดีได้รับไมตรีจากหญิงงาม
แต่ไม่คิดว่า ทันทีที่เข้าประตูมา ก็จะได้เห็นภาพที่ทำให้โมโหเช่นนี้
ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่เพียงกลับมาแล้ว ยังใกล้ชิดกับหลิงมู่เอ๋อร์เช่นนี้ ที่น่าโมโหยิ่งไปกว่านั้นคือ เขามิเคยได้เห็นหลิงมู่เอ๋อร์อ่อนโยนและเอียงอายเช่นนี้มาก่อน
“ต่อให้ไม่มีการเรียกตัว ข้าอยากกลับก็กลับ เ้าคิดว่าฝ่าาจะตำหนิ เช่นนั้นเ้าก็ลองดู แต่ว่าข้าขอเตือนเ้าไว้ ไม่อนุญาตให้เข้าใกล้มู่เอ๋อร์อีก”
มือขวาออกแรง ต้านการจู่โจมของซูเช่อได้สำเร็จ กระทั่งทำให้ฝ่ายหลังถอยไปหลายก้าว ซั่งกวนเซ่าเฉินถือโอกาสที่เป็ฝ่ายได้เปรียบ นิ้วทั้งห้าราวกับตะขอที่คบกริบ ราวกับหนึ่งกระบวนท่าตวัดลงไป ก็สามารถเอาชีวิตของเขาได้
หลิงมู่เอ๋อร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองชายหนุ่มผู้หล่อเหลาทั้งสองต่อสู้อย่างผ่อนคลาย นี่เป็ครั้งแรกที่นางเฝ้าสังเกตฝีมือของพี่บุญธรรมและซูเช่อ อย่าได้พูดไป หล่อเหลาองอาจอย่างมากจริงๆ
รู้สึกว่าคนทั้งสองต่อสู้กันได้พอสมควรแล้ว นางจึงได้วางจอกชาลงที่ข้างโต๊ะอย่างเชื่องช้า
“ตีกันพอแล้วหรือยัง?” ลุกขึ้นยืน เลิกคิ้ว เดินอย่างสบายๆ ไม่เร่งรีบไปอยู่ระหว่างคนทั้งสอง อีกฝ่ายแม้ว่าบนใบหน้าจะไม่มีร่องรอยของความพ่ายแพ้ แต่ไอสังหารที่รุนแรงนั้นไม่แบ่งสูงต่ำเลย “ในเมื่อทั้งสองต่างก็ไม่มีวิธีสังหารอีกฝ่ายให้ตายไปในครั้งเดียว ตอนนี้ ใช่ว่าสามารถหยุดมือได้แล้วหรือไม่?”
หันสายตากลับมา แววตาประสานเข้ากับซูเช่อ “จวิ้นอ๋องน้อย ั้แ่เมื่อใดกันที่ท่านผู้สูงศักดิ์ว่างถึงเพียงนี้ จึงมีเวลาว่างวิ่งมาที่โรงหมอของข้าได้บ่อยครั้ง?”
อีกความหมายคือ รังเกียจที่เขายุ่งเกินไป?
เห็นหลิงมู่เอ๋อร์ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างสมบูรณ์ไม่มีร่องรอยเสียหาย คิดไปถึงไท่จื่อผู้โมโหฟึดฟัดที่เห็นเมื่อครู่ สายตาก็มองไปยังซั่งกวนเซ่าเฉินอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่า ตัวเขาแม้แต่ไท่จื่อก็ไม่กลัว
“ในเมื่อเ้าไม่เกิดเื่ ครั้งหน้าข้าค่อยมาหาเ้า” สะบัดแขนเสื้อ ซูเช่อจากไปพร้อมเพลิงโทสะ
ด้านนอกประตูของโรงหมอ ลูกน้องถือกระบี่ประจำกาย ค้อมกายอย่างเคารพ “จวิ้นอ๋องน้อยขอรับ พรุ่งนี้องค์ชายเจ็ดมีงานสมรส ตัวท่านในยามนี้ จะไปจวนขององค์ชายเจ็ดหรือไม่ขอรับ?”
“ให้คนส่งของขวัญไป บอกเขาว่าข้าย่อมไปร่วมพิธีแต่งงาน แต่ว่า ยามนี้เ้าไปทำเื่หนึ่งให้ข้า”
เขา้าตรวจสอบ
ซั่งกวนเซ่าเฉิน บุคคลที่ไม่เป็ที่สนใจผู้นี้ หลังจากสองปีก่อนที่ปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวงอย่างกะทันหัน ก็ได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยราชองครักษ์หลวง ในยามนั้น เขาก็รู้สึกสงสัย ทว่าตัวเขาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ไปวิเคราะห์เื่ราวในราชสำนัก เพราะนี่เป็เื่ที่ฝ่าาทรงมีพระบัญชาด้วยพระองค์เอง
ถูกแล้ว ฝ่าา?
“ข้า้ารู้ทุกเื่ของซั่งกวนเซ่าเฉินก่อนที่เขาจะมาเมืองหลวง หากไม่มีที่ให้ตรวจสอบ ก็เริ่มลงมือจากวังหลวง ข้าให้เวลาเ้าเจ็ดวัน หากเื่ไม่สำเร็จ หิ้วหัวมาพบข้า!”
ทิ้งคำพูดไว้ ซูเช่นะโขึ้นม้า จากไปอย่างสง่างาม
โรงหมอ ซั่งกวนเซ่าเฉินโอบกอดร่างของหลิงมู่เอ๋อร์จากทางด้านหลัง กรามล่างแนบอยู่ที่หัวไหล่ของนาง น้ำเสียงมีความเปรี้ยวปนอยู่ “ดูๆ ไปแล้วจวิ้นอ๋องน้อยเอาใจใส่เ้าอย่างมาก”
หลิงมู่เอ๋อร์แหงนหน้า จุมพิตเบาๆ ที่สันกรามของเขาครั้งหนึ่ง “ข้า้าแค่ให้ท่านเอาใจใส่ ผู้อื่นข้าล้วนไม่สนใจ”
ได้รับคำตอบที่พึงพอใจ สีหน้าของซั่งกวนเซ่าเฉินเปลี่ยนจากเมฆครึ้มเป็สดใส “พรุ่งนี้องค์ชายเจ็ดสมรส ได้ยินว่าเชิญเ้าเช่นกัน?”
“อื้ม แต่หากพี่ใหญ่ไม่ให้ข้าไป ข้าก็ไม่ไป”
ซั่งกวนเซ่าเฉินเบี่ยงศีรษะไปจุมพิตติ่งหูที่บอบบางนุ่มนิ่มของนาง “อยากไปก็ไป ข้าจะปกป้องเ้าเอง”