ในเช้าของอีกวันนั้นเองหลังจากที่เมียงปล๊ะแสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าคมสันของเมียงปล๊ะ เขาขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง พลางบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“เป็เื่ที่ตลกน่าดูจริงๆ ที่ได้เจอเทพอะไรไม่รู้ประหลาดๆ ในความฝัน ถ้าจำไม่ผิด เรียกว่าเทพอะไรนะ...อ้อ...เทพ มฤคยือฮือ.... เขาพูดพลางหัวเราะเบาๆ “ท่านเทพองค์นั้นบอกว่าจะส่งแมวที่พูดได้สองตัว มาช่วยข้าจัดการกับสัตว์ที่ดุร้ายที่เรียกว่า “สิงโต” เนี่ยนะ? ไอ้สัตว์แบบนี้ข้าก็เพิ่งเคยรู้จัก เพิ่งเคยจะได้เห็นในฝันเนี่ยแหล่ะ...มันมีในดินแดนแถบนี้ที่ไหนกันเล่า...ตัวใหญ่เหมือนเสือ แต่ไม่มีลาย แล้วก็มีแผงคอฟูๆ ดูประหลาดน่าดู ข้าเกิดมาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่คนใหนเล่าให้ฟังว่า ดินแดนปราสาทหินของเราจะมีสัตว์ชนิดนี้ ไอ้พวกที่บอกว่ามีสัตว์ประเภทนี้ในแถบนี้ มันคงโง่จนยากจะหาอะไรเปรียบเทียบได้เลยล่ะ...แล้วแมวที่ไหนมันจะพูดได้กันเล่า...ข้านี่คงเมาเห็ดป่าที่กินตอนไปเที่ยวหาของป่าไปแล้วเสียละกระมัง...ฮะ..ฮะ...ฮะ...”
“ตื่นแล้วเหรอ...มนุษย์...”
เสียงหนึ่งทักขึ้นมาจากทางด้านหลังของ เมียงปล๊ะ ซึ่งในตอนแรกเขาก็นึกว่าจะเป็เพื่อนของเขาคนใดคนหนึ่ง แต่เขาก็มานึกได้ว่า เมื่อคืนนี้เขานอนอยู่คนเดียวนี่นา...แล้วเสียงที่ได้ยินนี้จะมาจากที่ใหนกันได้เล่า...เขาถึงกับใจนสะดุ้งเลยทีเดียวเมื่อได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้
เพราะตรงนั้นมีแมวสองตัวกำลังนั่งมองเขาอยู่ แมวตัวหนึ่งมีลายสลิดสวยงาม อีกตัวมีลายคล้ายลายวัว ทั้งคู่ต่างจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่ฉลาดเป็ประกาย
"เฮ้ย! นี่มัน...แมวพูดได้เหรอเนี่ย!" เมียงปล๊ะ ร้องออกมาด้วยความใสุดขีด
"ก็ใช่สิ ทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะ" แมวลายสลิดตอบอย่างไม่แปลกใจนัก "แต่ก็เข้าใจได้แหล่ะนะ...ว่าทำไมถึงใ...."
"หรือว่าสิ่งที่เทพ มฤคยือฮือ ได้พูดกับข้าในความฝันนั้น...จะเป็เื่จริง" เมียงปล๊ะ พูดขึ้นมาเหมือนกับพึมพำกับตัวเอง
"ก็ไม่แปลกหรอกนิ...เื่ต่างๆเหล่านี้มันก็น่าเหลือเชื่ออยู่หรอก...ถ้าพวกข้าไม่โดนท่านเทพ มฤคยือฮือ มอบหมายมาให้ข้ามาทำภารกิจล่ะก็นิ...ข้าก็ไม่คิดหรอกว่า ข้าจะสามารถมาพูดคุยกับมนุษย์ได้แบบนี้หรอกนิ"
เ้าแมวลายวัวเสริมขึ้นมาอย่างตั้งอกตั้งใจ
เมียงปล๊ะ รู้สึกตัวสั่นๆ หัวใจเต้นรัวราวกับจะทะลุออกมาจากอก เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต
"แล้วพวกนายมาจากไหนกันเนี่ย?" เมียงปล๊ะ ถามด้วยความสงสัย…
แมวทั้งสองตัว มองไปมองมาบริเวณรอบๆบ้านของ เมียงปล๊ะ แล้วก็ได้แต่พูดออกมาว่า
“พวกเรามาจากอนาคตที่ไกลจากเวลานี้มาก...มากจริงๆ เลยนิ อธิบายให้เ้าฟังไปเ้าก็คงไม่รู้หรอกว่าจะเป็ยังไงนิ จะเรียกได้ว่าเป็ยุคที่พื้นที่ทั้งหลายจะไม่มีทุ่งหญ้า ไม่มีทุ่งไร่ ธรรมชาติต่างๆมากมายขนาดนี้ มันจะเต็มไปด้วย...อืมส์...แท่งหินขนาดใหญ่ๆ ที่มีมนุษย์มากมายเข้าไปอาศัยอยู่ในนั้นเต็มไปหมด...ข้าไม่รู้จะอธิบายให้เ้าฟังได้เข้าใจมากกว่านี้ได้เยี่ยงไรนิ...”
