นางมอบเงินให้คนเฝ้าประตูสองพวง ให้เขาช่วยไปตามหาคนให้ นางจะได้ไม่ต้องเดินมั่วซั่วเหมือนแมลงวันไร้หัว
อีกทั้งสถานศึกษาเองก็ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามาตามใจชอบ
ท่าทีของคนเฝ้าประตูเปลี่ยนไปเมื่อได้รับเงิน พวกเขาเชิญให้หลินหวั่นชิวรอด้านนอกสักครู่ มีคนไปช่วยตามหาให้
หลินหวั่นชิวรออยู่พักหนึ่งก็เห็นเจียงหงหนิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าดีใจ
“ท่านอาจารย์ไม่อนุญาตให้รบกวนขณะเรียน ข้าจึงได้รอให้เลิกเรียนเสียก่อนจึงจะตามคนให้ท่านได้”คนเฝ้าประตูคนหนึ่งอธิบายกับหลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม “รบกวนพวกท่านแล้ว วันนี้มาด้วยความเร่งรีบ ครั้งหน้าข้าจะนำเหล้ามาฝากทุกท่านเป็แน่”
“ไอ๊หยา เช่นนั้นพวกข้าจะตั้งตาคอย” คนเฝ้าประตูได้ค่าแรงไม่เยอะ มีคนนำเงินนำเหล้ามาให้ย่อมดีใจอยู่แล้ว
แน่นอนว่าหากมีคนให้ก็ต้องมีคนรับ อย่างมากก็แค่ช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ แต่หากจะให้พวกเขาทำเื่ที่ผิดต่อกฎของสถานศึกษา พวกเขาไม่กล้าทำเป็แน่
“พี่สะใภ้!” ดวงตาเจียงหงหนิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ไม่เจอกันหลายวัน เขาคิดพี่สะใภ้และคิดถึงบ้านมาก
ถึงเจียงหงหนิงถึงจะรู้ความอย่างไรเขาก็ยังเป็เด็ก
หลินหวั่นชิวจูงมือเขาไปที่มุมหนึ่ง พิจารณาเขาจนทั่วแล้วถามว่า “อยู่ที่สถานศึกษากินอิ่มหรือไม่? ที่พักสบายหรือไม่? ได้หยุดวันใด?”
“อาหารที่สถานศึกษาค่อนข้างดีขอรับ มีเนื้อมีน้ำแกงมีหมั่นโถวให้กินอิ่ม ที่พักไม่แย่เช่นกัน พวกข้านอนกันห้องละแปดคน ปูเตียงยาวสองแถว…ท่านอาจารย์ก็สอนดี ท่านอาจารย์บอกว่าถ้าสอบประจำเดือนได้คะแนนสูงเป็สามอันดับแรกจะได้เลื่อนไปอยู่ขั้นที่สอง หากผลสอบประจำเดือนของขั้นที่สองสูงเป็สามอันดับแรกอีกก็จะเลื่อนไปอยู่ขั้นที่หนึ่ง อย่างเช่นถ้าชั้นเรียนขั้นที่สามของพวกข้าสอบไม่ได้สามอันดับแรกแต่อยากเลื่อนไปเรียนขั้นที่สอง เช่นนั้นก็ต้องรอตอนสอบประจำปี หากผลการสอบได้มาตรฐานก็ขึ้นไปเรียนขั้นที่สองได้ การเลื่อนจากขั้นที่สองขึ้นไปขั้นไปแรกก็เช่นกัน”
เจียงหงหนิงอธิบายสถานการณ์ของสถานศึกษาให้ฟังแบบง่ายๆ เขาพูดต่ออีกว่า “หยุดทุกวันที่สิบ ยี่สิบและสามสิบของทุกเดือนขอรับ”
