“นายหญิง เราจะทำอย่างไรกันดี?” เฉินเซียงพูดอย่างกังวล แต่ใครจะรู้ว่าขณะเดียวกันก็มีคนรับใช้มารายงานว่า “หวังเฟย ไท่เฟยรับสั่งให้ท่านรีบไปเข้าเฝ้าเพคะ”
หานอวิ๋นซีกระตุกมุมปาก ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก หากนางคาดหวังให้อี้ไท่เฟยช่วยนางผ่านความยากลำบากนี้ละก็ นางคงคิดมากไป
ทันทีที่เดินเข้าประตู อี้ไท่เฟยก็ดุว่า “หานอวิ๋นซี เ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือไรถ้ามีความสามารถแล้วไม่แสดงออกมา?”
“หมู่เฟยเข้าใจผิดแล้ว อวิ๋นซีไม่ได้เป็คนหาปัญหาใส่ตัวเสียหน่อย” หานอวิ๋นซีตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“หาปัญหาใส่ตัว? ข้าเห็นว่าเ้านั่นแหละที่เป็คนเอาปัญหาเข้ามา เ้าสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง ไม่มีใครในวังหรือนอกวังรู้ว่าเ้ามีความสามารถอะไร หานอวิ๋นซี เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าหนวกหูกับคนพวกนั้นจะตายอยู่แล้ว!” อี้ไท่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
เหล่าผู้ที่มาขอรับการรักษา หลายคนมีฐานะต่ำต้อยและไม่สามารถเข้าประตูจวนฉินอ๋องได้ และผู้ที่มีตำแหน่งสูง อี้ไท่เฟยก็ปฏิเสธพวกเขาทั้งหมดไปชั่วคราว
ท้ายที่สุด จวนฉินอ๋องไม่ใช่โรงหมอ และฉินหวังเฟยก็ไม่ใช่หมอ หากองค์ชายและขุนนางเ่าั้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับอี้ไท่เฟย บางทีอี้ไท่เฟยอาจจะให้หานอวิ๋นซีไปดูได้ อย่างไรก็ตาม ใน่เวลาเช่นนี้ที่ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมือง สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็อยู่เหนือการควบคุม
อย่างไรก็ตาม หากทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่ประตูของจวนฉินอ๋องก็จะเป็อีกเื่หนึ่ง
ถึงแม้ความจริงแล้ว อี้ไท่เฟยเองจะมีแผนการั้แ่แรกอยู่แล้วก็ตาม
“หมู่เฟยเป็คนฉลาด ดังนั้นคงจะมองออกว่ามีคนแพร่ข่าวลือและ้าประจบสอพลออวิ๋นซี” หานอวิ๋นซีตอบอย่างจริงจัง
อี้ไท่เฟยกลับหัวเราะเยาะเย้ย และมองด้วยแววตาที่มีเลศนัย “ข้าไม่สนใจอะไรมากมายหรอก ตอนนี้เ้าบอกข้ามาสิ ว่าเ้าจะทำอย่างไร!"
ขณะที่พูด องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ที่ประตูก็รีบวิ่งเข้ามารายงานอีกครั้ง เมื่อเห็นเช่นนี้ อี้ไท่เฟยแสร้งทำเป็โกรธ ตบโต๊ะอย่างแรง “หานอวิ๋นซี เ้าดูเอาเถอะ ไปดูเอาเองก็แล้วกัน! หากวันนี้บอกข้าไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร ก็รีบเก็บข้าวของย้ายออกไปจากจวนฉินอ๋องเสีย”
ย้ายออกจากจวนฉินอ๋อง?
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานอวิ๋นซีก็เข้าใจทันทีว่า อี้ไท่เฟยมีปัญหาจากการถูกรบกวนจากคนที่มาขอการรักษาเสียที่ไหนกัน? แต่เป็เพราะไม่ชอบนางในฐานะลูกสะใภ้และ้าฉวยโอกาสนี้ขับไล่นางออกไปต่างหาก
ในที่สุดหานอวิ๋นซีก็เข้าใจว่า ไม่ว่านางจะเป็หน้าเป็ตาให้อี้ไท่เฟยมากเพียงใด ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์ ความผิดของนางไม่ได้อยู่ที่ปัญหาที่นางสร้าง แต่อยู่ที่ตัวตนของนาง
กลับกันวันนี้ถ้าเป็มู่หรงหว่านหรูที่เจอปัญหานี้ ด้วยนิสัยใจคอของอี้ไท่เฟยแล้ว นางคงต้องหาคนที่ปล่อยข่าวลือและต่อสู้กลับอย่างดุเดือด
อย่างไรก็ตาม นางเป็เพียงลูกสะใภ้จากตระกูลอื่น เป็ลูกสะใภ้ที่ไม่เหมาะสมกับบุตรชายของนาง ระหว่างพวกนางเลยมีเื่ให้ต้องหมางเมินกัน
บางที ข่าวลือในวันนี้อาจเป็กับดักที่วางโดยอี้ไท่เฟยและมู่หรงหว่านหรูก็เป็ได้!
