เยี่ยนเจาเจาไม่ทันสังเกตเห็นสายตาของหนานิเหอ ในทางกลับกัน จู่ๆ นางก็รู้สึกถึงสายตาอันแรงกล้าจนมองข้ามไม่ได้ที่กำลังจับจ้องตนเองจากห้องด้านข้างที่ปิดอยู่ตลอดแทน
ห้องด้านข้างนั้น...เยี่ยนเจาเจาหรี่ดวงตาลง
นางหยัดกายแล้วเดินไปทางห้องนั้นทันทีด้วยฝีเท้าที่ย่ำเร็วขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนางผลักประตูก็ได้ยินเสียงเสียงหัวเราะแหบต่ำดังแว่วมา
ประตูอ้าออก ลมเย็นจากภายนอกหลั่งไหลเข้ามาจนสลายความอบอุ่นข้างใน
ไม่มีใคร ไม่มีเลยสักคน
บนโต๊ะเหลือสุราดอกท้อที่ยังดื่มไม่หมด แต่กลับไม่พบใครแล้ว มีเพียงหน้าต่างด้านหนึ่งที่กระแทกเปิดกว้าง เมื่อเยี่ยนเจาเจาวิ่งไปดูก็เห็นม้าตัวหนึ่งกำลังวิ่งจากไป
คนบนหลังม้าสวมหมวกไม้ไผ่สานจึงมองไม่เห็นใบหน้า และหายวับไปอย่างรวดเร็ว
นี่คือปมที่นางรออยู่
เยี่ยนเจาเจากระจ่างแจ้งแล้ว
เหรินเหยาที่ชาติก่อนเจาเจาไม่เคยรู้จักมักจี่เลย กลับโดนคนจับตามองอยู่เื้ั ถ้าอย่างนั้นการตายของนางย่อมไม่ใช่การตายธรรมดา
คนผู้นี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเยี่ยนฟางหวาอย่างแน่นอน วันนี้เยี่ยนฟางหวามาหอถงเชวี่ย คงส่งผลกระทบบางอย่าง
ทำให้คนไขว้เขว? สร้างเป้าโจมตี?
ผู้อยู่เื้ัวางแผนเพื่ออะไรกันแน่?
ลมหนาวพัดเอาความอุ่นร้อนออกจากใบหน้าเยี่ยนเจาเจา กระทั่งมือสองข้างก็เย็นเฉียบลง
เล่ออันจวิ้นจู่เป็ผู้รับผิดชอบงานวันนี้ ทว่าเื่ของเหรินเหยาคงไม่ใช่การกระทำของนาง
ว่ากันตามตรง เยี่ยนฟางหวาเป็คนโง่เง่า แต่เก็บคนโง่เง่าไว้ก็น่าเบื่อ และความจริงเื้ัเหตุการณ์วันนี้ยังสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง จำเป็ต้องสืบสาวทีละขั้นกว่าจะหากุญแจสำคัญพบ
เยี่ยนเจาเจาตระหนักดีั้แ่ชาติก่อนว่าความสามารถของเล่ออันจวิ้นจู่เป็อย่างไร การจัดการเช่นนี้เล่ออันจวิ้นจู่ทำไม่ได้ อย่างมากก็คงตกเป็เป้าหมายเหมือนเยี่ยนฟางหวา
นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังเหลืออีกคนหนึ่ง
เยี่ยนฟางอู๋
เยี่ยนเจาเจาไม่เคยยี่หระที่มองคนรอบข้างในแง่ร้าย นางไม่คิดว่าตนเป็คนเปิดเผยตรงไปตรงมาอยู่แล้ว
ตอนที่พบเยี่ยนฟางอู๋ก่อนหน้า เยี่ยนเจาเจายังนึกถึงความเมตตาที่นางมีต่อตนในชาติก่อนจนใจอบอุ่น ทว่าพอไตร่ตรองก็อดยิ้มหยันไม่ได้
นอกจากเื่ช่วยเหลือครานั้น เยี่ยนฟางอู๋ไม่เคยช่วยนางอีกเลย การช่วยเหลือนั้นจึงดูแปลกประหลาดเข้าขั้นมีแรงจูงใจแอบแฝง
แล้ววันนี้ที่นางปรากฏตัวที่นี่ก็ยิ่งไม่ใช่เื่จำเป็เข้าไปใหญ่...เยี่ยนฟางอู๋เป็คนสันโดษจึงมักเข้าร่วมงานแบบนี้น้อยครั้ง
มิหนำซ้ำ ด้วยฐานะและพร์ของเยี่ยนฟางอู๋ เหตุใดชาติก่อนถึงได้แต่งงานกับคนพรรค์นั้น?
