หุบเขาทั้งหมดได้รับผลกระทบจากการพังทลายของสุสานโบราณ เศษซากปรักหักพังถล่มลงมาเหมือนดั่งกำลังตกลงหลุมลึกที่ไร้ก้นหลุม ซึ่งไม่มีวันที่จะเติมให้เต็มได้
เมื่อเห็นดังนั้น ผู้าุโชิวกับนักยุทธ์ที่แข็งแกร่งอีกหลายคนจึงส่งพลังออกไปทันที ท้องฟ้าเต็มไปด้วยปราณดาราประหนึ่งออกมาจากภาพวาด ลำแสงปะทะเข้ากับูเาลูกใหญ่ที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างไม่ลดละ ไม่นานูเาลูกนั้นก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น
“ครืน”
เมื่อูเาถูกถล่มแล้ว ผู้คนต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หุบเขาขนาดใหญ่ที่เกิดจากูเาหลายลูกเชื่อมต่อกันถูกทำลายอย่างสิ้นซาก จนตอนนี้กลายเป็เพียงเส้นขอบฟ้าเท่านั้น
ผู้คนต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง
เมื่อผู้าุโชิวกับผู้จัดการฉางเห็นหยวนจุนปลอดภัยดี พวกเขาจึงมองหน้ากันแล้วพยักหน้าอย่างเงียบๆ
สามสิบกว่าคนที่เข้าไปในสุสาน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดชีวิตออกมาได้
ราชสีห์เืเซียวจั้นยกมือปัดกลุ่มควันที่อยู่ด้านหน้า เขาหรี่ตาลงแล้วถามว่า “หานเอ๋อร์ เ้าได้สิ่งใดมาบ้าง!?”
“อาวุธระดับิญญาขั้นสองชิ้นหนึ่ง ถือว่าไม่เลว!”
เซียวจั้นมองเซียวหานด้วยความชื่นชมก่อนที่จะพยักหน้าออกมาอย่างพอใจ หากอาวุธระดับิญญาขั้นสองชิ้นนี้ถูกนำไปประมูล อาจทำราคาได้ถึงยี่สิบล้านเหรียญทองเลยทีเดียว!
“ฮาฮา ในเมื่อไม่มีเื่ใดแล้ว เช่นนั้นเซียวจั้นขอลา!” เขากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะคำนับผู้าุโชิวและผู้จัดการฉาง
“ช้าก่อน!”
ดวงตาเจียงอิงแดงก่ำ เขาเอ่ยรั้งเซียวจั้นที่กำลังจะเดินจากไป
เซียวจั้นตอบรับเบาๆ ด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบออกมาว่า “ผู้นำตระกูลเจียง้าชิงสมบัติจากตระกูลเซียวของข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่สนสมบัติใดๆ ทั้งนั้น!” เจียงอิงกัดฟันกรอด ใบหน้าของเขาซีดเซียว เป็เพราะ่นี้เขาประสบกับเื่ที่ไม่คาดคิดอย่างต่อเนื่องจึงทำให้สภาพร่างกายแย่ลงกว่าเดิม แม้แต่สีหน้ายังดูเหนื่อยล้าและไร้เรี่ยวแรง
“เหตุใดเจียงย่งถึงยังไม่ออกมา!?”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนเบนสายตาไปยังที่ว่างข้างๆ เจียงอิง นักยุทธ์วงแหวนเล็กขั้นเจ็ดนั้นผู้นั้นมิได้ออกมาจากซากปรักหักพังจริงๆ ด้วย!
“ในบรรดาผู้ที่รอดออกมา ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือเซียวหาน หากตอนที่อยู่ด้านในได้มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเจียงย่ง จะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเซียว!”
เมื่อเซียวหานถูกกระตุ้นด้วยคำพูดเหล่านี้ สีหน้าอันอบอุ่นของนางกลับกลายเป็เ็าในทันที นางกล่าวว่า “เป็ถึงผู้นำที่สง่างามของตระกูลแต่กลับเอ่ยเื่ไร้สาระเช่นนี้ออกมา ท่านคิดได้เพียงเท่านี้อย่างนั้นหรือ!”
“ในนั้นมีกับดักต้องห้ามมากมาย ดังนั้นการเข้าไปค้นหาสมบัติจึงต้องเผชิญกับความเสี่ยง ซึ่งถ้าเป็เช่นนั้นแล้วการตายของเขาจะเกี่ยวข้องกับตระกูลเซียวได้อย่างไร หรือท่านคิดว่าข้าสามารถฆ่านักยุทธ์วงแหวนเล็กขั้นเจ็ดได้จริงๆ ?”
