“เริ่มได้!”
พนักงานแต่ละคนต่างสวมชุดผ้าไหมสีสันสวยงามพร้อมกับนำอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะอย่างนอบน้อมที่ร้านจุ้ยเซียนบริการแบบนี้จึงมักจะมีให้แก่คนรวยเท่านั้นแหละเพราะขนาดรูปร่างหน้าตาของพนักงานที่มาเสิร์ฟก็ยังดูดี และมีเสน่ห์เย้ายวนมากอย่างน่าใซึ่งกลุ่มศิษย์ที่นั่งอยู่ก็ล้วนจ้องมองจนกลืนน้ำลายกันไปหลายอึกแล้ว
“มา พวกเรามาฉลองให้ลั่วเหยียนพร้อมกันด้วยเหล้าแก้วแรกนี้กันเถอะ?”ช่างหรงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น
ทุกคนจึงยกแก้วขึ้นมาชนฉลองกัน
ไวน์ในแก้วนั้นหวานและกลมกล่อมมากเมื่อกลืนลงไปจึงรู้สึกได้เลยว่ามีความร้อนผ่าวจางๆ ไหลผ่านลงไปในท้อง
ช่างหรงมองมาที่พวกข้าแล้วพูดขึ้น“ศิษย์ใหม่ปีนี้นี่ไฟแรงจริงๆ แค่คราวเดียวก็เข้ามาในสำนักจวี๋ฉีได้เกือบสิบคนถ้าเป็แบบนี้เกรงว่าการเลือกศิษย์ผู้แข็งแกร่งของการประลองของสำนักชั้นในที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้คงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่จะเข้ามาในสำนักหยุนต้งเหมือนกับผู้ที่มีพร์เช่นซูเหยียนกับถังเชวียหรานไงล่ะอีกอย่างข้าว่ามันจะต้องเกิดการแย่งชิงศิษย์ระหว่างสำนักสีเลี้ยนกับสำนักหยุนต้งเป็แน่”
ถังเชวียหรานยิ้มขึ้นเล็กน้อย“ไม่แน่นะ เพราะข้ารู้สึกว่าพวกข้าอาจจะยังไม่เก่งถึงขนาดนั้นแต่ถึงยังไงนักรบิญญาหลัวเสี้ยนก็มีลูกศิษย์เยอะอยู่แล้วขาดพวกข้าไปไม่กี่คนคงไม่เป็ไรหรอกทว่าพวกเ้าน่ะสิขึ้นชื่อว่าเป็จอมยุทธ์ทั้งสี่แห่งสำนักหยุนต้งและยังถูกขนานนามว่าเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสี่คนของสำนักหมื่นิญญามาโดยตลอดคงจะมีพลังมหาศาล และมีแต่คนอิจฉาล่ะสิ”
ช่างหรงหัวเราะร่า“คุณหนูถังเชวียหรานพูดเกินไปแล้ว”
ขณะเดียวกันลั่วเหยียนก็กำลังคีบเนื้อให้ซูเหยียน “เสี่ยวเหยียน ดูสิเ้าผอมลงเยอะเลยกินเนื้อเยอะๆ หน่อยแล้วกันนะ!”
ข้าจึงยื่นตะเกียบออกไปขวางแล้วพูดขึ้น“ให้ข้าชิมก่อนสิ”
“อันนี้เ้าก็ยังจะชิมอีกเหรอ?” ั์ตาของลั่วเหยียนฉายแววความโกรธขึ้นมาทันทีเขาคงจะรู้สึกว่าข้าเข้ามายุ่งมากเกินไปแล้ว
“ข้าเป็องครักษ์แนบกายนะ แค่ชิมอาหารให้เ้านายว่ามีพิษหรือเปล่าคงไม่ผิดหรอกใช่ไหมล่ะ?” ข้าพูดออกไป
“แล้วถ้าข้าไม่ให้เ้าล่ะ?”
“เ้าก็เก็บเอาไว้กินเองไง”
“นี่เป็อาหารที่ข้าคีบให้ซูเหยียนนะ”
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องลองชิมก่อน”
“เ้า!”