ในกรณีนี้ นางไม่จำเป็ต้องบังคับตัวเองให้อดทนและปั้นหน้ายิ้มต้อนรับ
หานอวิ๋นยิ้มอย่างเ็า “หมู่เฟย ท่านคิดที่จะแยกครอบครัวอย่างนั้นหรือ? เื่ใหญ่ขนาดนี้ ข้าไม่สามารถตัดสินใจได้หรอก ท่านไปถามท่านอ๋องเถิด”
ไม่ว่าหลงเฟยเยี่ยจะอาศัยอยู่ที่ใดนางก็จะอยู่ที่นั่น สามีภรรยากลมเกลียวกัน นางไม่ลังเลที่จะเตะประตูเกี้ยวเพื่อแต่งเข้ามาในจวนฉินอ๋อง แล้วจะให้ออกไปง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไรกัน
หากนางย้ายออกไป ก็คงมีคนไม่น้อยพูดนินทาลับหลังนาง แล้วจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างไรกัน?”
การอภิเษกครั้งนี้เป็ไท่เฮาที่จัดการ และเป็คำสั่งของฮ่องเต้ แม้แต่หลงเฟยเยี่ยก็ไม่สามารถไล่นางออกไปได้ง่ายๆ หากไม่มีเหตุผลที่ดีพอ นับประสาอะไรกับอี้ไท่เฟยล่ะ?
แยกครอบครัว?
หลังจากได้ยินคำนี้ อี้ไท่เฟยก็ตกตะลึง มู่หรงหว่านหรูที่อยู่ข้างๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน ไม่เคยคิดเลยว่าหานอวิ๋นซีจะกล้าพูดคำนี้ออกมา! อี้ไท่เฟยรักฉินอ๋องราวกับรักชีวิตของตนเอง ทันทีที่ฮ่องเต้องค์แรกต นางก็รีบย้ายมาที่จวนฉินอ๋อง โดยอ้างว่าเบื่อในวัง
หานอวิ๋นซีที่เป็ลูกสะใภ้จากตระกูลอื่น กล้าพูดว่าแยกครอบครัวอย่างนั้นหรือ?
“ตึง!”
เสียงก้องดังขึ้น อี้ไท่เฟยเองก็เสียสติและตบโต๊ะอย่างแรงอีกครั้ง “หานอวิ๋นซี เมื่อครู่เ้าพูดว่าอะไรนะ? เ้าพูดให้มันชัดๆ สิ!”
“ข้าบอกว่า หากหมู่เฟย้าแยกครอบครัวละก็ เชิญท่านไปถามฉินอ๋อง เื่นี้ข้าตัดสินใจไม่ได้! ข้ามีเื่ที่ต้องไปจัดการ ขอตัวลาก่อน” หานอวิ๋นซีพูดอย่างเ็า จากนั้นก็หันกลับและเดินออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ใครก็ได้ หยุดนางไว้!” อี้ไท่เฟยะโด้วยความโกรธ องครักษ์หลายนายก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดนางไว้
“หานอวิ๋นซี เ้ากล้าที่จะพูดว่าแยกครอบครัว เ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดคำนี้กับข้า เฟยเยี่ยไม่ยอมรับเ้าหรอก! เ้าอย่าเห็นตัวเองสำคัญนักเลย! เ้าคิดที่จะฏอย่างนั้นหรือ?” อี้ไท่เฟยพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว
“หมู่เฟย ปรักปรำข้าเกินไปแล้ว!” หานอวิ๋นซีพูดเสียงดัง “การแยกครอบครัวเป็ความคิดของท่าน ไม่ใช่ของข้า ท่านอย่ามาปรักปรำข้าเช่นนี้เด็ดขาด!”
