เจียวอี้หลินยื้อมู่ชิงชิงไว้แต่ดูเหมือนจะไม่เป็ผล ร่างสูงที่คว้าม้าอยู่กำลังจ้องมองมาที่พวกนาง มู่ชิงชิงรุดวิ่งเข้าหาฉางหลงแล้วรีบเอ่ยขอความช่วยเหลือ
“ท่านรองแม่ทัพฉางช่วยฮูหยินข้าด้วยเ้าคะ ฮูหยินข้า” น้ำเสียงสั่นเครือของสาวใช้ตัวเล็ก ฉางหลงปราดแววตามองใบหน้าเรียวเล็กที่ซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังคราบเืบนใบหน้าดูแล้วช่างน่าเวทนานัก
“ฉินฮูหยิน..ท่านาเ็ตรงไหนหรือไม่” น้ำเสียงเรียบนิ่งตัดฉากขึ้น เจียวอี้หลินในร่างจ้าวซูหลินกำลังนึกถึงภาพที่ทหารเอกคู่กายฉินลู่อวิ้นจับตัวเธอไปให้ทางการ ก็พลางก้าวเท้าถอยหลัง หากแต่กิ่งไม้ใบหน้าที่รกทึบทำให้ร่างบางสะดุดล้มลงไม่เป็ท่า
“ขออภัยที่ข้าต้องล่วงเกินฉินฮูหยิน” ฉางหรงที่ว่องไวกว่าะโลงจากหลังอาชาก่อนคว้าร่างบางถูกอุ้มขึ้นนั่งบนหลังม้า ก่อนหันไปสั่งให้เหล่าทหารที่ติดตามช่วยเหลือมู่ชิงชิงกลับมาด้วยกัน
เกือบครึ่งชั่วยามร่างบางที่เริ่มเหนื่อยอ่อนก็เอนอิงอย่างไร้เรี่ยวแรง ฉางหลงบังคับม้าให้เดินมายังเรือนเล็กท้ายจวน เหล่าคนใช้ต่างเร่งรีบเปิดประตูพร้อมกับโค้งก้มหน้าลง ครั้นพอได้ลืมตาร่างบางถึงกลับสะดุ้งตัวโยนด้วยเพราะััได้ถึงกล้ามเนื้อแน่นจากแผ่นหลังบาง
แต่คนที่ประคองนางไว้กลับยังคงนิ่งขรึมเช่นเดิม ราวกับหุ่นยนต์ที่รับคำสั่ง เจียวอี้หลินกวาดสายตามมองก็จดจำได้ในความทรงจำของเ้าของร่างเดิม จวนสกุลฉินกว้างใหญ่นักมีเรือนรับรองมากมายแต่เหตุใดถึงให้นางที่เป็ถึงบุตรีเสนาบดีมาอยู่ท้ายจวนได้กัน เพียงแค่นี้ก็เห็นแล้วว่าฉินลู่อวิ๋นโกรธเกลียดจ้าวซูหลินเพียงใด
“เชิญฉินฮูหยิน” ฉางหลงผ่อนเสียงเมื่อประคองนางเข้ามาที่พัก
“ขอบคุณท่านรองแม่ทัพฉาง”
“ข้ายังต้องไปพบท่านแม่ทัพใหญ่ เชิญฉินฮูหยินพักผ่อน ข้าจะให้คนไปตามหมอมาให้”
“อืม..” เจียวอี้หลินพยักหน้าตอบ อย่างรู้ดีฉางหลงคงจะรีบกลับไปรายงานเื่ที่พบตัวเธอแล้ว
“ฮูหยิน..ข้าเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านอาบแล้วเ้าค่ะ” มู่ชิงชิงเอ่ยบอกขณะที่เจียวอี้หลินกำลังนั่งเหม่อลอยถึงสิ่งที่นางเป็อยู่ในตอนนี้ ร่างบางผินมองสาวใช้ช้า ๆ ก่อนเอ่ย
“เ้าอาบก่อน ข้ายังไม่อยากลุกไปไหน” เจียวอี้หลินตอบอย่างลืมตัว
“ฮูหยิน...ฉะไหนท่านเอ่ยวาจาเช่นนั้น ข้าเป็บ่าวไหนเลยจะอาบน้ำก่อนนายได้เ้าคะ” มู่ชิงชิงก้มหน้าตอบด้วยความเกรงใจ
เจียวอี้หลินจ้องมองร่างเล็กที่นั่งก้มหน้าราวกำลังประเมินสถานการณ์ ตอนนี้เธอไม่ได้เป็เจียวอี้หลินอีกแล้ว แต่เธอคือจ้าวซูหลินนางร้ายที่พระเอกเกลียดมากที่สุด และยังเป็คุณหนูเ้าอารมณ์อีก
