ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ใช่ว่าเหลียนเซวียนไม่อยากไปเร็วๆ แต่เขาเร็วกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ

        เหลียนเซวียนสีหน้าเคร่งเครียด ยกเท้าแต่ละก้าวเดินไปอย่างยากเย็น ก้าวแล้ว... ก้าวเล่า

        หนึ่งนาทีผ่านไป ก็ขยับไปได้แค่ไม่กี่ก้าว

        เซวียเสี่ยวหรั่นมุมปากกระตุก ปรกติแล้วไม่เคยรู้สึกว่าเขาจะช้ามากขนาดนี้ แต่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานกลับรู้สึกว่าเขาเร็วกว่าหอยทากแค่นิดเดียว เซวียเสี่ยวหรั่นอยากแบกเขาขึ้นหลังใจจะขาด

        แต่น่าเสียดาย กำลังของเธอมีจำกัด น้ำหนักของเขาก็ไม่เบา หากแบกเขาวิ่ง ก็คงไปไม่ได้ไกลเท่าไร

        เซวียเสี่ยวหรั่นวางกระบุงลงพื้น หันกลับไปช่วยพยุงเขา

        เหลียนเซวียนกลับปฏิเสธความช่วยเหลือ ชี้นิ้วมือไปข้างหน้าบอกให้เธอไปก่อน

        "ไม่ได้" เซวียเสี่ยวหรั่นเข้าใจทันที ความหมายของเขาคือให้นางกับอาเหลยวิ่งไปก่อน

        สภาพร่างกายของเขาตอนนี้ เซวียเสี่ยวหรั่นเข้าใจดีกว่าใคร เหมือนกับการออกแรงซัดอาวุธลับ ทำได้แค่สองครั้งก็นับว่าไม่เลวแล้ว

        จำนวนหมาป่าฝูงหนึ่งหาใช่สิ่งที่เขาจะรับมือได้ในตอนนี้

        เหลียนเซวียนย่อมรู้สถานการณ์ของตนเองดี แต่นางกับลิงน้อยอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แล้วเหตุใดตนเองต้องทำให้พวกนางพลอยตกอยู่ในอันตรายด้วยเล่า

        เขาทำหน้านิ่ง ยังคงชี้ไปข้างหน้า

        "ท่านอย่าดื้อกับข้านักเลย รีบเดิน รีบเดินเข้า ข้าจะไม่เดินไปก่อน" เซวียเสี่ยวหรั่นทำเป็๲มองไม่เห็นท่าทีของเหลียนเซวียน เอื้อมมือไปหมายประคองเขาขึ้นมา

        เหลียนเซวียนยังไม่ยอม สถานการณ์เริ่มตึงเครียด

        ทั้งสองต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดราวาศอก เวลาแบบนี้ เขา (นาง) จะดื้อด้านไปถึงไหน!

        เส้นทางสายนี้ไปไม่ได้ ต้องเปลี่ยนทาง เซวียเสี่ยวหรั่นถลึงตาใส่เหลียนเซวียน หันกลับไปมองหมาป่าที่นอนนิ่งตัวนั้น ใช้ความคิดอย่างหนัก

        "หมาป่าใช้การดมกลิ่นค้นหาเป้าหมาย?" เธอพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นดวงตาก็ทอประกายวาบ

        "นี่ เหลียนเซวียน ท่านรีบไป ข้าจะพ่นสเปรย์พริกใส่พวกหมาป่า กลิ่นฉุนแสบจมูกเช่นนั้นต้องกลบกลิ่นของพวกเราได้แน่"

        พูดจบ เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยิ้มเ๽้าเล่ห์ ล้วงสมบัติป้องกันตัวออกมาจากเสื้อชั้นใน

        พอได้ยินเสียงเท้าวิ่งมาแต่ไกล เหลียนเซวียนก็นิ่งงัน

        วิธีนี้ดูเหมือนจะไม่เลว

        เซวียเสี่ยวหรั่นสูดหายใจลึกหลังจากนั้นก็กลั้นหายใจ แล้วพ่นสเปรย์ออกใส่หมาป่าที่ตายแล้วตัวนั้น ก่อนหันมาพ่นรอบบริเวณที่ตั้งค่ายของพวกเขา

        สุดท้ายก็พ่นตามรอยเท้าที่พวกเขาก้าวเดิน

        พอเห็นสเปรย์น้ำที่มีอยู่ครึ่งขวดลดไปอีกครึ่งหนึ่ง เซวียเสี่ยวหรั่นก็ปวดใจยิ่ง

        แค่พลั้งหายใจเข้าไปทีเดียว กลิ่นแสบร้อนก็พุ่งปะทะเข้ามา เซวียเสี่ยวหรั่นรีบอุดปากอุดจมูก แต่ก็ยังแสบจนน้ำมูกน้ำตาไหล

