ฉินเฟิงรู้ว่าสวี่รั่วโหรวเป็คนใจดีเธอเสนอให้เขาปั่นจักรยานไปส่งเธอเพราะเธอห่วงว่าเธอจะทำร้ายความรู้สึกของเขาเขาลูบผมสีดำสลวยของเธอและยิ้ม “เธอกำลังจะไปสัมภาษณ์ที่ไหน?”
“ตำหนักตระกูลฉินค่ะ!” สวี่รั่วโหรวพึมพำขณะก้มหัวลง
นายน้อยฉินของตระกูลฉินมีชื่อเสียงฉาวโฉ่สวี่รั่วโหรวกลัวว่าถ้าฉินเฟิงรู้ว่าเธอกำลังจะไปเป็แม่บ้านที่พำนักของตระกูลฉินเขาอาจจะคิดว่าเธอเป็ผู้หญิงใจง่าย
ฉินเฟิงโซเซจนเกือบล้มเขาจ้องสวี่รั่วโหรวอย่างตกตะลึง “เธอพูดว่าอะไรนะ? เธอกำลังจะไปตำหนักตระกูลฉินเพื่อสัมภาษณ์?สัมภาษณ์อะไร?”
ฉินเฟิงใมากขึ้นเพราะตระกูลฉินตอนนี้กำลังทำากับตระกูลฮ่าวจึงไม่มีทางที่ตระกูลฉินจะจ้างคนภายนอกมีแค่ตำแหน่งเดียวที่เขานึกขึ้นได้ว่าเขากำลังจ้างหาตำแหน่งแม่บ้านที่เขาประกาศไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน
ตามคาดเมื่อฉินเฟิงได้ยินว่าเธอกำลังจะไปตำหนักตระกูลฉิน ท่าทีของเขาก็เว่อร์วังมากสวี่รั่วโหรวกังวลจนกำชายเสื้อของเธอและตอบด้วยเสียงที่เบาเหมือนแมลงวัน“แม่บ้านค่ะ”
“แม่เ้า เธออยากจะสมัครงานแม่บ้านในตำหนักตระกูลฉินเหรอ?” ฉินเฟิงที่ปกติมักจะใจเย็นก็ใจเต้นระรัวขณะที่จับไหล่ของสวี่รั่วโหรวอย่างตื่นเต้น
สวี่รั่วโหรวกลัวมากจนร่างสั่นเทิ้มเธอรีบอธิบาย “ฉินเฟิง ยะ...อย่าเข้าใจผิดฉะ...ฉันแค่ไปสัมภาษณ์เพราะฉันไม่มีทางเลือกฉันรู้ว่านายน้อยของตระกูลฉินมีชื่อเสียงไม่ดี ฉะ...ฉันแค่จะไปดูเฉยๆถ้าเงื่อนไขในการทำงานมันไม่ดี งั้นฉะ...ฉันจะไม่รับงาน”
“ฉินเฟิง ฉะ...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่คุณคิดนะคะ!”
เมื่อฉินเฟิงเห็นสวี่รั่วโหรวกำลังจะร้องไห้เขาจึงกอดเธอ “เธอคิดอะไรน่ะ? ฉันแค่อยากจะบอกว่าเธอทำดีแล้วที่อยากเป็แม่บ้านในตระกูลฉิน”
ฉินเฟิงตระหนักว่าผู้หญิงที่เขาส่งข้อความเื่สัดส่วนของเธอคือสวี่รั่วโหรวนั่นเองตอนนี้เขากำลังกอดเธออยู่ เขาจึงรู้สึกถึงสัดส่วนของเธอว่ามันตรงกันเป๊ะ
“เอ๋? ฉินเฟิงคะ...คุณยอมให้ฉันไปเป็แม่บ้านตระกูลฉินงั้นเหรอ?” สวี่รั่วโหรวใเธอจ้องฉินเฟิงอย่างโง่งมและลืมว่ายังอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่
“แน่นอน ฉันยินยอม นายน้อยฉินเป็คนดี มันจะเป็เกียรติที่ได้เป็แม่บ้านของเขา”ฉินเฟิงตอบอย่างหน้าด้าน
“ฉินเฟิง คะ...คุณปล่อยฉันก่อนได้ไหม?” สวี่รั่วโหรวผลักฉินเฟิงเบาๆแล้วเธอก็ถาม “ดูเหมือนคุณจะคุ้นเคยกับนายน้อยฉินนะคะ คุณรู้จักเขาเหรอ?”
