เจิ้งหยวนกำลังครุ่นคิดว่าจะกินของสิ่งนี้อย่างไรดี ก่อนเฉินชุ่ยอวิ๋นจะพูดกับเจิ้งหยวนขึ้นมาว่า “พรุ่งนี้แกรีบเอาเสบียงกับปลาไหลสักสองสามจินไปให้คุณปู่ คุณย่าด้วย”
ที่บอกว่าจะส่งให้คุณปู่คุณย่า ความจริงก็คือส่งให้บ้านอาสามนั่นเอง
คุณปู่คุณย่าของเจิ้งหยวนอาศัยอยู่ในอำเภอ ตามหลักหลังจากลูกแยกบ้านผู้าุโจะอยู่กับลูกคนโต แต่ใครให้ลูกคนที่สามของสกุลเจิ้งสอบเข้าโรงเรียนอาชีวศึกษาได้ ทั้งยังบรรจุงานที่อำเภอกลายเป็คนเมืองอย่างถูกต้องละ จะว่าไปคุณอาสามของเจิ้งหยวนอยู่ถูกที่ถูกเวลาดีจริงๆ หากเกิดการปฏิวัติวัฒนธรรมขึ้น เขาเรียนดีแค่ไหนก็สอบเข้า ปวช. ไม่ได้แล้ว หลังอาสามเรียนจบก็ได้รับมอบหมายให้ทำงานที่สถานีตำรวจในอำเภอ และแต่งกับอาสะใภ้สามที่ทำงานโรงงานฝ้ายแห่งชาติ พวกเขาใช้ชีวิตดีกว่าพวกเาาวนาเยอะอย่างน่าอิจฉา เมื่อคุณปู่คุณย่าเห็นดังนั้น พวกท่านอยากมีความสุขด้วย จึงย้ายตามลูกคนที่สามเข้าอำเภอเมืองไป ส่วนเจิ้งเฉวียนกังกับคุณลุงใหญ่ทำเพียงคอยส่งค่าเลี้ยงดูให้คุณพ่อคุณแม่ทุกเดือนเท่านั้น ดังนั้น ในหมู่บ้านจึงไม่มีใครซุบซิบนินทาสกุลเจิ้ง
ด้วยบ้านลุงใหญ่นั้นยากจน จึงทำให้ไม่สามารถส่งเงินได้มากอย่างที่ควรจะเป็ และถึงแม้ว่าคุณปู่คุณย่าจะรักลำเอียงลูกชายคนเล็ก แต่ก็ไม่เคยลืมลูกชายคนโตเลยสักครั้ง พวกท่านไม่คิดเล็กคิดน้อยกับลุงใหญ่ มีเพียงเจิ้งเฉวียนกังที่ห้ามส่งเสบียงขาดแม้แต่ครั้งเดียวด้วยเพราะเป็ลูกคนกลาง เสบียงอาหารทรัพย์สินเงินทองอื่นๆ ไม่เท่าไร ยังต้องส่งข้าวสาลีห้าสิบจินให้เขาทุกปีด้วย ซึ่งเสบียงพวกนี้พวกเขากินเอง หรือจะให้บ้านอาสามแทนก็สุดจะรู้แล้ว
เดือนสามปีนี้ ด้วยอาสะใภ้สามคลอดบุตรชาย ส่วนคุณปู่คุณย่าก็ชราเกินกว่าจะดูแลอาสะใภ้สามที่อยู่ไฟไหว จึงเรียกเจิ้งหยวนให้ไปช่วยแทน ่แรกเธออยู่บ้านเฉยๆ ไม่มีอะไรเกินขึ้น แต่ทว่าไม่กี่วันต่อมา อยู่ดีๆ อาสะใภ้สามก็บอกว่าจะแนะนำคนรักให้เธอ ความจริงแล้วมีหญิงสาวคนหนึ่งที่มาเยี่ยมเยียนอาสะใภ้สามถึงบ้านแล้วเกิดถูกใจเจิ้งหยวนขึ้นมากะทันหัน ด้วยเพราะว่าเจิ้งหยวนหน้าตาสะสวย รู้จักพูดจา ทำงานใช้ได้ เลยเกิดอยากจับคู่เธอกับลูกชายตัวเอง