ฉินเยวี่ยเจิงผงะ ประหนึ่งไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน
ก็ใช่ เขาเป็ถึงนักแสดงฉิน ไปที่ใดล้วนมีคนติดตามนิยมชมชื่น
หากไปห้องอื่น คนในห้องอาจใจนน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันไปแล้ว
มีแบบนางที่ใดเล่า มาถึงก็ต่อต้านทันที
ฉินเยวี่ยเจิงย่อมรู้ว่าหลินหวั่นชิวไม่ใช่สาวกของตนเอง แต่นอกเหนือจากผู้บังคับบัญชาแล้ว เขาไม่เคยมีมารยาทกับคนธรรมดา
ในสายตาเขา…ฟู่เหรินเช่นหลินหวั่นชิวไม่มีกระไรน่าสนใจ ไม่คู่ควรให้เขาเคารพ
เขาหรี่ตา
เสี่ยวเอ้อร์ด้านนอกกระอักกระอ่วน จะล่วงเกินแขกก็ไม่ได้ ล่วงเกินนักแสดงฉินก็ไม่ได้เช่นกัน
“ขออภัย ข้านึกว่าคุณชายตู้อยู่ที่นี่” เขามองหลินหวั่นชิว รอยยิ้มไม่ยี่หระ
ตู้ซิวจู๋ชอบเ้าหมอนี่ได้อย่างไร?
หลินหวั่นชิวที่ถูกอีกฝ่ายจ้องจนอึดอัดบ่นกับตัวเองในใจ
“เขาไม่ได้มา” หลินหวั่นชิวตอบเสียงเย็น นางไม่ชอบนักแสดงฉินผู้นี้เลยสักนิด
นางพูดจบก็ลุกเดินออกไป
“ท่าน…เป็สตรีสินะ เป็กระไรกับคุณชายตู้?” ฉินเยวี่ยเจิงไล่ตามมาถาม
หลินหวั่นชิวไม่ตอบ นางไม่อยากสนใจเขา นี่เป็คนที่ตู้ซิวจู๋ชอบ ไม่ใช่คนที่นางชอบ ไม่เกี่ยวกระไรกับนาง
อีกอย่าง นิสัยของคนคนนี้ก็ไม่คู่ควรกับตู้ซิวจู๋
แต่แน่นอนว่านางจะไม่ทำตัวเป็ไม้ตีเป็ดแมนดาริน[1] ความรักก็ดั่งคนดื่มน้ำ เย็นหรือร้อนย่อมรู้เอง
“ท่านนักแสดงฉิน…ท่านมาอยู่นี่นี่เอง!”
ฉินเยวี่ยเจิงตามหลินหวั่นชิวลงจากชั้นสอง ถูกฟู่เหรินกลุ่มหนึ่งเห็นเข้า เขาถูกสตรีเหล่านี้รายล้อมทันที
ภาพนี้ไม่ต่างจากกลุ่มแฟนคลับในยุคปัจจุบัน
หลินหวั่นชิวเบะปาก เร่งฝีเท้าออกจากโรงละคร
ฉินเยวี่ยเจิงกำลังถูกฝูงชนโอบล้อม สายตาที่เขามองหลินหวั่นชิวค่อยๆ เย็นลง
ในป่าบ้านเจียงวันนั้น วิธีที่พวกเขาใช้กับหลินซย่าจื้อเป็วิธีที่เขาไม่เคยได้ยินได้เห็นมาก่อน
ไม่ได้ใช้แมลงพิษหรือวิธีใดๆ เพียงแค่ปิดตาและใช้กลอุบายเล็กน้อยก็หลอกหลินซย่าจื้อสำเร็จ ถามกระไรก็ยอมตอบหมด
ยิ่งไปกว่านั้น ฝีมือของเจียงหงหย่วน…ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาและตู้ซิวจู๋
เพียงครู่เดียวก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
ความตื่นตัวและฝีมือระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่นายพรานธรรมดาจะมีได้
ทว่าพวกเขาตรวจสอบเจียงหงหย่วนแล้วกลับไม่เจอพิรุธใดๆ
แต่ยิ่งไม่มีพิรุธ ปัญหาก็ยิ่งร้ายแรง เพราะนี่หมายความว่าภูมิหลังของเจียงหงหย่วนอาจน่าใมาก