ลั่วเหยียนโกรธมากจึงควงตะเกียบหมุนขึ้นแล้วยื่นไปที่จานของซูเหยียนทันทีนี่มัน...นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะใช้ตะเกียบเพื่อปล่อยพลังอันเร้นลับของเคล็ดวิชากระบี่เทพออกมาได้
เมื่อข้าเห็นแล้วจึงแยกตะเกียบงาช้างพลาสติกออกโดยพลันพร้อมกับปล่อยพลังกระบี่ที่รุนแรงพุ่งออกไปราวกับัแวบเดียวเท่านั้นมันก็เข้าไปกดที่ตะเกียบในจานของลั่วเหยียนได้อย่างรวดเร็วข้าจึงพูดขึ้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะถอย “เ้าผ่านข้าไปได้ไหมล่ะ?”
ลั่วเหยียนปล่อยพลังเข้ามาที่ตะเกียบเล็กน้อยเนื้อที่คีบอยู่จึงกระเด็นลอยไปกลางอากาศ เขาจึงพุ่งตะเกียบออกไปคีบเนื้อที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็วและดุดันพร้อมกับใช้เคล็ดวิชากระบี่เทพ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นทั่วทั้งร่างก็แผ่พลังออกมาอย่างหนาแน่น ราวกับเป็กระบี่อันล้ำค่า ส่วนบริเวณรอบๆตะเกียบก็เต็มไปด้วยเคล็ดวิชากระบี่เทพ จากนั้นเขาก็ยื่นไปที่จานของซูเหยียนอีกครั้ง
ข้ารวบรวมพลังออกมาตะเกียบงาช้างจึงถูกล้อมรอบไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งจากนั้นข้าก็ใช้กระบวนท่าที่สองคือปราณดุจดวงดาวของเพลงกระบี่ดินแดนหิมะทันใดนั้นจึงเกิดพลังลมจากกระบี่ปะทุออกมาติดต่อกันกลางอากาศแล้วสกัดตะเกียบของลั่วเหยียนเอาไว้ทุกทิศทาง และระหว่างที่เขากำลังสับสนอยู่นั้นก็ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมาตะเกียบงาช้างของข้าคีบส่วนล่างของเนื้อได้สำเร็จ ข้าจึงดึงมันออกมาทันที
“เ้าฝันไปเถอะ!”
ลั่วเหยียนปล่อยพลังวิชาลมหายใจัออกมาตะเกียบจึงพุ่งลงมาด้วยความรวดเร็วดั่งสายฟ้าจากกลางอากาศ พร้อมกับคลื่นแสงสีขาวแล้วตรงมายังตะเกียบงาช้างของข้าทันที
ตั้นไถเหยาที่ในมือกำลังคีบปลาไว้ชิ้นหนึ่งเหลือบตามองมายังพวกข้า แล้วพูดขึ้นเบาๆ“นี่แค่กินข้าวเองถึงกับต้องใช้วิชาลมหายใจัขั้นที่สิบสามอย่างพลังามัจฉาัเลยเหรอ? เกินไปแล้วนะ...”
พลังของเขารุนแรงเกินไปข้าจึงจำเป็ต้องใช้วิชาลมหายใจั ข้าะโเรียกัทะเลทรายเหนือทันใดนั้นก็มีเทพัพุ่งขึ้นมาจากไหล่ของข้าทันที มันดูดุร้ายและน่าเกรงขามมากจากนั้นตะเกียบที่มีเพลงกระบี่ดินแดนหิมะอยู่รอบๆจึงพลิกกลับเพื่อหลบการโจมตีของลั่วเหยียนได้อย่างยอดเยี่ยม
ฟึบ!”