“..ได้งั้นเ้านำข้าไป” เอ่ยจบร่างบางก็ลุกเตรียมถอดชุดที่หลุดลุ่ยนี้ แต่ด้วยเพราะชุดที่เธอสวมใส่มีหลายชั้นและไม่คุ้นเคย จึงยากต่อการที่เธอจะทำเองได้ มู่ชิงชิงจึงรีบลุกขึ้นมาช่วยเธอถอดชุดออกด้วยความระมัดระวัง
เจียวอี้หลินเดินผ่านฉากม่านที่กั้นไว้อีกห้อง ก็เห็นถังน้ำใบใหญ่มีน้ำอยู่เกือบเต็ม กลีบดอกกุ้ยฮวาถูกโปรยไว้ยามััน้ำอุ่นกลิ่นของมันโชยกลิ่นหอมอ่อน ๆ อดให้ร่างบางทิ้งตัวเองลงในอ่างน้ำแล้วเอนกายอิงขอบอ่างราวอย่างสบายใจ
ความสับสนความหวาดกลัวที่เพิ่งเผชิญก็ผลันมลายหายไป มีเพียงกลิ่นหอมอบอวลโอบล้อมไอน้ำพวยพุ่งกอดร่างบางแต่กลับอวบอัดในบางส่วน เจียวอี้หลินยังคงหลับตาพริ้มลิ้มรสความสุขชั่วขณะ เพราะรู้โชคชะตานางร้ายอย่างจ้าวซูหลินอย่างดี แม้แต่ตัวเธอก็ยังคิดว่าจ้าวซูหลินช่างเป็หญิงสาวที่ชั่วร้ายจริง ๆ
โชคดีที่เธอก็รู้ว่าอย่างน้อย่เวลานี้ฉินลู่อวิ๋นคงกำลังกอดปลอบอยู่กับนางเอกอย่างหลี่ชินฮวาอยู่ ด้วยเพราะแม่นมที่เสมือนแม่จริง ๆ ของนางได้จากไปอีกคน นางคงเสียใจมาก ในนิยายบรรยายฉากพระเอกปลอบโยนนางเอกจนเกือบรุ่งเช้าของอีกวัน ก่อนจะกลับมาจัดการนางร้ายอย่างจ้าวซูหลิน เจียวอี้หลินจึงพอมีเวลาคิดหาวิธี และคิดที่จะพักผ่อนเสียหน่อยก่อนที่จะต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตานางร้าย
ร่างบางเอนกายลงบนเตียงอุ่น ผ้าม่านสีดอกเหมยพลิ้วไหวเบา ๆ มู่ชิงชิงเมื่อเห็นว่านายสาวนางเข้านอนแล้วจึงเดินไปปิดหน้าต่างที่เปิดกว้างอยู่ แต่ก็ต้องชะงักกับร่างสูงที่กำลังเดินตรงเข้ามา
“ฮูหยิน...ฮูหยินเ้าค่ะ”
“มีอะไรเสี่ยวมู่” เจียวอี้หลินยันตัวลุกจากเตียงอย่างี้เี
“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพใหญ่เ้าค่ะ”
“ฉินลู่อวิ๋น?” เธอหลุดเอ่ยชื่อเขาเบา ๆ น่างแปลกไม่ใช่ว่าเขายังต้องปลอบใจนางเอกอยู่หรือ แล้วเหตุใดเขาถึงมาอยู่หน้าเรือนจ้าวซูหลินในยามนี้ได้ ทั้งที่ก่อนหน้าหากไม่มีเหตุจำเป็ฉินลู่อวิ๋นแทบจะไม่มาพบหน้าจ้าวซูหลินเลยสักครั้ง มีเพียงทหารเอกคู่ใจอย่างฉางหลงเท่านั้นที่เป็ผู้ส่งข่าว
“เ้าแน่ใจนะ”
“เ้าคะ รูปร่างสูงสง่าเช่นนั้นบ่าวจำได้อย่างดีเลยเ้าค่ะ”
'เขามาทำไมกันนะ' เจียวอี้หลินได้แต่นึกหวั่นอยู่ในใจ หรือเพราะว่าเธอเข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน การมาของฉินลู่อวิ๋นก็ไวขึ้นกว่าเดิม
ตึง!!ตึง!! ตึง!! ตึง!!
