เจิ้งเทียนิยังเพ่งมองสายน้ำเกลือที่แขวนเหนือหลังมือตนเอง คิดว่าของเหลวในนั้นช่างหยดช้าเสียเหลือเกิน เมื่อได้ยินเสียงของเฝิงิเยว่ก็ขาน “อือ” แล้วหันหน้ามาถาม “เื่อะไรเหรอ?”
เฝิงิเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอหลบสายตาสามีที่นอนอยู่บนเตียง แล้วลดเสียงเบาราวกระซิบเล่าเื่ของเจิ้งเทียนหู่ ความจริงก็ไม่ได้ลงรายละเอียดเป็พิเศษ แค่บอกว่า่นี้เจิ้งเทียนหู่มักวอแวเธอ และเล่าเื่ที่เขาใช้เงินข่มขู่เธอเมื่อวาน
“หยวนหยวนให้ฉันมาปรึกษาคุณ…” เฝิงิเยว่ก้มหน้าพูดอ้ำๆ อึ้งๆ นิ้วมือประสานกันแน่น
ครั้นได้ยินเื่จากปากภรรยาตนเอง เจิ้งเทียนิพลันโกรธจัดจนเส้นเืขมับปูดโปนไปหมด เจิ้งเทียนหู่กล้าอยากได้ภรรยาเขา!
“นานขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอเพิ่งมาบอกฉัน?” เขาจ้องเฝิงิเยว่ไม่วางตา
“ถ้าหยวนหยวนไม่พบเข้าเธอคงจะปิดบังฉันตลอดใช่ไหม?”
เมื่อเผชิญสายตาไม่พอใจของสามี เฝิงิเยว่ก็ก้มหน้าก้มตายิ่งกว่าเดิม ความอับอายฉายชัดผ่านอากัปกิริยา เธอเอ่ยตะกุกตะกัก “ขะ... ขอโทษ… ฉันคิด... คิดว่าเลี่ยงเขาหน่อยก็คงไม่เป็ไรแล้ว……”
“เธอคิดว่าหลบเขา เขาจะยอมแพ้เื่เธอหรือไง!” เจิ้งเทียนิเดือดดาลจนแทบจะตบโต๊ะ
อยากะโลั่นออกมา ติดที่ในห้องผู้ป่วยรวมยังมีคนอื่นอยู่
เขาเลยทำได้เพียงข่มเสียง และพูดเสียงลอดไรฟัน “เธอนี่ชักเลอะเลือนแล้ว!”
เฝิงิเยว่เม้มริมฝีปากล่าง ไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง เธอคิดว่าเจิ้งเทียนิจะด่าเปิงเธอสักยก แต่หลังจากรอครู่หนึ่งสิ่งที่คาดไว้ก็ยังไม่เกิดขึ้น ครั้นลอบมองก็เห็นสีหน้าเจิ้งเทียนิเปลี่ยนไปไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่
ผ่านไปสักพัก เจิ้งเทียนิถึงมองเธอ “ความจริงที่ฉันาเ็คราวนี้ มีคนผลักฉันจากข้างหลัง ฉันถึงตกลงไปในคู”
เฝิงิเยว่เงยหน้าขึ้นมามองทันที หัวใจร่วงไปถึงตาตุ่ม พลันร้องอุทานด้วยเสียงเล็กแหลมอย่างตื่นตระหนก “อะไรนะ?” เสียงร้องใของเธอเกือบปลุกหนิวหนิวที่หลับสนิทในอ้อมแขนให้ตื่น
โชคดีทีเด็กน้อยขยับยุกยิกเท่านั้น เธอจึงรีบตบปลอบเบาๆ
แต่ดวงตาจับจ้องเจิ้งเทียนิไม่ลดละ น้ำเสียงที่เอ่ยถามยังคงร้อนรน
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คุณบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าาเ็ได้ยังไง?”
“ก็มีคนผลักฉันจากข้างหลังไง” เจิ้งเทียนิพูดซ้ำอีกรอบ
เฝิงิเยว่คล้ายหัวใจร่วงหล่นลงพื้นอีกครั้ง “ใครมันเลวได้ขนาดนี้! ทำไมเขาต้องผลักคุณด้วย? เทียนิ คุณรู้ไหมว่าใครผลักคุณ? ก่อนหน้านี้พ่อก็อยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่บอกพ่อล่ะ? ค่าผ่าตัดบานเบอะ พวกเราต้องลากตัวคนทำมาชดใช้ให้ได้นะ!”
