เหนือฟ้ายังมีฟ้า ฉินอวี่ได้พบกับผู้แข็งแกร่งจำนวนมาก เขาจึงได้รู้ว่าตนเองยังอ่อนแอยิ่งนัก ดังนั้น ฉินอวี่จึงไม่้าจะสร้างปัญหาถ้าไม่จำเป็
อย่างไรก็ตาม ถงอวิ๋นเฟยก็ยังคงวนเวียนหาเื่ตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า สิ่งนี้ทำให้ฉินอวี่โกรธมาก เดิมทีเขา้าจะประลองกันกับถงอวิ๋นเฟยในอีกหกวันข้างหน้า แต่มาวันนี้เขาก็เริ่มลังเลที่จะเลือก ทั้งนั้นหากถูกสำนักโบราณเทียนหลงจัดการเสียก่อน ปัญหาก็คือเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่
ในเมื่อเขาไม่อยากให้ตนเองอยู่อย่างสงบเช่นนั้น ถงอวิ๋นเฟยก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตอยู่ดีเลย
ถึงกระนั้น นี่ก็ไม่เป็ธรรมกับสยงท่าเทียน แต่ถึงอย่างไร อย่างมากที่สุดสยงท่าเทียนก็คงแค่ได้รับาเ็ ไม่มีทางถึงแก่ชีวิต เป็เพราะฉินอวี่มองเห็นแล้วว่า ถงอวิ๋นเฟยดูจะเกรงกลัวสยงท่าเทียนมาก ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ถึงกับยืมมืออี้จ้านเทียนเพื่อสังหารสยงท่าเทียนเป็แน่
“เ้าไก่อ่อนที่น่ารำคาญ ข้าอดทนกับเ้ามานานแล้ว ไปตายเสียเถอะ” สยงท่าเทียนอยากจะต่อสู้กับถงอวิ๋นเฟยมานานแล้ว หลังจากเขาได้ยินคำพูดของฉินอวี่ เขาก็สวมนวมกำปั้นยุทธ์และเดินตรงเข้าไปอย่างไม่พูดไม่จา เขาปล่อยหมัดออกไป จากนั้นลำแสงสีดำก็พุ่งตรงเข้าไปยังถงอวิ๋นเฟยทันที
ถงอวิ๋นเฟยใมาก เป็เพราะคำสี่คำนั้นที่ได้มาจากครอบครัวของเขาเองทำให้ถงอวิ๋นเฟยเกรงกลัวสยงท่าเทียนเป็อย่างมาก และในการต่อสู้ในอีกหกวันข้างหน้า เขาจะพ่ายแพ้ไม่ได้ หากเขาชนะ ฉินอวี่ก็จะต้องตาย แต่หากฉินอวี่ตายไป ก็เกรงว่าเ้าหมีบ้าอย่างสยงท่าเทียนที่ยังไร้เดียงสาจะต้องคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น จะฆ่าก็ไม่ได้ ไม่ฆ่าก็ไม่ได้ ดังนั้น ถงอวิ๋นเฟยที่ดูเหมือนจะวางแผนมาระยะหนึ่งแล้วจึงคิดจะยืมมืออี้จ้านเทียนสังหารสยงท่าเทียน
ขอเพียงแค่จ้านอี้เทียนจับตัวฉินอวี่และสยงท่าเทียน เช่นนั้นแล้ว ถงอวิ๋นเฟยก็มีวิธีการที่จะทำให้พวกเขาทั้งสองคนต้องตายอยู่ในคุก
เดิมทีแล้วถงอวิ๋นเฟยคิดว่าเมื่อตนเองพูดจายุแหย่ใส่ไฟเพิ่มเข้าไป เื่ราวจะต้องเป็ไปตามที่เขาชี้นำเป็แน่ สิ่งที่เขานึกไม่ถึงเลยก็คือ ในตอนนี้ฉินอวี่จะปล่อยให้สยงท่าเทียนเป็ผู้ลงมือโจมตี เมื่อเป็เช่นนี้ แผนการทุกอย่างที่เขาวางไว้ก็เป็อันถูกทำลายจนหมด
สยงท่าเทียนโจมตีเข้าใส่อย่างรุนแรงโดยไม่ให้ถงอวิ๋นเฟยได้ทันตั้งตัวเลยสักนิด แม้ว่าจะไม่กลัวสยงท่าเทียน แต่พลังอันน่ากลัวของสยงท่าเทียนนั้น ก็เป็สิ่งที่ถงอวิ๋นเฟยไม่กล้าจะหยุดเขา
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม!”
