“อะไรนะ! คุณหนูรองตั้งครรภ์แล้วหรือ?”
ทั่วทั้งเรือน ผู้ที่มีสีหน้าสงบนิ่งที่สุดคงเป็ไป๋เซี่ยเหอ
นางถลึงตามองฝูเอ๋อร์ที่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า คนหลังจึงปิดปากทันที
“จากนั้นเล่า?”
“เมื่อคุณหนูรองตื่นและรู้เข้า ก็เริ่มร้องห่มร้องไห้ยกใหญ่ ไม่เต็มใจขึ้นเกี้ยวที่วังเตรียมมาเ้าค่ะ”
การสมรสของพระชายากับชายารองแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวง
คนหนึ่งมีเกี้ยวแปดคนหาม ได้สมรสอย่างเป็ทางการ
อีกคนมีเกี้ยวหลังเล็กหามออกไปจากประตูข้าง
ความรู้สึกราวกับร่วงลงจาก์และไปโผล่ที่นรก ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋หว่านหนิงยังหยิ่งผยองเสมอมา
“ไท่จื่อเสด็จมาด้วยพระองค์เองเพื่อแสดงความจริงใจ น่าเสียดายที่คุณหนูรองเป็ตายอย่างไรก็ไม่ยอมเปิดประตู ไป๋เหล่าฮูหยินอับจนหนทาง จึงอยากให้คุณหนูใหญ่ลองไปเกลี้ยกล่อมเ้าค่ะ”
“ข้าเข้าใจแล้ว เ้าไปก่อนเถิด บอกไป๋เหล่าฮูหยินว่าอีกประเดี๋ยวข้าจะตามไป”
ฝูเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ คว้าข้อมือของไป๋เซี่ยเหอทันที “คุณหนู เหตุใดพวกเราถึงต้องไปยุ่งเื่คนอื่นด้วยเ้าคะ? ให้นางรนหาที่ตายไปจะไม่ดีกว่าหรือเ้าคะ?”
ในสายตาของฝูเอ๋อร์ ไป๋หว่านหนิงคือคนชั่วช้าที่ไม่อาจให้อภัย และเหตุการณ์ในวันนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าทำชั่วได้ชั่ว
นั่นเรียกว่าสมน้ำหน้า!
จู่ๆ ใบหน้าที่กำลังโมโหของฝูเอ๋อร์ก็ถูกไป๋เซี่ยเหอบีบจนกลายเป็ก้อนกลม ฝูเอ๋อร์ร้องโอ๊ยออกมาทีหนึ่ง “คุณหนู เจ็บๆๆ เหตุใดท่านถึงบีบแก้มบ่าวเล่า?”
เมื่อไป๋เซี่ยเหอเห็นฝูเอ๋อร์ดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง ก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ฝูเอ๋อร์คนโง่ เ้าลองคิดดู อันไหนดีกว่าระหว่างปล่อยให้นางรั้งอยู่ในจวนกับรีบทำให้นางไปที่ตำหนักของไท่จื่อ?”
ฝูเอ๋อร์กลอกตา แววตาเป็ประกายเล็กน้อย “ใช่แล้ว เหตุใดบ่าวถึงคิดไม่ได้กันนะ? คุณหนูช่างฉลาดนัก เช่นนั้นคุณหนูก็รีบไปเถิดเ้าค่ะ”
“...”
เด็กสาวผู้นี้เปลี่ยนสีหน้าเร็วจริงๆ!
เมื่อไป๋เซี่ยเหอมาถึงเรือนหนิงซือ ก็พบฮั่วิเชินที่หน้าประตูโดยไม่คาดคิด
ใบหน้าของเขาดำทะมึนจนแทบจะคั้นน้ำออกมาได้
ขนาดไท่จื่อผู้มีเกียรติเป็ฝ่ายมาหายังถูกปิดประตูใส่
จะให้ฮั่วิเชินที่เห็นใบหน้าสำคัญกว่าชีวิตเอาหน้าไปไว้ที่ใด?
นี่ไม่ใช่การตบหน้าทั้งเป็หรอกหรือ?
“ถวายบังคมไท่จื่อเพคะ”
ไม่ทราบว่าเป็เพราะเกิดโทสะจากไป๋หว่านหนิงหรือไม่ ตอนนี้ฮั่วิเชินรู้สึกขัดหูขัดตาเมื่อมองทุกคนในจวนสกุลไป๋
เรียกได้ว่ารู้สึกขัดหูขัดตายิ่งกว่าเดิม!