ผู้หญิงคนที่ว่นี้ก็คือหัวหน้าของอาสะใภ้สามนั่นเอง แม้ว่าอาสะใภ้สามจะรู้อยู่แก่ใจว่าเจิ้งหยวนมีคู่หมั้นคู่หมายเป็คนจากสกุลเฝิงแล้ว แต่ก็ยังคอยเสี้ยมเจิ้งหยวนเสมอโดยบอกว่าแม้เฝิงเจี้ยนเหวินผู้เป็คู่หมั้นจะเป็ถึงทหาร สถานะทางสังคมก็ดี ทั้งยังมีเงินเดือนสูง แต่ไม่อยู่บ้านแทบทั้งปี ช่วยงานในบ้านไม่ได้สักอย่าง หาคนในเมืองเอาย่อมดีกว่าเป็เห็นๆ
ครั้นถูกเสี้ยมนานวันเข้า จิตใจที่เคยมั่นคงของเจิ้งหยวนก็พลันสั่นคลอนเข้าจนได้ เธอมีโอกาสได้ไปหาลูกชายของผู้หญิงคนนั้นหนหนึ่งด้วยความคาดหวัง แต่กลับกลายเป็ว่าต้องผิดหวังอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะผู้ชายคนนั้นหน้าตาอัปลักษณ์เกินไป ดวงตาเท่าเมล็ดถั่วเขียว ดั้งแหมบ ใบหน้าเหมือนโดนคนอัดจนแบน ตัวก็ไม่สูง พอๆ กันกับเจิ้งหยวน ซึ่งเจิ้งหยวนสูงแค่ 163 เิเเท่านั้น! เด็กสาวคนไหนไม่อยากมีคนรักหน้าตาดีบ้างเล่า
โดยเฉพาะเจิ้งหยวนที่หยิ่งผยองมาตรฐานสูง จะชอบผู้ชายคนนั้นได้อย่างไร
จึงเอ่ยปฏิเสธหลังกลับไป
เื่นี้ทำให้อาสะใภ้สามขุ่นเคืองใจเข้า เธอไม่พูดจาหยาบคายหรือด่าทอเจิ้งหยวน หากแต่ว่าเอาแต่จ้องจับผิดอยู่ท่าเดียว ไม่ว่าจะทำอาหารแล้วใส่เกลือน้อยเกินไป ผ้าอ้อมซักไม่สะอาด อุ้มเด็กผิดท่าบ้าง สารพัดสารพันจะติเตียนเท่าที่จะทำได้ คุณอาสามเดิมทีเป็แก้วตาดวงใจของคุณปู่คุณย่า พอมีลูกชายตัวน้อยตอนอายุสี่สิบเศษ ก็ยิ่งเป็ที่รักในสายตาคุณปู่คุณย่า เมื่อได้ยินคำพูดอาสะใภ้สาม ก็ด่าเจิ้งหยวนทำงานชักช้าบ้าง เงอะงะงุ่มง่ามบ้าง เมื่อใดที่เจิ้งหยวนทำงานก็มักจะถูกตำหนิแดกดันตลอดเวลา อึดอัดคับข้องใจสุดๆ
ชาติก่อนเจิ้งหยวนไม่เคยบอกใคร แต่ชาตินี้… เจิ้งเทียนเลี่ยงพาเด็กน้อยสองคนไปเล่นที่ลานบ้านแล้ว เธอจึงค่อยกลอกดวงตาไปมารอบหนึ่งแล้วกระซิบกระซาบอย่างแ่เบา “แม่ แม่รู้ไหม อาสะใภ้สามยุยงอยากให้ฉันหาคนรักในเมืองแหละ”
“อะไรนะ?”
เจิ้งหยวนเล่าเื่ที่เกิดขึ้นในบ้านอาสามอย่างละเอียด แม้เธอจะหาคนรักอย่างหลินเสี่ยวหยางมาเอง ทว่าความคิดหาคนรักในเมืองอาสะใภ้สามเป็คนส่งเสริมต่างหากละ!หากไม่มีคนเสนอ เธออาจจะไม่ได้คิดถึงมันเลยด้วยซ้ำ
เธอไม่ได้ใส่ร้ายคนอื่นเขาเสียหน่อย!
