ก็ถูก!
เมื่อครั้งนั้นที่เฟิ่งเฉี่ยนแต่งเข้ามาในฐานะฮองเฮา เดิมทีก็เป็การทำตามราชโองการที่อดีตฮ่องเต้ทิ้งเอาไว้ มิใช่ความเต็มใจของเซวียนหยวนเช่อ เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้นางไปจากวังหลวงอยู่แล้ว ตอนนี้มีโอกาสงามๆ ส่งมาตรงหน้าอย่างมิง่ายดาย นางยินดีที่จะเป็ฝ่ายลาออกจากตำแหน่งฮองเฮาด้วยตนเอง เขาจะไม่ซ้ำเติมด้วยความยินดีหรือ
ถ้าเขาช่วยนางจึงจะแปลก!
นางช่างเบาปัญญา ขอร้องใครไม่ขอร้อง แต่ดันมาขอร้องเขา เป็การหาเื่ดูแคลนตัวเองโดยแท้
นางขบริมฝีปากเมื่อตัดสินใจหันหลังกลับเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
ในเมื่อไม่อาจออกไปทางประตูหลัก ก็คงได้แต่ปีนกำแพงวังแล้ว
เฟิ่งเฉี่ยนเดินอ้อมเพื่อหลบหลีกองครักษ์ มาถึงกำแพงวังด้านหนึ่ง นางเพิ่งจะม้วนแขนเสื้อเพื่อยืดเส้นยืดสาย ถอยหลังไปได้หกเจ็ดก้าวเตรียมจะวิ่งเพื่อะโข้ามกำแพง
นางเพิ่งจะวิ่งได้สามก้าว ข้างหลังพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น “เหนียงเหนียง ท่านมาทำอะไรอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
เท้าของเฟิ่งเฉี่ยนเบรกเอี๊ยด แขนสองข้างที่กำลังเหวี่ยงเพื่อออกแรงวิ่งยืดออกไปด้านข้างทันที ทางหนึ่งทำท่าออกกำลังกาย อีกทางหนึ่งเงยหน้าขึ้นมองดินฟ้าอากาศ “วันนี้อากาศดีไม่เลว เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะยืดเส้นยืดสาย!”
ลั่วหยิ่งลอบหัวเราะ เขาติดตามนางมาตลอดทาง จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางคิดจะปีนกำแพงวังออกไป
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ลั่วหยิ่งเองก็เงยหน้าขึ้นมองดินฟ้าอากาศเช่นกัน เขาพยักหน้า “อืม ไม่เลวจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
เห็นเพียงบนท้องฟ้ามีเมฆดำปกคลุมอยู่ มืดครึ้มไปทั่ว
เฟิ่งเฉี่ยนหางตากระตุก นางกอดอกถลึงตาใส่เขา “เ้าสะกดรอยตามข้าหรือ”
ลั่วหยิ่งหัวเราะแห้งๆ “กระหม่อมไหนเลยจะกล้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิใช่เห็นว่าเหนียงเหนียงถูกขวางไว้ด้านนอกห้องทรงพระอักษร รู้สึกแปลกใจดังนั้นจึงตามมาดูเป็การเฉพาะพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนตวัดสายตามองเขาด้วยแววตาเย็นเยียบ “เ้าเป็คนโปรดข้างกายฮ่องเต้ เ้าจะไม่รู้เชียวหรือว่าเกิดเื่อันใดขึ้น”
“ได้ยินมาบ้างพ่ะย่ะค่ะ...” ลั่วหยิ่งหัวเราะแหะๆ “เช่นนั้นฮองเฮาคิดจะทำอย่างไร มั่นใจหรือไม่ว่าจะหาแมวเทพสามหางได้ภายในเวลาห้าวันพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนแบมือถอนใจ “ตอนนี้กระทั่งประตูวังข้ายังออกไปไม่ได้ ยังจะหาแมวเทพอันใดกัน”
ั์ตาของนางกลอกไปมาแล้วหยุดอยู่บนร่างของลั่วหยิ่ง
ลั่วหยิ่งถูกนางจ้องมองเสียจนขนลุกขนพอง “เหนียงเหนียง ท่านอย่าได้จ้องกระหม่อมเช่นนี้ กระหม่อมก็รู้จักเขินอายนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนคว้าแขนของเขาเอาไว้ “เ้ามักจะออกไปทำธุระให้ฮ่องเต้นอกวังอยู่เสมอ บนตัวเ้าจะต้องมีป้ายคำสั่งแน่นอน”
ไม่พูดพร่ำทำเพลง นางจัดการค้นตัวลั่วหยิ่งทันที ลั่วหยิ่งใจนะโหนี
“เหนียงเหนียง ท่าน...ท่านละเว้นกระหม่อมเถิด หากฝ่าาเห็นเข้า เขาจะต้องไม่ละเว้นชีวิตน้อยๆ ของกระหม่อมแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนตวัดตามองเขาอย่างดูแคลนแล้วยื่นมือออกมากางเบื้องหน้าเขา “เลือกเอาว่าเ้าจะมอบออกมาเอง หรือจะให้เปิ่นกงช่วยหา เ้าเลือกเองก็แล้วกัน!”