เสียงการะเิที่รุนแรงดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว
สายตาของทุกคนต่างมองไปที่ถงอวิ๋นเฟยและสยงท่าเทียนที่กำลังต่อสู้กัน ไม่มีใครนึกมาก่อนเลยว่าเื่จะกลายเป็เช่นนี้
หวังผิงจ้องมองสยงท่าเทียน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสยงท่าเทียนซึ่งอยู่ขั้นปราณเสถียรระดับกลางจะกล้าสู้กับถงอวิ๋นเฟย แม้ว่าเขาจะมีความเป็ไปได้น้อยกว่าสามส่วนที่จะมีชัยชนะเหนือถงอวิ๋นเฟยก็ตาม หวังผิงมองดูสยงท่าเทียนอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็มองไปทางฉินอวี่ ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยการไตร่ตรอง
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ชุยซั่วพูดไปเมื่อวานนี้ ดวงตาของหวังผิงก็ร้อนผ่าว เขายิ่งมีความมั่นใจว่าวันนี้ฉินอวี่จะต้องได้รับการรังสรรค์อะไรสักอย่างแน่นอน จึงทำให้สยงท่าเทียนที่สุดจะป่าเถื่อนยอมจำนนได้เช่นนี้
“ยิ่งสู้ยิ่งกล้าหาญ ยิ่งได้รับาเ็สาหัส ยิ่งมีพละกำลังแข็งแกร่ง...” หวังผิงพึมพำกับตนเอง
คนทั้งเก้าที่ล้อมฉินอวี่และสยงท่าเทียนเอาไว้ต่างถอยออกมาอย่างเงียบๆ และในตอนนี้อี้จ้านเทียนก็ได้เดินเข้ามาหาฉินอวี่ เขาชำเลืองมองฉินอวี่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกไป “เื่ในวันนี้ ความผิดไม่ได้อยู่ที่เ้า”
ฉินอวี่เหลือบมองอี้จ้านเทียน แต่ไม่ได้ตอบคำถามอะไร
“ไม่ทราบว่าสหายของเ้ามีที่มาที่ไปอย่างไร” อี้จ้านเทียนถามอีกครั้ง
“คิดว่าเ้าคงมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ในเมื่อเป็เช่นนี้ ยังต้องถามอีกหรือ? มีสักกี่ตระกูลที่เผ่ายุทธ์ทองคำไม่กล้าจะรุกราน ข้าคิดว่าทั่วทั้งแดนนภาชิงเหลียนคงมีจำนวนไม่มากหรอกนะ” ฉินอวี่ตอบอย่างเฉยชา
สำหรับอี้จ้านเทียนแล้ว หากผูกมิตรได้ก็จะไม่สร้างศัตรู ถึงอย่างไร เื้ัของเขาก็คือสำนักโบราณเทียนหลงที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉินอวี่รู้สึกอิจฉาอย่างยิ่ง
คำตอบของฉินอวี่นั่นดูคลุมเครือ แต่อี้จ้านเทียนก็ได้คำตอบที่เขา้าแล้ว จากนั้นก็จ้องไปทางถงอวิ๋นเฟย และพูดขึ้นเบาๆ “ขอบคุณสหายที่บอก” พูดจบ อี้จ้านเทียนก็หันหลังเดินออกไป
