“ตู้มม!”
“ตู้มม!”
จูชิงหลุดออกจากภวังค์เด้งตัวขึ้นโดยพลันทันใด สายตาจับจ้องมองนกตัวใหญ่ั์กำลังสยายปีกอยู่บนท้องฟ้า!
“กะ…เกิดอะไรขึ้น?” ซั่งกวานจือหนิงที่ได้ยินเสียงเอ็ดอึงก็สะดุ้งตื่น กรีดร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“ชู่ว อย่าส่งเสียงดังสิ อยากตายรึ” จูชิงพุ่งตัวผลักซั่งกวานจือหนิงลงกับพื้น แล้วใช้มือข้างหนึ่งปิดปากนางเอาไว้แน่น
“อำอ้าอะไออองเอ้า (ทำบ้าอะไรของเ้า)...” ซั่งกวานจือหนิงถลึงตาใส่จูชิง เ้าหัวขโมยกล้าดีอย่างไรถึงได้ผลักนางลงนอนกับพื้นเช่นนี้
“นกั์นั่นยังหาพวกเราไม่เจอ ถ้าเ้าร้องแล้วมันเห็นเข้า พวกเราถูกฆ่าตายหมดแน่ ถ้าเ้าอยากตายก็ออกไปตายคนเดียว” จูชิงพูด
“เอ้าใอแอ้ว (เข้าใจแล้ว)...” ซั่งกวานจือหนิงพยักหน้า
“ถ้าเ้าตกลงว่าจะไม่ร้องโวยวายกะพริบตาให้ข้าสองที!” จูชิงพูดต่อ
ซั่งกวานจือหนิงมองจูชิงอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก ทว่านางยังคงกะพริบตาสองครั้งเป็การตอบรับ
จูชิงเห็นดังนั้นจึงปล่อยมือ แม้ว่านางจะรับมือยากเสียหน่อย แต่นางเองก็คงไม่อยากตายเหมือนกัน
“เฮ้ย!” แต่แล้วจูงชิงก็ต้องรีบยกมือขวาขึ้นปิดปากของตัวเองในทันทีเพื่อไม่ให้เสียงร้องหลุดออกไป
“เ้าเป็บ้ารึ!” จูชิงกัดฟันถามเสียงเบา จู่ๆ ซั่งกวานจือหนิงก็กัดแขนข้างซ้ายของเขาเสียอย่างนั้น!
แขนซ้ายมิได้แข็งแกร่งเช่นแขนขวาที่ผสานสองอักขระาหลัวโหว หากเป็เพียงดั่งร่างกายธรรมดา พอถูกซั่งกวานจือหนิงกัดเต็มแรง เืจึงไหลซึมออกมาโดยง่าย
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” ความเจ็บนั้นทำให้จูชิงถึงกับดิ้นพล่าน
“ข้าจะกัดเ้าให้ตายเลย ไอ้หัวขโมย!” น้ำเสียงอู้อี้หลุดออกมาจากปากหญิงสาว จนถึงตอนนี้ซั่งกวานจือหนิงยังคงกัดจูชิงไม่ปล่อย
“แกว๊ก!” นกั์แผดเสียงร้องก้องกังวาน มันกระพือปีกกว้างจนแทบปกคลุมนภาลัย แสงอัสนีสาดแสงจรัสแจ้งทั่วทั้งกายา
“บัดซบ เ้ากำลังจะฆ่าพวกเราทั้งคู่!” จูชิงใกับเสียงสายฟ้าฟาดจนเหงื่อเย็นชโลมชุ่มทั่วแผ่นหลัง เขาโอบร่างซั่งกวานจือหนิงไว้แน่นพร้อมโจนทะยานไปยังถ้ำอีกแห่งหนึ่งในทันที
“เปรี้ยง!” สายฟ้าผ่าฟาดลงมาใส่ผาหินรอบกายทั้งคู่แหลกเป็จุล เสียงอึกทึกดังกึกก้องเสียจนน่าหวาดหวั่น เศษหินขนาดใหญ่กระแทกเข้าใส่หลังของจูชิงเข้าให้อย่างจัง
“อั่ก!” จูชิงกระอั่กโลหิตออกมา เืสีแดงฉานสาดกระเซ็น เปรอะเปื้อนลงบนตัวซั่งกวานจือหนิง
ภาพที่เห็นทำให้ซั่งกวานจือหนิงมองจูชิงอย่างตกตะลึง ไม่ใคร่จะเข้าใจสักเท่าใดนัก เมื่อครู่มิว่าจักมองอย่างไรเขาก็หลบก้อนหินก้อนนั้นได้อย่างมิต้องสงสัย ไฉน...?
