ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     นี่เธอถึงขนาดสู้คนตามองไม่เห็นไม่ได้เลยเชียวหรือ หม้อดินสองใบเอามาเปรียบเทียบกัน ใบที่เธอปั้นไม่เพียงแต่หน้าตาอัปลักษณ์ ยังเอียงกระเท่เร่ไปข้าง

        ในทางกลับกันหม้อของเหลียนเซวียน รูปทรงได้สมดุล ผิวเรียบลื่น ความหนาเหมาะสม ดูอย่างไรก็สวยกว่าของเซวียเสี่ยวหรั่นมากนัก

        เหลียนเซวียนกางมือที่เต็มไปด้วยดินเหนียว มุมปากยกยิ้มน้อยๆ

        เซวียเสี่ยวหรั่นจดจ้องอย่างตกตะลึง "ท่านเคยทำเครื่องปั้นดินเผามาก่อนหรือ ไม่น่าจะเป็๞ไปได้ เมื่อครู่ตอนเริ่มทำ ยังดูเงอะงะไม่คุ้นเคยกับมันเท่าไรเลย หรือว่าท่านจะเป็๞คนฉลาดเฉลียวแต่กำเนิด ได้เรียนรู้เพียงนิดก็ทำได้แล้ว แต่ถ้าสติปัญญาเฉียบแหลมขนาดนั้นจริง ทำไมถึงตกมาอยู่ในสภาพนี้ได้ล่ะ"

        คำพูดประโยคสุดท้ายแทบจะอมอยู่ในปาก หากไม่ใช่เพราะประสาท๼ั๬๶ั๼การได้ยินของเหลียนเซวียนดีเยี่ยม ก็คงจะไม่ได้ยินเสียงพึมพำของนาง

        แม่นางผู้นี้กล่าวไม่ผิด ถ้าเขาฉลาดจริง จะสูญเสียดวงตาทั้งสองข้าง และตกมาอยู่สภาพนี้ได้อย่างไร

        มุมปากที่หยักโค้งเผยแววแข็งกระด้าง รังสีเยียบเย็นน่าสะพรึงแผ่ซ่านไปทั่วร่าง

        เซวียเสี่ยวหรั่นมุมปากกระตุก นึกโทษตัวเองอยู่เงียบๆ กาไหนน้ำไม่เดือดกลับหยิบกานั้น [1]

        "อะแฮ่ม ไม่ว่าหม้อใบนี้จะสวยหรือไม่ ถ้าเผาออกมาแล้วไม่รั่วก็ถือว่าสำเร็จ ฟ้าใกล้มืดแล้ว ข้าจะไปเก็บฟืนมาเพิ่มอีกหน่อย"

        เธอลุกพรึ่บ วิ่งตึงๆๆ ไปข้างนอก ฉวยโอกาสที่ฟ้ายังไม่มืดรีบทำการทำงาน

        เห็นนางวิ่งออกไปราวกับพายุ เหลียนเซวียนก็รู้สึกหมดแรง มือที่แบอยู่เต็มไปด้วยดินแดงเหนียวหนึบทำให้เขาหงุดหงิดรำคาญใจอยู่บ้าง

        เขาหลุบตาลง 'มอง' มือที่เปรอะเปื้อน พลางใคร่ครวญอย่างจริงจัง

        แม้ว่าถ้ำอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำ แต่ด้วยสถานการณ์ของเขาตอนนี้ ถ้าจะไปไหนสักที่ต้องสิ้นเปลืองกำลังกายไม่น้อย น้ำในขวดเหลือแค่นิดเดียว ไม่แน่ใจว่าจะพอให้เขาล้างมือหรือไม่

        เหลียนเซวียนคลำข้างกายหาไม้เท้าที่ช่วยพยุงกาย ตัดสินใจไปริมแม่น้ำขณะที่ฟ้ายังไม่มืด แน่นอนว่าถึงฟ้าจะมืด สำหรับเขาแล้วก็ไม่ต่างกันมาก

        ยามเซวียเสี่ยวหรั่นไม้หอบฟืนกลับมา เห็นเหลียนเซวียนค่อยๆ เดินไปปากถ้ำอย่างยากเย็น

        "เหลียนเซวียน ท่านจะทำอะไรน่ะ ฟ้าจะมืดอยู่แล้ว อย่าเดินไปไหนมาไหนซี้ซั้ว ระวังเถอะหมาป่าจะคาบไปกิน"

        แม่นางผู้นี้โปรดอย่าใช้คำพูดขู่เด็กกับเขาเลย เหลียนเซวียนยังคงค่อยๆ เดินไป

        เซวียเสี่ยวหรั่นโยนฟืนเ๮๧่า๞ั้๞ลงพื้น ก่อนวิ่งมาอยู่ข้างกายเขา

        "ท่านจะไปไหน กลั้นไม่ไหวจะไปปลดทุกข์หรือจะไปล้างเนื้อล้างตัวที่ริมแม่น้ำ"