“ก็เพราะเ้านั่นแหล่ะ ชวนข้าไปนั่งอึกันอีตรงที่ดาบของท่านเทพ มฤคยือฮือ ฝังตัวอยู่ เป็ยังไงล่ะ โดนลงโทษให้มาจัดการเ้าพวก “สิงโต” ในยุคนี้เลย...”
“โธ่...พี่ หนึ่ง ข้าจะไปรู้ได้ยังไงล่ะนิ...ว่าไอ้ที่ดินที่เราจะไปวาง “ทุ่นะเิ” กันอ่ะ...มันจะมีดาบของท่านเทพ มฤคยือฮือ ฝังอยู่ใต้นั้นน่ะ...”
“นี่ๆแล้ว...แล้วคนอื่นจะฟังพวกเ้ารู้เื่หรือเปล่าเนี่ย...มันจะกลายเป็เื่ใหญ่เื่โตเอานะ...ถ้าเป็แบบนั้น ดีไม่ดีพวกเ้าต้องถูกจับไปถวาย คนใหญ่คนโตในเมืองแห่งนี้ก็เป็ไปได้”
“คงจะไม่หรอกมั้ง...พวกข้าก็น่าจะพูดกับเ้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้นแหล่ะ...ข้าแอบไปร้องทักคนแถวนี้มาบ้างบางคนแล้ว แต่พอร้อง “เหมียว...” ทักเข้าหน่อย...พวกนั้นก็ทำท่าจะจับพวกข้ากินซะแล้ว...พอจับไม่ได้ก็เห็นไปวิ่งไล่จับพวกหมามากิน...คนแถวๆนี้นี่มันยังไงกันนะ เอะอะ...จะจับหมา จับแมวกินกันอยู่เรื่อย...นี่ดินแดนที่พวกข้าเคยอยู่น่ะ...มีแต่คนที่เขารักหมา รักแมวกันทั้งนั้น ดินแดนแห่งนี้นี่มันช่างอันตรายกับหมาและแมวอย่างพวกข้าเสียจริงๆเลย...ท่านเทพ...นะ...ท่านเทพ ส่งข้ามาดินแดนแห่งนี้เสียได้…ทำไมเหล่าผู้คนนั้นถึงได้โหดร้ายกันเยี่ยงนี้นะ...”
“ก็ไม่เสมอไปหรอกนะ...เ้าเหมียวทั้งสองตัว...อย่างน้อยข้าก็เป็คนที่รักทั้งหมาทั้งแมวอยู่นะ...พวกเ้าไม่ต้องกลัวข้าหรอกนะ...พวกเพื่อนๆของข้าก็ไม่มีใครชอบกินหมาหรือกินแมวด้วย”
“ก็คงต้องเป็อย่างนั้นแหล่ะนะ...ไม่งั้นท่านเทพ มฤคยือฮือ นั้นคงไม่ส่งพวกข้ามาหาเ้าที่นี่หรอก...ว่าแต่เ้าเคยเห็นสัตว์ที่เรียกกันว่า สิงโต บ้างหรือไม่...?...ข้าบอกได้เลยนะว่าพวกมันน่ากลัวมากๆ...”