ตะเกียบของลั่วเหยียนถูกกดลงอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า
ข้าใช้วิธีส่ายข้อมือเล็กน้อยทำให้เนื้อกระเด็นลอยขึ้นไปกลางอากาศแม้ว่าตอนนั้นตะเกียบงาช้างจะอยู่ไกลจากตัวข้าแต่ข้าก็ตัดสินใจอย่างไม่ลังเลและอ้าปากงับเนื้อชิ้นนั้นอย่างรวดเร็วแล้วเคี้ยวพลางพูดไปด้วย “อร่อยจริงๆ ...ขอบใจมากนะ ลั่วเหยียน”
ลั่วเหยียนได้แต่โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
ลั่วหว่านจึงขมวดคิ้วพูดขึ้น“อาเหยียน เราสองคนเปลี่ยนที่นั่งกันเถอะไม่อย่างนั้นพวกเ้าคงไม่ได้กินข้าวมื้อนี้ดีๆ แน่นอน!”
ถือว่าลั่วเหยียนยังฟังคำพูดของพี่สาวเขาอยู่แต่หลังจากที่เปลี่ยนที่นั่งกันแล้วเขาก็จ้องมองมาข้ามากขึ้นไปอีกสงสัยคงจะอยากโยนข้าออกจากร้านจุ้ยเซียนนี้ไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำไม่ได้
ลั่วหว่านนั้นเป็ผู้หญิงที่สวยดูดีมากคนหนึ่งเลยทั้งรูปร่างหน้าตาและทรวดทรงองค์เอวก็ดูเพียบพร้อมไปหมดยิ่งสวมเครื่องแบบของสำนักก็ยิ่งดูมีเสน่ห์มากเป็พิเศษและอีกอย่างลั่วหว่านก็ดูสุขุมกว่าลั่วเหยียนมากเลยทีเดียว พอนางนั่งลงข้างข้านางก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนกับแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะของข้าเบาๆ พลางพูดขึ้น“ปู้อี้เชวียน พวกเราดื่มกันสักแก้วไหม?”
“เอาสิ...”
ข้าดื่มลงท้องอย่างรวดเร็ว
จากนั้นลั่วหว่านก็พูดเสียงเบา“ต้องขอโทษเ้าด้วย อาเหยียนน่ะเป็คนโกรธง่ายแบบนี้มาั้แ่เด็กแล้ว ทว่าลึกๆแล้วเขาก็นิสัยดีนะ และอันที่จริงเขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อเ้าหรอกคงเพราะว่าการปรากฏตัวของเ้าทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับซูเหยียนเลวร้ายลงต่างหากฉะนั้นเขาถึงเห็นเ้าเป็หนามยอกอกคอยทิ่มแทงใจเขาไงล่ะอีกอย่างเ้าก็ไม่ยอมหลีกทางให้เขาเลย...แล้วเ้าคิดว่าเขาผู้เป็อันดับหนึ่งของสำนักหมื่นิญญาจะยอมให้มันผ่านไปได้ง่ายๆอย่างนั้นเหรอ?”
ข้าฝืนยิ้มพลางกระซิบบอก“ลั่วหว่าน ท่านจะให้ข้ากับซูเหยียนทำอย่างไรล่ะ เพราะการหลีกทางให้เขาเข้ามาได้อีกก็เท่ากับว่าซูเหยียนได้ให้ความหวังใหม่กับเขาแล้วอย่างนี้จะไม่เป็การทำร้ายเขาหรอกเหรอ?”
ลั่วหว่านตะลึงงันไปครู่หนึ่งจากนั้นั์ตาคู่สวยก็ฉายแววถึงความนับถือออกมา นางยกยิ้มมุมปากแล้วพูดออกไป“สมกับเป็คนของตระกูลปู้จริงๆ เลย พูดจาได้แทงใจดำดีจริงๆแต่ถึงอย่างไรก็...ขอบคุณเ้านะ อย่างไรก็ตามข้าก็ได้แต่หวังว่าอย่าให้ตระกูลปู้กับตระกูลลั่วมีเื่บาดหมางกันเลย”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว”
...