“จ้าวซูหลิน!!” เสียงะโขึ้นพร้อมเสียงทุบประตูดังขึ้นถี่ ยิ่งสร้างความหวั่นกลัวให้กับเธอมากขึ้นกว่าเดิม
เจียวอี้หลินรีบคว้าได้เพียงผ้าคลุมบาง ๆ มาคลุมไหล่ เสียงเปล่งะโออกมาด้วยความโกรธ ใบหน้าแดงก่ำ ดูเคร่งขรึม กลับไม่ได้กลบเกลื่อนความหล่อเหลาที่นางกำลังจ้องมอง ‘ไม่แปลกใจเลยที่จ้าวซูหลินจะตกหลุมรักบุรุษเช่นเขาได้’ เจียวอี้หลินนึกบ่นในความได้เปรียบของใบหน้าเขานัก ยิ่งสันจมูกที่ดูเชิดรั้นนั่น ยิ่งทำให้ดูสง่างามราวเทพบุตร เจียวอี้หลินได้แต่ยืนนิ่งมองใบหน้าฉินลู่อวิ๋น จนเขาเดินเข้ามากระชากที่แขนเธออย่างแรง
“จ้าวซูหลินเป็เ้าอีกแล้วใช่ไหมที่ส่งคนไปหวังทำร้ายชินเอ๋อร์” สิ้นเสียงที่ตะเบ็งก้อง ทำให้พอได้สติกลับมาว่าตนเองนั้นไม่ใช่เจียวอี้หลิน แต่เป็จ้าวซูหลินแล้วในเวลานี้
“ท่านพี่โปรดฟังข้าก่อน” น้ำเสียงออดอ้อนเอ่ยแ่ แต่ใบหน้าถมึงทึงจ้องมองสตรีตรงหน้าที่เพิ่งเปิดประตูด้วยสีหน้าและแววตาโกรธจัด
“ข้าสั่งเ้าแล้วไม่ให้รึว่าห้ามยุ่งกับฮวาเอ๋อร์”
“ข้า...”
“ข้าบอกไว้ก่อนเลยนะว่าหากเื่การตายแม่นมฮวาเอ๋อร์ เกี่ยวพันกับเ้า แม้แต่ฮองเฮาก็ไม่อาจช่วยเหลือเ้าได้”
“ท่านพี่ใจเย็นก่อน ข้า....ข้ายอมรับว่าข้าทำตัวร้ายกาจ แต่ท่านพี่โปรดระงับโทสะก่อนได้หรือไม่ หากท่านพี่ไม่ส่งข้าให้ทางการ ข้ายินดีที่จะมอบหนังสือหย่าให้ท่าน ท่านพี่ข้าขอร้อง”
“เื่หย่าย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ความผิดครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก จ้าวซูหลิน เ้านี่ร้ายเสียยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก เสียแรงที่ข้ายังหวังให้เ้าสำนึกผิด” แรงบีบที่มือทำให้ใบหน้าของเจียวอี้หลินถึงกับเหยเก เนื้อผิวมีรอยแดงอย่างเห็นได้ชัด แต่ฉินลู่อวิ๋นหาได้สงสารนางในตอนนี้ไม่ ความโกรธแค้นเมื่อครั้งที่เขาต้องแต่งนางเข้าจวนสกุลฉินความเจ็บแค้นก็เริ่มก่อขึ้นอย่างไม่หยุด เขาเคยคิดว่าสตรีเช่นนางจะพิษสงไม่มากเหมือนาแต่แท้จริงแล้วนางกับเหมือนอสรพิษที่คอยฉกข้างหลังเขา
“โอ๊ย!!..ข้าเจ็บนะ” เจียวอี้หลินยกมืออีกข้างหมายแกะมือของเขาออก แต่แรงนั้นก็ไม่อาจที่จะทำได้อย่างใจคิด
“เจ็บงั้นรึ...เ้าเป็สตรีที่มีแต่ความอิจฉาริษยาใจดำอำมหิต ข้าไม่คิดว่าเ้าจะร้ายกาจเสียยิ่งกว่าศัตรูคู่ศึกเช่นนี้” ฉินลู่อวิ๋นสบถน้ำเสียงอย่างโกรธแค้น ใบหน้าแดงก่ำด้วยอารมณ์โกรธแววตาแดงก่ำราวลูกไฟ
“ท่านพี่ฟังข้า”
“อย่าเรียกข้าท่านพี่ ข้าไม่อยากเป็สามีเ้า!!” ฉินลู่อวิ๋นกระแทกเสียงใส่ เขาอดทนมากพอให้นางกลั่นแกล้งหลี่ชินฮวา
“ได้ ข้ายินดีหย่ากับท่าน ขอเพียงไม่ส่งข้าให้ทางการ ข้ายินดีทูลขอหนังสือหย่าจากฝ่าาให้ท่านด้วยตนเอง” เจียวอี้หลินกล่าว เพราะถึงอย่างไรไม่ช้าจ้าวซูหลินก็ต้องถูกสั่งปลดอยู่ดี หากการถูกปลดที่เร็วขึ้นอาจทำให้เธอรอดพ้นการถูกส่งไปยังกรมอาญาก็เป็ได้