จุดผิดปกติก็ควรพิจารณาไว้ก่อน
นี่คือความผิดพลาดของเยี่ยนเจาเจา หากเื่นี้พุ่งเป้ามาที่นาง และนางไม่ตระหนักความผิดปกติั้แ่เนิ่นๆ ในกรณีรุนแรง นางอาจตายได้เลยทีเดียว
แค่นางตายคงไม่เป็ไร แต่เกรงว่าสวนมวลบุปผาหอมจะเดือดร้อนไปด้วยน่ะสิ
ชีวิตที่ได้รับกลับมาห้ามใช้สุ่มสี่สุ่มห้า ปัจจุบันนางสามารถยืนหายใจอย่างอิสระภายใต้แสงอาทิตย์ คือโอกาสครั้งที่สองจาก์ แสดงว่านางยังแข็งแกร่งไม่พอ
เยี่ยนเจาเจาทบทวนข้อบกพร่องของตนเองจนร่างกายและจิตใจเย็นะเื คาดไม่ถึงว่าจะมีคนมากุมมือของนางเบาๆ จากด้านหลัง
สายตาหนานิเหอแฝงแววปลอบประโลม แม้เขาไม่อาจเอื้อนเอ่ย ทว่ายังถ่ายทอดความรู้สึกผ่อนคลายปลอบโยนผ่านแววตาของเขาได้
แนวป้องกันทั้งหมดในใจของเยี่ยนเจาเจาพลันพังทลายลง
แม้นางจะซ่อนหัวใจของตนไว้ภายในกำแพงหิมะสูงชัน ทั้งยังปกปิดตัวตนอยู่หลังหน้ากากและเกราะทางใจ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลวอีกครั้งก็ยังคงกระวนกระวายใจเล็กน้อยอยู่ดี
หนานิเหอใช้นิ้วลากเส้นทีละตัวลงบนฝ่ามือนาง “นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง เจาเจายังเล็ก อย่ากลัวเลย อย่างน้อยยังมี...”
เขาเขียนถึงตรงนี้กลับหยุดชะงักและจมอยู่ในความเงียบเนิ่นนาน
อารมณ์ของเยี่ยนเจาเจาดูมั่นคงมาก แต่จู่ๆ นางก็พุ่งเข้าอ้อมอกของหนานิเหอ แล้วสูดกลิ่นหอมเย็นสดชื่นบนร่างเขาอย่างตะกละตะกลามจนเหมือนละโมบ พลางซ่อนประกายน้ำที่ซึมออกมาตรงหางตาเงียบๆ
หนานิเหอโอบนางไว้ในอ้อมแขนตามสัญชาตญาณ ก่อนตบแผ่นหลังนางเบาๆ เขารู้สึกราวกับว่านางกำลังเดินตามรอยเท้าตน กังวลทั้งวันทั้งคืน จนสุดท้ายร่างกายผ่ายผอมจากการทรมานตัวเอง ป่วยเป็ไข้ใจไร้ยารักษา
เขายังจำท่าทางของเยี่ยนเจาเจาที่มองเห็นจากไกลๆ เมื่อครู่ได้...นางคล้ายบงกชแดงที่ผลิบานกะทันหัน ทว่ากลีบดอกบัวนั้นคมราวใบมีดที่มาพร้อมพลังสายฟ้าฟาดทำลายล้าง ไล่ต้อนทุกคนเบื้องหน้าจนไร้หนทาง
และแน่นอนว่านางก็บีบคั้นตนเองจนจนตรอกด้วย โดยไม่สงสารตนเองเลยสักนิด
เหมือนตัวเขา
หัวเดียวกระเทียมลีบจนยากจะก้าวเดินต่อ แม้ไม่เห็นทางสว่างแต่ยังฝืนเข้าต่อสู้แย่งชิง
ความเคียดแค้นชิงชังเดือดดาลพลุ่งพล่านในใจไม่หยุดหย่อน ทว่ากลับทำให้ใจด้านชากว่าเดิม
นี่คือโชคชะตาของเขา
ไม่มีใครยอมให้เขาก้าวถอย แต่เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยี่ยนเจาเจาถึงเป็เช่นนี้ด้วย
นางแตกต่างจากเขาที่จมอยู่ในโคลนตมไร้ซึ่งแสงสว่าง นางควรเป็เด็กสาวซึ่งยืนยิ้มอ่อนหวานไร้กังวลภายใต้แสงตะวัน ทำไมนางกลายเป็เยี่ยงนี้?
