อาเหลยไม่ชอบกินเผ็ด ดังนั้นชามของมันจึงไม่มีกระเพาะหมูพริกเผา
เซวียเสี่ยวหรั่นตักแค่หมูผัดมะเขือยาวกับอุ้งตีนหมูสองชิ้นให้มัน
หมูผัดมะเขือยาวเนื้อนุ่มกลิ่นหอมรสชาติยอดเยี่ยม อาเหลยกินอย่างเอร็ดอร่อย
ตอนมาใหม่ๆ มันยังเป็แค่ลิงน้อยขนทองตัวผอมนิดเดียว แต่บัดนี้เติบโตเป็ลิงใหญ่แข็งแรงมีกำลังวังชา
ขนทองที่อยู่เหนือกระหม่อมนับวันยิ่งเห็นได้ชัด
หลังกินมื้อเที่ยงแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็หิ้วถังไม้เดินไปทางเชิงเขาด้านหลัง
มีตาน้ำพุเล็กๆ แห่งหนึ่งบนเนินเขา ปรกติน้ำกินน้ำใช้ในชีวิตประจำวันล้วนตักมาจากที่นี่
แหล่งน้ำใกล้กับขู่หลิ่งถุนมีมากมาย ประกอบกับไม่ค่อยมีชาวบ้านมาตักน้ำที่หลังเขา ดังนั้นเซวียเสี่ยวหรั่นมากี่ครั้งก็ไม่เคยเจอผู้อื่น
ถังน้ำค่อนข้างหนัก เซวียเสี่ยวหรั่นหิ้วได้เพียงรอบละครึ่งถังเท่านั้น
เดินได้่สั้นๆ ก็ต้องพักเอาแรงเป็ระยะ
ความเร็วในการตักน้ำเรียกได้ว่าช้า
เหลียนเซวียนได้ยินนางกระหืดกระหอบมาๆ ไปๆ ก็นิ่งงัน ด้วยสภาพการณ์ของเขาขณะนี้ไม่อาจช่วยเหลือได้ จำต้องให้นางเหน็ดเหนื่อยอยู่เพียงฝ่ายเดียว
จนกระทั่งเซวียเสี่ยวหรั่นมาตักน้ำเป็รอบที่สาม ก็มีเงาร่างของคนผู้หนึ่งโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่
"โธ่เอ๊ย ข้าใแทบตาย" เซวียเสี่ยวหรั่นใจนแทบะโเมื่อจู่ๆ ก็มีคนผลุนผลันออกมา พอเห็นชัดว่าผู้มาเป็ใคร ค่อยถอนหายใจโล่งอก
"ตัดน้ำแค่นี้เองหรือ?" อูหลันฮวาหัวเราะเสียงดัง หลังจากเห็นน้ำในถัง ก็เอ่ยออกมาอย่างประหยัดคำพูด
"ถังมันหนักมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นนวดแขน "ใส่น้ำอีกก็ยิ่งเข้าไปใหญ่ ข้าหิ้วหนักขนาดนั้นไม่ไหว"
"มา ข้าจัดการเอง" อูหลันฮวานำขวานที่ติดมือมาเหน็บที่เอว ก่อนหิ้วถังน้ำไปตักจนเต็ม
"เหตุใดเ้าถึงจิตใจดีเช่นนี้ หลันฮวา เ้าไม่ได้ยุ่งอยู่หรือ ข้าทำให้เ้าเสียการงานหรือเปล่า" เซวียเสี่ยวหรั่นนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่นางถูกด่าทอก็ไม่ตอบโต้สักคำ
"ไม่ว่าจะยุ่งหรือไม่ก็เป็เช่นนี้ทุกวัน"
นางพูดอ้อมแอ้ม เซวียเสี่ยวหรั่นต้องตั้งใจฟังอย่างมากแต่ก็เข้าใจความหมายอยู่
"งั้นเ้ากลับไปก็ถูกด่าอีกละสิ" ป้าสะใภ้ของนางผู้นั้นไม่ใช่คนดีอะไร เซวียเสี่ยวหรั่นนึกวิตกแทนอยู่บ้าง
"ไม่เป็ไร ถือว่านางแค่ผายลมไป" อูหลันฮวาหิ้วน้ำเต็มถังเดินลงเนินสบายๆ ไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินเช่นนั้นพลันอมยิ้มแล้วรีบเดินตามไป
อูหลันฮวาค่อนข้างคุ้นเคยกับพื้นที่ท้ายหมู่บ้าน เดินตรงไปที่เรือนของพวกเขาอย่างคล่องแคล่ว