ชายหนุ่มได้แต่นั่งทบทวนความทรงจำของตัวเองที่เหมือนจะจำภาพของสัตว์ป่าตัวใหญ่ที่เรียกกันว่า "สิงโต“ ที่เขาได้เห็นในนิมิตที่ เทพ มฤคยือฮือ ได้แสดงให้เห็นในรูปของพลังงานที่แสนสุกสว่าง เรืองรองเป็รูปร่างที่คล้ายกับคน และทางด้านเทพ มฤคยือฮือ ก็ได้แสดงภาพที่ทำให้เขาได้รู้จัก ว่า “สิงโต” นั้นรูปร่างเป็อย่างไร และบอกถึงสาเหตุว่าทำไมพวก “สิงโต” ถึงได้มาปรากฏในดินแดนแห่งนี้ได้ นั่นเป็เพราะว่า ห้วงของมิติเวลานั้นเกิดความผิดปกติขึ้นมานั่นเอง...ทำให้สิงโตทั้งฝูงนั้นได้เคลื่อนย้ายมาจากพื้นที่ๆพวกมันควรอยู่ มาอยู่ในพื้นที่แห่งนี้นั่นเอง
และเื่ที่ยากลำบากก็คือ การที่เขานั้นจะต้องหาทางนำพวกมันกลับไปในสภาพที่ยังมีชีวิตด้วยนี่ซิ !!!...ซึ่งเื่นี้นั้นทางเทพ มฤคยือฮือ นั้นบอกว่าเมื่อเขาได้พบหน้ากับบรรดาสิงโตทั้งหลายแล้ว จะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นเอง หน้าที่ของเขานั้นมีเพียงแค่นำดาบวิเศษอันนี้ ที่มีพลังของเทพ มฤคยือฮือ นั้นสิงสถิตอยู่ให้ได้ไปอยู่ต่อหน้าเหล่าสิงโตทั้งหลาย ก็เพียงพอแล้ว...จากนั้นหลังจากที่ทำภารกิจในครั้งนี้เสร็จแล้ว...”จะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นเอง” เขาได้ยินท่านเทพ มฤคยือฮือ กล่าวเอาไว้เพียงแค่นั้นก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา จนได้มาเจอกับแมวประหลาดสองตัวนี้นั่นเอง....
และในขณะนั้นนั่นเอง ดาบเหล็กทื่อๆ ซึ่งวางพิงอยู่กับผนังกระท่อมอยู่อย่างเรียบร้อย ซึ่งเป็ดาบของ เทพ มฤคยือฮือ ก็ได้เกิดการเรืองแสงขึ้นมา เป็แสงสีส้มสุกสว่างนั่นก็ทำให้ เมียงปล๊ะ ได้วิ่งเข้าไปจับที่ดาบนั้น ทำให้ในฉับพลันนั้นเอง ภาพต่างๆที่เป็สาเหตุที่ทำให้เหล่าสิงโตนั้น ได้หลุดผ่านอุโมงค์มิติที่เกิดขึ้นในอีกทวีปแล้วมาโผล่ในดินแดนแห่งนี้นั้น มันได้กระจ่างแก่สายตาของทางด้าน เมียงปล๊ะ จนทางด้านชายหนุ่มนั้นได้เข้าใจเื่ราวทุกๆสิ่งอย่างกระจ่างแจ้งนั่นเอง...แต่สิ่งที่สำคัญสิ่งหนึ่งก็คือ ในภาพที่ทางด้านของ เมียงปล๊ะ ได้เห็นนั้น มันได้เห็นผู้คนอยู่จำนวนหนึ่ง ที่มีผิวกายแตกต่างไปจากตัวของเขาแล้วคนในดินแดนนี้มากนัก คือเป็ผู้ที่มีสีผิวที่ค่อนข้างดำเป็อย่างมาก แต่ก็ดูมีสุขภาพที่ดี ไม่ได้เจ็บป่วยแต่ประการใด และที่สำคัญ คนพวกนี้นั้นกลับอาศัยอยู่ไม่ไกลจากฝูงสิงโตที่เขาได้เห็นอีกด้วย และบางเวลาเขาก็ได้เห็นว่า คนพวกนั้นได้มีการให้อาหาร กับฝูงสิงโตและอาศัยอยู่ไม่ไกลจากเหล่าสิงโตมากนักอีกด้วย ซึ่งพวกสิงโตที่ดูน่าจะดุร้าย ก็ไม่ได้แสดงอาการที่อยากจะทำร้ายมนุษย์กลุ่มนี้แต่ประการใด หรือเป็เพราะว่า ที่จริงแล้ว มนุษย์นั้นไม่ได้เป็สัตว์โลกที่เป็อาหารอันดับแรกๆของพวกสิงโตก็เป็ได้ และในขณะนั้นมันกลับได้เห็นภาพที่น่าตื่นตะลึงก็คือ มันได้เห็นชายหนุ่มผิวสี ท่าทางอ่อนโยนคนหนึ่ง ได้เข้าไปใกล้ๆกับเ้าสิงโตตัวใหญ่ ที่ตัวของ เมียงปล๊ะ ได้เห็นแล้วก็รู้สึกว่า น่าจะเป็ตัวที่เป็ “จ่าฝูง” ของสิงโตฝูงนี้ แล้วทางด้านของ เมียงปล๊ะ ก็ต้องตกตะลึงเข้าไปอีกเมื่อได้เห็นชายหนุ่มผู้นั้นสามารถเข้าไปลูบหัวลูบตัวของเ้าสิงโตได้อย่างมีความรักใคร่ต่อกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเ้าสิงโตนั้นก็ไม่มีท่าทีที่จะทำร้ายมนุษย์คนนั้นอีกด้วย
