จ่านเฉินพูดจาตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม เขาคือศิษย์สายในของสำนักชิงอวิ๋น แล้วจะสนใจผู้คนจากอาณาจักรเล็ก ๆ ที่ติดพรมแดนอย่างอาณาจักรจ้าวนี้ไปทำไม
“พี่จ่านเฉินพูดมีเหตุผล แม้แต่ผู้แซ่จ้าวก็เป็ได้แค่ศิษย์สายนอกของสำนักชิงอวิ๋นเท่านั้น” จ้าวหยางกล่าว ก่อนหน้านี้เขาได้รับความสนใจจากสำนักชิงอวิ๋นและได้รับเข้าเป็ศิษย์สายนอก ดังนั้นเวลานี้จ้าวหยางเป็ทั้งองค์ชายใหญ่แห่งอาณาจักรจ้าวและยังเป็ศิษย์สายนอกของสำนักชิงอวิ๋น เมื่องานชุมนุมหวงปั่งจบลง จ้าวหยางวางแผนจะบำเพ็ญตนที่สำนักชิงอวิ๋นสักระยะหนึ่ง
จ้าวหยางนั้นไม่ค่อยชอบจ่านเฉินสักเท่าไร แต่ด้วยฐานะของอีกฝ่าย จ้าวหยางทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วย
องค์ชายรองจ้าวเยี่ยและจ้าวซินอี๋นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ แม้จ้าวซินอี๋จะยังสวยงดงามเช่นเดิม แต่ในดวงตาคู่งามของนางกลับแฝงด้วยความกังวล น่าจะกลุ้มใจเื่การสู่ขอของเว่ยฉีเทียน
“งานชุมนุมหวงปั่งไม่ธรรมดาอย่างที่คิด!” เย่เฟิงและฉินเยียนหรานยืนอยู่ด้วยกัน เขากวาดตามองเหล่าอัจฉริยะที่มาจากทั่วสารทิศของอาณาจักรจ้าว
“เย่เฟิง เ้าพยายามเข้าละ!” ฉินเยียนหรานกล่าว งานยิ่งใหญ่เช่นนี้นางหวังว่าเย่เฟิงจะแสดงฝีมือของตนบนเวทีนี้ได้อย่างเต็มที่
“ข้าจะพยายาม” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มให้ฉินเยียนหราน
บนอัฒจันทร์หลัก จู่ ๆ ผู้าุโคนหนึ่งค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน หลังจากส่งสัญญาณให้จ้าวหยาง เขาก็ค่อย ๆ หันไปมองเหล่าอัจฉริยะแห่งอาณาจักรจ้าวที่รวมตัวกันอยู่ด้านล่าง “วันนี้คือวันงานชุมนุมหวงปั่งที่หนึ่งปีมีหนของอาณาจักรจ้าว อัจฉริยะทุกคนต่างมารวมตัวที่เมืองหลวง แต่ผู้ที่เข้าร่วมงานนี้มีทั้งหมด 688 คน ซึ่งล้วนแต่เป็อัจฉริยะที่ถูกคัดสรรมาจากกองกำลังทั่วทั้งอาณาจักรจ้าว งานชุมนุมหวงปั่งจะแบ่งเป็สามรอบ รอบที่หนึ่งคือวัดพลัง รอบที่สองคือบุกเจดีย์เชื่อมฟ้า รอบที่สามประลองฝีมือ เช่นนั้นลำดับต่อไปคือรอบที่หนึ่งวัดพลัง”
เสียงของผู้าุโคนนั้นดังกังวานไปทั่วพื้นที่ ผู้คนจึงได้ยินอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ทำให้พวกเขาตื่นเต้นและรอคอยการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง
“กฎการวัดพลังเรียบง่ายมาก ผู้เข้าร่วมทั้งหมด 688 คนจะผลัดกันโจมตีหินวัดพลัง ทุกคนจะมีโอกาสเพียงสามครั้ง ผู้ใดที่จุดไฟห้าในเก้าดวงได้ถือว่าผ่านเข้ารอบต่อไป ส่วนผู้ที่จุดไฟได้ไม่ถึงห้าดวงจะถูกคัดออก!” ผู้าุโคนนั้นอธิบายกฎรอบที่หนึ่งต่อ จากนั้นเหล่าผู้คนมองไปที่หินวัดพลังเก้าแห่งที่วางอยู่ตรงหน้า ซึ่งมันสามารถวัดพลังของผู้เข้าแข่งขันได้
