นั่นคือการสั่นสะท้านจากส่วนลึกในจิตใจชนิดหนึ่ง เกิดจากจิติญญา เช่นเดียวกับเมื่อสิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่าเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ระดับสูงกว่า เกิดความรู้สึกเกรงขามชนิดหนึ่งโดยสัญชาตญาณ
“ซ่าา…” พลันเขตแดนน้ำแข็งกลายเป็หยดน้ำกลางอากาศในทันใด เกิดเป็ละอองหมอกหนาแน่น สายตาถูกละอองหมอกบดบังแล้ว
เหยียนชิงชิงอุทานขึ้น ลงมืออย่างไร้ประโยชน์ เงาร่างของจ้านอู๋มิ่งหายไปแล้วท่ามกลางม่านหมอก คนผู้นั้นเหมือนดั่งหลอมรวมกับละอองน้ำไปแล้ว ทักษะการควบคุมธาตุน้ำอันเชี่ยวชาญของจ้านอู๋มิ่ง ทำให้เหยียนชิงชิงใยิ่งนัก ถึงแม้นางสามารถใช้ธาตุไม้ได้เช่นกัน แต่กลับด้อยกว่าทักษะการควบคุมธาตุน้ำของจ้านอู๋มิ่งมากมาย…การหมุนเวียนเปลี่ยนผันของน้ำและน้ำแข็งเป็ไปตามใจปรารถนา คนกับน้ำผสมผสานเชื่อมโยงถึงกัน
“ตูมมม…” ร่างของเหยียนชิงชิงถูกกระแทกด้วยพลังมหาศาลกระเด็นลอยออกไปหลายสิบวา
จ้านอู๋มิ่งปรากฏตัวขึ้นข้างๆ นางอย่างกะทันหัน นางไม่มีแม้แต่โอกาสจะต่อต้านก็ถูกจ้านอู๋มิ่งโจมตีจนลอยกระเด็นออกไปแล้ว
เหยียนชิงชิงยืนหยัดให้มั่นคงบนผืนน้ำอย่างเต็มฝืน ร่างกายจวนเจียนจะจมดิ่งลงไปในน้ำ ดาบยาวบนหลังเล่มนั้นของนางตกไปอยู่ในมือของจ้านอู๋มิ่งแล้ว หากจ้านอู๋มิ่ง้าสังหารนาง เมื่อครู่นางไม่อาจรอดชีวิตได้อย่างเด็ดขาด การต่อสู้กับจ้านอู๋มิ่งบนผิวน้ำนั้นนับเป็ความผิดพลาดอย่างหนึ่ง
เวลานี้ สิ่งเ่าั้ล้วนไม่สำคัญแล้ว เหยียนชิงชิงไม่สามารถต้านทานเจตจำนงของจ้านอู๋มิ่งได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อครู่นี้นางััได้ถึงพลังประหลาดนั้นในร่างจ้านอู๋มิ่ง นั่นคือการควบคุมและสะกดข่มจากต้นกำเนิดของพลังชีวิตชนิดหนึ่ง อันเป็ระดับขอบเขตชีวิตที่เหนือชั้นกว่า ตนเองกลับเกิดความรู้สึกที่ยอมศิโรราบจากส่วนลึกของจิติญญา
“ดาบสลายิญญา พิษร้ายกาจมาก!” จ้านอู๋มิ่งค่อยๆ ชักดาบยาวออกมา เห็นแสงสีน้ำเงินอมเทาเยือกเย็นเป็ประกายบนตัวดาบ ตัวดาบยาวเรียวและคมกริบ ลวดลายลึกลับเป็ๆ ชั้นบนตัวดาบนั้นดูราวกับกำลังว่ายวนเวียนอยู่ก็มิปาน…นี่คือหนึ่งในดาบพิษที่มีชื่อเสียงที่สุดของสำนักเบญจพิษ ดาบสลายิญญา
“ไฉนจึงเป็เช่นนี้?” จิติญญาเหยียนชิงชิงสั่นสะท้าน อยู่ต่อหน้าจ้านอู๋มิ่ง นางกลับมิสร้างเจตจำนงที่จะต่อต้านแม้เพียงน้อยนิด ถึงแม้สามัญสำนึกจะบอกนางว่านางสมควรมีความทระนงในฐานะของราชัน แต่สัญชาตญาณกลับทำให้นางมิอาจต่อต้านสภาวะพลังที่มาจากร่างจ้านอู๋มิ่ง ภายในจิติญญาจ้านอู๋มิ่งมีพลังของธาตุไม้บริสุทธิ์ขุมหนึ่ง เหมือนเช่นต้นไม้ั์ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง นางเป็เพียงหญ้าอ่อนที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้เท่านั้น