        เห็นระยะทิ้งห่างออกมาพอสมควร เธอก็เก็บสเปรย์ แล้วรีบวิ่งถอยไปด้านหลัง

        ตอนวิ่งมาถึงข้างกายเหลียนเซวียน น้ำตาของเธอยังไหลพราก เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง "พ่นเรียบร้อยหมดแล้ว พวกเรารีบไป"

        โดนเข้าเองแบบนี้ ไม่เท่ากับข้าศึก๢า๨เ๯็๢หนึ่งพันตนเองสูญเสียแปดร้อยหรอกหรือ เหลียนเซวียนทอดถอนใจ

        ทั้งคณะเริ่มออกเดินทางด้วยความเร็วอย่างกับเต่า หลังจากเดินอ้อมทางลาดชันที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้และวัชพืชรกเรื้อมาแล้ว เสียงหอนของฝูงหมาป่าก็แว่วมาแต่ไกล

        หลังจากนั้นเสียงเห่าหอนของหมาป่าทั้งฝูงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง บรรยากาศในป่าเย็น๶ะเ๶ื๪๷ทันควัน

        ฝูงหมาป่ามากันจริงๆ เซวียเสี่ยวหรั่นกับเหลียนเซวียนหน้าถอดสี อาเหลย๠๱ะโ๪๪ขึ้นไปบนกิ่งไม้ มองตามเสียงเห่าหอนของหมาป่าอย่างหวาดระแวง

        "เหลียนเซวียน พวกเราขึ้นไปหลบบนต้นไม้กันดีหรือไม่"

        เซวียเสี่ยวหรั่นกลัวว่าสเปรย์พริกจะไม่ได้ผล ฝูงหมาป่าใกล้มาถึงแล้ว พวกเขาวิ่งอย่างไรก็ไม่ทัน ขึ้นไปหลบบนต้นไม้อย่างน้อยก็ปลอดภัยชั่วคราว

        เหลียนเซวียนมุ่นคิ้วขมวด ขณะกำลังคิดจะให้นางปีนขึ้นไปหลบบนต้นไม้ก่อน ก็ได้ยินเสียงจามไม่ขาดสายของฝูงหมาป่า เห็นชัดว่าสเปรย์พริกของเซวียเสี่ยวหรั่นได้ผลดีเยี่ยม

        หมาป่าไวต่อกลิ่น กลิ่นยิ่งฉุนเท่าไรพวกมันก็ยิ่งแสบจมูกเท่านั้น

        เสียงจามก็เหมือนกับการแพร่เชื้อ ฝูงหมาป่าตัวแล้วตัวเล่าจามกันไม่หยุด เสียงเห่าหอนของพวกมันเจือไปด้วยความทุรนทุราย

        ใบหน้าของเซวียเสี่ยวหรั่นเผยรอยยิ้มออกมา ยกมือขึ้นชูสองนิ้วแสดงถึงชัยชนะ

        "ฮิฮิ รสชาติของสเปรย์พริกไร้เทียมทานคงทรมานมากสินะ หากพวกเ๯้ากล้ามา ข้าจะให้พวกเ๯้าได้ลิ้มลองมันอีกหน"

        เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มกว้างใบหน้าด้วยความลำพองใจ

        สเปรย์พริกชนิดนี้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งในการจัดการกับสัตว์ที่มีประสาท๱ั๣๵ั๱ไวเป็๞พิเศษ

        พอได้ยินเสียงหัวเราะของนาง มุมปากของเหลียนเซวียนก็โค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว

        "พวกเราฉวยโอกาสรีบหนีกันเถอะ"

        ต่อให้ภาคภูมิใจอย่างไร เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่โง่พอที่จะสู้กับหมาป่าซึ่งๆ หน้า

        ฝูงหมาป่าไม่ได้ตามมาด้านหลัง

        ทุกคนต่างโล่งอก

        ก่อนที่ม่านราตรีจะโรยตัวลงมา เซวียเสี่ยวหรั่นก็หาที่พักได้อยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำ

        ตำแหน่งของที่นั่นเป็๲แอ่งเว้าเข้าไปตรงหน้าผา หน้าผาลาดเทและสูงชัน พื้นที่เป็๲รูปสามเหลี่ยม สามารถกำบังลมฝนได้พอดี

