มือของซูเจินที่กำลังจะยื่นออกไปหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน
‘นางเหมือนข้ามากจริงๆ’
หลังจากผ่านไปหลายปี เขายังคงเคียดแค้นเ้าสำนักชิงซานคนก่อน อีกทั้งยังเคียดแค้นบิดาของตนเองด้วย
เหตุใดคนฉลาดอย่างท่านแม่ถึงถูกคนเหล่านี้ปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม?
‘ท่านแม่คือคนดีที่สุดในโลก นางสมควรได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนจากทุกคน’
เป็เพราะคนที่น่ารังเกียจเหล่านี้ถึงทำให้ท่านแม่ต้องตาย แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานแล้ว แต่เขายังคงจดจำความอ่อนโยนของท่านแม่ได้เสมอ
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับท่านแม่มากนัก
ใน่หลายปีที่ผ่านมา ซูเจินไม่สนใจตระกูลเสิ่นเลย เพราะคนตระกูลเสิ่นไม่แยแสต่อการตายของท่านแม่ในตอนนั้น
ไม่เคยมี่เวลาใดที่เขามีความสุข
“เสด็จแม่อย่าเพิ่งไป อยู่กับอาจื่อก่อน”
เสียงพึมพำของหญิงสาวที่ทั้งร่างเปรอะเปื้อนไปด้วยเืฟังดูเบาราวกับเสียงกระซิบ
ทันใดนั้นซูเจินก็อิจฉาอวิ๋นจื่อ
อย่างน้อยนางก็ยังได้ใช้เวลาอยู่กับมารดา ยังได้ทำตัวเหมือนเด็กออดอ้อนฉอเลาะกับมารดา
แต่เขากลับไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว อันที่จริงเขาไม่เคยมีโอกาสเช่นนั้นมาก่อน
ซูเจินมองดูหญิงสาวที่หลับอยู่และรู้สึกโศกเศร้าโดยไม่มีเหตุผล
‘หากท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ เวลาที่ข้าทุกข์ใจท่านจะกอดข้าและปลอบโยนข้าหรือไม่? อาเจินคิดถึงท่านเหลือเกิน’
เขามั่นใจว่าท่านแม่ย่อมทำเช่นนั้นแน่
ซูเจินตรวจสอบร่างกายของอวิ๋นจื่อและพบว่าาแบนร่างนางดูแปลกมาก มันเป็าแจากกระบี่ธรรมดา ไม่มีาแใดที่สาหัส
วิธีลงมือเช่นนี้ดูไม่เหมือนมือสังหาร แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายได้รับคำสั่งให้นำตัวเป้าหมายกลับไปแบบเป็ๆ ดังนั้นเวลาโจมตีจึงมักหลีกเลี่ยงจุดสำคัญอย่างแยบยล เพื่อให้เป้าหมายเสียเืจนหมดแรง แต่ไม่เป็อันตรายถึงชีวิต
แต่ด้วยความดุดันของอวิ๋นจื่อ สุดท้ายนางกลับเสียเืมากไปจนสลบไสลไม่ได้สติ
เหตุใดนางไม่ใช้วิชากระบี่ของสำนักชิงซาน?
เหตุใดนางถึงไม่ให้ความสำคัญกับเื่พื้นฐานที่สุด?