หน้าเจิ้งเทียนิดำทะมึน ั์ตาซ่อนแววคมปลาบ เขากดเสียงต่ำเอ่ยว่า “เป็เจิ้งเทียนหู่”
วินาทีนั้น เฝิงิเยว่ลมหายใจพลันสะดุดกึก
“ตอนนั้นหัวหน้าบอกว่ามีปูนบนถนน่หนึ่งปูไม่เรียบร้อยดี ให้พวกเขาไปดู คนก็เลยเบียดเสียดกันเป็กลุ่มก้อน ฉันหันหลังเตรียมจะไปหยิบเครื่องมือมาทำถนนให้เรียบ แต่ทันทีที่หันหลังก็รู้สึกเหมือนมีคนผลักฉันจากข้างหลัง ตอนนั้นฉันยืนริมถนนพอดี ข้างทางคือคูน้ำ เลยร่วงลงไปทันที ตอนล้มฉันพยายามคว้าอะไร หรือใครก็ได้ที่อยู่ข้างหลัง ฉันจับไปโดนคนคนหนึ่ง แต่คว้าไว้ไม่ทัน ฉันจำได้ว่าทิ้งรอยไว้บนมือคนคนนั้น หลังล้มคนในกองเข้ามาช่วยพยุงฉันขึ้น ตอนนั้นฉันเหลือบไปเห็นบนมือเจิ้งเทียนหู่มีแผลข่วนบนมืออยู่รอยหนึ่ง พอฉันคิดทบทวนอย่างละเอียด คนที่ยืนข้างฉันเหมือนจะเป็เจิ้งเทียนหู่นี่แหละ” เจิ้งเทียนิหวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นแล้ว ใบหน้ายิ่งดำคล้ำกว่าเดิม “ตอนแรกฉันคิดว่าเขาแก้แค้นบ้านเรา เพราะเื่ของหยวนหยวนกับเสี่ยวสยา ซึ่งเื่นี้ หยวนหยวนก็ถือว่าทำลายชื่อเสียงของเสี่ยวสยาจริงๆ เราติดค้างบ้านเขา มิหนำซ้ำยังแซ่เจิ้งเหมือนกัน เป็ครอบครัวเดียวกันหมด ถ้าหยวนหยวนรู้เื่นี้ต้องโวยวายอีกแน่ มันจะดูไม่ดีเอา ตอนแรกฉันคิดว่าช่างมันไปคงดีกว่า เลยไม่ได้บอกใคร… เหอะ คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะแอบคิดล้ำเส้นเธอลับหลังฉัน!”
เฝิงิเยว่ตะลึง “เขาทำแบบนี้ได้ยังไง? คุณคือลูกพี่ลูกน้องเขานะ!”คราวนี้แค่ผลักจนล้มขาหัก ถ้า์ไม่เข้าข้าง ไม่เพียงสูญเสียทรัพย์สิน
แต่ยังรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้ขึ้นมาล่ะ? เขาไม่คิดว่ามันคือการฆ่าคนบ้างหรือ! ครอบครัวกันเองทั้งนั้น
เจิ้งเทียนหู่โยนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีให้หมากินไปแล้วหรืออย่างไร! ก่อนเอ่ยสิ่งที่ตนคาดเดาไว้
“เขาเกลียดครอบครัวเราเพราะเื่หยวนหยวน
ถึงทนเห็นครอบครัวเราอยู่ดีกินดีไม่ได้เหรอ? ไม่เพียงรังควานฉัน ยังรังแกคุณด้วยอีกต่างหาก?”
“เท่าที่ฉันดู เขาอาจไม่ได้ทำร้ายฉันเพราะหยวนหยวนหรอก” สีหน้าเจิ้งเทียนิดำมืด เขาตระหนักดีว่าเจิ้งเทียนหู่เป็คนเช่นไร เมื่อก่อนเขาชอบแอบเหลือบมองสาวน้อยใหญ่ในหมู่บ้านเสมอ ครานี้คาดไม่ถึงว่าจะหมายปองเฝิงิเยว่! เป็ผู้ชายเหมือนกัน
เขาย่อมเดาความคิดของเจิ้งเทียนหู่ออกบางอย่าง
กอปรกับมีเื่เจิ้งเทียนหู่ข่มขู่เฝิงิเยว่ก่อนหน้า
จึงมั่นใจว่าเจิ้งเทียนหู่นั้นอยากฆ่าเขา หรือทำให้เขาพิการ
เพื่อจะได้ภรรยาเขาง่ายๆ !
ไอ้สารเลวเจิ้งเทียนหู่! กล้ามาหมายตาภรรยาเขา! หากไม่ใช่เพราะขาขยับไม่ได้ เขาต้องกระทืบมันจนตายแน่! เสียดายที่เขาเคยมองมันเป็พี่น้อง
แถมยังคิดว่าเป็ครอบครัวเดียวกัน เหลวไหลทั้งเพ
เจิ้งเทียนหู่นั่นไม่คู่ควรกับแซ่เจิ้งเลยสักนิด!