“หรือว่าเ้าหัวขโมยทำเพื่อปกป้องข้า?” ในชั่วขณะนั้นความคิดไร้สาระผุดขึ้นในหัวของซั่งกวานจือหนิง ทว่าความคิดนั้นก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“อันตรายจริงๆ โชคยังดีที่มีลมปราณปัดป้อง ถ้ามิใช่เพราะนาง แค่ก้อนหินก้อนเดียวข้าทำลายได้ง่ายๆ อยู่แล้ว” จูชิงพูดพึมพำ
“มันคือปักษาอัสนีเก้า์ หนึ่งในอสูรโบราณดึกดำบรรพ์ที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเราถูกมันหมายหัวแบบนี้ไม่มีทางรอดแน่!” ซั่งกวานจือหนิงพูดด้วยความสิ้นหวัง
“พูดบ้าอะไรของเ้า ข้าไม่มีทางตายอยู่ที่นี่!” จูชิงแค่นเสียงหึ กว่าจะออกมาจากหลุมศพได้ใช่เื่ง่ายเสียเมื่อไหร่ เขาหรือจักยอมปล่อยให้ตัวเองต้องตายไปอีกคราเช่นนี้ เขาไม่ยินยอม!
ยามนี้พวกจูชิงอยู่ห่างจากทางเข้าถ้ำเพียงสิบฟุต ทว่าใน่เวลาเป็ตายนี้ สำหรับพวกเขาแล้วระยะทางสิบฟุตห่างไกลแสนทวี ไม่รอช้าอัสนีทองคำผ่าฟาดลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง คล้ายกับว่าปักษาอัสนีเก้า์้าพิชิตทุกสรรพสิ่งใต้หล้าปฐี!
“แหลกไปซะ!” แสงโลหิตสีเข้มปกคลุมทั่วสรรพางค์กายของจูชิงมาดหมายจะพุ่งทะลวงฝ่าอัสนีบาต
“เปรี้ยง!” ครั้นถูกอัสนีซัดผ่าลงบนร่าง จูชิงพลันตัวแข็งค้างไปชั่วขณะหนึ่ง อานุภาพของอัสนีบาตอันน่าพรั่นพรึงโหมกระหน่ำลงมา้าปลิดชีพของเขา
ปักษาอัสนีเก้า์กวาดตามองหุบเขาด้วยสายตาไม่พึงพอใจ มันไม่พบสิ่งที่มัน้าที่นี่
ถึงมันจักพบเห็นมนุษย์สองคน ทว่าสำหรับปักษาอัสนีเก้า์แล้วนั้น มนุษย์ทั้งสองอ่อนแอมากเกินไป ไม่ควรค่าพอให้มันลงมือ
อัสนีบาตก่อนหน้านี้เพียงเพื่อระบายโทสะ ถ้าเป้าหมายของมันคือพวกจูชิง ถึงจูชิงกับซั่งกวานจือหนิงจักแข็งแกร่งกว่านี้อีกสิบเท่าย่อมไม่มีทางรอดชีวิต
“ข้าไม่ยอม ข้าจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่!” ทั้งอย่างนั้นแล้วจูชิงกลับยังคงพยุงร่างที่เ็ปของตัวเองให้มั่นคงด้วยเท้าทั้งสองข้าง ฝืนเดินตรงไปยังถ้ำทีละก้าว
กระทั่งซั่งกวานจือหนิงยังชื่นชมจูชิงอย่างอดมิได้ สามารถต้านทานสายฟ้าในขั้นหลอมกายาได้นานขนาดนี้เชียวหรือ กลับกันถ้าเป็จอมยุทธ์ขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณคนอื่น เดาว่าคงตายซ้ำตายซากไปแล้วหลายสิบครั้ง จูชิงต้องใช้ความแน่วแน่ขนาดไหนถึงสามารถฝืนทนต่อความเ็ปเช่นนี้ได้!