"หลันฮวา เ้าช้าหน่อย เดี๋ยวเทน้ำใส่โอ่งในห้องครัวก็พอแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นผลักประตูเรือนพลางกวักมือให้นางเข้าไปข้างใน
อูหลันฮวามองบุรุษที่นั่งอยู่หน้าระเบียงปราดหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง
"เขาคือเหลียนเซวียน เหลียนเซวียน นี่อูหลันฮวา นางช่วยข้าตักน้ำกลับมา"
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน
"แม่นางอูหลัน ขอบใจมาก" อูหลันฮวาหิ้วน้ำเต็มถังโดยไม่มีอาการเหนื่อยหอบสักนิด ทำให้เหลียนเซวียนเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แม่นางผู้นี้แรงดีมากจริงๆ
"เหลียนหลางจวิน" อูหลันฮวาทักทายเสียงอู้อี้
หัวคิ้วของเหลียนเซวียนขยับน้อยๆ โรคลิ้นคับปากท่าจะร้ายแรงเอาการ
อูหลันฮวาไม่พูดอะไรอีก หิ้วถังน้ำเข้าไปเทในตุ่มที่ห้องครัวอย่างรวดเร็ว
ขณะกำลังจะไปหลังเขาช่วยพวกเขาตักน้ำอีกรอบ กลิ่นเนื้อหอมฉุยก็ลอยมาเตะจมูก ทำให้นางถึงกับน้ำลายสอขึ้นมาทันที
มองไปตามกลิ่นหอม บนเตาหินนอกห้องครัว มีหม้อใบหนึ่งกำลังเดือดปุดๆ
กลิ่นเนื้อตุ๋นโชยมาจากในหม้อ อูหลันฮวาอยากกินจนต้องกลืนน้ำลาย
ไยเซวียเสี่ยวหรั่นจะตระหนักไม่ได้ คนที่แทบจะไม่ได้กินเนื้อตลอดทั้งปี ยามเห็นเนื้อหอมฉุยในหม้อจะอดใจได้อย่างไร
่เวลาที่พวกเขาอยู่ในป่า ได้ััความรู้สึกหิวโหยและอยากอาหารอย่างล้ำลึกมาแล้ว จึงเข้าใจดี
"หลันฮวา ในหม้อตุ๋นอุ้งตีนหมูไว้ ข้าจะตักให้เ้าชามหนึ่ง ช่วยข้าชิมหน่อยว่ารสชาติเป็อย่างไรบ้าง" เซวียเสี่ยวหรั่นเดินเข้าไปหยิบชามในครัว คิดจะตักอุ้งตีนหมูตุ๋นให้นาง
"ไม่ต้องหรอก ต้าเหนียงจื่อ" อูหลันฮวากลับเก้อเขิน นางแค่มาช่วยตักน้ำเท่านั้น
"หลันฮวา เมื่อเช้าพวกเรานัดกันไว้แล้วมิใช่หรือ ว่าเ้าจะมากินอาหารกับพวกเรา" เซวียเสี่ยวหรั่นกลัวว่านางจะวางตัวไม่ถูก จึงรีบเอ่ยถึงนัดหมายเมื่อเช้า
"ยังไม่ถึงเวลาเลยนี่นา?" แม้อูหลันฮวาจะขี้ตะกละ แต่ก็ยังมีหลักการของตนเอง
"โอ จริงด้วยสิ เวลาเลี้ยงแขกเป็่เย็นก่อนตะวันตกดิน ยังมีเวลาอีกสักพัก" เซวียเสี่ยวหรั่นมองดูพระอาทิตย์ เธอต้องรีบเร่งมือ มิเช่นนั้นคนมาแล้ว อาหารก็อาจยังไม่เสร็จ"
"เช่นนั้น ถึงเวลาข้าค่อยมา" อูหลันฮวาไม่กระมิดกระเมี้ยน ยิ้มกว้างด้วยความจริงใจ "ข้าจะช่วยตักน้ำให้เต็มโอ่งเอง"
พูดจบก็หิ้วถังน้ำวิ่งออกไปทางหลังเขา
ซีมู่เซียงมาถึงพอดี "นั่นหลันฮวามิใช่หรือ นางวิ่งไปไหนน่ะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางเล่าเื่ที่นางมาช่วยตักน้ำให้ซีมู่เซียงฟัง