ไม่นานหลังจากที่อี้จ้านเทียนเดินจากไป จื่อซวินเอ๋อก็เดินเข้ามาหาฉินอวี่ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า “ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเื่จะเป็เช่นนี้”
ฉินอวี่กลับไม่พูดอะไร
“ความตั้งใจเดิมของข้าคือการให้เ้าได้ทำความรู้จักกับผู้นำที่มีความสามารถในแดนนภาชิงเหลียนด้านตะวันออก แต่กลับนึกไม่ถึง...” จื่อซวินเอ๋อพูดต่อไป ราวกับกำลังพึมพำอยู่กับตนเอง
“ข้าอาจจะถูกเ้าระรานก็ได้ แต่เ้ารู้ดีที่สุด คนอย่างข้าฉินอวี่ ไม่ใช่ผู้ที่ใครๆ ก็จะรับมือได้ ดาบอาจฆ่าคนได้ แต่บางครั้งมันก็อาจหวนมาทำร้ายตนเอง!” ฉินอวี่มองจื่อซวินเอ๋ออย่างเ็า และพูดไปอย่างเยือกเย็น
เมื่อตอนได้รับหนังสือเชิญฉบับนี้มา ฉินอวี่ก็รู้ดีว่าจื่อซวินเอ๋อดูเหมือนจะไม่สบายใจอย่างยิ่ง
จื่อซวินเอ๋อกัดริมฝีปากของนางเบาๆ แม้ว่านางจะกำลังมีแผนการบางอย่างเกี่ยวกับฉินอวี่ แต่เื่ราวได้ดำเนินไปอย่างเหนือความคาดหมายและการควบคุมของนาง เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่เ็าของฉินอวี่ ในใจของจื่อซวินเอ๋อก็รู้สึกเศร้าใจ เมื่อครึ่งปีก่อน ฉินอวี่ยังเป็เพียงมนุษย์ธรรมดา แต่ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหกเดือน เขากลับพัฒนาขึ้นจนจื่อซวินเอ๋อก็ต้องใและเริ่มหวาดกลัว
ระดับการฝึกฝนที่ก้าวเข้าสู่ขั้นปราณเสถียรระดับต้น และยังเป็มิตรกับคนตระกูลขวงสยงในตำนาน ในตอนนี้ กำลังเผชิญหน้ากับกองกำลังต่างๆ ของเหล่าผู้มีพร์หนุ่มสาวอย่างไม่เกรงกลัว และยังสามารถควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้ ความกล้าหาญเช่นนี้ สภาพจิตใจเช่นนี้ ความสามารถในการวางแผนยุทธ์เช่นนี้ เป็สิ่งที่คนไม่ธรรมดาเท่านั้นถึงจะทำได้
“ซวินเอ๋อไม่ได้้าจะใช้ประโยชน์หรือทำอะไรเ้าเลย อีกอย่าง ความสัมพันธ์ของพวกเราก็มีประโยชน์ต่อกันมิใช่หรือ?” จื่อซวินเอ๋อเปลี่ยนความคิดในใจตัวเองทิ้งไป และพูดด้วยรอยยิ้มแสนหวาน
ฉินอวี่ยังคงนิ่งเงียบ
“ซวินเอ๋อยัง้าใบปรุงยาจากเ้าอีกมาก แล้วจะยอมให้เ้าเดือดร้อนได้อย่างไรกัน? เพียงแต่ เพื่อใบปรุงยาที่มากขึ้น ข้าขอแนะนำเ้าว่าอย่าได้เข้าใกล้อี้จ้านเทียน” จื่อซวินเอ๋อกระซิบด้วยเสียงอันแ่เบาเหมือนเสียงยุง
ฉินอวี่จ้องไปทางการต่อสู้ของสยงท่าเทียน พลางพูดอย่างเฉยเมย “ถ้าไม่ทำให้ข้าขุ่นเคืองใจก่อน ข้าก็ไม่เคยรังควานผู้ใด!”
“ปัง บูม บูม!”