ลั่วหยิ่งเหงื่อตก “เหนียงเหนียง เป็เื่น่าเสียใจจริงๆ ที่ท่านไม่ไปเป็โจรูเา!”
เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้วกระดิกนิ้วมือ “ไม่ต้องพูดมาก! รีบมอบออกมา!”
ลั่วหยิ่งดิ้นรนอยู่ครูหนึ่งจึงตัดสินใจยินยอม เขาถอนใจเฮือก “เหนียงเหนียง ท่านอย่าได้บอกว่าเป็กระหม่อมเด็ดขาด!”
พูดแล้วก็ล้วงเข้าไปในอกเสื้อเพื่อหยิบป้ายคำสั่งที่ทำด้วยสำริดแผ่นหนึ่งออกมาอย่างมิเต็มใจ กำลังจะยื่นออกไปทว่าเฟิ่งเฉี่ยนยื่นมือมาคว้าเอาไปแล้วยัดเข้าไปในอกเสื้อของตนอย่างรวดเร็ว
“ขอบใจ!” ยิ้มให้เขาแล้วเฟิ่งเฉี่ยนก็พุ่งไปทางประตูวัง
ลั่วหยิ่งส่ายหน้าอย่างจนปัญญา หันกลับมาเดินย้อนกลับไปอีกทางหนึ่ง
เขาไม่ได้ไปที่ใด แต่กลับไปยังห้องทรงพระอักษร
“ฝ่าา ได้มอบป้ายคำสั่งถึงมือฮองเฮาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อที่กำลังอ่านฎีกาอยู่ชะงักพู่กันในมือครู่หนึ่ง เขาพูดทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น “เมื่อสักครู่นางกำลังคิดจะปีนกำลังวังใช่หรือไม่”
ลั่วหยิ่งตกตะลึง “ฝ่าา เหตุใดพระองค์ทรงทราบ”
มุมปากของเซวียนหยวนเช่อยกยิ้มเล็กน้อยคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ด้วยนิสัยของนาง หากไม่ได้ป้ายคำสั่งออกจากวัง จะต้องไม่ยอมเลิกราง่ายๆ ปีนกำแพงวังเป็วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด เหมาะกับนิสัยตรงไปตรงมาของนาง!”
ลั่วหยิ่งพูดอย่างเลื่อมใส “ฝ่าาทรงปรีชาสามารถพ่ะย่ะค่ะ! เพียงแต่กระหม่อมไม่กระจ่างแจ้งว่าเหตุใดพระองค์จึงไม่มอบป้ายคำสั่งให้กับฮองเฮาตรงๆ แต่ต้องใช้วิธีอ้อมค้อม หากฮองเฮาทรงเข้าพระทัยฝ่าาผิด...”
เซวียนหยวนเช่อพักพู่กันในมือ ดวงตาเ็าของเขานิ่งลึก “เสด็จแม่มิใช่คนเลอะเลือน นางจงใจกลั่นแกล้งฮองเฮา ย่อมไม่มีทางเปิดโอกาสให้ฮองเฮาได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์! ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ หากเจิ้นช่วยฮองเฮา จะยิ่งส่งผลเสียต่อสถานการณ์ของนาง เจิ้นได้แต่อยู่ในที่มืดจึงจะสะดวกยื่นมือเข้าไปช่วยนาง!”
ลั่วหยิ่งพยักหน้าหงึกหงัก “ดังนั้น ฝ่าาจึงเสแสร้งแกล้งทำเป็ว่าไม่ใส่พระทัยในเื่นี้ เพื่อให้ทางด้านองค์หญิงหลานซินและไทเฮาไม่ระแวดระวัง ไม่บีบบังคับให้ฮองเฮาต้องจนตรอก เพื่อให้ฮองเฮามีโอกาสพักหายใจบ้าง”
เซวียนหยวนเช่อเคาะโต๊ะ “เ้าไปสืบมาว่าในรัศมีสามร้อยลี้ของเมืองมู่หยาง ใครมีแมวเทพสามหาง และจะต้องหาทางเอามันมาให้ได้!”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าา!” ลั่วหยิ่งลังเลครู่หนึ่ง “แต่...หากหาไม่ได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อขมวดคิ้วหันมองไปนอกหน้าต่าง ก้อนเมฆบนท้องฟ้าประเดี๋ยวรวมกันประเดี๋ยวแยกออกจากันยากจะคาดเดาเหมือนจิตใจของเขาในตอนนี้
เขาเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “สตรีของเจิ้น มีเพียงเจิ้นเท่านั้นที่จะตัดสินว่านางจะอยู่หรือไป!”