คำถามที่แฝงไปด้วยการเหน็บแนมนี้ทำให้ผู้คนส่งเสียงอื้ออึงออกมาทันที ซึ่งเมื่อไตร่ตรองดูแล้ว สิ่งที่เซียวหานกล่าวมาก็มีเหตุผลอยู่
‘การที่เจียงย่งไม่สามารถออกมาจากซากปรักหักพังได้ ทำให้เจียงอิงต้องหาแพะรับบาปให้กับเื่นี้’ เหตุผลนี้ยังดูน่าเชื่อถือมากกว่าเสียอีก
เซียวหานจ้องไปยังหยวนจุนที่สวมหมวกดำของชุดคลุมซึ่งกำลังยืนอยู่ไกลๆ นางกล่าวเสียงเบาว่า “ท่านพ่อ อย่าไปสนใจสุนัขบ้านี้เลย เรากลับกันเถอะ”
เมื่อเซียวจั้นที่กำลังจะลงมือได้ยินดังนั้น เขาจึงพึมพำเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะค่อยๆ กลับสู่ท่าทีปกติแล้วกล่าวว่า “ครั้งหน้าเ้าก็ระวังคำพูดหน่อยแล้วกัน มิเช่นนั้นจะมาโทษข้าที่เลาะฟันสุนัขของเ้าออกมามิได้นะ!”
“ผู้นำเซียวกล่าวเกินไปแล้ว! ที่นี่เป็เขตของเมืองเทียนอวิ่น อีกทั้งผู้าุโชิวก็ยังอยู่ คงมิให้เ้าได้เกะกะระรานที่นี่หรอก”
น้ำเสียงของหลิววั่นซานดังก้องในหูของผู้คนเหมือนดั่งเหล็กในที่กำลังทิ่มแทง
“เ้าก็อยากร่วมด้วยอย่างนั้นหรือ?” เซียวจั้นมองหลิววั่นซานกับหลิวหรูเยียนอย่างเ็า ใบหน้าปราศจากความหวาดกลัวและความตื่นตระหนก
หลิวหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้างหลิววั่นซานไม่อาจลืมความอัปยศที่เกิดขึ้นในเจดีย์ชั้นที่เจ็ดได้ ตอนนี้จึงเป็โอกาสอันดีที่จะได้จัดการกับเขา เซียวจั้นมีเพียงคนเดียว ในขณะที่เมืองเทียนอวิ่นมีผู้าุโชิวร่วมด้วย รวมแล้วมีถึงสี่คนที่จะสามารถสู้กับเขาได้
จู่ๆ เจียงอิงก็คิดขึ้นมาได้ว่า ูเาสองแดนถูกตระกูลเซียวมาหลายปี ตระกูลหลิวคง้าโอกาสในการทำลายตระกูลเซียวอยู่แล้ว ซึ่งเื่นี้น่าจะมีประโยชน์ต่อตระกูลหลิวเป็อย่างมาก!
หากมิใช่เพราะการบ่มเพาะพลังยุทธ์ของหลิววั่นซานและเซียวจั้นห่างกันหนึ่งขั้น ตระกูลหลิวคงไม่ต้องรอจนถึงวันนี้
“มิต้องกล่าวสิ่งใดไร้สาระ หาก้าให้ข้าเป็แพะรับบาป เช่นนั้นต้องดูว่าพวกเ้าสองคนมีความสามารถมากพอหรือไม่!” เซียวจั้นที่กำลังตกอยู่ในอารมณ์โกรธไม่รอช้า เขาลงมือไปที่หลิววั่นซานและเจียงอิงในทันที
“ปัง”
หลิววั่นซานปล่อยพลังระดับจันทราวงแหวนเล็กขั้นห้าออกมา ทำให้ปรากฏการณ์การเลื่อนขั้นเกิดขึ้นทันที กระทั่งคลื่นลมแรงซัดผ่าน เขาจึงบรรลุเข้าสู่วงแหวนใหญ่ขั้นห้าอย่างสมบูรณ์!