ในเมื่อตอนนี้จ้าวซูหลินตัวจริงก็ไม่อยู่แล้ว อย่างน้อยความรู้สึกของจ้าวซูหลินก็ไม่ได้ทิ้งไว้ในจิตใจของร่างนี้เช่นกัน ดังนั้นเธอจึงต้องเข้มแข็งและอดทนให้พ้นฉากจบนี้ไปให้ได้ก็พอ
“อย่างเ้านะหรือจะทูลขอหนังสือหย่าด้วยตนเอง!” แววตาคมประสานมองแววตาใสตรงหน้าแต่กลับดูมุ่งมั่นราวประหลาดใจ ฉินลู่อวิ๋นไม่เคยเห็นแววตาที่ดูมุ่งมั่นของนางเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งที่นางมองเขามักจะมองด้วยแววตาที่แสนเ้าเล่ห์ แต่ยามนี้คำพูดกับแววตานางกับบอกว่าเป็เื่จริง
“ข้าจะหย่าให้ท่าน และจะไม่ส่งโจรป่าไปทำร้ายคนรักของท่านอีกพอใจหรือยัง”
“โจรป่า?..นี่เ้ากล้าคบคิดกับพวกโจรป่า เ้าไม่กลัวรึอย่างไร!” ฉินลู่อวิ๋นเขม้นตามองด้วยความโกรธ เจียวอี้หลินหน้าถอดสีไม่คิดว่าฉินลู่อวิ๋นจะยังไม่รู้เื่ที่จ้าวซูหลินติดต่อกับพวกโจรป่า
‘...นี่เขาไม่รู้เหรอว่าจ้าวซูหลินส่งโจรป่าไปทำร้ายหลี่ชินฮวา’
“ข้า...ข้า” ริมฝีปากอิ่มบางเครือเสียง ดวงตากรอกไปมา พลางคิดไตร่ตรองเื่ราวก่อนหน้าในความคิด จ้าวซูหลินแม้จะเป็หญิงร้ายจิตใจอำมหิต แต่นางก็รักเขามากเช่นกัน
“เ้ามัน!!” ฉินลู่อวิ๋นหมดคำที่จะกล่าว เขาสะบัดร่างบางลงพื้นเต็มแรงด้วยความโกรธ มือไม้ของเขาสั่นเทาราวกับแช่อยู่ในน้ำแข็ง
“ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้ข้าร้ายกาจ แต่ข้าไม่ใช่....” เจียวอี้หลินเก็บคำกล่าวทิ้งท้ายไว้ เพราะถึงเอ่ยปฏิเสธว่าตนนั้นไม่ใช่จ้าวซูหลิน แต่ใครเล่าจะเชื่อเื่แบบนี้ ขนาดเธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยเช่นกัน
ฉินลู่อวิ๋นก้าวเท้าเตรียมหันหลัง ก่อนจะหันมาเอ่ยอีกประโยค
“เ้ากล้ารับปากได้หรือไม่ ว่าจะไม่ทำร้ายฮวาเอ๋อร์อีก หากทำได้ข้าก็จะไม่ส่งเ้าให้ทางการสอบสวน”
“ข้าสัญญา ต่อไปข้าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับคุณหนูหลี่ รวม...ถึงท่านด้วยเช่นกัน” มือเรียวยกนิ้วสามนิ้วชูขึ้นต่อหน้าเพื่อทำสัญญาให้เขาแน่ใจว่าจ้าวซูหลินผู้นี้ไม่คิดจะย่างกายแทรกแทรงใด ๆ กับพวกเขาแน่นอน
“เช่นนั้นเ้าก็เตรียมตัวเก็บสินเดิมเ้ากลับจวนเสนาบดีจ้าวได้เลย” ฉินลู่อวิ๋นเอ่ยจบก็ใช้มือหนึ่งทุบไปที่บานประตูอย่างเต็มแรง
เจียวอี้หลินยันร่างตนกลับมายังเตียงอย่างอ่อนแรง เสียงฝีเท้าบาง ๆ ที่วิ่งตรงมาอย่างรู้หน้าที่
“คุณหนู..ท่านเป็เช่นไรบ้าง” มู่ชิงชิงรีบจับชายแขนเสื้อเปิดดู นางแอบยืนมองอยู่ตลอดเวลาที่ฉินลู่อวิ๋นอยู่ในห้องกับจ้าวซูหลิน นางกลัวว่าเขาจะหมายเอาชีวิตนายหญิงของนางเพราะเื่ที่ไปทำร้ายคนรักของเขา
“เสี่ยวมู่ ข้าไม่เป็ไร แค่นี้ยังน้อยไปกับที่ข้าทำกับคุณหนูหลี่” เจียวอี้หลินก้มหน้ามองแขนตนเองที่มีรอยแดงซ้ำเป็วงกว้าง