ส่วนหลินหวั่นชิว…เขาสะเพร่าเอง นึกไม่ถึงว่านางจะเป็บุตรสาวของหลินเจี้ยนหรง
ตระกูลหลิน…
ผู้อื่นคิดว่าที่ฮ่องเต้ไม่ปะาตระกูลหลินยกตระกูลเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน แต่ในฐานะที่เขาเป็สุนัขที่ขายชีวิตให้ฮ่องเต้ พวกเขารู้ดีว่าฮ่องเต้ของต้าโจวไม่มีความเชื่อมโยงกับคำว่าเมตตาแม้แต่น้อย
ต้องมีสาเหตุที่ไม่ปะาตระกูลหลินทั้งหมดเป็แน่
ตระกูลหลิน ฮ่องเต้ยังใช้ประโยชน์ได้
ตอนนี้ตระกูลเถียนเข้ามาร่วมด้วย แม้จะไม่มีคำสั่งจากฮ่องเต้ แต่พวกเขาก็ต้องตรวจสอบเช่นกัน หากมีกระไรก็รายงานไปยังเมืองหลวง
ตู้ซิวจู๋ไม่ได้มาโรงละคร นี่หมายความว่า…ทางเมืองหลวงทราบข่าวแล้วส่งคนมา
เจียงหงหย่วนมีความลับ ตระกูลหลินมีความลับ แม้แต่หลินหวั่นชิวก็มีความลับเช่นกัน
ความลับเหล่านี้…สักวันหานซิงผู้นี้จะขุดออกมา
ตู้ซิวจู๋กลับถึงคฤหาสน์ ขันทีเฒ่าผู้หนึ่งเดินยิ้มตาหยีออกจากห้องหนังสือมารับเขา
เขาเลิกผ้าคลุมขึ้นพร้อมคุกเข่าลง
“สิบเอ็ดคารวะท่านพ่อบุญธรรม”
ผู้ที่มาคือขันทีผู้ตรวจฎีกาถวายฮ่องเต้ นามว่าหงจวิน เป็บุคคลที่ตู้ซิวจู๋นับถือเป็พ่อบุญธรรม
ต่อให้ราชครูตู้ตายก็คงคิดไม่ถึงว่าลูกจากบ้านเล็กที่เขาไม่เห็นในสายตาจะมีพ่อบุญธรรมเป็ขันที
“เ้าทำได้ดียิ่งนัก!” หงจวินเดินมาตบบ่า
“ลุกขึ้น! นึกไม่ถึงว่าตระกูลเถียนจะเข้ามาร่วมด้วย ดีที่เ้ามีไหวพริบ รู้จักตีตัวเข้าหาบุตรสาวตระกูลหลินก่อน”
หงจวินกำลังยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนี้กลับทำให้ตู้ซิวจู๋เย็นยะเยียบไปถึงหัวใจ เหงื่อเย็นซึมบนแผ่นหลัง
“ท่านพ่อบุญธรรมเดินทางมาไกล…”
“ข้ามาเพื่อบอกเ้าว่า จับตาดูบุตรสาวตระกูลหลินให้ดี! อย่าให้นางถูกคนตระกูลเถียนสังหาร หากมีความเคลื่อนไหวใดให้ส่งข่าวกลับเมืองหลวงทันที ฝ่าาไม่ได้เก็บคนตระกูลหลินไว้เพราะเมตตา คนตระกูลหลินยังมีประโยชน์ พวกเรา… ขึ้นอยู่กับเ้าแล้วว่าครั้งนี้จะข่มเ้าคนตระกูลหลิวได้หรือไม่”
เขาเดินไปทางหน้าต่างเมื่อพูดจบ ทอดสายตามองด้านนอก “นึกไม่ถึงว่าคนโง่พวกนั้นจะกล้าแลกนางกับหมูป่า มิเช่นนั้น… สิบเอ็ด เ้าคลุกคลีกับนางมาก็นาน มีความเป็ไปได้ที่จะลักพาตัวนางหรือไม่?”
ตู้ซิวจู๋หลุบตาประสานมือ “ท่านพ่อบุญธรรม สิบเอ็ดลองแล้วขอรับ นางรักนายพรานคนนั้นอย่างสุดจิตสุดใจ”
“ช่างเถิด ถ้าเช่นนั้นก็รักษาสภาพการณ์ตอนนี้เอาไว้ ข้าไปล่ะ!”