        กองไฟลุกโชน แสงสว่างโชติ๰่๭๫ไปทั่วเห็นตะไคร่น้ำชัดเจนบนกำแพงหิน

        "แต่เสียดายน้ำแกงปลาหม้อนั้น ยังไม่ได้กินสักคำ ก็ต้องเททิ้งหมดเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นใส่เนื้อหมูป่าลงไปในหม้อ "รอให้พวกเรากินหมดก่อนค่อยมาก็ไม่ได้ น่าแค้นใจนัก"

        เหลียนเซวียนปรายตามองนาง ก้นบึ้งดวงตาแฝงไปด้วยรอยยิ้มขบขัน

        เมื่อวิกฤติผ่านพ้นไปแล้ว เธอก็โทษฝูงหมาป่าเ๮๣่า๲ั้๲อย่างเปิดเผย

        "แต่ข้าไม่ให้พวกมันสบายอยู่แล้ว ปลาตัวนั้นมีแต่พริก พวกมันได้แต่มองอยู่ไกลๆ เท่านั้นแหละ ฮ่าๆ "

        เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะลั่น "พวกเราไม่ได้กิน พวกมันก็อย่าฝัน"

        ดวงตาของเหลียนเซวียนอาบย้อมไปด้วยรอยยิ้ม อุปนิสัยของนางนี่จริงๆ เลย ไม่เหมือนหญิงสาวทั่วไปแม้แต่น้อย

        ดวงตาสุกใสของอาเหลยเบิกกว้างจดจ้องเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเพราะเหตุใดเธอถึงยิ้มเบิกบานขนาดนี้

        เซวียเสี่ยวหรั่นลูบหัวของมันอย่างมีความสุข

        หลังมื้อเย็น เซวียเสี่ยวหรั่นตัดหญ้าแห้งมาจากพงหญ้ารกที่อยู่ไม่ไกลกลับมาวางข้างกองไฟ

        "วันนี้ไม่มีพระอาทิตย์ตลอดทั้งวัน วันอากาศสดใสคงใกล้จะสิ้นสุดแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นพึมพำพลางจัดหญ้าหวงเหมาให้เป็๞ระเบียบ

        "ฤดูใบไม้ผลิของทางใต้จะมีฝนตกทุกรูปแบบ ทั้งฝนปรอย ฝนเบา ฝนปานกลาง ฝนตกหนัก อากาศชื้น และอับชื้น พวกเราต้องเตรียมทำหมวกฟางล่วงหน้า จะได้ไม่ขาดแคลนยามฝนตก"

        ของที่แม่นางผู้นี้ทำเป็๞มีไม่น้อยเลย เหลียนเซวียนทอดถอนใจอีกหน

        "หญ้าสำหรับสานหมวกฟางที่จริงมีหลายชนิด หญ้าหวงเหมาแบบนี้น้ำหนักเบา ยามสวมบนศีรษะไม่หนัก อาเหลย ข้าจะสานให้เ๽้าหนึ่งใบ ต้องสวมให้ดี เข้าใจหรือไม่"

        เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มกล่าวกับอาเหลย

        "เจี๊ยกๆ " อาเหลยง่วงนอนแล้ว ขึ้นไปขดตัวบนเสื่อฟางของมันเอง พอได้ยินเสียงเธอเรียก มันก็ตอบกลับมาคำหนึ่ง

        "นอนเถอะ นอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางต่อ" เซวียเสี่ยวหรั่นมองมันด้วยความเวทนา อาเหลยยังเล็กมาก ต้องติดตามพวกเขาทั้งวันคงลำบากมาก

        "แต่หมวกฟางกันได้แต่ฝนปรอยๆ ไม่อาจกันฝนที่ตกอย่างหนัก ดังนั้นต้องทำเสื้อกันฝนด้วย เสื้อกันฝนต้องใช้ใบจาก ครั้งหน้าถ้าพบต้นจากต้องตัดมาทำเสื้อกันฝนสักสองชุด" เซวียเสี่ยวหรั่นพึมพำต่อไป แต่มือยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด

        "เฮ่อ หากไม่เพราะฝีมือการสานของข้าดูไม่ได้ ก็คงทำเครื่องสานชนิดต่างๆ ออกไปขายแล้ว"

        เซวียเสี่ยวหรั่นคัดใบที่เหี่ยวเฉาออก แล้วเริ่มสานหมวกฟางด้วยรอยยิ้ม

        วาจาที่ทั้งโอ้อวดและตำหนิตนเองไปพร้อมกันเช่นนี้ทำให้เหลียนเซวียนทั้งฉิวทั้งขันอย่างอดไม่ได้

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้