“เ้าโชคดียิ่งนัก กลับค้นพบเส้นทางกลายเป็ผู้ที่มีดวงชะตา มีธาตุไม้เป็ธาตุแห่งชีวิตเพียงธาตุเดียวสำเร็จอย่างแท้จริง เ้าเติมธาตุไม้เข้าไปในร่างของหนอนกู่ และย้อนกลับมาเสริมเติมตนเองหลังจากผ่านหนอนกู่มีการพัฒนา ทำให้เ้าสำเร็จเป็ผู้ที่มีดวงชะตามีธาตุไม้เป็ธาตุแห่งชีวิตเพียงธาตุเดียวอย่างแท้จริง น่าเสียดายที่ราชันหนอนกู่อย่างเ้าจะกลายเป็สารบำรุงร่างกายของข้า ธาตุแห่งชีวิตของข้าได้ดูดซับมันไว้แล้ว เท่ากับข้าได้ซึมซับเอาจิติญญาชีวิตของเ้าไว้แล้วครึ่งหนึ่ง ราชันหนอนกู่อ่อนแอกว่าเ้า ดังนั้นเ้าจึงสามารถควบคุมมันได้ แต่ว่าเวลานี้ข้าแข็งแกร่งกว่าเ้า ดังนั้นข้าก็คือท้องฟ้าที่อยู่เหนือเ้า!” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะราบรื่นถึงเพียงนี้
ภายใต้มหาสมุทร จ้านอู๋มิ่งดูดซับพลังธาตุไม้บริสุทธิ์ที่ผันแปรโดยหนอนกู่ ในนั้นมีพลังธาตุแห่งชีวิตของเหยียนชิงชิงอยู่ด้วย เหยียนชิงชิงจำเป็ต้องใช้พลังธาตุแห่งชีวิตควบคุมหนอนกู่ เมื่อจ้านอู๋มิ่งดูดพลังธาตุแห่งชีวิตของนาง เท่ากับได้ยึดช่องโหว่ในจิติญญาของนางไว้แล้ว ขอเพียงแค่เขาปรารถนา ก็สามารถทำให้จิติญญาของเหยียนชิงชิงเกิดความรู้สึก้าพึ่งพาตนขึ้นมา ไม่มีความคิดต่อต้านแม้เพียงน้อยนิด
ในคราแรกจ้านอู๋มิ่งก็ไม่คิดว่าจะได้ผลขนาดนี้เช่นกัน เมื่อครู่นี้ยามที่เขาโคจรพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตา ควบคุมพลังธาตุไม้ในร่างกายอย่างเป็ธรรมชาติ จึงได้พบว่า จิติญญาของเขาและเหยียนชิงชิงได้เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ถ้าเขาเสียชีวิตลง จิติญญาเหยียนชิงชิงก็จะเสื่อมสลายลงเช่นกัน หากเหยียนชิงชิงเสียชีวิตแล้ว จิติญญาชีวิตเขาจะเสียหายไปบ้างบางส่วนเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงมีความคิดที่จะเป็ฝ่ายรุกคืบ แต่ว่าจ้านอู๋มิ่งกลับ้ามีสัตว์เลี้ยงน่ารักเช่นนี้มาคอยอยู่เคียงข้างตนตลอดเวลายิ่งกว่า
“ต่อไปเรียกข้าว่านายท่าน!” จ้านอู๋มิ่งพูดขึ้นเสียงเรียบๆ
“เ้าค่ะ นายท่าน!” เหยียนชิงชิง้าต่อต้านขัดขืนยิ่งนัก แต่สัญชาตญาณทำให้นางสยบต่อเจตจำนงของจ้านอู๋มิ่งเสียแล้ว
“เข้ามา!” จ้านอู๋มิ่งยืนมือโบกไปทางเหยียนชิงชิง เหยียนชิงชิงเข้ามาพิงร่างโดยมิเป็ตัวของตัวเอง
“ประเสริฐมาก!” จ้านอู๋มิ่งััลูบไล้ใบหน้าที่สวยงามของเหยียนชิงชิงคราหนึ่ง ในสายตาบังเกิดความตื่นเต้นที่มิสามารถควบคุมได้ นี่คือหญิงสาวที่ยอดเยี่ยมผู้หนึ่ง บุคลิกภายนอกที่เ็า ทำให้บุรุษเกิดความรู้สึกเป็สุขที่ได้พิชิตนาง…
……
“รู้หรือไม่ไฉนข้าจึงรั้งเ้าไว้?” จ้านอู๋มิ่งมองเหยียนชิงชิงที่เชื่องเชื่อเหมือนกระต่ายน้อยข้างกาย แล้วถามขึ้น