“ไฟเก้าดวงบนหินวัดพลัง ทุก ๆ ดวงจะมีพลังหมื่นจิน ผู้ใดสามารถจุดไฟได้กี่ดวง นั่นก็หมายถึงพลังโจมตีของคนผู้นั้นหนักกี่จิน” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขณะมองหินวัดพลัง ทุก ๆ ปีงานชุมนุมหวงปั่งจะจัดการแข่งขันสามรอบเหมือนกัน แต่คนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมงานชุมนุมหวงปั่งจะไม่คุ้นเคยกับการแข่งขันรอบนี้
“ถ้าข้าจำไม่ผิด งานชุมนุมหวงปั่งเมื่อปีก่อน องค์ชายใหญ่จ้าวหยางจุดไฟได้เก้าดวงด้วยการโจมตีเดียว ทลายสถิติในรอบ 300 ปี กลายเป็อันดับหนึ่งของการแข่งขันนี้ ไม่รู้ว่าปีนี้ใครจะทำลายสถิติของเขาได้” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนกล่าว องค์ชายใหญ่จ้าวหยางคืออันดับหนึ่งของงานชุมนุมหวงปั่งเมื่อปีก่อน ทั้งยังสร้างสถิติสูงสุด และการจุดไฟครบเก้าดวงได้ เท่ากับว่าพลังของเขาสำแดงได้ถึง 90,000 จิน
“ข้าว่าปีนี้คงไม่มีคนพิลึกอย่างองค์ชายใหญ่ปรากฏตัวแล้ว แต่โอวหยางเจินผู้เชี่ยวชาญดาบก็ยังพอมีความหวัง เขาทั้งแม่นยำและว่องไว แต่พลังไม่ใช่จุดแข็งของเขา ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยิ่งไม่ได้เลย” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนกล่าว เขาไม่คิดว่าจะมีสัตว์ประหลาดเช่นองค์ชายใหญ่จ้าวหยางปรากฏตัวในวันนี้ คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย ถึงอย่างไรการที่จะทำให้ไฟติดครบเก้าดวงไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้
จากนั้นเบื้องหน้าหินวัดพลังทั้งเก้าแห่งก็มีคนยืนอยู่เก้าคน
“ตูม!” ชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปีผู้หนึ่งปล่อยการโจมตีวัดพลังก่อนใคร คนผู้นี้อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ เป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งจากกองกำลังแห่งหนึ่ง เขาเหวี่ยงหมัดโจมตีหินวัดพลัง ก่อนหินวัดพลังจะสั่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“ไฟหนึ่งดวง สองดวง...” ไฟบนหินวัดพลังสว่างขึ้นต่อเนื่อง
“ไฟสี่ดวง!” ในที่สุดคะแนนที่ชายผู้นั้นทำได้ก็ออกมาแล้ว ด้วยการโจมตีนี้ทำให้เขาจุดไฟได้ทั้งหมดสี่ดวง นั่นหมายความว่าพลังของเขาหนัก 40,000 จิน แต่ตามกฎแล้วจะต้องจุดไฟให้ได้ห้าดวงขึ้นไป จึงจะผ่านเข้ารอบ ดังนั้นครั้งแรกของชายหนุ่มจึงล้มเหลว หลังจากนั้นเขาเหวี่ยงหมัดที่สองต่อก็ยังจุดไฟได้สี่ดวงเช่นเดิม หมัดที่สามก็เช่นกัน ส่งผลให้เขาถูกคัดออกทันที
ในขณะเดียวกันอีกแปดคนก็สำแดงพลังของตนเองจนครบสามครั้ง ทว่าไม่มีผู้ใดจุดไฟเกินห้าดวงได้เลยสักคน จึงถูกคัดออกทั้งเก้าคน เห็นชัดว่าการที่จะสำแดงพลังของตนเองให้เกิน 50,000 จินขึ้นไปเป็เื่ที่ยากมาก
“สามดวง สี่ดวง สองดวง...”
จากนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์ขึ้นวัดพลังอย่างต่อเนื่อง แต่แทบไม่มีใครจุดไฟได้เกินห้าดวงเลย หลังผ่านมาหลายรอบก็มีหลายสิบคนล้มเหลวในการทดสอบ จึงถูกคัดออกจนหมด จนกระทั่งชายหนุ่มผู้หนึ่งจากสำนักศึกษาเสินเจียงขึ้นเวที เขาจุดไฟครบห้าดวงได้ในการโจมตีรอบแรก ทำให้เขาผ่านเข้ารอบถัดไป
คนผู้นี้คือผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 4 ในรายนามเสินเจียงแห่งสำนักศึกษาเสินเจียง แต่อี้ชิงอันดับที่ 3 ถูกเย่เฟิงฆ่าตาย ทำให้เขาได้เลื่อนอันดับและเข้าร่วมงานชุมนุมแทนอี้ชิง เขาอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 8 การที่สามารถจุดไฟห้าดวงบนหินวัดพลังได้ ถือเป็เื่น่าภาคภูมิใจมาก
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นเผยสีหน้าดีใจ ตอนเขาลงเวทีก็ได้มองเย่เฟิง อวิ๋นเจี๋ย และนี่จ้านเทียนด้วยสายตายั่วยุ ดูเหมือนเขาจะภูมิใจมากที่ได้ผ่านเข้ารอบ
“หัวเชียนเก่งมาก ไม่คิดว่าจะจุดไฟห้าดวงได้ สมกับเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 4 ในรายนามเสินเจียงแห่งสำนักศึกษาเสินเจียง คนธรรมดาไม่อาจทัดเทียมได้เลย โดยเฉพาะสามคนนั้นจากสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็ยิ่งยาก ตบะแข็งแกร่งสุดก็เป็นี่จ้านเทียนผู้อยู่อันดับที่ 3 ในรายนามเทียนเสวียน แต่เพิ่งบรรลุจุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 8 ส่วนเย่เฟิงอันดับที่ 1 และอวิ๋นเจี๋ยอันดับที่ 2 คนหนึ่งอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 7 อีกคนอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 6 กระจอกมาก ตบะแค่นี้จะผ่านรอบแรกไปได้หรือ ยิ่งไม่มีทางทัดเทียมกับสำนักศึกษาเสินเจียงข้าได้เลย ต้องรู้ว่ามู่เยี่ยนอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักข้าคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ หาใช่พวกเขาสามคนเทียบเคียงได้ไม่!”