เจิ้งเทียนิสบตาภรรยาด้วยแววตาซับซ้อนยากจะคาดเดาได้ เฝิงิเยว่อึ้งงันอยู่ครู่หนึ่ง อยู่ๆ ก็เข้าใจสิ่งที่สามีจะสื่อขึ้นมาฉับพลัน ใบหน้าเธอขาวซีดเหมือนกระดาษ ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “ฉัน ฉัน…”
เฝิงิเยว่คาดไม่ถึงว่าเจิ้งเทียนิจะเดือดร้อนเพราะตัวเอง หยดน้ำตาเธอไหลอาบแก้มด้วยความรู้สึกผิด พลางพูดซ้ำไปมา “ต้องโทษฉัน... ต้องโทษฉัน ฉันน่าจะบอกคุณเร็วกว่านี้” หากเจิ้งเทียนิรู้ความคิดชั่วร้ายของเจิ้งเทียนหู่ั้แ่เนิ่นๆ เขาคงระวังตัวไว้บ้าง และคงไม่ต้องาเ็จนต้องผ่าตัดด้วยซ้ำ เมื่อคิดเช่นนี้ เฝิงิเยว่ก็ดึงเอาความรับผิดชอบที่เจิ้งเทียนิล้มขาหักมาไว้กับตัวเอง ละอายใจยิ่งขึ้นไปอีก
เป็สามีภรรยากันมาห้าหกปี เพียงเฝิงิเยว่หลั่งน้ำตา เจิ้งเทียนิก็รู้แล้วว่าเธอคิดไปถึงไหน เขาถอนหายใจ “อย่าร้องไห้เลย ไม่โทษเธอหรอก เธอเองก็ใมากเหมือนกัน… เอาละๆ ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ ขาฉันเจ็บ…”
การเคลื่อนไหวของสองสามีภรรยาดึงดูดความสนใจของคนรอบข้าง ผู้หญิงที่มาเฝ้าไข้ไปต้มน้ำกลับมาเห็นเข้า จึงวางกาน้ำร้อนลงเดินเข้ามาถาม “เกิดอะไรขึ้น? ผัวเมียทะเลาะกันเหรอ?”
เฝิงิเยว่รีบยกมือข้างที่ว่างอยู่ขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาลวกๆ ฝืนหยักยิ้มแข็งทื่อเอ่ยกับพี่สาวแปลกหน้า “เปล่าค่ะ พี่สาว พวกเราไม่ได้ทะเลาะกัน”
“ไม่ทะเลาะกันก็ดีแล้วๆ” เธอคนนั้นเอ่ยยิ้มๆ จากนั้นจึงหันกลับไปเทน้ำให้สามีของเธอต่อ
เฝิงิเยว่เห็นเจิ้งเทียนิเจ็บจนหน้าซีดเผือด เหงื่อออกเต็มหน้าผาก จึงวางหนิวหนิวที่กำลังหลับสนิทไว้บนเตียงผู้ป่วยที่ยังว่างข้างๆ แล้วหาผ้าขนหนูมาเช็ดเหงื่อให้เขา เช็ดไปก็ปวดใจไม่น้อย “ฉันผิดเอง... ฉันผิดเองที่ทำให้คุณต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้”
ยามพลบค่ำเจิ้งหยวนยกตะกร้ามาส่งอาหาร ถึงรู้ว่าที่พี่ชายเธอาเ็ไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ แท้จริงแล้วเป็ฝีมือของคนต่างหาก
“ฉันว่าแล้ว เ้าลูกเต่านั่น ขนาดแค่ทำนายังี้เีเลย จะมากระตือรือร้นตามเข้ากลุ่มก่อสร้างได้ยังไง นี่มันเจตนาจะลงมือกับพี่ชายฉันชัดๆ” เจิ้งหยวนเหยียดยิ้มเย็นเยียบ คาดว่าชาติก่อนที่พี่ชายเธอตกลงมาจากบนูเา ก็อาจไม่ใช่อุบัติเหตุเหมือนกัน หากแต่น่าจะเป็ฝีมือของเจิ้งเทียนหู่ พอนึกถึงจุดจบอันน่าสังเวชและอ้างว้างของคนในครอบครัวเมื่อชาติก่อน แล้วมองพี่ชายเธอที่นอนทนเ็ปทรมานบนเตียง แต่ยังข่มกลั้นเสียงร้องครวญคราง เธอก็อยากจะพุ่งไปหาเจิ้งเทียนหู่ถึงบ้าน ฟันร่างคนชั่วช้านั่นให้ตายในดาบเดียว
เจิ้งหยวนยิ่งคิดยิ่งโมโห กัดฟันกรอดๆ พยายามข่มอารมณ์ชั่ววูบ ก่อนเอ่ยเสียงเด็ดขาดว่า “พี่ เราปล่อยเื่นี้ไปไม่ได้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้