ตำหนักยีหลัน
องค์หญิงหลานซินและฉีเหม่ยเหรินได้รับข่าวที่ฮองเฮาถูกกีดกันไว้นอกประตูห้องทรงพระอักษรอย่างรวดเร็ว ทั้งสองมีสีหน้ามีความสุขบนทุกข์ของผู้อื่น
“พี่หญิง ดูท่าครั้งนี้กระทั่งฝ่าาก็ยังยืนอยู่ข้างพวกเรา ฮองเฮาโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างแท้จริง นางต้องตายแน่!” ฉีเหม่ยเหรินปิดปากหัวเราะ
องค์หญิงหลานซินใช้ปลายนิ้วลูบขอบถ้วยน้ำชาก่อนยิ้มบางๆ “ฝ่าาคิดจะปลดฮองเฮานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีโอกาส ตอนนี้พวกเราช่วยสร้างโอกาสให้ฝ่าา ฝ่าาย่อมต้องผลักเรือตามน้ำ”
ฉีเหม่ยเหรินยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นพร้อมกล่าวชื่นชม “พี่สาว แผนการครั้งนี้ของท่านช่างล้ำเลิศนัก! น้องสาวนับถือๆ!”
องค์หญิงหลานซินหัวเราะเสียงเบา ในแววตาปรากฏให้เห็นความเหี้ยมโหดพาดผ่าน “ครั้งนี้ ข้าจะทำให้ฮองเฮาไม่มีโอกาสลุกขึ้นมาได้อีก!”
หลังจากเฟิ่งเฉี่ยนออกจากวัง นางมุ่งตรงไปยังจวนสกุลมู่
ในจำนวนคนที่นางรู้จัก คนที่พึ่งพาได้มากที่สุดก็มีเพียงมู่ชิงเซียวแล้ว
นางเชื่อว่ามู่ชิงเซียวจะต้องช่วยนางแน่นอน!
“รบกวนเ้าเข้าไปรายงานว่าข้า้าพบคุณชายมู่”
องครักษ์ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูจดจำนางได้ “แม่นางเฟิง ท่านมาไม่ได้จังหวะ คุณชายสามออกไปแล้วขอรับ เขาไม่อยู่ในจวน”
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้ว “เขาไปที่ใด”
องครักษ์ “วันนี้ชุมนุมภาพเขียนเทียนเฟิงมีการจัดนิทรรศการชมภาพวาด คุณชายสามได้รับเชิญไปที่นั่น ออกเดินทางไปได้ราวๆ หนึ่งชั่วยามแล้วขอรับ”
เฟิ่งเฉี่ยนถามอีกว่า “ชุมนุมภาพเขียนเทียนเฟิงอยู่ที่ใด”
องครักษ์ “อยู่ทางทิศเหนือของเมือง ท่านไปลองถามดูก็รู้แล้วขอรับ”
ออกจากจวนสกุลมู่ เฟิ่งเฉี่ยนมุ่งหน้าไปชุมนุมภาพเขียนเทียนเฟิง
ตำแหน่งที่ตั้งของชุมนุมภาพเขียนเทียนเฟิงอยู่บนถนนเฉี่ยนหลง ที่อยู่ติดกันยังมีชุมนุมหมากล้อม ชุมนุมกวี ชุมนุมพิณ เป็ต้น ล้วนเป็สถานที่รวมตัวกันของวิญญูชน เมื่อเปรียบเทียบกับถนนสายหลักเส้นอื่นแล้ว ที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของตำราและน้ำหมึก
เงยหน้าขึ้นมองป้ายชุมนุมภาพวาด เฟิ่งเฉี่ยนยกเท้าเตรียมจะก้าวเข้าไป องครักษ์สองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูขวางนางเอาไว้
“แม่นาง รบกวนแสดงเทียบเชิญของท่านด้วย”
เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน “เทียบเชิญหรือ”
“ไม่มีเทียบเชิญ เข้าไปไม่ได้”
เฟิ่งเฉี่ยนครุ่นคิด “เช่นนั้นข้าไม่เข้าไปแล้ว! รบกวนเ้าช่วยหาตามหาคนสักหน่อย ข้ามาตามหาคุณชายมู่ มู่ชิงเซียว!”
องครักษ์ยกมือชี้ไปส่งๆ พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ไปรอที่นั่นเถิด! พวกเขาล้วนมาหาคุณชายมู่ทั้งสิ้น!”
เฟิ่งเฉี่ยนหันไปมอง นางอดตกตะลึงไม่ได้ เห็นเพียงตรอกเล็กๆ ระหว่างชุมนุมภาพเขียนและชุมนุมกวีมีคนเข้าแถวรออยู่ั้แ่ต้นจนถึงท้ายตรอก!