แม้หนานิเหอจะไม่ทราบ ทว่านิสัยของเขาไม่เคยจมอยู่กับคำถามที่ไร้คำตอบ
เขาเริ่มครุ่นคิดว่าการปกป้องก่อนหน้าของตนเองประคบประหงมเกินไปหรือไม่ นางจึงโดนคนทำร้ายในที่ลับสายตาตน และโดนบังคับให้เติบโตขึ้น
ความคิดที่จะปกป้องนางอย่างเงียบๆ เชื่อมโยงกับความปรารถนาที่ค่อยๆ งอกเงยขึ้นมาใน่นี้ หนานิเหอพบว่าตนชะงักกับคำถามหนึ่งอย่างหาได้ยาก และไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไรกันแน่
ไม่ว่าเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงคืออะไร หนานิเหอก็รู้ว่ามีเพียงดอกไม้บอบบางเท่านั้นที่้าการปกป้อง ทว่าเจาเจาไม่ใช่ดอกไม้อ่อนแอในเรือนกระจกอีกต่อไป นางเริ่มเติบโตขึ้นแล้ว แม้ยังหลงทางอยู่ แต่ก็พร้อมจะสยายปีกผงาดขึ้นฟ้าแล้ว
“พี่ชายรอง ข้ายังฉลาดไม่พอใช่ไหมเ้าคะ?” เสียงรำพันแหบแห้งของเยี่ยนเจาเจาดังอู้อี้ในอ้อมกอดของหนานิเหอ แม้นางจะเอ่ยถามเขา แต่ขณะเดียวกันก็เป็การกล่าวกับตนเองโดยไม่ได้คาดหวังคำตอบของเขาด้วย ซึ่งก็ทำให้เขาตระหนักเดี๋ยวนั้นเอง
นางมอบแสงสว่างเกินไขว่คว้าให้แก่เขา ดังนั้นไม่ว่าเ้าตัวน้อยของเขา้าสิ่งใด เขายินดีประเคนให้ แม้ต้องดื่มยาพิษแก้กระหาย[1] ก็ไม่ลังเล
หนานิเหอก้มตัวลงโอบร่างเล็กบางของเยี่ยนเจาเจาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะสบตากับกู้เจี้ยนซึ่งไม่รู้ว่าพาคนมาปิดกั้นห้องนี้จากคนนอกั้แ่เมื่อไหร่ เขาจึงเผยรอยยิ้มแรกให้กู้เจี้ยนนับั้แ่พบหน้ากัน
เยี่ยนฟางหวากระอักเลือกกลางงานก่อให้เกิดคลื่นลมในบ้านใหญ่ ทว่าแขนขาข้างนอกของหวังซื่อโดนองค์หญิงตัดทิ้งไปแล้ว ต่อให้นางแค้นเคืองสวนมวลบุปผาหอมแค่ไหนก็ไม่กล้ากระทำอะไรบุ่มบ่ามตอนนี้
อาการเจ็บป่วยของเยี่ยนฟางหวาแปลกประหลาดจริงๆ หลังกลับมาที่จวนเยี่ยน นางก็ไข้ขึ้นข้ามวันข้ามคืน ราวกับว่าวันที่นางไปสร้างความยุ่งยากให้เยี่ยนเจาเจาที่หอถงเชวี่ยเป็เพียงความฝัน
เยี่ยนเจาเจาเองก็ได้เข้าใจสถานการณ์ของตนมากขึ้นจากเหตุการณ์หอถงเชวี่ย และพบว่านางรอตนเองเติบโตไม่ทันแล้ว ่วัยเด็กมีอุปสรรคมากเกินไปจนนางรั้งรอไม่ได้อีก