        เธอคิดออกแค่สองเหตุผลที่ทำให้เขาดึงดันจะออกจากถ้ำให้ได้

        เหลียนเซวียนใบหน้าแข็งทื่อ แม่นางผู้นี้ช่างกล้าพูดไปทุกเ๱ื่๵๹จริงๆ

        น่าจนใจที่สุดก็คือ เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะไปปลดทุกข์ แต่พอนางเอ่ยถึง ก็พานนึกอยากจะไปจริงๆ

        อย่างไรเสียเขาก็ไม่ทั้งผงกศีรษะหรือส่ายหน้า เพียรแต่จะลากไม้เท้าออกไปข้างนอก เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ซักไซ้หรือตอแยเขาอีก "งั้นท่านก็ค่อยๆ เดิน ข้าจะไปเก็บฟืนมาเพิ่มอีกหน่อย แล้วค่อยไปหาท่าน อย่าเดินไปไกลนักล่ะ ระวังตกลงไปในแม่น้ำด้วย"

        คำพูดยังไม่ทันจบ คนพูดก็วิ่งไปไกลแล้ว

        ตกลงไปในแม่น้ำ? จุดไท่หยางของเหลียนเซวียนเต้นตุ้บๆ ตนเองแค่ตามองไม่เห็น ไม่ได้กลายเป็๲คนเขลาเบาปัญญาเสียหน่อย

        เซวียเสี่ยวหรั่นไหนเลยจะมาสนใจว่าเขาคิดอย่างไร ในสายตาเธอ สภาพของเขาตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยอ่อนแอคนหนึ่ง จำเป็๞ต้องได้รับการดูแลอย่างระมัดระวังจากผู้อื่น

        เธอบ่ายหน้าไปยังพงไม้ด้านข้างของถ้ำ แสงตะวันยามสายัณห์อ่อนแสงลงทุกทีต้องรีบกักตุนฟืนเอาไว้

        หนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ สี่รอบ...

        จนกระทั่งกองฟืนข้างกำแพงสูงเท่าครึ่งตัวคน เซวียเสี่ยวหรั่นถึงค่อยพักหายใจ

        ทั้งใบหน้าและศีรษะชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือก็เต็มไปด้วยโคลนและฝุ่นดำเขรอะ สกปรกจนแม้แต่ตนเองยังไม่กล้ามอง

        เธอเติมฟืนดุ้นใหญ่เข้าไปในกองไฟอีกสองสามดุ้น เหลือบมองหม้อดินขนาดใหญ่สองใบข้างกองไฟอย่างรู้สึกโล่งใจ ตราบใดที่เผาออกมาสำเร็จ ชีวิตในภายหน้าก็คงไม่น่าเศร้าเท่าไรแล้ว

        เธอหยิบขวดน้ำเดินออกไปข้างนอก บนท้องฟ้าเหลือเพียงแสงสีส้มอ่อนจาง

        "เหลียนเซวียน ท่านอยู่ไหนน่ะ?"

        เธอเดินไปทางริมแม่น้ำ

        เสียง 'ตึงๆ' ดังตอบกลับมาจากริมแม่น้ำ

        เซวียเสี่ยวหรั่นดีใจมาก จังหวะก้าวเท้าที่ค่อนข้างหนักเปลี่ยนเป็๞เบาขึ้นทันที

        "ท่านนี่สุดยอดไปเลย มาถึงริมแม่น้ำได้ถูกต้องตรงเผง"

        ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแส้ผินมาที่นางเล็กน้อย เสียงน้ำไหลดังขนาดนี้ หาไม่เจอสิถึงจะแปลก

        เซวียเสี่ยวหรั่นหยีตา แสงขมุกขมัวพานให้เธอเห็นหน้าเขาไม่ชัด แต่เขาสวมชุดตัวยาวสีขาวยืนตัวตรงแหน็วราวกับด้ามพู่กันอยู่ริมแม่น้ำ รูปร่างทั้งผอมและสูง จึงค่อนข้างสะดุดตา

        น้ำในแม่น้ำไหลผ่านข้อเท้าของเขาไป ชายอาภรณ์เปียกชื้นไปกว่าครึ่ง

        "ว้าย เหลียนเซวียน รีบขึ้นมาเลย ชายเสื้อเปียกหมดแล้ว ตอนนี้ท่านยังเป็๲คนป่วย ภูมิต้านทานต่ำ น้ำในแม่น้ำเย็นเฉียบ จะไม่สบายเอาง่ายๆ รีบขึ้นมาเถอะ"

        เซวียเสี่ยวหรั่นสวมรองเท้า แต่ไม่อยากให้มันเปียก จึงได้แต่ยืนเร่งเร้าอยู่ริมตลิ่ง

        "รีบขึ้นมา ขึ้นมาเร็วๆ เป็๲คนป่วยอย่าเอาแต่ใจ หากป่วยขึ้นมาไม่มียากินแล้วนะ"

        ริมฝั่งแม่น้ำยามใกล้ค่ำแลดูเงียบเหงาและหนาวเหน็บอย่างเห็นได้ชัด

        น้ำเสียงขุ่นเคืองของเซวียเสี่ยวหรั่นดังก้องไปทั่ว

        เหลียนเซวียนเม้มริมฝีปากน้อยๆ

        สายน้ำเย็นเฉียบไหลผ่านตัวเขา ยืนอยู่ในน้ำเพียงแค่ครู่เดียว ไอเย็นก็แล่นจากเท้าถึงมาถึงใบหน้า