ฉินเฟิงไม่รู้จะตอบอย่างไรไม่ใช่แค่เขารู้จักนายน้อยฉิน แต่เขานี่แหละคือนายน้อยฉิน
แต่ตอนนี้เขาทำงานอยู่ในหวงเจียกรุ๊ปพ่อของเขาเตือนว่าอย่าเปิดเผยสถานะเด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงไม่บอกสวี่รั่วโหรวเขาพาเธอเดินเลี่ยงผู้คนและออกมานอกตึก
“รั่วโหรว ไปบ้านของเธอและเก็บของไปคฤหาสน์ตระกูลฉินกันเถอะต่อไปเธอจะต้องอยู่ที่นั่น”
“เอ๋? ไม่ดีมั้งคะ ฉะ...ฉันไม่แม้แต่จะรู้ว่านายน้อยฉินจะจ้างฉันเป็แม่บ้านส่วนตัวหรือเปล่า”สวี่รั่วโหรวตอบอย่างเอียงอาย
“ไม่ต้องห่วง ฉันลืมบอกไปว่าฉันเป็สมาชิกของตำหนักตระกูลฉินฉันเป็ผู้ดูแลส่วนตัวของนายน้อยฉินเอง ถ้าฉันแนะนำเธอให้เขาเขาต้องเห็นด้วยที่จะจ้างเธออย่างแน่นอน”
ฉินเฟิงคิดสำหรับสถานการณ์แบบนี้ไว้แล้วเมื่อพวกเขาไปถึงตำหนักตระกูลฉิน เขาจะเรียกเสี่ยวไป๋มาเป็ฉินเฟิงรูปในอินเทอร์เน็ตที่โชว์รูปของฉินเฟิงทุกรูปก็คือเสี่ยวไป๋
เดิมทีเสี่ยวไป๋เป็ผู้คุ้มกันของตระกูลฉินแต่ั้แ่ที่ฉินหวงได้เข้าสู่อุตสาหกรรมในเชิงพาณิชย์ เขาก็มีศัตรูมากมายเพื่อปกป้องฉินเฟิง รูปของเสี่ยวไป๋จึงแทนรูปของฉินเฟิงในอินเทอร์เน็ตทั้งหมดก็เพื่อป้องกันศัตรูที่จะมาลักพาตัวหรือทำร้ายฉินเฟิง
คนทั่วไปในเมืองเว่ยเฉิงล้วนคิดว่าเสี่ยวไป๋คือฉินเฟิง
นี่ก็เป็เหตุผลว่าทำไมหลี่อวี่เฉินถึงไม่รู้จักฉินเฟิงรูปของฉินเฟิงที่เธอเห็นในอินเทอร์เน็ตที่จริงแล้วก็คือเสี่ยวไป๋นั่นเอง
“เอ๋? คุณก็ทำงานที่ตระกูลฉินเหรอ? และคุณก็ยังเป็ผู้ดูแลส่วนตัวของนายน้อยฉินอีกด้วย?” สวี่รั่วโหรวไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวเลย
ฉินเฟิงพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจังเขากระซิบที่ข้างหูของสวี่รั่วโหรวด้วยบรรยากาศที่ดูมีเกียรติ “รั่วโหรวเก็บไว้เป็ความลับระหว่างเรา 2 คนนะนายน้อยฉินจะตกอยู่ในอันตรายและตระกูลฉินคงจะไม่มีวันยกโทษให้ฉันแน่”
สวี่รั่วโหรวเป็คนใจดีมากและเธอก็เชื่อฉินเฟิงทันทีเธอแม้แต่ซึ้งใจที่ฉินเฟิงบอกความลับแบบนี้และพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ฉินเฟิง ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉะ...ฉันจะไม่มีทางเผยความลับนี้เด็ดขาดฉะ...ฉันสัญญา”
สวี่รั่วโหรวยกมือน้อยๆของเธอขึ้นเพื่อสาบานอย่างเอาจริงเอาจังฉินเฟิงคิดว่าเธอดูน่ารักมากและอุ้มเธอไปนั่งบนจักรยาน 28 นิ้ว “ไม่จำเป็ต้องสัญญาหรอก ฉันเชื่อในตัวเธองั้นเราไปบ้านเธอตอนนี้และย้ายของทั้งหมดมาที่ตำหนักตระกูลฉินกัน เธอจะอยู่ในตำหนักั้แ่นี้เป็ต้นไปและแม้กระทั่งสามารถเก็บเงินจากค่าเช่าได้ด้วย”