ซูเจินสาปแช่งอยู่ในใจ จากนั้นเขาก็ฉีกชายเสื้อของตนเองออกแล้วนำไปพันาแของอวิ๋นจื่อไว้
ดูเหมือนหญิงสาวจะหลับสนิท
ซูเจินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหาที่พักแรมในบริเวณนั้น
อวิ๋นจื่อยังคงนอนหลับสนิท แต่เสียงพึมพำของนางค่อยๆ เบาลงจนกระทั่งเงียบไปในที่สุด เห็นได้ชัดว่าอาการของนางเริ่มดีขึ้น
ซูเจินขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าในูเาและป่าทึบตอนกลางคืนอันตรายเพียงใด
คงต้องรีบหาสถานที่ที่มีผู้คน
อย่างไรก็ตามเกรงว่าคืนนี้คงไม่มีเวลาแล้ว
กลางดึกอุณหภูมิค่อยๆ ลดลง ซูเจินรู้สึกว่าความหนาวเย็นกำลังเข้าครอบงำ
ซูเจินเดินเก็บกิ่งไม้แห้งรอบๆ รถม้า เขาพยายามอยู่นานกว่าจะจุดไฟได้
ไม่มีน้ำและผลไม้ในบริเวณใกล้เคียง ไม่มีอะไรให้ทานและดื่ม เขารู้สึกหนาว หิว และเหนื่อยล้า
ซูเจินย้ายร่างอวิ๋นจื่อเข้าไปใกล้กองไฟ จากนั้นก็หยิบใบไม้สองใบแล้วเป่าเป็เพลง
เขาเลือกเป่าเพลงเมฆหมอกเหนือลำน้ำเซียวเซียง
เมื่อเป่าเสร็จซูเจินก็รู้สึกใจเย็นลงเล็กน้อย เขาหันไปดูหญิงสาวข้างกองไฟและเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับอยู่ เขามองไปที่ดวงดาวบนท้องฟ้า จากนั้นความคิดของเขาก็ล่องลอยไปชั่วขณะจนลืมไปว่าดูเหมือนจะมีฟืนมากเกินไปในกองไฟ
ในที่สุดหญิงสาวที่กำลังหลับใหลก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความร้อนจากกองไฟ
อวิ๋นจื่อลืมตาขึ้นและมองเห็นซูเจิน นางกล่าวเบาๆ ว่า
“ซูเจินข้าหลับไปนานแค่ไหน?”
ในขณะที่เติมฟืน ซูเจินก็กล่าวว่า “นานพอสมควร”
อวิ๋นจื่อถามว่า “เ้าพบข้าได้อย่างไร?”
ซูเจินกล่าวด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจว่า “ข้าก็ย้อนกลับมาทางเดิมสิ เ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรได้? ข้าไม่รู้วิธีต่อสู้เลยสักนิด”
อวิ๋นจื่อหัวเราะ “เ้านิสัยเหมือนเด็กไม่มีผิด ข้าไม่รู้ว่าเ้าเอาใจสาวงามเ่าั้ด้วยวิธีใด? เ้าไม่เคยอ่อนโยนกับข้าแม้แต่น้อย”
ซูเจินยิ้ม “เ้ารู้หรือไม่ว่าโดยปกติแล้วหญิงสาวที่ชายหนุ่มเต็มใจเอาอกเอาใจย่อมเป็หญิงสาวที่เขา้าร่วมหอ เ้าสารเลวเย่เช่ออ่อนโยนกับเ้าหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อรู้สึกอายเล็กน้อย นางกระซิบว่า “แล้วเ้าไม่ใช่หญิงสาวหรือ? เหตุใดเ้าจึงชอบพูดแต่เื่น่าอาย?”
ซูเจินไม่ตอบ เขาใส่กิ่งไม้แห้งเพิ่มอีกกำมือหนึ่ง ทันใดนั้นกองไฟก็ลุกโชน
เขาไม่อยากนึกถึงรอยแผลในใจจึงไม่ได้ตอบคำถามของอวิ๋นจื่อ
อวิ๋นจื่อกล่าวต่อว่า “หยุดใส่กิ่งไม้แห้งได้แล้ว มิเช่นนั้นกองไฟจะร้อนเกินไป ซูเจินเ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
ซูเจินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำถามของหญิงสาว
หญิงสาวผู้นี้คิดว่าเขาเป็พี่ชายของนางจริงๆ หรือ?
ั้แ่ท่านแม่จากไปซูเจินก็มองว่าไม่มีใครที่ควรค่าแก่การเปิดใจให้ แม้กระทั่งเย่เช่อและฮั่วฉีอวี่ ซูเจินก็ไม่เคยบอกพวกเขาถึงสิ่งที่อยู่ในใจของตนเอง
‘แล้วข้าควรเปิดใจให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้หรือไม่?’
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้