“อ๊ากกกก!” จูชิงกู่ร้องเสียงยาว ทุ่มเทพลังทั้งหมดทะยานตรงเข้าไปในถ้ำ
ปักษาอัสนีเก้า์โบยบินอยู่บนท้องฟ้า ดวงตาเหลือบมองอย่างไม่แยแส เป็แค่มดปลวกหากกลับทำตัวจองหอง ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มันอ้าปากกว้าง สายฟ้าพุ่งออกมาจากปากและเป้าหมายก็คือจูชิง
“ตู้มมม!” ทันใดนั้น แสงสีทองสายหนึ่งสาดลงมาจากท้องฟ้า ต่อต้านอัสนีบาตนับพันหมื่น! เสียงอึกทึกเอ็ดอึงทั่วทั้งหุบเขา!
ปักษาอัสนีเก้า์ใมาก มันััได้ถึงพลังของัที่ต่อต้านสายฟ้าของมัน!
ปักษาอัสนีเก้า์ลากเสียงยาว กระพือปีกรีบบินหนีไปจากหุบเขา สิ่งที่สร้างความหวาดหวั่นให้กับมันก็คือพลังั คิดไม่ถึงเลยว่าจักมีปลาัทองรอดชีวิตจากทัณฑ์์มาได้!
ครั้นนึกถึงความน่าพรั่นพรึงของปลาัทอง แม้เป็ปักษาอัสนีเก้า์ยังมิอาจหาญกล้าอยู่ที่นี่!
“โครม!” ในที่สุดจูชิงก็เข้ามาถึงในถ้ำ ขาอ่อนแรงทรุดล้มไปกับพื้น
ชิ้นส่วนทุกชิ้นบนร่างของจูชิงล้วนดำมอดราวกับเถ้าถ่าน!
แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ตาย ซั่งกวานจือหนิงยังคงััได้ถึงหัวใจที่ยังเต้นอยู่
มันเหมือนกับปาฏิหาริย์!
ซั่งกวานจือหนิงมองจูชิงที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นแล้วพูดออกมาอย่างตื่นตระหนก “เ้าหัวขโมย เ้ายังไม่ตายใช่หรือไม่”
จูชิงที่กำลังนอนพักอยู่ พอได้ยินนางถามดังนั้นก็กลอกตา “เ้าอยากให้ข้าตายไม่ใช่รึ?”
“เ้ายังไม่ตายหรือ?” ใบหน้าของซั่งกวานจือหนิงฉายแววปีติออกมาโดยไม่รู้ตัว
จูชิงแค่นเสียงหึ “พูดอะไรของเ้า ถ้าข้าตายข้าจักพูดกับเ้าได้รึ?”
ถึงจะเอาชีวิตรอดมาได้จากอัสนีบาต ทว่าก็มีโอกาสที่บ่อก่อเกิดชีวิตจะถูกทำลาย ยามนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือต้องใช้ลมปราณที่หลงเหลืออยู่ค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกายทีละนิด
หากเป็จอมยุทธ์คนอื่นที่อยู่ในขั้นหลอมกายา าแสาหัสเฉกเช่นนี้ ถ้าไม่ตายก็คงพิการไปแล้ว
ทว่าจูชิงนั้นต่างออกไป หินโลหิตปลดปล่อยลมปราณให้กับเขาอย่างต่อเนื่อง เืลมที่พุ่งพล่านดุจดั่งเตาหลอมสามารถช่วยรักษาาแให้กับเขาได้
โดยสมบูรณ์แบบ
จูชิงลุกขึ้นนั่งพิงกำแพง สูดอากาศบริสุทธิ์เฮือกหนึ่งแล้วถามว่า “เ้าหรือจะใจดีกับข้า?”
“ทำไมถึงเอาแต่มองข้าในแง่ร้ายนัก เอาเถอะ เ้าจะมองข้ายังไงก็เื่ของเ้า!” ซั่งกวานจือหนิงเม้มปากแน่น หันหน้าหนีไม่สนใจจูชิงอีก
“บัดซบ คนเขาอุตส่าห์เป็ห่วง แต่ยังมาว่าร้ายข้า คนอย่างเ้าน่าจะตายๆ ไปซะ!” ซั่งกวานจือหนิงก่นด่าในใจ
ทันใดนั้น ฝ่ามือหนาแตะลงบนร่างของซั่งกวานจือหนิง เริ่มคลำหาอะไรบางอย่าง!