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งจากสำนักศึกษาเสินเจียงมองพวกเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยาม แต่ก็มีหลาย ๆ คนเห็นด้วยกับเขา ถึงอย่างไรสามคนที่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนส่งเข้าร่วมงานชุมนุมหวงปั่งมีตบะต่ำต้อยมาก กระทั่งไม่มีผู้ใดอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 9 ช่างกระจอกเสียจริง ๆ
เมื่อเหล่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนได้ยินเช่นนั้นต่างก็เผยสีหน้าโกรธา
“จะจุดไฟได้ห้าดวงเป็เื่ที่ยากมาก ไม่รู้ว่างานชุมนุมหวงปั่งปีที่แล้วองค์ชายใหญ่จ้าวหยางทำให้ไฟจุดติดทั้งหมดได้อย่างไร? อัจฉริยะชั้นยอดใน 300 ปีที่ผ่านมามีน้อยคนมาก เกรงว่า่เวลาต่อไปนี้คงจะไม่มีสัตว์ประหลาดอย่างองค์ชายใหญ่จ้าวหยางปรากฏตัวแล้ว” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งถอนหายใจขณะมองผู้ฝึกยุทธ์ตรงหน้าที่ตกรอบคนแล้วคนเล่า
“ใช่ ถ้าข้าผ่านก็คงจะดี แต่จะให้ไฟทั้งเก้าดวงจุดติดหมด คงยากเกินไป!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่จะเข้าร่วมการวัดพลังกล่าวเสริม
“รอบที่หนึ่งวัดพลังดูเหมือนง่าย แต่อัตราการถูกคัดออกถือว่าสูงมาก!” เย่เฟิงคิดในใจ จากนั้นเห็นเก้าคนใหม่ขึ้นเวที ในนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามเฟิงอวิ๋นสองคน ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 30 ในรายนามเทียนเสวียน อีกคนคือิเสวียนอันดับหนึ่งในรายนามอี่เทียนแห่งสำนักอี่เทียน
สุดท้ายแล้วผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 30 ในรายนามเทียนเสวียนคนนั้นก็ทำคะแนนได้สูงที่สุด คือจุดไฟติดได้หกดวง เขาจึงผ่านเข้ารอบ นี่ทำให้ผู้คนต้องใ ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามเฟิงอวิ๋นก็ไม่แตกต่างกัน แม้อยู่อันดับที่ 30 แต่ก็ผ่านรอบที่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย
“เจ็ดดวง ิเสวียนจะเก่งเกินไปแล้ว!”
ิเสวียนโจมตีเสร็จเป็คนสุดท้าย ซึ่งหนึ่งหมัดของิเสวียนทำให้ไฟจุดติดเจ็ดดวง ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักอี่เทียนจึงยิ้มอย่างพอใจ ิเสวียนสมแล้วที่เป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักพวกเขา เมื่อออกโรงก็ต้องสั่นะเืเลื่อนลั่นทุกครั้งไป
ไฟเจ็ดดวง น่าจะอยู่อันดับต้น ๆ ในหมู่ผู้เข้าร่วมทดสอบ หลังจากตาิเสวียน ผู้ฝึกยุทธ์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็ขึ้นเวทีทดสอบต่อ แต่เกือบทั้งหมดก็จุดไฟได้แค่หกดวง
นอกจากผู้ฝึกยุทธ์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนแล้ว อัตราการคัดออกยังคงค่อนข้างน่ากลัว จนถึงตอนนี้มีเพียงหนึ่งในห้าที่ผ่านเข้ารอบ หากเป็เช่นนี้ต่อไป 688 คนที่เข้าร่วมงานชุมนุมหวงปั่งอาจจะมีคนถูกคัดออกในรอบที่หนึ่งนี้ถึง 400 กว่าคน