ฉินเฟิงแสยะยิ้มอยู่ภายในเขาไม่คิดว่าจะหลอกสวี่รั่วโหรวให้ไปบ้านของเขาได้ง่ายดายขนาดนี้เมื่อคิดว่าลูกแกะอ่อนแอตัวนี้กำลังย่างเข้าถ้ำหมาป่าชั่วร้ายฉินเฟิงก็ตื่นเต้นสุดๆ
“โอเค งะ...งั้นฉันจะทำตามที่คุณบอก!”เมื่อสวี่รั่วโหรวคิดว่าเธอทั้งสามารถเก็บเงินค่าเช่าและทำเงินเพิ่มได้จากงานพาร์ทไทม์นี้เธอจึงกัดฟันแน่นโดยที่ไม่รู้ว่าได้ขายตัวเองไปแล้ว
ฉินเฟิงปั่นจักรยานไปที่บ้านของสวี่รั่วโหรวอย่างรวดเร็วในเขตคนจนบริเวณตอนเหนือของเมืองบ้านในบริเวณนี้เป็บังกะโลติดกันในตรอกซอย เพราะตึกเป็ตึกเก่าสีผนังมากมายบนกำแพงจึงลอกออกมาและเผยอิฐสีแดงที่อยู่ข้างใต้ส่วนใหญ่จะมีข้อความรื้อถอนตัวใหญ่ติดไว้
พื้นที่นี้ไม่ดีอย่างมากเพราะคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่มักจะเป็คนงานจากที่อื่น จึงมีคนประเภทต่างๆเมื่อฉินเฟิงปั่นจักรยานเข้ามาในพื้นที่ เขาได้เห็นพวกวัยรุ่นแปลกๆมากมายที่กำลังสูบบุหรี่และก่อความสับสนวุ่นวาย
มันอันตรายที่จะให้เด็กสาวอ่อนแออย่างสวี่รั่วโหรวอยู่ที่นี่แต่ค่าเช่ามันก็ถูก
“ฉินเฟิง ข้างหน้าตรงประตูสีแดงใหญ่ๆ ค่ะ”ฉินเฟิงไม่รู้ว่าเขาได้เลี้ยวเข้าซอยไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบตามการนำทางของสวี่รั่วโหรวแต่ในที่สุดเขาก็มาถึง
เขาประหลาดใจในความทรงจำของสวี่รั่วโหรวถ้าเขาอยู่ที่นี่ เขาคงไม่มีทางที่จะหาทางกลับบ้านได้ทุกวันแน่
“ฉินเฟิง คะ...คุณอยากจะเข้ามาด้วยกันหรือเปล่า? หรือ...?”สวี่รั่วโหรวก้าวลงจากรถและมองฉินเฟิงอย่างเขินอาย
“แน่นอน ฉันจะเข้าไปด้วย! ให้ฉันช่วยย้ายของของเธอด้วยเป็ไง?” ฉินเฟิงหาข้ออ้างและเดินตามสวี่รั่วโหรวเข้าไปในบริเวณอพาร์ทเม้นท์
บริเวณพื้นที่ค่อนข้างใหญ่โดยรวมแล้วมี 5 ห้อง สวี่รั่วโหรวอยู่ในห้องเล็กๆ ตรงมุมขนาดไม่ถึง 30 ตารางเมตร และมองแวบเดียวก็สามารถเห็นทั้งหมดได้
ถึงบ้านจะโทรมแต่ก็สะอาดเรียบร้อยแม้แต่มีกลิ่นหอมเหมือนสวี่รั่วโหรวจางๆเธอหลับบนเตียงเดี่ยวที่มีตุ๊กตาสพันจ์บ็อบ 2 ตัวแม้แต่ผ้าปูเตียงยังมีรูปสพันจ์บ็อบ ดูเหมือนว่าภายในของเธอยังเป็เด็กสาวอยู่
“ฉินเฟิง จะนะ...นั่งตรงไหนก็ได้ ฉะ...ฉันจะไปเก็บของก่อน”
เป็ครั้งแรกที่สวี่รั่วโหรวพาผู้ชายเข้ามาในห้องนอนและเธอก็กังวลในทางกลับกัน ฉินเฟิงทำตัวราวกับอยู่บ้านตัวเองขณะที่ช่วยเก็บของหนักๆในบ้านของเธออย่างลวกๆ
“รั่วโหรว เธอแค่ไปเก็บพวกเสื้อผ้าหรือของใช้จำเป็ก็พอฉันจะช่วยเธอเก็บพวกเครื่องใช้ไฟฟ้ากับอื่นๆ ให้เอง”
ั้แ่ที่เธอคุ้นเคยกับฉินเฟิงมากขึ้นสวี่รั่วโหรวจึงไม่ได้เกรงใจจนเกินไป เธอขอบคุณฉินเฟิงและทั้งคู่ก็ไปจัดของ