ใบหน้าของหลิววั่นซานสั่นเกร็ง เขาใช้โอกาสตอนที่หลบพลังของเซียวจั้นโต้กลับไปอย่างดุเดือด จนเซียวจั้นต้องถอยออกไปหลายพันจั้ง
“เหอะเหอะ ที่แท้เ้าก็บรรลุผ่านวงแหวนใหญ่ขั้นห้าแล้วนี่เอง หลิววั่นซานเ้ากล้ามากที่มาท้าทายข้าเซียวจั้น เ้าคิดหรือว่าหากบรรลุขั้นนี้ได้สำเร็จแล้วจะสามารถเป็คู่ต่อสู้ของข้าได้!?”
“ราชสีห์คลั่งโลหิต!”
กลิ่นคาวเืคละคลุ้งไปทั่วร่างกายของเซียวจั้น กระแสเืสีแดงเข้มที่สะดุดตารายล้อมอยู่รอบๆ เขา ก่อนที่แววตาจะเปลี่ยนเป็กระหายเืขึ้นมาในทันที
หยวนจุนััได้ถึงกลิ่นคาวเืที่ลอยออกมา ปราณดาราของเซียวจั้นมีพลังแข็งแกร่งกว่าปราณดาราทั่วไป ไม่แน่ว่าอาจเป็ปราณดาราธาตุน้ำชนิดหนึ่งที่บันทึกอยู่ในตำราดวงดาวโบราณ!
เืเ่าั้ไหลรวมกันตรงหน้าเขาจนกลายเป็ราชสีห์สีแดงเืสูงหลายจั้ง มันดูเหมือนสิ่งมีชีวิตมากกว่าปางมือราชสีห์นอกของหยวนจุนเสียอีก
ส่วนวิธีที่เขาแสดงออกมานั้น น่าจะเป็หนึ่งในวิชายุทธ์เ้าฮั่วขั้นสูงอย่างแน่นอน
“ข้าเซียวจั้นไม่เคยกลัวผู้ใด เ้ากับเจียงอิงลงมือพร้อมกันได้เลย!”
พลังปราณเยือกเย็นที่วนอยู่รอบเซียวจั้น ทำให้เซียวหานที่อยู่อีกด้านหนึ่งรู้สึกกังวลเล็กน้อย แม้ตอนนี้จะมีแค่หลิววั่นซานกับเจียงอิง แต่ถ้าหากเพิ่มตระกูลมู่กับผู้าุโชิวเข้าไป แม้เขาจะเชื่อมประสานปราณดาราที่ถูกบันทึกไว้ในตำราดวงดาวโบราณได้ ก็อาจสู้พวกเขาไม่ได้!
“ผู้นำมู่ เมืองเทียนอวิ่นถูกเมืองลั่วฝานรังแกถึงเพียงนี้แล้ว เ้าไม่คิดจะลงมือช่วยเลยหรือ?”
เมื่อหลิววั่นซานยกเหตุผลนี้ขึ้นมากล่าวอ้าง มู่ชิงหยางที่เป็ผู้นำตระกูลมู่จึงยากที่จะเลือก
เขาบ่มเพาะพลังถึงเพียงระดับจันทราวงแหวนเล็กขั้นห้าเท่านั้น แม้จะเหนือกว่าเจียงอิงที่เป็วงแหวนใหญ่ขั้นสี่อยู่เล็กน้อย แต่อย่างไรเขาก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเซียวจั้นอยู่ดี
แต่หากไม่เคลื่อนไหวแล้วเซียวจั้นจากไปหรือหลิววั่นซานชนะ เป้าหมายต่อไปที่ตระกูลหลิวจะจัดการคงต้องเป็ตระกูลมู่อย่างแน่นอน
มู่ชิงหยางทำได้เพียงคำนับเซียวจั้นและกล่าวว่า “ผู้นำเซียว ล่วงเกินแล้ว!”
“ปัง ปัง ปัง”
แสงจ้าจากเืสีแดงพุ่งออกมาสามทิศทาง ส่งผลให้ผืนดินสั่นะเือย่างรุนแรง ก่อนที่อากาศจะถูกราชสีห์สีแดงเืเสียดสีจนเกิดเป็ควันหมอกสีแดง
“ต่อหน้าราชสีห์เืของข้า ไม่ว่าจะใช้วิถีใดก็ไร้ประโยชน์!!”
หลังจากพลังปะทุออกมา เจียงอิงกับมู่ชิงหยางจึงลอยออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ส่วนหลิววั่นซานได้กระอักเืออกมาเต็มปาก เคราะห์ดีที่เขาป้องกันได้ทันเวลา ซึ่งการป้องกันนั้นทำให้เกราะแสงที่สร้างจากปราณดาราของเขาแตกสลายเหมือนดั่งเม็ดทราย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้