อะไรนะ?
อี้ไท่เฟยที่โกรธเกรี้ยวจนเกือบจะเป็ลม สตรีอย่างเ้าทำไมถึงกล้าพูดเื่ไร้สาระออกมาอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ข้าไปพูดเช่นนั้นตอนไหนกัน?”
“หมู่เฟย้าให้ข้าย้ายออกไป หรือว่า้าให้ข้าย้ายออกไปคนเดียว ไม่ได้ให้ฉินอ๋องไปกับข้าใช่หรือไม่?” หานอวิ๋นซีถามอย่างจริงจัง
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา อี้ไท่เฟยก็ประหม่าอีกครั้ง และไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรไปชั่วขณะ
หานอวิ๋นซีนึกขึ้นได้ทันใดและอุทานว่า “หมู่เฟย คงไม่ได้คิดจะให้ข้าออกไปคนเดียวจริงๆ หรอกใช่หรือไม่? หมู่เฟย ั้แ่ข้าแต่งเข้าจวนมาจนถึงวันนี้ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่เคยไม่เคารพผู้าุโ ไม่นินทา ไม่ลักเล็กขโมยน้อย ไม่อิจฉาริษยา ไม่มีโรคร้ายแรง และข้าก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้กำเนิดทายาทแก่ท่านอ๋อง เหตุใดท่านต้องขับไล่ข้าด้วยล่ะ?”
มาตรฐานการหย่ากับภรรยาทั้งเจ็ดประการคือ ไม่มีลูก มีชู้ ขี้นินทา ลักขโมย อิจฉาริษยา และเจ็บป่วย หานอวิ๋นซีไม่เคยทำความผิดเหล่านี้เลยจริงๆ
อี้ไท่เฟย้าที่จะขับไล่นางออกไปจริงๆ นางที่กำลังโกรธจัดและกำลังจะพูดออกมา มู่หรงหว่านหรูก็รีบเข้ามาขัดจังหวะอย่างกระวนกระวาย
“พี่สะใภ้ เข้าใจผิด! เข้าใจผิดแล้ว! ต่อให้ท่านทำผิดต่อหมู่เฟยจริงๆ มันก็ไม่ใช่เื่ใหญ่ั้แ่แรก ท่านจะคิดมากทำไมกัน?”
ขณะที่นางกำลังพูด ก็ขยิบตาให้อี้ไท่เฟยที่กำลังโกรธเกรี้ยวและช่วยให้นั่งลง
“พี่สะใภ้ ความตั้งใจของหมู่เฟย คืออยากให้ท่านไปโรงหมออื่นในชานเมืองเพื่อทำการรักษาสักสองสามวัน มีคนมากมายมาหาท่านเพื่อพบหมอในหลายวันที่ผ่านมา คงไม่ดีหากจะรับพวกเขาทั้งหมดเข้ามาในจวน หรือปฏิเสธพวกเขาทั้งหมดใช่หรือไม่?”
มู่หรงหว่านหรูยื่นชาให้อี้ไท่เฟยอย่างรู้หน้าที่ และพูดปลอบโยนว่า “หมู่เฟย ท่านอย่าโกรธไปเลย ท่านโกรธเช่นนี้แล้วพี่สะใภ้จะรู้สึกสบายใจได้อย่างไรล่ะเพคะ? ข้าว่าพี่สะใภ้คงเข้าใจความหมายของท่านผิดไป ข้าจะไปพูดกับพี่สะใภ้เอง นางคงเข้าใจและตอบตกลงแน่ๆ เพคะ”
เช่นนี้อี้ไท่เฟยจึงพยักหน้า นางเผชิญกับความยากลำบากในพระราชวังมานานหลายปี แล้วนางก็ไม่ใช่คนที่จะอดทนอดกลั้นไม่ได้ เดิมทีได้หารือกับหว่านหรูว่าจะใช้เื่นี้หลอกให้หานอวิ๋นซีไปที่ตำหนักอื่นชั่วคราว หลังจากที่นางออกไป หาก้าจะกลับมาก็คงไม่ง่าย
อย่างไรก็ตาม คำว่า “แยกครอบครัว” ของหานอวิ๋นซี ทำให้นางโกรธจนแทบจะเสียสติ
เฟยเยี่ยคือความภาคภูมิใจเพียงหนึ่งเดียวของนาง เป็ที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของนาง และเป็ความหวังทั้งหมดของนางไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็ใคร ก็อย่าได้คิดที่จะพาตัวบุตรชายของนางไป!