นี่คือธิดาเทพแห่งสำนักเบญจพิษ หนึ่งในสิบราชันพั่วเหยียน ั้แ่นี้เป็ต้นไป นางก็คือสัตว์เลี้ยงของตนแล้ว
ใต้หล้ามีผู้ใดกล้าเรียกใช้หญิงสาวเช่นนี้บ้าง? ทุกส่วนของร่างกายเต็มไปด้วยวัตถุพิษทั่วทั้งตัว มีเพียงพี่ชายอย่างข้าเท่านั้นที่ควบคุมได้! บางเวลาที่จำเป็ยังสามารถช่วยเพิ่มธาตุไม้ เพื่อเสริมเติมเต็มธาตุแห่งชีวิตของตนอีกด้วย ช่างประเสริฐยิ่งนัก ข้าคุณชายมิเสียทีที่เป็อัจฉริยะของสำนักบริบาลเดรัจฉาน บริบาลคนก็ร้ายกาจเช่นเดียวกันนะเนี่ย
“บ่าวมิทราบ นายท่านคงรู้สึกว่าบ่าวยังมีคุณค่าอยู่บ้างกระมัง” เหยียนชิงชิงตอบรับคำหนึ่ง
“เ้าคืออัจฉริยะผู้หนึ่ง ข้า้าให้เ้าเป็บ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของข้า ไม่เพียงเท่านี้ ข้ายัง้าให้เ้าร่วมเดินทางไปในเส้นทางจักรพรรดิากับข้า บนเส้นทางสู่จักรพรรดิา ทะลวงสิ่งที่ปิดผนึกแผ่นดินนี้ออก…หากเ้ามิได้เปี่ยมด้วยพลังแฝงมากมายเช่นนี้ ข้าก็มิให้ความสนใจเ้าเช่นกัน ดังนั้น ถ้าเ้าไม่สามารถก้าวตามข้าให้ทัน เช่นนั้นแล้วก็จะเป็สัตว์เลี้ยงไว้หยอกเล่นตลอดไป วันใดที่เ้าแสดงความสามารถของเ้าออกมา ข้าจะให้เ้ากลายเป็สตรีของข้า” จ้านอู๋มิ่งสูดหายใจลึกๆ คำหนึ่งแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ทะลวงสิ่งที่ปิดผนึกแผ่นดินนี้ออก?” เหยียนชิงชิงถามด้วยความประหลาดใจ
“มิผิด ที่นี่คือแผ่นดินที่ถูกปิดผนึกไว้แห่งหนึ่ง เส้นทางสู่จักรพรรดิาสามารถนำไปสู่แผ่นดินอื่นที่ดำรงอยู่ร่วมกับพวกเรา ที่นั่นมีพลังแก่นแท้จิติญญาเบาบาง ในสถานที่แห่งนั้น สามารถเชื่อมต่อกับอาณาเขตและดินแดนอื่นที่ระดับสูงยิ่งกว่า นั่นคืออาณาเขตดินแดนปฐมภูมิ ส่วนแผ่นดินพั่วเหยียนนั้น ข้าไม่ได้สนใจ มันมิเคยอยู่ในสายตา ที่เรียกกันว่าสิบราชันพั่วเหยียน เป็เพียงเื่น่าขบขันเื่หนึ่งเท่านั้น เป้าหมายของข้าคือดินแดนที่ระดับสูงกว่า สถานที่นั้นจึงจะเป็เวทีสำหรับข้า” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างสบายๆ
เหยียนชิงชิงรู้สึกว่าจ้านอู๋มิ่งมีจิติญญาอันกล้าหาญที่นางไม่เคยััมาก่อน นั่นคือความหยิ่งผยองและทระนงที่แท้จริง บุคคลเช่นนี้จึงจะเป็บุรุษที่แท้จริง
ทันใดนั้น ท่ามกลางความมืดมิด เหมือนดั่งกุญแจอันหนึ่งถูกเปิดออก ท่ามกลางความเหม่อลอย เหยียนชิงชิงดูเหมือนจะมีสายตาที่กว้างไกลขึ้น เวลานี้ นางรู้สึกว่าการยอมสยบต่อจ้านอู๋มิ่งเป็ทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว
ทันใดนั้นเหยียนชิงชิงพูดขึ้นอย่างรู้สึกกังวลอยู่บ้างว่า “บ่าวรู้สึกว่า ชายชราคล้ายดั่งกระทำบางอย่างกับพวกเราไว้ บ่าวรู้สึกกังวลว่าจะมิสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของมัน”