เฉินชุ่ยอวิ๋นโกรธมาก เธอคิดอยู่แล้วว่าแม้ลูกสาวจะไม่ประสาแค่ไหน ก็ไม่น่าจะเกิดความคิดเลวร้ายเช่นนี้ได้ ที่แท้เพราะว่าโดนอาสะใภ้สามยุยงส่งเสริมนี่เอง!ยัยหวังกุ้ยจือคนนี้! ช่างไร้สามัญสำนึกนัก!
เธอกัดฟันกรอด “ปลาไหลช่างมัน ไม่ต้องส่งให้พวกเขาแล้ว!”
เจิ้งหยวนลอบยิ้มในใจ พลางตอบรับ “อื้อ”
วันนี้ที่บ้านเธอทำเกี๊ยวทาน เลยเทน้ำเลี้ยงปลาไหลไว้ก่อน ค่อยกินพรุ่งนี้ก็ยังทัน ตอนนี้ผ่านฤดูเร่งเก็บเกี่ยวและเพาะปลูกมาแล้ว ทุกคนย่อมเหนื่อยกันไม่น้อย จำเป็ต้องบำรุงให้ดีๆ
เจิ้งหยวนยกตะกร้าไปหาอ่างใส่ปลาไหลในครัว หลังจากจัดการเสร็จได้ไม่นาน เจิ้งเฉวียนกังก็กลับมาพอดี
เจิ้งหยวนรีบนำเกี๊ยวลงหม้อ เกี๊ยวไส้ผักสุกเร็ว ต้มทีสองทีก็เอาออกจากหม้อได้แล้ว นานๆ ทีที่บ้านจะได้กินเกี๊ยวสักครั้งเลยตื่นเต้นกันมาก แต่ละคนต่างประคองชามของตัวเองมายืนรอข้างๆ หม้อ ออกันเข้ามาหลังต้มหม้อแรกเสร็จ เจิ้งเทียนเลี่ยงเป็คนที่กระตือรือร้นที่สุด แต่เจิ้งหยวนยังไม่ตักให้เขา “รอเดี๋ยว ฉันตักให้พ่อแม่ก่อน”
เจิ้งเทียนเลี่ยงเป็เด็กตะกละ ย่อมไม่พอใจเท่าไรนัก เฉินชุ่ยอวิ๋นจึงบอก “แกตักให้เขาก่อนเถอะ”
เจิ้งหยวนไม่ฟังและบอก “แม่ อย่าตามใจเขาเกินไป เขาไม่อดกินอยู่แล้วน่า!”
เจิ้งเจวียนร้องเป็ลูกคู่ “ใช่ๆ !”
เฉินชุ่ยอวิ๋นขานรับแล้วไม่พูดสิ่งใดอีก
เจิ้งหยวนตักให้สองสามีภรรยาสูงวัยจนล้นชาม เฉินชุ่ยอวิ๋นคอยพูดพร่ำตลอดตอนตักว่า “นี่ พอแล้วๆ ทำไมแกตักให้ฉันเยอะขนาดนี้ ฉันกินไม่หมดหรอก” แต่เจิ้งหยวนไม่ฟังเธอ หนำซ้ำยังดันเกี๊ยวเต็มชามไปตรงหน้าเฉินชุ่ยอวิ๋นอีกต่างหาก
พอถึงตาเจิ้งเทียนเลี่ยง เจิ้งเจวียน และซิงซิง เกี๊ยวหม้อนี้ก็หมดลง จึงต้องต้มใหม่อีกหม้อ
ว่ากันว่าเด็กวัยกำลังโตจะกินเก่งจนแทบล้มละลายกันเลยทีเดียว เจิ้งเทียนเลี่ยงเพิ่งอายุได้สิบขวบ กลับกินปริมาณพอๆ กับผู้ใหญ่เสียแล้ว ชามหนึ่งไม่พอยังคิดว่าน้อยเกินไปด้วยซ้ำ เฉินชุ่ยอวิ๋นจึงคีบเกี๊ยวในชามตนเพิ่มให้บุตรชาย
เจิ้งหยวนเพียงเหลือบมอง ไม่พูดอันใด เธอรู้มาตลอดว่าเฉินชุ่ยอวิ๋นรักลำเอียงลูกชายคนเล็กเป็พิเศษ ดังนั้น พูดไปก็เปล่าประโยชน์ เธอเลยี้เีพูดแล้ว เจิ้งหยวนรอต้มเกี๊ยวหม้อที่สอง แล้วค่อยตักเพิ่มให้คุณแม่อีกหลายๆ ตัว