หลังจากเยี่ยนเจาเจากลับสวนมวลบุปผาหอม จึงขอให้ท่านแม่เชิญผู้าุโหนานซานออกจากเขามารักษาหนานิเหอ และขอร้องให้ท่านแม่รีบจ้างอาจารย์มาสอนตนโดยเร็วที่สุด
ตอนนี้นางเหมือนกับฟองน้ำแห้งเหือดที่อยากเสริมกำลังตนเองจนเหมือนคนบ้า แม้ฝนฟ้าคะนองยังมาไม่ถึง ทว่ามันเริ่มตั้งเค้านานแล้ว เช่นนั้นนางก็ควรจะล้อมรั้วกันฝนไว้ไม่ใช่หรือ
ทว่าองค์หญิงฉงหยางกลับยังไม่ตอบตกลงทันที พระองค์ไล่ทุกคนออกไปอีกครั้ง ก่อนจะจูงแก้วตาดวงใจของตนมาข้างกาย แล้วถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
“เ้าคิดเห็นอย่างไรต่อหนานิเหอ?”
เยี่ยนเจาเจาจับความรู้สึกหลากหลายในประโยคนี้ได้ รวมถึงคำว่าหนานิเหอด้วย
องค์หญิงไม่ค่อยเรียกชื่อเต็มหนานิเหอต่อหน้าเยี่ยนเจาเจานัก ประโยคนี้เลยเผยสารบางอย่างที่ไม่ใช่เชิงบวกออกมา
แม้เยี่ยนเจาเจาจะรู้ความนัยนั้น แต่นางก็ยังเงยหน้าขึ้นมองตรงไปที่สายตาพินิจพิเคราะห์จนผิดแปลกของท่านแม่อย่างไม่เกรงกลัว “ข้ากับเขามักจะอยู่ด้วยกันเสมอเ้าค่ะ”
เยี่ยนเจาเจาหลีกเลี่ยงความรู้สึกต่างๆ ที่ตนมีต่อหนานิเหอ นางรู้ว่าคนบนโลกใบนี้อาจทำร้ายนางได้ทั้งนั้น แต่ยกเว้นหนานิเหอ...ความรักความห่วงใยที่เขามอบให้ ทำให้เยี่ยนเจาเจาย่อมต้องรักษาเขาไว้ เพื่อบรรลุสิ่งที่นางทำไม่ได้ในชาติก่อน
ประโยคที่เยี่ยนเจาเจากล่าวฟังดูคลุมเครือ แต่มีข้อความเดียวที่เผยออกมาชัด นั่นคือนาง้าปกป้องเขา
องค์หญิงเงียบงันเนิ่นนาน สุดท้ายพระองค์ก็ผงกศีรษะ และให้เจาเจาออกไปดื่มนมเหมือนวันวาน
เมื่อมองแผ่นหลังเล็กแต่เหยียดตรงของบุตรี องค์หญิงรู้ว่าบุตรีผู้นี้มีความคิดเป็ของตนเองแล้วจริงๆ
แน่นอนว่ามันไม่ได้สร้างปัญหาใดให้แก่องค์หญิง ทั้งพระองค์เองกับฮองเฮาเหลียงฮุ่ยก็รู้ความใน่อายุเท่านี้เช่นกัน ลูกมีความเห็นของตน ย่อมเป็ข่าวดีอยู่แล้ว
แล้วพระองค์ก็นึกไปถึงเด็กหนุ่มที่เป็ฝ่ายมาหาตนเมื่อสองสามวันก่อน เขาผู้ไม่เคยอ้อนวอนใครกลับค้อมตัวขอร้องพระองค์ สายตาของเขาในขณะนั้นเต็มไปด้วยความมืดมิดตึงเครียดที่อัดแน่น ไม่ต่างจากคลื่นอารมณ์ในดวงตาเยี่ยนเจาเจาเมื่อสักครู่นี้
