เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่เห็นเงาฮูหยินเยี่ยน ย่อมไม่อาจแก้ต่างให้เยวี่ยเจาหรานได้ ทำได้เพียงกลับเรือนไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก เบิกตาจ้องมองเยวี่ยเจาหรานยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ท่ามกลางลมหนาว แทบจะถูกลมกลางคืนของเดือนหกพัดจนกลายเป็ก้อนน้ำแข็งอยู่แล้ว
“นี่ เ้ายังอยู่ดีใช่หรือไม่!”
เมื่อเห็นเยวี่ยเจาหรานยืนนิ่งอยู่ในสวน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา ถึงแม้นางจะรู้ว่าเยวี่ยเจาหรานเป็บุรุษ ต่อให้ยืนอยู่ทั้งคืนก็คงจะไม่เป็อะไรมาก แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด ในใจจึงอดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้
ในมือของนางถือผ้าคลุมที่ค่อนข้างหนามาชิ้นหนึ่ง คิดที่จะเข้าไปห่มให้เยวี่ยเจาหราน แต่กลับถูกคนรับใช้ที่คอยเฝ้าเยวี่ยเจาหรานสองคนขวางเอาไว้ “คุณชาย ฮูหยินยังไม่ได้อนุญาตให้นางใช้สิ่งนี้ อย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยเ้าค่ะ”
“แม้แต่ผ้าคลุมก็ไม่อนุญาตหรือ?” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วขมวดคิ้ว ในน้ำเสียงเริ่มมีความโกรธเคืองอย่างชัดเจน แต่คนใช้สองคนนั้นก็ยังขัดขวางไม่ยอมให้นางเข้าไปอย่างเอาเป็เอาตาย ทั้งผลักไสกันอยู่นาน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยังคิดพยายามต่อสู้ด้วยเหตุผล “ถ้านางถูกแช่แข็ง พวกเ้ารับผิดชอบไหวหรือ!”
“เื่นั้น...” เมื่อคนรับใช้ทั้งสองเห็นว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเริ่มโกรธจริงๆ ก็มีสีหน้าเกรงกลัวขึ้นมาอย่างไม่อาจข่มเอาไว้ได้ ทว่าร่างกายกลับยังขัดขวางอยู่เบื้องหน้าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วด้วยความซื่อสัตย์ยิ่ง อย่างไรก็ไม่ยอมให้นางผ่านเข้ามาได้โดยเด็ดขาด
สภาพของเยวี่ยเจาหรานในยามนี้ก็ยังนับว่าไม่แย่นัก เพียงแต่ยืนเป็เวลานานทำให้รู้สึกไม่สบายที่ฝ่าเท้าอยู่บ้าง แต่เขาไม่อยากจะพูดออกไปให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพลอยรู้สึกไม่ดีไปด้วย เดี๋ยวจะก่อเื่วิวาทเกินกว่าเหตุอีก “ไม่เป็ไร เ้ารีบเข้าไปเถอะ” มุมปากของเยวี่ยเจาหรานโค้งขึ้น เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไปเช่นนั้น
เมื่อนั้นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและคนรับใช้ต่างก็เงียบลง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเงยหน้าขึ้นมองเยวี่ยเจาหรานช้าๆ ปากเผยออ้าเล็กน้อยราวกับคิดจะเอ่ยบางอย่าง แต่กลับถูกสัญญาณสายตาของเยวี่ยเจาหรานหยุดเอาไว้
“คุณชาย ท่านกลับไปเถิด อย่าทำให้พวกเราลำบากใจอีกเลย”
คนรับใช้ทั้งสองมองซ้ายแลขวา กลัวว่ายามนี้จะถูกคนที่ฮูหยินเยี่ยนส่งมาอย่างกะทันหันพบเห็นเข้า แล้วตนจะเดือดร้อนไปด้วยอีก จึงพยายามเอ่ยเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่มีทางเลือก ได้แต่โยนผ้าคลุมในมือให้กับชุ่ยเชี่ยว แล้วชำเลืองมองคนใช้ที่รับผิดชอบหน้าที่เกินไปทั้งสองอย่างเ็า
“กลับไปเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องไปเรียนหนังสืออีกไม่ใช่หรือ”