หานอวิ๋นซีมองมาที่มู่หรงหว่านหรูด้วยความเย้ยหยันในใจ ต้องยกย่องเ้าดอกบัวสีขาวดอกนี้จริงๆ ว่านางพูดได้ดีเหลือเกิน
หลังจากปลอบโยนอี้ไท่เฟยแล้ว มู่หรงหว่านหรูจึงจะลากหานอวิ๋นซีมานั่งข้างๆ หานอวิ๋นซีเองก็นั่งลง นางแค่พยายามทำให้อี้ไท่เฟยกลัวเท่านั้น ไม่คิดที่จะทำให้อี้ไท่เฟยขายหน้าจริงๆ
การโต้เถียงกับเด็กและคนชราเป็วิธีที่โง่ที่สุด ถึงจะเป็คนมีเหตุผลมากแค่ไหน แต่อีกฝ่ายก็จะจงใจทำให้เื่ยุ่งยาก สุดท้ายแล้วบนหน้าผากก็จะมีคำว่า “ไร้มารยาท อกตัญญู” เขียนไว้ และความผิดทั้งหมดก็จะเป็ของเรา
มู่หรงหว่านหรูอดทนอย่างมาก นำชามาให้หานอวิ๋นซี “พี่สะใภ้ ท่านใจเย็นๆ ความหมายของหมู่เฟยคือให้ท่านไปอาศัยที่อื่นก่อนสักสองสามวัน ในขณะที่กำลังรักษาผู้ป่วย ก็จะมีเวลาคิดหามาตรการรับมือ ไม่มีทางปล่อยให้ท่านเป็หมอตลอดไปอย่างแน่นอน ท่านพูดเกี่ยวกับการแยกครอบครัวใช่หรือไม่? ไม่แปลกใจที่หมู่เฟยจะโกรธ หากพี่ชายได้ยิน ก็คงเป็ห่วงท่านเช่นกัน!”
คำพูดนี้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปและกลายเป็ความผิดของหานอวิ๋นซี เ้าดอกบัวขาวมู่หรงหว่านหรูช่างเก่งกาจจริงๆ
ด้วยจังหวะนี้ ต่อไปนางต้องขอโทษอี้ไท่เฟยและยอมรับความผิดพลาดของนาง จากนั้นก็ต้องยอมรับการจัดการของพวกเขาเพื่อไปใช้ชีวิตชั่วคราวที่อื่นสินะ?
มู่หรงหว่านหรูเก่งเื่เล่ห์เหลี่ยม แต่หานอวิ๋นซีไม่ใช่คนโง่ นางหลีกเลี่ยงการโต้เถียงและพูดตรงๆ ว่า “ที่ข้าช่วยแม่ทัพใหญ่กับองค์หญิงได้ เพราะบังเอิญสามารถรักษาพิษในตัวพวกเขาได้เท่านั้น หมอเทวดาศักดิ์สิทธิ์อะไรแบบนั้นข้าไม่ใช่เสียหน่อย ข้าจะออกไปชี้แจงเดี๋ยวนี้!”
หานอวิ๋นซีที่พูด ลุกขึ้นและกำลังจะออกไป
หากมีคนด่าว่าเป็ขยะต่อหน้านาง นางจะปฏิเสธอย่างแน่นอน แต่นางไม่จำเป็ต้องโลภมากที่จะให้คนทั้งโลกรู้ว่านางเป็อัจฉริยะ ์ยังอิจฉาอัจฉริยะ แล้วนับประสาอะไรกับคนทั่วไปล่ะ?
ถ้าอยากจะประจบสอพลอก็ประจบไปเถอะ อย่างไรนางก็ไม่ได้คิดที่จะปีนขึ้นไปสูงขนาดนั้น
อี้ไท่เฟยกลับเริ่มกังวลอีกครั้งและพูดด้วยความโกรธว่า “หยุดนะ! มะ...ไม่ใช่ว่าเ้าจะออกไปทำให้คนอื่นอับอายหรือไร?”