“กรี๊ด! ไอ้หัวขโมย ทำอะไรของเ้า!” ซั่งกวานจือหนิงกรีดร้อง
จูชิงที่ถูกฟ้าผ่าจนตัวไหม้เกรียมยามนี้กำลังฉีกยิ้มให้หญิงสาวจนเห็นฟันขาวจั๊วะ “หาโอสถ!”
“โอสถอยู่ในถุงเอกภพห้อยอยู่ที่เอวข้า เฮ้ๆๆ ถ้าขืนเ้ายังแตะต้องอะไรซี้ซั้วอีกล่ะก็ ข้าจักขับเคลื่อนสิ่งต้องห้าม!” ซั่งกวานจือหนิงคำราม
จูชิงยิ้มแหย เขาถูกฟ้าผ่ามาแล้วรอบหนึ่ง แน่นอนว่าไม่อยากลิ้มรสมันอีกเป็ครั้งที่สอง เขาปลดถุงเอกภพจากเอวของซั่งกวานจือหนิง แล้วถอยไปหลบอีกมุมหนึ่ง
“ถุงเอกภพเปิดยังไง?” จูชิงจ้องถุงใบเล็กขนาดเท่าฝ่ามือด้วยความฉงนสงสัย ไม่รู้ว่าจะเปิดมันอย่างไร
ซั่งกวานจือหนิงถลึงตามองจูชิง เ้านั่นไม่รู้จักแม้กระทั่งถุงเอกภพอย่างนั้นรึ
“แค่ใส่ลมปราณเข้าไปก็เปิดได้แล้ว” ซั่งกวานจือหนิงพูด
“เดี๋ยวก่อน!” ขณะนั้นซั่งกวานจือหนิงคล้ายกับฉุกคิดอะไรออกจึงรีบห้ามจูชิง
ทว่าจูชิงเปิดถุงเอกภพแล้ว!
ซั่งกวานจือหนิงหน้าแดงก่ำ นางใส่ของใช้ของผู้หญิงเอาไว้ในถุงเอกภพ หนึ่งในนั้นมีกางเกงชั้นในอยู่ด้วย หากผู้ชายแปลกหน้าเผลอไปเห็นเข้า นางคงอับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
แต่จูชิงมิได้มุ่งความสนใจไปที่สิ่งเ่าั้ เขากวาดสายตามองคร่าวๆ แล้วหยิบกองขวดโอสถออกมา
“ขวดนั้นเป็โอสถที่ใช้สำหรับทาภายนอก!” ซั่งกวานจือหนิงพยักพเยิดไปยังขวดหยกสีเขียว
จูชิงเปิดขวดหยกดมกลิ่น ป้ายโอสถเล็กน้อยลงบนตัวซั่งกวานจือหนิง ครั้นมั่นใจแล้วว่าไม่มีพิษ เขาจึงทามันลงบนร่างกายของตัวเอง!
ความรู้สึกแรกที่ััได้ก็คือความเย็นซาบซ่าน ผิวดำคล้ำหลุดลอกออกเป็แผ่นๆ เผยให้เห็นิัใหม่!
“น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!” จูชิงอุทานอย่างอดมิได้
“แน่นอนสิ มันเป็ของล้ำค่าของขุนเขากระบี่เทียนหยวน!” ซั่งกวานจือหนิงกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
ได้ยินแบบนั้นจูชิงก็แขวนถุงเอกภพเอาไว้ที่เอวของตัวเอง ของล้ำค่านี้สามารถใส่ได้ทุกสรรพสิ่ง ในเมื่อได้มันมาแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องคืนให้กับนาง
“ทำอะไรของเ้า นั่นมันของข้านะ!” ซั่งกวานจือหนิงเห็นแบบนั้นก็โมโห
“ก่อนหน้านี้เป็ของเ้า แต่ตอนนี้มันเป็ของข้า” จูชิงหัวเราะ
“เ้า...” ซั่งกวานจือหนิงอยากทุบตีจูชิงเพื่อระบายความโกรธ แต่มือและเท้าถูกมัดอยู่ทำให้ขยับตัวลำบาก ทำได้เพียงจ้องเขม็งมองจูชิง