“อื้ม เช่นนั้นเ้าตั้งใจเรียนให้ดี ไว้ถึงวันหยุดแล้วพี่สะใภ้จะทำของอร่อยให้กิน ของพวกนี้ข้าเอามาให้เ้า มีเสื้อผ้าหนึ่งชุดกับรองเท้าหนึ่งคู่…” หลินหวั่นชิวมอบของในมือให้เจียงหงหนิง จากนั้นแนะนำของกับเขาทีละอย่าง
“นี่เป็ห่านย่างครึ่งตัว เอาไปแบ่งกันกินกับเพื่อนที่สนิทได้ หนังสือในตลับนี้ให้เ้า ส่วนตลับนี้ให้เ้าเอาไปให้อาจารย์ กระดาษพู่กันพวกนี้เป็ของเ้าเช่นกัน อย่าเสียดายจนไม่กล้าใช้ แล้วก็ ในห่อผ้ามีเงินหนึ่งพวง อย่ามัวแต่ประหยัดเด็ดขาด ต้องกินให้อิ่มรู้หรือไม่? หากข้ารู้ว่าเ้ากล้าทนหิวตอนอยู่ในสถานศึกษา ข้าจะไม่ให้เ้ามาเรียนแล้ว”
หลินหวั่นชิวทั้งโอ๋ทั้งขู่ เจียงหงหนิงตาแดง รู้สึกอบอุ่นภายในใจเป็อย่างมาก ชื่นชมต้าเกอตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะหากไม่ใช่เพราะต้าเกอตัดสินใจพาพี่สะใภ้กลับบ้าน เขามีหรือจะมีความสุขแบบตอนนี้?
“อื้ม ข้าจะเชื่อฟังพี่สะใภ้ขอรับ พี่สะใภ้สบายดีหรือไม่? ต้าเกอดุท่านหรือไม่? สุขภาพเอ้อร์เกอเป็อย่างไรบ้าง?” เจียงหงหนิงรับของ พลางพูดรับปากไปด้วย ถามถึงสถานการณ์ที่บ้านไปด้วย
ถ้าไม่รู้มาก่อนคงคิดว่าเขาออกจากบ้านมานานครึ่งปี!
“สบายดี เอ้อร์เกอเ้าทำกับข้าวกินเองได้แล้วด้วย! ดูท่าน่าจะใกล้หายเป็ปกติโดยสมบูรณ์แล้วล่ะ ส่วนต้าเกอเ้า เ้าก็รู้ว่าเขาเป็คนอย่างไร แค่ปากร้ายเท่านั้น ในใจกลับอ่อนโยนมาก วางใจเถิด เขาดีกับข้ามาก” เ้าเด็กขี้กังวลนี่ หลินหวั่นชิวยีหัวเขาแต่ไม่กล้าทำแรง กลัวจะทำมวยผมของเขาเบี้ยวเสียหมด
อื้ม พี่สะใภ้พูดเช่นนี้ก็หมายความว่าไม่รังเกียจต้าเกอ เท่านี้เขาก็วางใจแล้ว
เพื่อให้พี่สะใภ้อยู่ต่อ ต้าเกอของเขานิสัยเสียเช่นนั้น เขาที่เป็น้องชายจึงได้แต่เชื่อฟังให้ดีที่สุด
“ข้าจะมารับเ้าตอนบ่ายวันที่เก้า เอาล่ะ เ้ากลับไปเสียเถิด!” ได้เจอกันแล้ว สิ่งใดที่ควรกำชับก็กำชับหมดแล้ว หลินหวั่นชิวไม่หน่วงเหนี่ยวเวลาของเจียงหงหนิงอีก
วางแผนว่าถ้าหาบ้านได้แล้วจะซื้อสตรีสูงอายุที่ทำอาหารเป็สักคน ถึงเวลานั้น เจียงหงหนิงจะได้ไม่ต้องพักที่สถานศึกษาอีก เพราะต้องนอนเรียงติดกันแปดคน แต่ละคนนิสัยแตกต่างกัน ต้องมีผลกระทบต่อกันและกันเป็แน่
ไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเอง
หลินหวั่นชิวออกจากสถานศึกษาแล้วไม่ได้ไปที่ใดอีก นางตรงกลับโรงเตี๊ยม ให้คนส่งอาหารของนางคนเดียวมาที่ห้อง
หลังกินข้าวเสร็จ นางไม่มีกระไรทำจึงนำนิยายเล่มใหม่ของจอมยุทธ์พเนจรออกมาอ่าน
อีกด้านหนึ่ง เจียงหงหย่วนไปที่บ่อน กิจการตอนบ่ายดำเนินไปเรื่อยๆ มีหลายคนเข้ามาเล่นพนันแล้ว
เขาเพิ่งมาทำงานที่บ่อน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็คนที่จะมารับ่ต่อจากหัวหน้าผู้ดูแล เขาคอยติดตามเหลียงหู่ คนในบ่อนจึงคิดว่าเป็ลูกน้องที่มาใหม่ของเหลียงหู่
คนเหล่านี้ต่างก็ฉลาดทันคน เพิ่งมาใหม่ก็ได้ติดตามเหลียงหู่ เช่นนั้นต้องเป็คนที่เหลียงหู่ไว้ใจเป็แน่ ด้วยเหตุนี้ท่าทีที่มีต่อเขาจึงดีมาก ถามกระไรก็ไม่ปิดบัง ตั้งใจตอบอย่างจริงจัง
วันแรก เหลียงหู่พาเขาไปทำความรู้จักกับอันธพาลบนถนนทั้งสี่ทิศในอำเภอ พอวันที่สอง เหลียงหู่ก็เชิญมือปราบในที่ว่าการอำเภอ ผู้ช่วยนายอำเภอ เ้าหน้าที่เสมียนและจู่ปู้ต่างๆ มาดื่มเหล้า
ถึงบ่อนของพวกเขาจะมีผู้มีอำนาจอยู่เื้ั ขนาดนายอำเภอยังไม่กล้ามีเื่กับพวกเขาง่ายๆ
แต่พวกเขาต้องทำธุรกิจในอำเภอแห่งนี้ จำเป็ต้องคบค้าสมาคมกับอันธพาลเ้าถิ่นและเ้าหน้าที่ทางการ ถึงเบื้องบนจะมีเส้นสาย แต่คนด้านล่างก็ต้องช่วยรักษาด้วย เวลาทำสิ่งต่างๆ จะได้สะดวก
ตอนเจอเจียงหงหย่วน จู่ปู้ใเล็กน้อย หากเป็ผู้อื่นเขาคงจำไม่ได้ แต่รอยแผลเป็บนหน้าเจียงหงหย่วนกับความฉลาดรู้งานและใจใหญ่ตอนติดสินบนของอีกฝ่ายสร้างความประทับใจให้เขาเป็อย่างมาก
ตอนนี้มาเห็นเขายื่นต้อนรับแขกอยู่ข้างเหลียงหู่ ทั้งยังถูกเหลียงหู่แนะนำก็เข้าใจทันที
ที่แท้ก็เป็คนจากบ่อน มิน่าเล่าถึงได้ใจใหญ่และรู้งาน
ได้ยินเหลียงหู่บอกว่าเจียงหงหย่วนคือคนที่เบื้องบนส่งมาแทนที่เขา จู่ปู้สือหย่งิก็เกิดความคิดที่จะผูกมิตร
แน่นอนว่าคนอื่นๆ คิดไม่ต่างจากเขา นี่หมายความว่าเจียงหงหย่วนเป็คนมีภูมิหลังลึกซึ้ง ไม่ได้ปีนขึ้นมาจากระดับล่างเหมือนเหลียงหู่
อีกอย่าง เป็ไปไม่ได้ที่ข้าราชการตำแหน่งเล็กๆ แบบพวกเขาจะได้เลื่อนตำแหน่ง เงินเดือนที่ราชสำนักให้ก็น้อย ทั้งปีได้ไม่กี่สิบตำลึง ต้องพึ่งพาค่าน้ำชาที่ทางบ่อนมอบให้
ที่บ่อนมีผู้คุมคนใหม่ พวกเขาต้องคิดผูกมิตรอยู่แล้ว