“เฮอะ”
ฮั่วิเชินแค่นเสียงเ็าทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋เซี่ยเหอเองก็ไม่ได้สนใจ นางลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในเรือนหนิงซือ
พอเข้าไปถึงได้รู้
ด้านในเรียกได้ว่าเละเทะ
บริเวณด้านนอกของเรือน มีกิ่งก้านของต้นไม้และใบหญ้าถูกหักโค่นอยู่เต็มพื้น ยังมีเศษเครื่องลายครามที่มีชื่อเสียงและราคาแพงปะปนอยู่ด้วย
เครื่องลายครามเ่าั้ล้วนแล้วแต่ราคาแพง เพียงเพราะไป๋เสียนอันรักและเอ็นดูไป๋หว่านหนิง จึงนำมันมาจัดวางไว้ที่เรือนหนิงซือ
เมื่อไป๋เหล่าฮูหยินเห็นเศษเครื่องลายครามกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น นางก็โมโหจนจุดไท่หยางปวดตุบ
ตัวล้างผลาญ ช่างเป็ตัวล้างผลาญจริงๆ!
นางไม่รู้ว่าหลานสาวคนรองที่เชื่อฟังและเอาใจใส่เสมอมากลายเป็ดังเช่นวันนี้ได้อย่างไร? เป็สตรีไร้เหตุผลและไม่รักษาภาพลักษณ์!
เมื่อเห็นไป๋เซี่ยเหอเดินเข้ามา ไป๋เหล่าฮูหยินราวกับมองเห็นฟางช่วยชีวิต
“เหตุใดจึงชักช้านัก? ให้ข้ารอนานปานนี้!”
นางโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงตำหนิ
ไป๋เซี่ยเหอเลิกคิ้ว “รอข้าหรือ? เหตุใดถึงต้องรอ?”
“ไปเปิดประตูบานนั้นเสีย!”
ไป๋เหล่าฮูหยินสั่ง
ไป๋เซี่ยเหอไม่แม้แต่จะชายตามองอีกฝ่าย นางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แค่เปิดประตูเท่านั้น เหตุใดไป๋เหล่าฮูหยินถึงไม่เปิดเองเล่า?”
แววตาของไป๋เหล่าฮูหยินสั่นไหวอย่างไม่เป็ธรรมชาติ “เพราะข้ากลัวว่าน้องรองของเ้าจะคลั่งจนทำร้ายข้า!”
“โอ้ ข้าคิดว่าความหมายของท่านคือ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะได้รับาเ็สินะ?”
ยังคงเห็นแก่ตัวยิ่งนัก
“เ้าอายุยังน้อย เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ทั้งยังหลบหลีกได้เร็ว”
ไป๋เหล่าฮูหยินดูมีเหตุผลเป็อย่างยิ่ง นางกล่าวต่อด้วยความหยิ่งผยอง “รีบไปเสีย หากเด็กในครรภ์ของหว่านหนิงเกิดปัญหาขึ้นมา ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนไม่อาจแบกรับความรับผิดชอบนี้ได้”
แม้ว่าไป๋หว่านหนิงจะไม่ใช่ไท่จื่อเฟยแล้ว ทว่าอย่างน้อยก็มีลูกคนแรกของไท่จื่ออยู่ในครรภ์
หากเป็พระโอรส...
เมื่อให้กำเนิด ตำแหน่งไท่จื่อเฟยก็จะกลับมาหานางอยู่ดี
“ท่านพูดเองนะว่าให้ข้าเข้าไป”
ไป๋เซี่ยเหอกล่าวจบก็เดินไปที่ประตูแล้วยกมือขึ้นเคาะ
จากนั้นก็ถีบประตูทันที
วัตถุอย่างหนึ่งลอยออกมาจากด้านในอย่างรวดเร็ว ไป๋เซี่ยเหอเบี่ยงกายหลบได้ทันท่วงที นางเคลื่อนไหวคล่องแคล่วราวกับเมฆาล่องสายน้ำไหล
ระหว่างที่นางหลบหลีก วัตถุดังกล่าวก็เผยหน้าตาของมันออกมา
เป็แจกันดอกไม้ปากกว้างที่วิจิตรงดงามใบหนึ่ง
มันพุ่งออกมาด้านนอกตามแรงการปา
‘เพล้ง!’
ก่อนจะร่วงลงกับพื้นจนแตกละเอียดที่แทบเท้าของไป๋เหล่าฮูหยิน
ห่างจากร่างของไป๋เหล่าฮูหยินเพียงห้าหลีหมี่[1]เท่านั้น
ไป๋เหล่าฮูหยินใจนหน้าซีด หากไม่ใช่เพราะถูกไป๋ซูเหอที่อยู่ข้างๆ ประคองเอาไว้ เกรงว่านางคงเป็ลมไปแล้ว
“เ้า...เหตุใดเ้าถึงหลบ? รู้หรือไม่ว่ามันเกือบจะโดนข้าแล้ว!”