ในขณะนี้ การต่อสู้ระหว่างสยงท่าเทียนและถงอวิ๋นเฟยก็เริ่มดุเดือดขึ้น
สยงท่าเทียนได้รับาเ็ไปทั่วร่าง และถงอวิ๋นเฟยก็ไม่ดีไปกว่ากันเลย เป็เพราะเขาไม่สามารถตอบโต้กลับไปได้เลย โดยมากแล้วล้วนเป็การต้านทาน สยงท่าเทียนโจมตีไปอย่างบ้าคลั่งโดยไม่เกรงกลัว จนถงอวิ๋นเฟยถึงกับปวดศีรษะอย่างมาก
ช่างเป็คนบ้าที่ไม่คิดชีวิตเสียเลย
หากเป็เช่นนี้ต่อไป หากพลังของเขาไม่ปะทุออกมาทั้งหมด ตนเองก็จะยิ่งทุกข์ทรมาน ครั้งนี้สยงท่าเทียนได้สวมใส่กำปั้นยุทธ์เอาไว้ ความแข็งแกร่งของเขาจึงเพิ่มขึ้นเป็สองเท่าอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่ถงอวิ๋นเฟยกำลังจะเรียกพละกำลังทั้งหมดออกมานั้น ฉินอวี่ก็ะโขึ้นอย่างกะทันหัน “สยงท่าเทียน เลิกสู้ได้แล้ว พวกเราไปกันเถอะ!”
แม้ว่าร่างกายของเขาจะได้รับาเ็และเต็มไปด้วยเื แต่ในตอนนี้สยงท่าเทียนก็วางมือลง และมองไปที่ฉินอวี่พลางพูดว่า “พี่ใหญ่ จะต้องไปแล้วหรือ? ข้ายังสู้ไม่สาแก่ใจเลย และยังไม่ได้ฉีกปากสุนัขของเขาเลย ถ้าข้าขอสู้กับเขาอีกสักหน่อยจะได้หรือไม่?”
“หากเ้าไม่ไป ข้ากับเสวี่ยเอ๋อก็ขอไปก่อนแล้วกัน” ฉินอวี่กล่าวอย่างเ็า และเดินตรงไปที่ฉินเสวี่ย โดยไม่สนใจอาการใของนาง จากนั้นจึงยื่นมือไปจับมือนางเบาๆ และพูดขึ้นว่า “กลับบ้านกัน เ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่? บางครั้งการยอมแพ้และการอดกลั้นอย่างเปิดเผยก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จะมีก็เพียงช่วยเพิ่มพูนความโอหังของเขาเท่านั้น”
“พี่ชาย... พวกเรา... พวกเราไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงแล้วหรือ? ไม่ทำความรู้จักกับผู้มีพร์เ่าั้สักหน่อยหรือ?” ฉินเสวี่ยถามขึ้นมาทันที แม้ว่าเื่ราวจะเกิดขึ้นเช่นนี้ แต่นางก็ยัง้าผูกมิตรกับศิษย์สำนักเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นความขุ่นเคืองใจกันระหว่างฉินอวี่และถงอวิ๋นเฟย
“ผู้นำเหล่าคนหนุ่มสาว? เด็กโง่เอ๋ย ไม่มีพละกำลัง ก็ไม่มีผู้มีอำนาจอยู่เื้ั ใครเขาจะอยากผูกมิตรกับพวกเราล่ะ?” ฉินอวี่พาตัวฉินเสวี่ยขึ้นไปเดินบนถนนสายหลัก
“พี่สาว... รอข้าก่อน... ข้าไม่สู้แล้ว” เมื่อสยงท่าเทียนเห็นฉินอวี่พาตัวฉินเสวี่ยออกไป เขาจะเอาใจที่ไหนไปต่อสู้ต่อ หลังจากชกถงอวิ๋นเฟยไปหนึ่งหมัด เขาก็รีบวิ่งตรงไปทางฉินอวี่
ทุกคนต่างจ้องเขม็ง การต่อสู้ครั้งนี้เป็เหมือนสนามเด็กเล่น คิดจะสู้ก็สู้ คิดจะหยุดก็หยุด...
หลังจากถงอวิ๋นเฟยที่อยู่ในสภาพจนตรอกได้ลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง เขาก็มองไปทางสยงท่าเทียนที่กำลังวิ่งหนีไป สีหน้าของเขาดูร้ายกาจอย่างยิ่ง จะสู้ก็เมื่อฉินอวี่จะสู้ เลิกสู้เมื่อฉินอวี่จะไม่สู้ สิ่งนี้ทำให้ถงอวิ๋นเฟยอึดอัดเหมือนกำลังถูกฉินอวี่กลั่นแกล้ง เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่มองมาจากทุกทิศทาง ถงอวิ๋นเฟยก็โกรธเป็อย่างยิ่ง จากนั้นจะะโเสียงดังอย่างโกรธเกรี้ยว “ฉินอวี่ อีกหกวันข้างหน้า ข้าจะฆ่าเ้า!”