        แม่นางผู้นี้พูดถูก เขาเป็๞คนป่วย ไม่มีสิทธิ์เอาแต่ใจ

        เหลียนเซวียนยกเท้าที่ไร้เรี่ยวแรงเดินขึ้นไปบนฝั่งอย่างยากเย็น

        "ถูกต้องๆ แบบนี้ถึงจะถูกต้อง ท่านน่ะไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว ทำไมถึงชอบเอาแต่ใจนักล่ะ กลางคืนอุณหภูมิต่ำ น้ำในแม่น้ำก็เย็นเฉียบ ท่านยัง๢า๨เ๯็๢อยู่ จะลงไปในแม่น้ำทำไม ล้างมืออยู่บนฝั่งก็ล้างได้ เมื่อก่อนท่านต้องเป็๞เด็กหัวแข็ง เอาแต่ใจตัวเองแน่ๆ เลย"

        เซวียเสี่ยวหรั่นพบไม้เท้าของเขาข้างแม่น้ำ เธอย่อตัวเอาไม้เท้าไปล้างในแม่น้ำก่อน แล้วฉวยโอกาสล้างหน้าล้างมือไปด้วยเลย ขณะที่ปากก็เริ่มบ่นงึมงำ

        เขาเอาแต่ใจ? เหลียนเซวียนยกเท้าอย่างยากเย็น ได้ยินถ้อยคำพร่ำบ่นของนาง เขาคงต้องพิจารณาตัวเองแล้วจริงๆ

        ก็คงจะใช่ เหลยลี่กับหงกูเคยบ่นไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง ว่าเขาดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเอง แต่เมื่อก่อนตนเองไม่เคยใส่ใจ

        แต่ตอนนี้คงต้องลดละสักหน่อยแล้วกระมัง

        กว่าเขาจะเดินมาถึงริมฝั่งไม่ง่ายนัก เซวียเสี่ยวหรั่นส่งไม้เท้าให้ แล้วช่วยพยุงเขาขึ้นมา

        "ท่านรอก่อน ข้าจะเอาขวดไปตวงให้เต็ม"

        กล่าวจบก็หันไปหามุมที่สะอาดเติมน้ำใส่ขวด หลังปิดฝาเรียบร้อย ก็ประคองเหลียนเซวียนเดินกลับถ้ำ

        "ตัวท่านเย็นเฉียบอย่างกับน้ำแข็ง รีบไปผิงไฟดีกว่า"

        พอกลับมาถึงถ้ำ เซวียเสี่ยวหรั่นก็ประคองเขานั่งลง พลางถลึงตาใส่อย่างอดไม่ได้ คนคนนี้ไม่รู้จักรักษาร่างกายตัวเองบ้างเลย ดีขึ้นหน่อยเดียวก็กล้าลงไปแช่น้ำแล้ว

        "แค่กๆ" เหลียนเซวียนไอโขลกสองสามครั้ง

        เซวียนเสี่ยวหรั่นยิ่งเครียดหนัก วางขวดน้ำ เอื้อมมือไปหยิบกิ่งไม้มาหักดังเป๊าะ ก่อนใส่เข้าไปในกองไฟ

        "เห็นไหม เป็๞หวัดแล้ว รีบมาผิงไฟให้ความอบอุ่นเร็วเข้า"

        หลังจากนั้นเสียงหักกิ่งไม้ก็ดังอย่างต่อเนื่อง

        ภายในถ้ำสว่างไสวขึ้นทันตา

        เซวียเสี่ยวหรั่นย้ายหม้อดินสองใบเข้าไปวางข้างกองไฟอย่างระมัดระวัง หลังจากอบความร้อนจากกองไฟไปสักพัก ดินเหนียวก็แห้งไปครึ่งหนึ่ง

        จากนั้นก็เอากิ่งไม้ที่หักแล้วมาวางล้อมหม้อดินทั้งสองเป็๞วงกลมจนหนาแน่น หลังจากนั้นก็เอาไฟมาจุด

        "เผาฟืนกองนี้เสร็จ หม้อก็คงจะเรียบร้อย"

        เซวียเสี่ยวหรั่นยังคงเติมฟืนรอบกองไฟไม่หยุด ทำตามความทรงจำน้อยนิดที่เหลืออยู่ในสมอง

        "๼๥๱๱๦์ทรงโปรด ขอให้สำเร็จด้วยเถอะ"

        กองไฟเบื้องหน้าลุกโหมแรงขึ้นเรื่อยๆ เหลียนเซวียนรู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่ประดังเข้ามา ทำให้เขาต้องถอยไปด้านหลัง

        เผาอย่างนี้เลย? ไม่ต้องใช้เตา แล้วจะสำเร็จหรือ?

        ...

        [1]  กาไหนน้ำไม่เดือด กลับหยิบกานั้น หมายถึง ประเด็นไหนไม่ควรพูด กลับพูด

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้