“ภายในจิติญญาของเ้า ชายชราลอบลงมือไว้จริงๆ แต่ว่าเมื่อครู่นี้ข้าได้ใช้พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตากลืนผนึกลึกลับที่ผนึกจิติญญาชีวิตของเ้าไป ต่อไปเ้าจะไม่ต้องถูกมันคุกคามอีกต่อไปแล้ว เ้านายของเ้า มีข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น” จ้านอู๋มิ่งตบๆ ไหล่ของเหยียนชิงชิงแล้วพูดขึ้น
“นายท่าน ชายชราควบคุมพวกเราสิบราชันไว้ มีจุดประสงค์ใดกันแน่?” เหยียนชิงชิงขบคิดแล้วถามขึ้น
“ใต้หล้ามีการบ่มเพาะพลังชีวิตที่เป็อาถรรพณ์ชั่วร้ายเป็พิเศษชนิดหนึ่ง ที่คนเหล่านี้บ่มเพาะก็เป็เคล็ดวิชาเกี่ยวกับชะตาชีวิตเช่นกัน แต่ว่ากลับชั่วร้ายยิ่งนัก การบ่มเพาะและพร์ของพวกเขายกระดับขอบเขตสูงขึ้นโดยอาศัยการดูดซับเอาโชคชะตาและธาตุแห่งชีวิตที่มีความพิเศษเข้ามาอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะทะลวงด่านบรรลุขอบเขตให้สูงขึ้น พวกเขาถึงกับสามารถใช้เวลานับร้อยปีในการสรรหาคนผู้หนึ่งหรือจำนวนหลายๆ คนที่มีจำนวนตัวเลขชีวิตพิเศษ จากนั้นฝึกฝนคนเ่าั้ตามแผนการและเจตนาของตน ตลอดจนบ่มเพาะออกมาเป็ผู้นำสูงสุดแห่งยุคของแคว้นหนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่โอกาสสุกงอมแล้ว ก็จะใช้ผนึกต้องห้ามที่ใส่ไว้เนิ่นนานแล้ว ่ชิงธาตุแห่งชีวิตและโชคชะตาของเหยื่อที่ถูกบ่มเพาะฟูมฟักขึ้นมา ใช้เสริมเติมเต็มความบกพร่องในธาตุแห่งชีวิตของตน จวบจนกระทั่งบรรลุความสมบูรณ์แบบ” ยามที่จ้านอู๋มิ่งพูดถึงเคล็ดวิชาทักษะชะตาชีวิต เห็นเหยียนชิงชิงมีส่วนที่มิเข้าใจอยู่บ้าง เลยพูดเื่ราวทั้งหมดออกมา
“พวกเ้าราชันทั้งสิบเป็สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยชายชรา รอจนกระทั่งพวกเ้าควบคุมสำนักนิกายของแต่ละคนได้สำเร็จแล้ว กลายเป็เ้าสำนัก โชคชะตาของสำนักก็จะเชื่อมโยงผูกติดกับโชคชะตาของพวกเ้าเอง ถึงเวลานั้น พวกมันก็จะกระตุ้นผนึกต้องห้ามในจิติญญาชีวิตของพวกเ้าให้ทำงาน ใช้ร่างกายของพวกเ้าเป็สื่อกลาง ดูดซับเอาโชคชะตาของสำนัก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการยกระดับขอบเขตของพวกเขา” จ้านอู๋มิ่งพูดให้ฟังอย่างยืดยาว
จ้านอู๋มิ่งนึกถึงจู้เชียนเชียนแห่งเมืองวันสิ้นโลก นางก็เป็เช่นเดียวกับสิบราชันพั่วเหยียน สิบราชันพั่วเหยียนโชคดีกว่าจู้เชียนเชียนมาก อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ยังสุขภาพแข็งแรงดี นึกถึงตรงนี้ จ้านอู๋มิ่งขมวดคิ้วขึ้นมา หรือว่าโม่ฉางชุน ผู้ร้ายแห่งเมืองวันสิ้นโลกจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับชายชรา มิฉะนั้นไฉนจึงวางรูปแบบแผนการในลักษณะเดียวกัน?