ฉินเสวี่ยตัวสั่นเล็กน้อย นางมองไปทางฉินอวี่อย่างเป็กังวล แต่กลับพบเพียงรอยยิ้มที่มุมปากของฉินอวี่เท่านั้น ฉินเสวี่ยดูเหมือนจะได้ยินคำพูดของฉินอวี่
“อีกหกวันข้างหน้า ข้าจะรอประลองกับเ้าทางตะวันตกของเมืองหลักเทียนอู่” ฉินอวี่กล่าวโดยไม่หันไปมอง
สายตาของทุกคนต่างหันไปมองการจากไปของทั้งสามคน โดยไม่มีผู้ใดขัดขวาง รวมทั้งหวังผิงเช่นกัน
การต่อสู้ระหว่างถงอวิ๋นเฟยและสยงท่าเทียนทำให้หวังผิงต้องตกตะลึงยิ่งนัก หากเขาพูดอะไรมากกว่านี้ ฉินอวี่คงให้สยงท่าเทียนเข้าโจมตีเขาด้วยเป็แน่
“ยังสู้กันไม่สาแก่ใจหรือ? นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน?” หวังผิงจ้องไปทางสยงท่าเทียนที่โชกไปด้วยเื พลางพูดด้วยความตกตะลึง ทันใดนั้น คำพูดของชุยซั่วก็ดังขึ้นในใจของเขา ทำให้ดวงตาของหวังผิงร้อนผ่าวด้วยแรงปรารถนา
ในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางฝูงชนที่มองดูอยู่ในระยะไกล ฉินจ้านและผู้าุโโม่ชิงก็อยู่ท่ามกลางพวกเขาเ่าั้ด้วย
“นายน้อย โตขึ้นมากแล้วจริงๆ เขาสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ในมือได้แล้ว และนั่นคือขวงสยงตัวน้อยสินะ? หากรักษามิตรภาพกับพวกขวงสยงไว้ได้จนเขาเติบโต นายน้อยก็จะไม่ใช่เขาคนที่เคยอยู่ในสายตาท่านอีกแล้ว” ผู้าุโโม่มองตรงไปยังสถานที่ซึ่งสยงท่าเทียนต่อสู้กับถงอวิ๋นเฟย ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความรู้และพูดอย่างลึกซึ้ง
ใบหน้าของฉินจ้านสงบนิ่ง ดวงตาของเขาเรียบเฉย ไม่มีความแปรปรวนทางอารมณ์ใดๆ แต่หัวใจของเขากลับว้าวุ่น พวกเขาสองคนอยู่ที่นี่มาั้แ่เริ่มต้น เกือบจะเฝ้าดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่าฉินอวี่จะมีการแก้สถานการณ์ในปัจจุบันนี้อย่างไร ด้วยวิธีการทั้งหมดที่เขาได้เห็นจากการกระทำของฉินอวี่ ทำให้เขาชื่นชมและพอใจเป็อย่างมาก
“ผู้าุโโม่ ข้าเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูด แต่บรรดาขุนนางก็ไม่ได้มาจากเมล็ดพันธุ์แห่ง์ พลังใดก็ตามล้วนถูกสร้างขึ้นโดยผู้แข็งแกร่ง และผู้แข็งแกร่งก็ไม่ได้แข็งแกร่งแต่กำเนิด แต่ต้องค่อยๆ ก้าวปีนทีละก้าวสู่จุดสูงสุด ความยากลำบากเสียั้แ่ต้นจะทำให้กลายเป็คนเหนือคน ดังนั้น แม้ว่าฉินอวี่จะไม่กลับไปที่นั่น ข้าก็เชื่อมั่นว่าเขาไปได้ไกลกว่านั้น” ฉินจ้านกล่าวอย่างเคร่งขรึม
สายตาของผู้าุโโม่หรี่ลงเล็กน้อย จ้องมองไปทางฉินอวี่ที่สง่างาม ซึ่งกำลังเดินมาอย่างช้าๆ และพึมพำกับตนเอง “ก็อาจจะใช่!”