เยวี่ยเจาหรานแย้มยิ้ม แล้วเอ่ยกล่อมอีกครั้ง เมื่อนั้นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถึงยกเท้าอย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วก้าวเดินกลับเรือนโดยที่หันกลับมามองทุกๆ สามก้าว
ตะเกียงไฟในห้องถูกจุดสว่างขึ้น แสงเทียนสลัววูบวาบรับกับแสงจันทร์เพลินตา ขวางกั้นไว้ด้วยกระดาษปิดหน้าต่าง เยวี่ยเจาหรานมองเห็นเงาร่างของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว อ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้นเป็เวลานาน โดยไม่ยอมจากไปไหน
แม้ว่าตอนนี้จะเพิ่งเดือนหก และฤดูร้อนก็ย่างกรายเข้ามาแล้ว แต่กลางดึกก็ยังคงมีลมเย็นยามค่ำคืน เมื่อพัดเป่าลงบนกายก็พาให้สั่นสะท้านได้ คนรับใช้ทั้งสองที่ถูกสั่งมาเฝ้าเยวี่ยเจาหรานนั้นนั่งสัปหงกอยู่ที่โต๊ะหิน แม้แต่บนร่างกายของพวกเขาก็ยังห่มคลุมด้วยเสื้อผ้าหนาๆ ที่มิตรสหายส่งมาให้
มีเพียงเยวี่ยเจาหรานที่บนตัวนั้นว่างเปล่า สวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ เหมือนก่อนหน้านี้โดยไม่มีสิ่งใดห่มทับ
ตะเกียงไฟในห้องดับมอดไปั้แ่เมื่อไร เยวี่ยเจาหรานก็ลืมไปแล้ว เขาจำได้เพียงเมื่อสีของท้องฟ้าส่องแสงอรุณแรก และขอบฟ้าเพิ่งปรากฏสีขาวราวท้องมัจฉารำไร เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็พุ่งออกมาจากเรือนอย่างร้อนอกร้อนใจ คลุมเสื้อคลุมในมือลงบนร่างของเยวี่ยเจาหราน จากนั้นจึงพาเยวี่ยเจาหรานเข้าไปในเรือน...
“นี่ เ้าไม่เป็ไรนะ!”
คิ้วของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ขมวดอย่างยากจะคลายนั้นบอกได้ถึงความวิตกกังวลของนางอย่างชัดแจ้งแล้ว นางดึงเยวี่ยเจาหรานเข้าไปในเรือน พลางเอ่ยถามไปเช่นนั้น เยวี่ยเจาหรานยืนมาทั้งคืน เมื่อร่างกายัักับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงได้อ่อนยวบลง ไม่อาจประคองร่างกายไว้ได้อีก เขาล้มลงบนตัวเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว แม้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ถึงอย่างไรก็ฝึกฝนวรยุทธ์มาหลายปี ทำให้ทั้งสองไม่ล้มลงไปทั้งคู่
“ข้าไม่เป็ไร”
แม้จะมาถึงตอนนี้แล้ว เยวี่ยเจาหรานก็ยังยิ้มเจื่อนๆ มุมปากซีดเซียวไร้สีเืยังคงหยักยิ้มอย่างอบอุ่น ใช้คำพูดง่ายๆ นั้นปลอบประโลมเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว
ทั้งสองกลับเข้าในเรือน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพาเยวี่ยเจาหรานไปส่งที่เตียง นางยกมือขึ้นจับหน้าผากของเขา มันร้อนจนน่าใ อย่างที่คาดไว้ เยวี่ยเจาหรานถูกลมหนาวตลอดทั้งคืนพัด คงจะไข้ขึ้นสูงเสียแล้ว
“ใครก็ได้ รีบไปตามหมอมา ตามหมอที่ดีที่สุดมาเดี๋ยวนี้!”
ปมคิ้วของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยิ่งขมวดแน่นขึ้น ตะเบ็งเสียงสั่งสาวใช้รีบไปเชิญหมอมา พลางซุกผ้าห่มให้กับเยวี่ยเจาหราน แต่สิ่งที่ทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วคาดไม่ถึงก็คือ เยวี่ยเจาหรานกลับฉุดนางไว้เสียอย่างนั้น
“อย่า อย่าไป...”
ชุ่ยเชี่ยวที่เดินออกไปแล้วสองสามก้าวจึงหยุดลง แล้วจึงมองไปยังเยวี่ยเจาหรานที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเป็ตาเดียว “ถ้าหมอมา เื่ที่ข้าเป็บุรุษจะปิดไว้ไม่อยู่...”