“หมู่เฟย ท่านเข้าใจข้าผิดหรือไม่? ข้าไม่ใช่หมอ ไม่สามารถรักษาคนไข้ได้ ข้าแค่ล้างพิษได้เท่านั้น เกิดบังคับให้ข้ารักษาคนไข้แล้วไม่หายขาดแล้วเสียชีวิต เช่นนั้นมันไม่น่าอายกว่าหรือไร?” หานอวิ๋นซีพูดอย่างจริงจัง
ประโยคนี้ทำให้อี้ไท่เฟยและมู่หรงหว่านหรูพูดไม่ออก ความเกลียดชังอันมืดมนฉายแววในดวงตาของมู่หรงหว่านหรู
ข่าวลือนี้นางเป็คนแพร่กระจายออกไป ประการแรกเพื่อที่จะใช้โอกาสนี้ขับไล่หานอวิ๋นซีออกจากจวนฉินอ๋อง ประการที่สองนางจะสามารถเข้าไปแทรกแซงผู้ป่วยที่หานอวิ๋นซีกำลังรักษาอยู่ และกล่าวหาว่าหานอวิ๋นซีเป็คนทำให้คนไข้เสียชีวิต
ด้วยกลยุทธ์ยิงปินนัดเดียวได้นกสองตัวเช่นนี้ ใครจะรู้ว่าจู่ๆ คำพูดของหานอวิ๋นซีจะทำให้มันพัง!
มู่หรงหว่านหรูที่ไม่ได้ดูเต็มใจมากนัก นางดูหมดหนทางและถอนหายใจ “พี่สะใภ้ หมอพิษไม่มีแบ่งแยก ท่านถ่อมตัวเกินไปแล้ว ตอนนี้มีข่าวลือมากมายข้างนอก หากท่านออกไปชี้แจง คนที่ไม่รู้ก็จะยังคิดว่าท่านมีจิตใจงดงามและมีคุณธรรม ด้านนอกยังมีองค์ชายและขุนนางมากมาย และยังมีพี่ชายอยู่ที่นี่ เราไม่กลัวว่าคนพวกนั้นจะรุกรานหรอก แต่...”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ มู่หรงหว่านหรูลังเลที่จะพูด
“แต่อะไร?” อี้ไท่เฟยถามอย่างจริงจัง
มู่หรงหว่านหรูชำเลืองมองหานอวิ๋นซีอย่างจำใจ “เพียงแต่ พี่สะใภ้เองก็เป็ตัวแทนของพี่ชาย หากพี่สะใภ้ทำให้คนทั่วไปผิดหวัง เกรงว่ามันจะส่งผลต่อพี่ชายที่อยู่ในหัวใจของประชาชน นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด”
หลงเฟยเยี่ยมีอำนาจมาก แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ยังต้องยอม ไม่เพียงเพราะอำนาจในมือของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็เพราะเป็ที่รักในใจของชาวเทียนหนิงใน่หลายปีที่ผ่านมา
คำพูดของมู่หรงหว่านหรู ช่างพูดเข้าประเด็นสำคัญได้ดีจริงๆ
อย่างไรก็ตาม หานอวิ๋นซีกลับมีความสุข ถ้ามู่หรงหว่านหรูไม่พูดถึงหลงเฟยเยี่ย นางก็จะพูดถึงอยู่ดี เป็การดีที่สุดที่จะผลักปัญหาเช่นนี้ไปที่หลงเฟยเยี่ย
นางกล่าวว่า “ดูเหมือนที่หว่านหรูพูดจะเป็ความจริง เื่นี้ข้าเองก็ไม่กล้าอ้างถึง ไปหารือกับท่านอ๋องก่อน แล้วค่อยตัดสินใจจะดีกว่า”
อี้ไท่เฟยที่ไม่สามารถบังคับให้หานอวิ๋นซีย้ายออกไปได้ จึงรู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก เมื่อพูดถึงหลงเฟยเยี่ย อี้ไท่เฟยก็ระมัดระวังทันที นางไม่้าทำให้บุตรชายของนางเสียชื่อเสียง
“ใครก็ได้ ไปที่ลานดอกบัว ขอให้ฉินอ๋องกลับมาโดยเร็ว แค่บอกว่าข้ามีเื่เร่งด่วน!” อี้ไท่เฟยรีบสั่งการทันที
เมื่อเห็นสิ่งนี้ มู่หรงหว่านหรูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางรู้ว่าตนเองแพ้แล้ว!