จากนั้นอวิ๋นเจี๋ยและนี่จ้านเทียนทยอยวัดพลัง แต่เสียงเยาะเย้ยของผู้คนก็ดังมาไม่หยุด โดยเฉพาะผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียง พวกเขาพูดให้ร้ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนอย่างเปิดเผย คิดว่าอวิ๋นเจี๋ยและนี่จ้านเทียนคงไม่ผ่านแม้แต่รอบแรกนี้ ทว่าผลลัพธ์กลับทำให้คนเ่าั้ที่เยาะเย้ยถึงกับหน้าชา เพราะทั้งสองคนไม่เพียงแต่ผ่านเข้ารอบ แต่ทั้งสองคนยังจุดไฟได้ถึงหกดวง คะแนนเช่นนี้สูสีกับผู้ฝึกยุทธ์อันดับท้าย ๆ ในรายนามเฟิงอวิ๋น
แต่สิ่งที่น่าใไปกว่านั้นคือ อวิ๋นเจี๋ยอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 6 ส่วนนี่จ้านเทียนอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 8 เมื่อเทียบกับตบะของผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้ที่ผ่านการวัดพลัง สองคนนี้มีตบะต่ำต้อย แต่กลับทำคะแนนได้สูง นี่พิสูจน์แล้วว่าพลังของพวกเขาสองคนแข็งแกร่งมากเพียงใด
การวัดพลังยังคงดำเนินต่อไป หลังจากอวิ๋นเจี๋ยและนี่จ้านเทียน หลงเซ่าเจี๋ยอันดับหนึ่งในรายนามชิงหลงแห่งหอชิงหลงก็ขึ้นเวทีวัดพลัง ซึ่งคะแนนของเขาเหมือนิเสวียนก่อนหน้านี้ นั่นคือจุดไฟติดเจ็ดดวง แต่คะแนนเช่นนี้ก็น่าภาคภูมิใจมากแล้ว
“แม้ว่าครั้งนี้งานชุมนุมหวงปั่งจะไม่มีสัตว์ประหลาดอย่างองค์ชายใหญ่จ้าวหยางปรากฏตัว แต่มาตรฐานกลับเพิ่มขึ้นไม่น้อย การแข่งขันรอบต่อไปจะต้องน่าสนใจมากกว่านี้แน่” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่เข้าร่วมงานชุมนุมหวงปั่งปีที่แล้วกล่าว ซึ่งงานชุมนุมหวงปั่งปีที่แล้วองค์ชายใหญ่จ้าวหยางโดดเด่นมาก นอกจากเขาแล้วก็มีน้อยคนที่น่าทึ่ง แต่ปีนี้กลับแตกต่างออกไป แม้อัตราการคัดออกยังคงสูง แต่จนถึงตอนนี้ก็มีเพียงิเสวียนและหลงเซ่าเจี๋ยที่จุดไฟติดเจ็ดดวง เมื่อเทียบกับปีที่แล้วถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก ยิ่งแข็งแกร่ง การแข่งขันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
“มู่เยี่ยน ตาเ้าขึ้นเวทีแล้ว” ผู้าุโอวิ๋นซื่อเทียนจากสำนักศึกษาเสินเจียงกำชับมู่เยี่ยน
“ขอรับ!” มู่เยี่ยนพยักหน้า จากนั้นเดินขึ้นเวทีพร้อมกับคนอื่น
“พวกเ้าดูข้าให้ดี ๆ ล่ะ!” มู่เยี่ยนกล่าวกับอีกแปดคน จากนั้นมู่เยี่ยนเหวี่ยงหมัดโจมตีหินวัดพลัง ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น พลันหินวัดพลังสั่นะเือย่างแรง ราวกับจะถล่มก็ไม่ปาน
“หนึ่งดวง สองดวง สามดวง... เจ็ดดวง!” นาทีต่อมาผู้คนต่างมองไปที่มู่เยี่ยนเป็ตาเดียวกัน หมัดของมู่เยี่ยนจุดไฟบนหินวัดพลังได้เจ็ดดวง
“เจ็ดดวง มู่เยี่ยนแกร่งมาก สมกับเป็ผู้บัญชาการองครักษ์หลวง ร้ายกาจมาก!” ผู้คนพึมพำขณะมองมู่เยี่ยนที่สวมชุดเกราะา
ทว่าตอนที่ผู้คนกำลังตกตะลึงกับไฟเจ็ดดวงที่มู่เยี่ยนจุดติด จู่ ๆ ไฟดวงที่แปดบนหินวัดพลังก็ค่อย ๆ สว่างขึ้นมา
“แปดดวง แกร่งมาก!”
นาทีนี้ผู้คนต่างเดือดพล่าน เหล่าคนของสำนักศึกษาเสินเจียงและตระกูลมู่ปรบมือเสียงดังสนั่น พวกเขาภูมิใจแทนมู่เยี่ยนที่จุดไฟแปดดวงได้ ซึ่งเป็ผู้ทำคะแนนได้สูงสุดในบรรดาผู้ทดสอบ และห่างเพียงดวงเดียวจากเก้าดวงที่องค์ชายใหญ่จ้าวหยางเคยทำสถิติไว้เมื่อปีที่แล้ว