“ท่านพ่อบุญธรรม ท่านเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย พักสักสองวันค่อยกลับเมืองหลวงเถิดขอรับ”
หงจวินส่ายมือ “ไม่ล่ะ ข้าออกมาช่วยทำธุระให้ฝ่าา แวะมาที่นี่เพื่อเจอเ้า ไม่มีเวลามาอยู่ที่นี่”
“สิบเอ็ดน้อมส่งท่านพ่อบุญธรรม”
ตู้ซิวจู๋โค้งตัวก้มหน้าส่งหงจวินด้วยความเคารพ
ในที่สุดหงจวินก็รู้เื่…
ใจตู้ซิวจู๋กำลังสั่น กำลังกลัว
เขาเสียใจ เสียใจว่าไม่ควร…ไม่ควรตีตัวเข้าใกล้นาง
หลังจากที่หานซิงกลับมา ตู้ซิวจู๋เรียกเขาไปพบที่ห้องลับ
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ตู้ซิวจู๋ก็ต่อยหมัดใส่ท้องหานซิง
“หานซิง ข้าคิดว่าพวกเราเป็พี่น้องกัน!” เขากัดฟันแน่น ดวงตาปลายงอนมีไอสังหารแผ่ซ่าน
ฟันเขาดังกรอดๆ ราวกับจะแหลกเป็ผุยผง
หานซิงกุมท้องลุกขึ้นยืนช้าๆ เขายิ้ม ยกมือเช็ดเืที่มุมปาก
เขามองตู้ซิวจู๋ “ก็เพราะเป็พี่น้องกัน ข้าถึงรายงานในนามของเ้านะท่านผู้บัญชาการ หรือเ้าคิดว่าความเคลื่อนไหวของตัวเองที่นี่ไม่ถูกจับตาดูหรือ?”
“นั่นมันเื่ของข้า!” ตู้ซิวจู๋ต่อยหานซิงเพิ่มอีกหมัด หานซิงเจ็บจนต้องขดตัวลงพื้น สีหน้าซีดเผือก “เ้าไม่ควร…ไม่ควรดึงนางเข้ามา!”
เขาคิดหาวิธีปิดบังตัวตนของหลินหวั่นชิวไว้แล้ว หลินฉินที่หายตัวไปคือแพะรับบาปชั้นดี
แต่นี่…เพราะการรายงานของหานซิง แผนที่เขาวางไว้จึงสูญเปล่า
ถูกหงจวินจับตามอง หลังจากนี้…ตู้ซิวจู๋ไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการ
นอกเสียจาก…นอกเสียจากว่าตระกูลหลินจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ มิเช่นนั้น…
“ต่อให้ย้อนเวลาได้ ข้าก็จะทำเช่นเดิม!” หานซิงพูดอย่างดื้อรั้น “ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่อาจปล่อยให้บุตรสาวของขุนนางต้องโทษทำให้ท่านเดือดร้อน!”
เขามองตู้ซิวจู๋ตาแดงก่ำ “ท่านผู้บัญชาการ…ท่านอย่าหลอกตัวเองและผู้อื่นเลย ท่านก็รู้ว่านี่คือผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เผยทุกอย่างสู่ที่แจ้ง มิเช่นนั้น หากท่านพ่อบุญธรรมรู้ว่าท่านปกปิด ไม่ว่านางหรือท่าน…ล้วนไม่ปลอดภัย”
ไม่ใช่แค่ไม่ปลอดภัย แต่ยังจะตายอย่างอนาถมากด้วย
“ตระกูลเถียนเข้ามาร่วมด้วยก็ดีแล้ว หากท่านพ่อบุญธรรมจะสู้กับหลิวกงกงก็ต้องจัดการตระกูลเถียนเสียก่อน ต้องหาวิธีมาขัดผลประโยชน์ตระกูลเถียน มีเพียงวิธีนี้ ให้กลุ่มอิทธิพลทั้งหลายพัวพันกันเอง นาง…จึงจะมีโอกาสเอาชีวิตรอด”
เชิงอรรถ
[1] ไม้ตีเป็ดแมนดาริน(棒打鸳鸯) เป็ดแมนดารินจะมีคู่แค่ตัวเดียวไปตลอดชีวิต สำนวนนี้จึงเปรียบเปรยถึงการแยกคู่รักออกจากกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้