เพราะเกี๊ยวมีไม่มาก ทั้งยังตักให้คนแรกๆ เยอะแล้ว คนข้างหลังก็เลยได้น้อยตามไปด้วย เมื่อเจิ้งหยวนตักให้ตัวเองเป็คนสุดท้าย ก็เหลือเพียงเจ็ดถึงแปดตัวเท่านั้น
ครั้นเฝิงิเยว่เห็น จึงจะคีบเกี๊ยวในชามตัวเองใส่ชามเจิ้งหยวน แต่ทว่าผู้เป็น้องของสามีกลับเอามือกันไว้แล้วบอก “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่หิว” เธอมีอาหารการกินไม่ขาดแคลน เพียงทุกคนกินกันเอร็ดอร่อย เธอก็ดีใจแล้ว
ทั้งสองยื้อกันไปกันมาสักพัก เฉินชุ่ยอวิ๋นจึงค่อยพูดขึ้น “ิเยว่เอ๋ย เธอไม่ต้องสนใจหรอก เขาหิวเดี๋ยวก็หาอะไรกินเองแหละ”
เฝิงิเยว่ถึงยอมดึงตะเกียบกลับไป
เจิ้งหยวนยู่ปาก แล้วกินเกี๊ยวหมดภายในไม่กี่คำ หลังจากเพิ่งวางตะเกียบลงไม่นาน เจิ้งเฉวียนกังที่กินเกี๊ยวอยู่ตรงลานบ้านเสร็จ ก็ยกชามเปล่าเข้ามาแล้วถามว่า “มีอีกไหม?”
“ไม่เหลือแล้ว พ่อ พ่อกินไม่อิ่มเหรอ?” เจิ้งหยวนถาม
เมื่อครู่เธอใช้ชามที่ใหญ่ที่สุดในบ้านตักเกี๊ยวใส่ให้เจิ้งเฉวียนกังไปเยอะมาก
คุณพ่อเธอไม่น่ากินเยอะขนาดนั้นนะ?
เจิ้งเฉวียนกังวางชามลงแล้วเอ่ยถาม “ทำไมทำแค่นี้ล่ะ?”
เฉินชุ่ยอวิ๋นที่กำลังคีบเกี๊ยวจิ้มจิ๊กโฉ่ว ก็เงยหน้าขึ้นมาตอบเจิ้งเฉวียนกังเมื่อได้ยิน “แป้งขาวมันแพง เห็นว่าวันนี้ได้ส่วนแบ่งข้าวสาลีมาไม่น้อย แล้วทุกคนดูดีใจกันเลยทำเกี๊ยวกินแก้อยากกันนิดหน่อย คุณอยากได้เพิ่มแค่ไหนล่ะ?”
เจิ้งหยวนถามต่อ “พ่อ พ่อกินไม่อิ่มเหรอ? ฉันใส่ก้อนแป้งต้มในน้ำแกงเพิ่มให้ดีไหม?”
“ไม่ต้อง” เจิ้งเฉวียนกังโบกมือเป็เชิงปฏิเสธ “ฉันแค่อยากส่งเกี๊ยวไปให้คุณปู่คุณย่าแกน่ะ ในเมื่อหมดแล้วก็ช่างมันเถอะ”
เจิ้งเฉวียนกังเป็คนกตัญญู มีของดีก็อยากมอบให้คุณพ่อคุณแม่ตลอด เมื่อก่อนเฉินชุ่ยอวิ๋นไม่ทัดทานอะไร ทว่าหลังจากได้ยินเื่อาสะใภ้สามวันนี้ เลยรู้สึกรำคาญบ้านอาสามเป็พิเศษ สีหน้าเธอบูดบึ้งฉับพลัน
ถึงกระนั้น เจิ้งเฉวียนกังก็ไม่ได้สังเกตสีหน้าของเธอ เขาวางชามแล้วออกไปทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้