หลังจากสยบเหยียนชิงชิงแล้ว จ้านอู๋มิ่งทอดถอนหายใจยาว เขามิได้เกรงกลัวชายชราผู้ลึกลับแต่อย่างใด ที่เรียกกันว่าสิบราชัน ไม่ว่าจะเป็เฉวียนหรูเซินหรือว่าเหยียนชิงชิงที่อยู่ตรงหน้า ล้วนเป็ผู้ที่มีดวงชะตามีธาตุแห่งชีวิตเพียงธาตุเดียว
“นายท่าน ถ้าเช่นนั้นต่อไปพวกเราควรทำเช่นไร?” เหยียนชิงชิงถามขึ้น
“เ้าย่อมกลับสำนักเบญจพิษไม่ได้แน่นอนแล้ว ในฐานะธิดาเทพ ถ้าผู้อื่นทราบว่าเ้าเป็หญิงสาวที่ติดตามข้าแล้ว เกรงแต่ว่าจะจับเ้าโยนลงบ่อหมื่นพิษ ต่อไปนายเ้าไปสถานที่ใด เ้าก็ตามไปที่นั่น ข้ามีคัมภีร์วิชาพิษอยู่เล่มหนึ่ง ร้ายกาจยิ่งกว่าคัมภีร์พิษฟ้ากันดารแห่งสำนักเบญจพิษของพวกเ้า เ้าสามารถนำไปศึกษาค้นคว้าดู รอจนข้าออกมาจากอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนแล้ว พวกเราค่อยเดินทางไปสู่เส้นทางจักรพรรดิาด้วยกันสักครา”
จ้านอู๋มิ่งนึกถึงคัมภีร์วิชาพิษที่ฉิงชวนฝึกปรือในชีวิตก่อนหน้านี้ เพียงพอที่จะทำให้เหยียนชิงชิงฝึกปรือได้เหนือระดับปรมาจารย์ขึ้นไป เหนือกว่าคัมภีร์พิษฟ้ากันดารแห่งสำนักเบญจพิษมากมายนัก
“ทุกอย่างเป็ไปตามที่นายท่านจัดการ” เหยียนชิงชิงเชื่อคำพูดของจ้านอู๋มิ่ง ถึงกับยังมีตำราวิชาพิษที่เหนือกว่าคัมภีร์พิษฟ้ากันดาร แม้จะมีความรู้สึกไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง แต่ควรรู้ว่าคัมภีร์พิษฟ้ากันดารเป็ถึงคัมภีร์ระดับฟ้า เป็สมบัติสำคัญประจำสำนักเบญจพิษ หากพูดว่ามีตำราวิชาที่ดีกว่าคัมภีร์พิษฟ้ากันดาร นางเชื่อ แต่หากบอกว่ามีตำราวิชาพิษที่สามารถใช้พิษได้เหนือล้ำกว่าคัมภีร์พิษฟ้ากันดารของสำนักเบญจพิษ นางคิดว่ามันไม่มีอยู่จริงอย่างเด็ดขาด นางย่อมไม่ทราบว่าจ้านอู๋มิ่งนำสิ่งต่างๆ มาจากชาติภพที่แล้ว
“ของสิ่งนั้น ข้ามิได้นำติดตัวมาด้วย รออีกไม่กี่วัน ข้าจะมอบให้เ้า” จ้านอู๋มิ่งไม่สามารถนำออกมาได้ในขณะนี้ มันยังอยู่ในความทรงจำของเขา ต้องกลับไปคัดลอกออกมาจึงจะใช้ได้ “เ้ามาแล่นเรือ พวกเราไปสถานพำนักของคุนเผิงโดยตรง ระหว่างทางดูว่ามีสิบราชันที่อยู่เพียงคนเดียวหรือไม่ ข้ายังคิดจะจัดการอีกสักหลายคน”
“นายท่านวางใจ บ่าวจะต้องช่วยนายท่านอีกแรง” เหยียนชิงชิงอ่อนโยนราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง ไหนเลยจะมีลักษณะดุร้ายอย่างเช่นในตอนแรกอีก
จ้านอู๋มิ่งพอใจกับท่าทีของเหยียนชิงชิงอย่างยิ่ง ครุ่นคิดถึงแต่สิ่งสวยงามอย่างเพลิดเพลิน ทันใดนั้น สีหน้าจ้านอู๋มิ่งแปรเปลี่ยน “เ้าว่ายังมีศิษย์ร่วมสำนักเร่งรุดมาที่นี่?”