เมื่อดื่มเหล้าไปสามจอกอาหารก็มาเสิร์ฟเพิ่มอีกห้าอย่างจากนั้นศิษย์จากสำนักหยุนต้งคนหนึ่งก็ลุกพรวดแล้วพูดขึ้น“วันนี้เป็วันเกิดของลั่วเหยียน ถ้าเอาแต่กินกับดื่มก็คงไม่สนุกน่ะสิข้าหูจ่านศิษย์จากสำนักหยุนต้งขอจัดการประลองฝีมือเพื่อเพิ่มความสนุกสนานในงานให้หน่อยเป็ไง?”
ลั่วเหยียนยิ้มร่าขึ้น“ความจริงเ้าของร้านจุ้ยเซียนได้จัดลานประลองสำหรับการประลองฝีมือไว้ที่ด้านข้างอยู่แล้วนะแต่ก็ตามใจเ้าเถอะหูจ่าน ขอแค่เ้าสนุกก็พอแล้ว!”
“ตกลง!”
หูจ่านดื่มเหล้าเข้าไปอีกหนึ่งแก้วจากนั้นก็หมุนตัวทะยานขึ้นไปที่ลานประลองฝีมือถือได้ว่าเขามีการเคลื่อนไหวที่ดีเลยทีเดียว ดูๆแล้วอย่างน้อยคงฝึกฝนไปถึงขั้นสูงแล้ว มิน่าล่ะถึงเข้ามาที่สำนักหยุนต้งได้ทั้งยังไม่มีใครหน้าไหนกล้ามาหาเื่อีกพลังลมปราณของเ้าหูจ่านคนนี้เกาะกลุ่มกันอย่างหนาแน่นท่าทางคงจะบำเพ็ญถึงผู้พิทักษ์ระดับพิภพสูงสุดแล้วเป็แน่เขายืนอยู่บนลานประลองฝีมือแล้วชูมือเพื่อเรียกกระบี่เล่มยาวออกมา“การประลองฝีมือเพื่อเพิ่มความสนุกสนานเท่านั้น มีใครอยากจะประลองกับข้าไหม?”
สักพักก็มีศิษย์สวมเครื่องแบบของสำนักสีเลี้ยนคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับอาวุธิญญาจากนั้นก็ะโขึ้นไปบนลานประลอง “ข้าซูเฉินจากสำนักสีเลี้ยน ขอท่านชี้แนะด้วย!”
เพียงพริบตาเดียวทั้งสองก็เริ่มต่อสู้กันซูเฉินใช้เพลงกระบี่ที่ฝึกฝนมาได้ถึงขั้นสาม และฝึกพลังได้ถึงระดับสูงเกล็ดน้ำแข็งที่ออกมาจากคมกระบี่ขณะกวัดแกว่งอยู่กลางอากาศทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วจนศิษย์ที่อยู่รอบๆ แสดงทีท่าหนาวสั่นออกมากันหมดเขาสามารถเปลี่ยนแปลงความเย็นของพลังกระบี่ได้หลายแบบมาก อีกทั้งยังมีการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมอีกด้วยคาดไม่ถึงเลยว่าฝีมือจะพอๆ กับหูจ่าน
ตูม!