ฉินเฟิงย้ายของออกจากบ้านของเธอทีละชิ้นๆเมื่อเห็นว่ามันมีของมาก เขาจึงคิดว่ามันต้องใช้รถเพื่อขนทุกอย่าง ฉินเฟิงจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาลุงฝู
ขณะที่เขากำลังโทรหาลุงฝูจู่ๆ ก็มีผู้ชายเดินเข้ามาในห้องของสวี่รั่วโหรว เขาเป็ผู้ชายวัย 30 มีนามว่าหลี่ตง เขาคือเ้าของของตึกที่นี่
จริงๆแล้วตึกนี้ไม่ใช่ของหลี่ตง แต่มันถูกทิ้งไว้ให้โดยพ่อแม่ของเขาหลังจากที่พวกเขาตาย หลี่ตงก็ไม่ได้หางานจริงๆ จังๆ และปล่อยเช่าที่นี่
ทั้งวันทั้งคืนเขาใช้ชีวิตแบบเสเพลและดื่มกับพวกนักเลงใกล้ๆ เขาถือได้ว่าเป็ขยะสังคม
เมื่อเขาเข้ามาในห้องสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่บั้นท้ายที่ได้รูปของสวี่รั่วโหรวั์ตาของเขาหยีด้วยความยินดีขณะที่เดินย่องไปหาเธอ เขากลืนน้ำลายหลายครั้งและอยากจะกอดงานศิลป์ชิ้นนี้จากข้างหลัง
“ฉินเฟิง คุณกลับมาแล้ว! ว้าย คะ...คุณเ้าของ!”
สวี่รั่วโหรวได้ยินเสียงจากข้างหลังและคิดว่าฉินเฟิงกลับมาแต่เมื่อเธอหันกลับไป เธอก็เผชิญหน้ากับรอยยิ้มขยะแขยงของเ้าของสายตาของเขาจ้องร่างกายของเธอไม่ปล่อยและเธอก็ถอยหลังกรูดด้วยความใทำให้หลังของเธอชนกำแพง
“รั่วโหรว ทำอะไรน่ะ? เธออยากจะย้ายออกเหรอ?” หลังจากที่เดินเข้ามา หลี่ตงปิดประตูและล็อก
ในสายตาของเขาสวี่รั่วโหรวคือโต๊ะจีนที่พร้อมจะฉลอง
“คะ...คุณบอกให้ฉันจ่ายส่วนที่เหลือในอีกครึ่งปีข้างหน้าฉะ...ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้น ฉันจึงต้องเตรียมย้ายออก”
เมื่อสวี่รั่วโหรวเห็นประตูถูกปิดใจของเธอก็สั่นระรัวด้วยความบ้าคลั่ง เธอวิ่งไปที่ประตูและอยากจะพุ่งไปหาฉินเฟิงเธอไม่แน่ใจว่าทำไมถึงคิดถึงฉินเฟิงเป็อย่างแรกเมื่อเธอตกอยู่ในอันตรายแต่เธอรู้สึกว่าเมื่อเธออยู่ข้างๆ เขา เธอรู้สึกปลอดภัย
“ฮ่าๆๆ น้องรั่วโหรว คิดจะวิ่งไปไหนเหรอ?” หลี่ตงให้ความสนใจและรีบกันสวี่รั่วโหรวตรงประตูเขาบังประตูใกล้ๆ
“น้องรั่วโหรว เราคุยเื่ค่าเช่ากันได้ ฉันจะเสียใจมากถ้าจู่ๆ เธอออกไปโดยไม่พูดอะไรเลยเราอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน มันก็ต้องมีความผูกพันบ้างสิ”สายตาของหลี่ตงเยิ้มไปด้วยความโลภขณะที่จ้องเขม็งไปยังเรือนร่างของสวี่รั่วโหรวอย่างไร้ยางอาย
สวี่รั่วโหรวรู้สึกถึงกลิ่นอายที่ชั่วร้ายและพูดด้วยความกลัว“คุณเ้าของคะ ฉะ...ฉันอยู่ที่นี่ไม่ไหวแล้ว สะ...ส่วนค่าเช่า 1,000ที่จ่ายล่วงหน้าไป 2 เดือน ฉะ...ฉันไม่เอาแล้วได้โปรดคุณช่วยปล่อยฉันออกไปได้ไหม?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้