“ท่านย่า อย่าโกรธไปเลยเ้าค่ะ พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจให้ท่านย่าได้รับอันตรายนะเ้าคะ”
ระหว่างที่ไป๋ซูเหอลูบหลังไป๋เหล่าฮูหยินอย่างเบามือ และกล่าวคำปลอบโยนจิตใจที่กำลังตื่นตระหนก นางก็ ‘แก้ตัว’ แทนไป๋เซี่ยเหอไปด้วย
“ไม่ ข้าตั้งใจ” ไป๋เซี่ยเหอมองสองย่าหลานด้วยแววตาหยอกล้อ “หากมีอันตรายแล้วไม่หลบ ท่านคิดว่าข้าโง่หรือ?”
นี่ไม่ได้หมายความว่านางกำลังด่าสองคนนั้นที่ยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่หลบว่าโง่หรอกหรือ?
“เ้า เ้า...”
ไป๋ซูเหอเห็นไป๋เหล่าฮูหยินโมโหจนหน้าแดงก่ำราวกับจะเป็ลมได้ทุกเมื่อ สีหน้าของนางก็ดูซับซ้อนเล็กน้อย
จวนสกุลไป๋ตอนนี้ ไป๋เหล่าฮูหยินคือความหวังเดียวของนาง
“ท่านย่า ในเมื่อพี่ใหญ่มาแล้ว ท่านก็กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ท่านอายุมากแล้ว อย่ายืนตากลมจนป่วยเลยเ้าค่ะ ด้วยความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างพี่ใหญ่กับพี่รอง พี่ใหญ่ต้องอบรมพี่รองได้แน่เ้าค่ะ”
ความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง?
ไป๋เซี่ยเหอชำเลืองมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นเยียบราวกับคมมีด
ไป๋ซูเหอถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว สายตานั้นน่ากลัวยิ่งนัก ราวกับมีคมมีดกรีดไปบนร่างของนางจริงๆ ก็ไม่ปาน
ไป๋เหล่าฮูหยินไม่อยากอยู่ที่นี่นานแล้ว ถือโอกาสที่มีผู้มอบทางลงให้ จึงรีบให้ไป๋ซูเหอประคองนางจากไปทันที ฝีเท้านั้นรวดเร็ว ดูไม่ออกแม้แต่นิดเดียวว่าเป็ผู้เฒ่าที่ใช้ไม้เท้าค้ำเดิน
ไป๋เซี่ยเหอก้าวเข้าไปด้านใน
เนื่องจากม่านทุกผืนถูกดึงปิดเอาไว้อย่างแ่า ภายในจึงมืดมิด
มีเพียงตำแหน่งประตูเท่านั้นที่ไม่มืด
เนื่องจากเปิดประตูเอาไว้ แสงจึงเล็ดลอดผ่านเข้ามาเล็กน้อย
ไป๋เซี่ยเหอหาตำแหน่งของไป๋หว่านหนิงเจออย่างรวดเร็วโดยใช้ประโยชน์จากแสงนี้
นางขดกายอยู่ที่มุมเตียง ไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่อง เรือนผมยุ่งเหยิงแผ่สยาย บนร่างสวมเพียงอาภรณ์ตัวเดียว นางเอาศีรษะซุกอยู่ที่เข่า
ร่างกายแผ่ความเซื่องซึมอย่างไม่อาจพรรณนาได้ออกมา
“เ้าตั้งใจมาหัวเราะเยาะข้ากระมัง?”
น้ำเสียงของนางสั่นเครือ ฟังดูระคายหูอย่างยิ่ง
สภาพด้านในไม่ได้ดีไปกว่าด้านนอกเลย
ไป๋เซี่ยเหอหยิบม้านั่งตัวหนึ่งขึ้นมาจากมุมห้อง จากนั้นก็หาพื้นที่สะอาดๆ วางมันก่อนจะนั่งลงไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“เ้าคิดว่าข้าว่างขนาดนั้นหรือ? หากไม่ใช่เพราะไป๋เหล่าฮูหยินมารบกวนข้าแต่เช้า เ้าคิดว่าข้าอยากมาหรือ?”
ในห้องเต็มไปด้วยความเงียบงัน เงียบเสียจนได้ยินเสียงเข็มตก บรรยากาศตึงเครียดจนน่ากลัว
“เฮอะ เป็ดังคาด พวกเ้าแต่ละคนล้วนไม่ประสงค์ดี หวังให้ข้าตาย!”
------------------------
[1] หลีหมี่ หมายถึง เิเ