กระบี่เล่มยาวของหูจ่านปล่อยพลังอันแข็งแกร่งออกมาจนอาวุธิญญาของซูเฉินสั่นะเืและแตกออกเขาจึงแสยะยิ้มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามพลังกระบี่ของเขานั้นรุนแรงมากเพราะเขาใช้เพลงกระบี่เปลวโลกันตร์ที่เหมือนจะเป็วรยุทธ์ขั้นสองและฝึกพลังไปได้ถึงขั้นสูงแล้วเหมือนกันเมื่อเวลาผ่านไปมันก็เริ่มบดขยี้ซูเฉินช้าๆ
ลั่วเหยียนที่นั่งอยู่จึงพูดออกไปอย่างเ็า“หูจ่าน เลิกเล่นเถอะ รีบจบการต่อสู้นี้ แล้วหาคู่ต่อสู้ใหม่ที่แข็งแกร่งดีกว่า”
ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือดจู่ๆ หูจ่านก็หัวเราะร่าแล้วคำรามเสียงดัง จากนั้นพลังวิชาลมหายใจัขั้นที่แปดก็พรั่งพรูออกมาซึ่งทำให้กระบี่เล่มยาวถูกพัฒนาเป็ระดับเซียนอันทรงพลังทันทีดาบที่พุ่งตรงเข้ามาจึงมีความรุนแรงมากจนส่งผลให้ซูเฉินกระเด็นลอยออกไปไกล
“ข้าแพ้แล้ว”
สีหน้าของซูเฉินแย่ลงทันทีเดิมทีเขาคงอยางจะใช้โอกาสจากการประลองครั้งนี้เพื่อให้ได้รับคำชื่นชมก็ได้แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะแพ้เร็วขนาดนี้
หูจ่านจึงทำท่าทางทะนงตัวขึ้นมาทันทีจากนั้นก็มองไปยังศิษย์ที่อยู่ในงานเลี้ยงแล้วพูดขึ้น“ยังมีเพื่อนศิษย์คนไหนที่คิดว่าตัวเองแกร่งกว่า และพร้อมจะเข้ามาสู้กับข้าอีกไหม?”
ทั้งห้องเงียบกริบใครๆ ก็คงไม่อยากรนหาที่ตายหรอกนะ ถึงอย่างไรเขาก็เป็คนของสำนักหยุนต้งและเป็ผู้มีฝีมือที่ฝึกเพลงกระบี่ขั้นสองถึงระดับเซียนแล้วอีกด้วยใครออกไปก็เท่ากับว่าออกไปทำให้ตัวเองขายหน้าเปล่าๆ น่ะสิ
ทันใดนั้นสายตาของหูจ่านก็หยุดมองข้าจากนั้นเข้าก็ยิ้มพลางพูดขึ้น “ปู้อีเชวียนเ้าคือผู้ที่คนในสำนักจวี๋ฉียอมรับว่าเป็ที่หนึ่งนี่อีกอย่างยังเป็ผู้ได้อันดับหนึ่งที่สนามเซินยวนอีก ข้าหูจ่านนั้นไม่มีความสามารถขอเ้าช่วยชี้แนะด้วย!”
ข้ารู้หรอกว่าเ้าหูจ่านนี่คงเป็คนที่ลั่วเหยียนส่งมาเพื่อดูเชิงข้า
ซูเหยียนลุกพรวดขึ้นทันทีพร้อมกับพูดออกไปอย่างเ็า “ข้าจะสู้กับเ้าเอง!”
“ช้าก่อน”
ข้าดึงมือนางไว้แล้วส่ายหน้าไปมา“เ้าลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนี้ข้าเป็องครักษ์คนใกล้ชิดของเ้า? ให้ข้าไปเถอะเื่แบบนี้ควรเป็ของข้าซึ่งเป็องครักษ์ที่ต่ำต้อยผู้นี้จัดการเอง”
ข้าพูดพลางหันมาทางลั่วเหยียนแล้วยิ้มขึ้น“วันนี้ถือว่าข้าสั่งสอนนิดหน่อยแล้วกันนะ?”
ลั่วเหยียนยิ้มร่าพร้อมกับผายมือออก“ตามใจเ้าเลย!”
...
ข้าลุกขึ้นเหยียบบนเก้าอี้แล้วทะยานขึ้นสูงกว่าสิบเมตรจากนั้นก็ร่อนลงบนลานประลองช้าๆเห็นได้ชัดว่าเพลงขาเมฆาหมอกของข้านั้นฝึกไปถึงระดับสูงแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าแค่ข้าแสดงการเคลื่อนไหวนิดเดียวกลับได้รับเสียงเชียร์และเสียงปรบมือจากศิษย์ที่นั่งอยู่ได้ไม่น้อยทว่าถึงอย่างไรข้าก็เป็ตัวแทนของห้าสำนักใหญ่ชั้นในและศิษย์ที่นั่งอยู่ในนี้ส่วนใหญ่ก็เป็ศิษย์ของห้าสำนักใหญ่ชั้นในจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะเอาใจช่วยให้ข้าชนะ
“ปู้อี้เชวียน สั่งสอนคนของสำนักหยุนต้งเลย!”