เหยียนชิงชิงก็ใเช่นกัน สีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวงรีบกล่าว “ไม่ดีแล้ว เป็บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ย เขตแดนพิษ์ภัยพิบัติของเขาไม่ได้รับผลกระทบจากเจตจำนงของคุนเผิง ครั้งที่แล้วเขาสังหารชนเผ่าสมุทรนับแสนคนในคราวเดียว! ฝีมือการใช้พิษของบรรพบุรุษเฒ่าร้ายกาจยิ่งนัก เนื่องจากเขตแดนของเขายังคงดำรงอยู่ เจตจำนงของคุนเผิงเพียงสะกดข่มฐานบ่มเพาะของเขาไว้ที่จักรพรรดิาสูงสุด ดังนั้นในน่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้ ฐานบ่มเพาะของผู้เฒ่าจึงสูงที่สุด”
“ไม่หรอกกระมัง ผู้เฒ่าท่านนี้ยังสามารถรักษาฐานบ่มเพาะจักรพรรดิาสูงสุดได้หรือ? เช่นนั้นจะต่อสู้อย่างไร รีบหนีกันก่อนเถิด” จ้านอู๋มิ่งเมื่อได้ยินก็ตะลึงงันแล้ว บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ย คนผู้นี้ขี้โกงยิ่งนัก คนอื่นๆ ถูกสะกดข่มถึงระดับราชันาขั้นต้น เนื่องจากเขตแดนของชายชราผู้นี้เป็ปัจจัยภายนอก ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจากฟ้าดิน ขอเพียงยาพิษบนร่างยังใช้ไม่หมดสิ้น เขตแดนพิษ์ภัยพิบัติก็จะไม่เสื่อมสลาย ขอเพียงเขตแดนพิษ์สุดขั้วไม่เสื่อมสลาย เจตจำนงของคุนเผิงจะอ่อนแอลงอย่างมากมาย
คิดไม่ถึงว่าในใต้หล้ายังมีเขตแดนชนิดนี้อยู่อีก จ้านอู๋มิ่งพูดว่า “ข้าจะใส่เ้าไว้ในกระเป๋าอสูริญญาก่อน คนเดียวหลบหนีได้รวดเร็วกว่า!”
พูดพลาง จ้านอู๋มิ่งโบกมือคราหนึ่งก็ใส่เหยียนชิงชิงเข้าไปข้างในแล้ว ขณะเขาใส่เหยียนชิงชิงเข้าไป เรือเหาะลำหนึ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วจากมหาสมุทรที่ห่างไกล ชายชราตรงหัวเรือคำรามเสียงเกรี้ยวกราด “ไอ้หนูที่ไม่รู้จักความ กลับบังอาจจับตัวธิดาเทพของสำนักข้า ต่อให้เ้าหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียวก็ต้องตายอย่างมิต้องสงสัย!”
“บัดซบ สายตาดีเช่นนี้เชียวหรือ ห่างไกลขนาดนี้กลับมองเห็นอย่างชัดเจนอีก!” จ้านอู๋มิ่งลอบรู้สึกไม่ดีในใจ รีบแล่นเรือทันทีโดยหน้าก็ไม่หันกลับมามอง รีบเร่งหลบหนีไปยังที่ไกลๆ อยากตามก็ตามมาเถอะ พี่ชายไม่ต่อสู้กับศึกที่สู้ไม่ไหวหรอกนะ ต่อให้เ้ามาเยือนเพื่อนำแหวนจักรวาลมาส่งมอบให้ ข้าเองก็ต้องเลือกสถานที่ดีๆ เพื่อรับน้ำใจนะ!