"อ้อ ปรกติหลันฮวาก็ทำงานพวกนี้อยู่แล้ว โอ่งน้ำทุกใบในบ้านลุงใหญ่ของนางล้วนเป็นางรับหน้าที่ตักน้ำให้เต็ม" ซีมู่เซียงทอดถอนใจ
"บ้านของผู้อื่นส่วนมากหน้าที่ตักน้ำล้วนเป็ของบุรุษ ลุงใหญ่ของนางเป็คนใจดำ งานหยาบสารพัดในบ้านล้วนให้หลันฮวาเป็คนทำ ทั้งตักน้ำ ผ่าฟืน กวาดพื้น ทำไร่ไถนา ถางหญ้า ใส่ปุ๋ย เก็บเกี่ยวล้วนเป็งานของหลันฮวาทั้งหมด"
"พวกเขาแทบไม่ต้องทำงานอะไรเลย แต่กลับไม่ให้หลันฮวาได้กินอิ่มท้อง นางหิวต้องแล่นไปเด็ดผลไม้บนูเาไม่ก็ขุดผักป่า เก็บไข่นกมากิน หลันฮวาแข็งแรงรูปร่างสูงโปร่ง ต้องขอบคุณที่นางมีกำลังวังชามาก หาไม่แล้วคงถูกครอบครัวจอมโหดนั่นกดขี่จนตายเป็แน่แท้
รอยยิ้มบนใบหน้าของเซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มหุบลง
มิน่า เมื่อครู่แอบลอบมองมือของหลันฮวา ข้อนิ้วใหญ่หนา มือมีรอยแตก ผิวหยาบกระด้าง ดูไม่เหมือนมือของหญิงสาวอายุสิบแปด
ก็จริง ั้แ่เล็กจนโตถูกครอบครัวลุงใหญ่ใช้งานราวกับเป็วัวเป็ม้า เติบโตแข็งแรงอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ก็นับว่าโชคดีแล้ว
แม้เซวียเสี่ยวหรั่นจะรู้เื่มาบ้าง แต่เพลิงโทสะในใจกลับยิ่งรุนแรง
"ต้องทำอย่างไรหลันฮวาถึงจะหลุดพ้นจากครอบครัวเ้าเวรเ้ากรรมนั้นได้" เธอถามพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
"ยาก หลันฮวาอายุมากแล้ว งานแต่งยังไม่ถูกกำหนด ต่อให้มีคนมาสู่ขอ ก็หนีกระเจิงไปหมดเพราะใกับความโลภโมโทสันของครอบครัวลุงใหญ่ของนาง"
เคยมีคนถูกใจที่อูหลันฮวาทั้งเรี่ยวแรงเยอะทั้งทำงานเก่ง แต่ผลก็คือครอบครัวอูต้าฟางเรียกค่าสินสอดถึงสิบตำลึง ขาดแม้แต่อีแปะก็ไม่ได้ ผู้คนถึงหนีกันไปหมด
ส่วนคนที่มาสู่ขอหลังจากนั้น หากไม่พ่อม่ายภรรยาตายก็เป็พวกคนสูงอายุที่ครอบครัวตกอับ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคุยไม่สำเร็จ
ดังนั้นงานแต่งของอูหลันฮวาถึงโดนเลื่อนแล้วเลื่อนอีกมาโดยตลอด
ครอบครัวของอูต้าฟางไม่รีบร้อน เพราะมีอูหลันฮวาในบ้าน งานหนักทั้งในบ้านและนอกบ้านล้วนมีคนทำ สบายพวกเขาไปเยอะ
"เ้าพวกบัดซบสารเลว ใช้งานแม่นางน้อยคนหนึ่งราวกับเป็วัวเป็ม้าของตนเองก็ไม่ปาน ไม่กลัว์ลงทัณฑ์ให้ฟ้าผ่าบ้างเลยหรือไง" เซวียเสี่ยวหรั่นโมโหจนหน้าแดง
"ถ้าพวกเขากลัวคงจะไม่ปฏิบัติต่อหลันฮวาเช่นนี้ นั่นน่ะหลานสาวสายตรงของพวกเขาเลยนะ" ซีมู่เซียงส่ายหน้า นางเห็นมาแต่เล็กจนชินเสียแล้ว จึงไม่บันดาลโทสะใหญ่โตเช่นต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียน
เหลียนเซวียนเหลือบมองเซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งโมโหโทโสจนแทบะเิ ก็หันไปทางหลังเขาพลางทำสีหน้าครุ่นคิด