“ใช่ทำให้พวกเขารู้หน่อยว่าห้าสำนักใหญ่ชั้นในของพวกเรานั้นก็มีผู้มีฝีมือ!”
“เอาชนะเ้าหูจ่านนี่ให้ได้นะ เขาหยิ่งยโสโอหังมานานหลายปีแล้ว!”
...
หูจ่านสูดลมหายใจเข้าลึกไปหนึ่งครั้งจากนั้นก็รวบรวมพลังและปล่อยออกมา จากนั้นจึงใช้มือทั้งสองข้างจับกระบี่ไว้แน่น“ปู้อี้เชวียน ช่วยชี้แนะข้าด้วยทำให้ข้าได้รู้ทีว่าผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในสนามเซินยวนนั้นยอดเยี่ยมมากแค่ไหนและสามารถสั่นคลอนตำแหน่งการปกครองของสำนักหมื่นิญญาได้หรือเปล่า!”
“ข้าจะจัดให้ตามที่เ้าขอเลย!”
ข้าตวาดเสียงดังลั่นทันใดนั้นรอบตัวก็มีัทะเลทรายเหนือปรากฏกายขึ้นทันทีพลังวิชาลมหายใจัถูกปล่อยออกมาอย่างรุนแรงในขณะเดียวกันก็มีแสงสีน้ำเงินเข้มเปล่งประกายของการผสานห้าพลังรวมเป็หนึ่งผสานลงเข้ากับกระบี่คมจักรภพและพอสิ้นเสียงตวาดของข้า คมกระบี่ก็พุ่งแทงออกไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วจนโดยรอบแข็งตัวกลายเป็น้ำแข็ง ความหนาวเย็นจึงกระจายตัวออกไปโดยพลันจากนั้นเกล็ดน้ำแข็งเป็สายก็พุ่งทะลุทะลวงผ่านอากาศซึ่งทั้งทรงพลังและแข็งแกร่งดั่งหินผา
กระบี่ผลึกน้ำแข็งขั้นมนุษย์์รวมเป็หนึ่ง!
ฟึบฟึบ ฟึบ...
คาดไม่ถึงเลยว่าไม้กระดานที่อยู่ข้างๆจะทนรับความรุนแรงจากพลังนี้ไม่ได้จนแตกหักจนหมดยิ่งกว่านั้นมันยังทำให้เพลงกระบี่ขั้นสองของหูจ่านไม่สามารถแสดงพลังได้อีกกระบี่อาวุธิญญาที่ไร้เทียมทานเผชิญหน้ากับเพลงกระบี่ดินแดนหิมะขั้นสูงนี่มันเหมือนกำลังคารวะให้กับพระาาอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะพลังที่รุนแรงกลางอากาศแผ่กระจายบีบอัดลงมาอย่างไม่หยุดหย่อนกระทั่งท่ามกลางอากาศเริ่มมีเสียงแตกดังเปรี๊ยะๆ ขึ้นมาแล้ว
“อ๊าก...”
หูจ่านถอยหลังไปหลายก้าวส่วนพลังกระบี่ของเขาก็ได้สลายหายไปแล้ว เขาจึงะโขึ้น “ข้า...ข้ายอมแพ้!”
...
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตกตะลึงกันหมด
และแน่นอนสีหน้าของลั่วเหยียนก็แย่ลงกว่าเดิม
ไม่นึกเลยว่าเพียงแค่กระบี่ที่ฟาดฟันออกไปครั้งเดียวจะสามารถบีบบังคับผู้มีฝีมือจากสำนักหยุนต้งให้ยอมแพ้ได้นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
แต่อย่างไรก็ตามเ้าหูจ่านคนนี้ก็ช่างอ่อนแอเสียจริงพลังของเขานั้นยังเทียบไม่ได้กับมู้ฉู่ผู้ซึ่งเป็อันดับหนึ่งของสำนักสีเลี้ยนเลยด้วยซ้ำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้