แม้ว่าพระองค์จะจงใจสบประมาท แต่สีหน้าของเขาก็ไม่แปรเปลี่ยน มีเพียงความเรียบเฉยราวกับหมอกปกคลุมจนมองไม่ชัด ทว่าพระองค์ทราบดีว่าเื่ใดที่เขาตัดสินใจแล้ว เมื่อเอ่ยปากก็จะไม่หันหลังกลับอีก
ลูกหลานย่อมมีโชคชะตาเป็ของตนเอง องค์หญิงไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่งกับสิ่งที่เยี่ยนเจาเจา้าทำ
มิหนำซ้ำคำขอร้องของเด็กทั้งสองก็ไม่แตกต่างกันนัก บางเื่เดิมทีอาจจะไม่มีกระทั่งต้นสายปลายเหตุ แต่ไม่ว่ายังไงองค์หญิงยินดีเติมเต็มความปรารถนาอยู่แล้ว
หลังเยี่ยนเจาเจาออกจากเรือนนภาครามก็ไปบ้านใหญ่ต่อ นางจะไปพบเยี่ยนฟางหวา
ข้างนอกต่างลือไปทั่วว่าคุณหนูใหญ่กับคุณหนูห้าสกุลเยี่ยนไม่ลงรอยกันอย่างยิ่ง ทั้งคู่ฟาดฟันดุเดือดในงานเทศกาลหญิงสาววันที่ 4 เดือน 4 สุดท้ายจบลงด้วยการที่กลอนปลอมของเยี่ยนฟางหวาถูกเปิดโปงจนนางกระอักเืแล้วถอนตัวจากงานไป
คนเรามักจะเห็นใจฝ่ายที่อ่อนแอกว่าเสมอ ดังนั้นเวลานี้เยี่ยนฟางหวาที่ป่วยจนชีวิตพลิกผันจึงย่อมดูน่าสงสาร ข่าวลือมากมายภายนอกล้วนบอกว่าเยี่ยนเจาเจาไร้ปรานีอย่างนู้นอย่างนี้
ชาติก่อนนางอาจจะกลุ้มใจบ้าง แต่ชาตินี้ไม่อีกแล้ว
ผู้ที่ไปบ้านใหญ่พร้อมเยี่ยนเจาเจา คือหมอหลวงหนุ่มสวี
หลังเยี่ยนเจาเจากลับมาจากหอถงเชวี่ย หมอหลวงผู้นี้ก็เข้ามาอาศัยที่สวนมวลบุปผาหอมตามพระประสงค์ของฮองเฮา และรับคำสั่งจากเยี่ยนเจาเจาเพียงผู้เดียว รวมถึงสิทธิ์ขาดในตัวอาเหวินและอาอู่ก็ถูกส่งมอบให้เยี่ยนเจาเจาอย่างเป็ทางการ
นอกจากนี้ ฮองเฮายังแอบพระราชทานองครักษ์ลับยี่สิบนายที่ขึ้นตรงต่อเยี่ยนเจาเจาคนเดียวอีกด้วย
ทั้งหมดคือของขวัญที่องค์หญิงมอบให้เพื่อตอบสนองคำเรียกร้องของเยี่ยนเจาเจา ในเมื่อเยี่ยนเจาเจา้าทะยานขึ้นฟ้า ท่านแม่และท่านป้าข้างหลังย่อมต้องช่วยติดปีกให้นางเป็ธรรมดา
เชิงอรรถ
[1] ดื่มยาพิษแก้กระหาย หมายถึง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์แย่ๆ ที่ตามมา