มินตราฝืนกลืนน้ำลายลงคอ พยายามข่มก้อนสะอื้นที่พุ่งขึ้นมาจุกแน่นในอก ก่อนจะก้าวเดินตามบอดี้การ์ดเข้าไปในตัวบ้าน
พื้นหินอ่อนเย็นเฉียบสะท้อนเงาของเธอรางๆ แสงไฟระยิบระยับบนเพดานที่เคยงดงาม บัดนี้กลับเหมือนแสงจ้าจากห้องสอบสวนที่พร้อมจะแฉทุกาแของเธอให้โลกเห็น
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากชั้นบน
ธีรัช...
ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำก้าวลงบันไดอย่างสง่างาม ราวกับเ้าชายในเทพนิยาย
แต่แววตาของเขา... กลับเย็นเยียบแข็งกร้าวจนทำลายภาพฝันทุกอย่างจนไม่เหลือซาก
มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ท่าทางสงบนิ่งแต่แฝงด้วยอำนาจที่กดทับให้ทุกสิ่งรอบตัวสั่นสะท้าน
"เธอมาถึงเร็วกว่าที่คิด" เขาพูดเสียงเรียบ มุมปากกระตุกขึ้นเป็รอยยิ้มเหยียดเยาะ
มินตราเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่ตอบโต้ ไม่แม้แต่จะสบตาเขา
ทำได้เพียงยืนนิ่ง ปล่อยให้สายตาคมกริบคู่นั้นกวาดประเมินเธอราวกับมองเศษขยะ
"คิดว่าการยอมมาที่นี่แล้ว... ทุกอย่างจะจบเหรอ?" น้ำเสียงของเขาเ็าเจือรังเกียจ "พี่ยังไม่ลืมหรอกนะ ว่าพี่ชายเธอมันทำอะไรไว้"
มินตราหลุบตาต่ำลง หัวใจบอบช้ำแทบขาดเป็เสี่ยงๆ
ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรออกไป... มันก็ไม่มีวันเปลี่ยนความเกลียดชังในใจเขาได้อีกแล้ว
"คุณธีรัชคะ คุณจะให้เธออยู่ที่ห้องไหน?"
หญิงวัยกลางคนที่น่าจะเป็แม่บ้านเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าขุ่นเคืองชัดเจน ราวกับแค่เอ่ยถึงชื่อเธอก็สกปรกเกินไปแล้ว
ธีรัชเหลือบตามองมินตราแวบหนึ่งด้วยสายตาที่เ็า
"ห้องคนใช้" เขาตอบเสียงเรียบ
มินตราสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
"อะ... อะไรนะคะ?"
"เธอได้ยินไม่ผิดหรอก" ธีรัชกระตุกยิ้มเ็าที่ไร้ความเมตตาแม้แต่น้อย "เธอไม่มีค่าพอจะอยู่ห้องแขก หรือห้องไหนทั้งนั้น"
เขาเดินเข้ามาใกล้ กระซิบเสียงเย็นเยียบลงข้างหูเธอ
"เพราะสำหรับพี่... เธอไม่มีค่าอะไรเลย นอกจากเป็ทาสที่ต้องใช้แรงงานเพื่อไถ่บาปแทนพี่ชายสารเลวนั่นของเธอ"
เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นในหมู่คนรับใช้
"เหมาะแล้วล่ะค่ะ คนอย่างนั้นไม่ควรได้เหยียบเข้ามาในบ้านนี้ั้แ่แรก"
"จริงค่ะ คุณธีรัชยังใจดีเกินไปด้วยซ้ำ"
เสียงนินทาดังเข้าหูเหมือนเข็มนับพันเล่มที่จิ้มแทงหัวใจของเธออย่างต่อเนื่อง
แต่มินตราได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ปล่อยให้น้ำตาที่กักเก็บไว้อย่างสุดความสามารถไหลลงมาช้าๆ โดยไม่อาจห้ามได้
ใช่...เขาไม่ได้พาเธอมาที่นี่เพราะอยากได้หรือนึกพิศวาสเธอแต่อย่างใด
เขาพาเธอมา... เพื่อเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอให้จมดินต่างหาก นี่คือจุดประสงค์ของการบากเธอมาที่นี่
หลังจากจัดเก็บข้าวของเสร็จ มินตราทรุดตัวลงนั่งบนเตียงไม้เก่าในห้องพักคนใช้ ห้องเล็กแคบที่มีกลิ่นอับชื้นอบอวลไปทั่ว
ผนังสีขาวเก่าๆ แตกลอกเผยให้เห็นรอยดำใต้พื้นปูน
โคมไฟเก่าๆ ดวงหนึ่งส่องแสงสลัวให้เห็นเงาของเธอทอดตัวเบาบางอยู่บนกำแพง
มินตราสูดหายใจเข้าลึก พยายามกลั้นก้อนสะอื้นที่ไหลขึ้นมาจุกอยู่กลางอก
เธอไม่ควรร้องไห้... ไม่ควรแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แม้กระทั่งตัวเอง
มือเรียวสั่นเทาเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ ล้วงมือเข้าไปในนั้น และหยิบบางสิ่งที่ถูกเก็บรักษาไว้ด้วยความทะนุถนอมตลอดมา
สร้อยข้อมือเส้นเล็กๆ...
มันถูกถักด้วยเส้นเชือกอย่างเรียบง่าย ไม่มีมูลค่าอะไรแต่สำหรับเธอ... มันคือสมบัติที่มีค่าที่สุด
ตรงกลางเชือกห้อยด้วยจี้ไม้รูปดาว แกะสลักอย่างหยาบๆ ด้วยมือคนธรรมดา แต่กลับงดงามในสายตาเธอเสมอมา
มินตราใช้นิ้วแตะััมันเบาๆ
ราวกับกำลังปลุกความทรงจำที่ถูกฝังลึกให้ฟื้นคืน
ในตอนนั้น... เธออายุเพียงสิบสามปี
เป็เพียงเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งที่โลกทั้งใบยังเต็มไปด้วยความหวังและแสงสว่าง
และไม่มีวันคาดคิดเลย... ว่าอนาคตจะพาเธอมาพัวพันกับคนอย่าง ธีรัช
ความทรงจำพร่าเลือนลอยย้อนกลับไปยังฤดูร้อนปีนั้น...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้