“แต่เ้าจะตัวร้อนเช่นนี้ต่อไปไม่ได้?!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่มีเวลามาสนใจขนาดนั้น ยังคงคิดที่จะให้ชุ่ยเชี่ยวรีบไปตามหมอ แต่เยวี่ยเจาหรานก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ดึงเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ยังตื่นตระหนกเอาไว้
“ไปไม่ได้...!” เยวี่ยเจาหรานกัดฟันเอ่ย พูดเกลี้ยกล่อมเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วซ้ำไปซ้ำมา “ก็แค่มีไข้เท่านั้นเอง ดื่มน้ำมากๆ หน่อย เดี๋ยวเหงื่อออกก็หายแล้ว... มีชุ่ยเชี่ยวคอยดูแลข้าอยู่ เ้าวางใจเถอะ”
แต่นางจะวางใจได้อย่างไรกัน?! เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรู้ดีว่าหากเื่ที่เยวี่ยเจาหรานและตนต่างก็เป็ตัวปลอมเปิดเผยออกไป คนที่จะเป็อันตรายไม่ใช่แค่พวกเขาสองคน แต่เป็คนทั้งจวนเยี่ยนและจวนเยวี่ย ที่จะเดือดร้อนไปกันหมด...
ร้ายแรงไปกว่านั้น อาจจะถูกตัดหัวทั้งตระกูล ปะาเก้าชั่วโคตร...
ไม่มีทางเลือก เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วได้แต่เก็บความคิดที่อยากจะไปตามหมอมา ยกมือขึ้นแตะหน้าผากที่ร้อนฉ่าของเยวี่ยเจาหรานอีกครั้ง “เช่นนั้นก็เอาเถอะ ไม่ตามหมอมาก็ได้ แต่ให้ชุ่ยเชี่ยวออกไปซื้อยาที่ร้านขายยาข้างนอกมาเงียบๆ คงได้ใช่หรือไม่?” นางยอมถอยก้าวหนึ่ง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยังไม่ยอมละทิ้งโอกาสที่จะรักษาเยวี่ยเจาหราน
ครั้งนี้ เยวี่ยเจาหรานไม่ได้ปฏิเสธอีก แต่พยักหน้าเบาๆ “ได้” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วผ่อนลมหายใจ จากนั้นจึงนำเื่ไปสั่งการชุ่ยเชี่ยวที่ยืนอยู่อีกด้าน ทั้งจวนเยี่ยนแห่งนี้ ในยามนี้ผู้ที่จะดูแลเยวี่ยเจาหรานได้ ทั้งทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสบายได้ ก็มีเพียงชุ่ยเชี่ยวสาวใช้ตัวน้อยผู้นี้เท่านั้นแล้ว
หลังจากจัดเื่ราวอย่างคร่าวๆ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็กำชับกับเยวี่ยเจาหรานอีกไม่กี่คำ จากนั้นจึงเร่งไปที่อาจารย์อวี้เพื่อเตรียมตัวเรียนอย่างรีบร้อน ส่วนอาจารย์อวี้เองก็เข้าใจว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วได้ถูกเื่อะไรสกัดฝีเท้าไว้ จึงไม่ได้เอาความกับเื่ที่นางเอ้อระเหยจนมาสายมากมายนัก
ประตูเรือนของเยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วปิดแน่นสนิท ทั้งจวนเยี่ยนก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเยียน แม้ว่าจะเงียบเหงาไปบ้าง แต่สำหรับเยวี่ยเจาหรานแล้วกลับเป็เื่ดี
ถึงอย่างไรเยวี่ยเจาหรานในยามนี้ก็สะลึมสะลือด้วยฤทธิ์ไข้ ในหัวนั้นบางคราก็ชัดแจ้ง บางคราก็พร่าเลือน หากเวลานี้ยังต้องแบ่งสติไปต่อกรกับผู้มาเยือนที่แฝงเจตนาร้ายอีก คงจะเผยพิรุธออกมาได้ง่ายดาย ดังนั้นข้างกายจึงมีเพียงชุ่ยเชี่ยวคอยดูแลอยู่ผู้เดียว
อย่างไรเสียชุ่ยเชี่ยวก็อายุยังน้อย นางไม่พอใจกับความอยุติธรรมที่นายน้อยของตนได้รับอย่างยิ่ง ยามที่ป้อนยาให้กับเยวี่ยเจาหรานจึงเอ่ยขึ้นว่า้ากลับไปรายงานเื่นี้ที่จวนเยวี่ย
“อย่าเอาเื่นี้ไปก่อความวุ่นวายที่จวนเยวี่ยเลย... ไม่เช่นนั้น ก็ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงจะเกิดความ ‘โกลาหล’ เช่นไรขึ้นมาอีก… แค่กๆ” เยวี่ยเจาหรานเพิ่งกลืนยาต้มไปคำหนึ่ง ก็เอ่ยออกมาเช่นนั้น
เมื่อไม่อาจเปลี่ยนความคิดเ้านายของตนได้ ชุ่ยเชี่ยวที่เต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องใจก็จำต้องเก็บงำและปิดปากเงียบอย่างเชื่อฟัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้