ฉับพลันนั้นก็มีเสียงๆหนึ่งที่ดังเข้ามาในหัวสมองของ เมียงปล๊ะ ขึ้นมาว่า
“เ้าหนุ่มคนนั้นมีชื่อว่า อามารา (หมายถึง เมตตา กรุณา) และ เ้าสิงโตนั้น มีชื่อว่า มันดีซา (หมายถึง ความอ่อนโยน) ทั้งสองคนนั้น เป็เพื่อนรักต่างสายพันธุ์กันมาอย่างยาวนาน ในอดีตนั้นทางด้าน อามารา ได้เคยช่วยชีวิตของ มันดีซา เอาไว้ และทั้งสองคนก็ได้ดูแลกันมา จนกระทั่งในเวลานี้ มันดีซา ได้เติบโตจนเป็จ่าฝูงของเหล่าสิงโต ในย่านที่ อามารา อาศัยอยู่กับครอบครัวและชนเผ่าของเขาไปแล้ว ซึ่งความรักที่มีต่อกันของทั้งสองนั้น ทำให้เทพเ้าอย่างข้านั้นประทับใจมาก แต่พอมีเหตุการณ์ที่มิติกาลเวลาบิดเบี้ยวเกิดขึ้นมาแบบนี้ ทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน และประวัติศาสตร์ของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาไม่ใช่น้อย เพราะในอนาคต มันดีซา จะยังต้องเผยแพร่ประชากรครอบครัวไปอีกมาก ซึ่งถ้า มันดีซา กับครอบครัวของมันมาหลงอยู่ในบริเวณพื้นที่แห่งนี้แล้วล่ะก็...จะเกิดความเสียหายมากมาย ทั้งในเื่ของการสืบทอดสายพันธุ์ต่อไปในอนาคต และ ประวัติศาสตร์ของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปครั้งใหญ่ เพราะพื้นที่แห่งนี้นั้น เป็พื้นที่ของโลกที่จะต้องไม่มี “สิงโต” มาอาศัยอยู่ เหล่าเทพเ้าโบราณแห่งวิถีธรรมชาติของโลก ได้เป็ผู้กำหนดเอาไว้แล้ว...ดังนั้นภารกิจของเ้า เมียงปล๊ะ เอ๋ย...เ้าต้องนำพาทั้งสองฝ่ายนี้ให้กลับมาพบกันให้ได้ เพื่อให้สมดุลของโลกนั้นกลับคืนสู่ปกติอย่างที่มันควรจะเป็....”
สิ้นเสียงพูดจากร่างเงาที่เหมือนกับเป็พลังงานมหาศาลอยู่ในแสงสว่างและสามารถที่จะนำภาพและเหตุการณ์ต่างๆมาให้ เมียงปล๊ะ ได้เข้าใจเื่ราวทั้งหมดทั้งมวลได้อย่างกระจ่างแจ้ง และในท้ายที่สุดแล้ว ก่อนที่จะแสงนั้นจะหายไป และก็มีเสียงที่ดังขึ้นมาในความทรงจำของ เมียงปล๊ะ ว่า
“เ้าจะช้าอยู่ไม่ได้นะ...เมียงปล๊ะ...พวกนายพรานนักล่าสัตว์มากมายในดินแดนแห่งนี้ ต่างหมายปองในสัตว์ที่มีความแปลกประหลาดเช่นนี้แน่นอน และในตอนนี้มีบางพวกก็เริ่มจะเห็นพวกมันแล้ว ในวันพรุ่งนี้เ้าจงไปทางทิศตะวันออก กับไอ้เ้าสองเหมียวตัวแสบนี่ พวกมันจะช่วยเหลือเ้าได้…จงไปซะ เมียงปล๊ะ...เอ๋ย...แล้วจงทำภารกิจให้สำเร็จ พาดาบศักดิ์สิทธิ์ของข้าไปปักอยู่ตรงพื้นดินเบื้องหน้าของพวกนั้นให้ได้ จากนั้นภารกิจก็จะสำเร็จ และข้าก็จะมีรางวัลให้แก่เ้า...”
หลังจากสิ้นเสียงนั้นตัวของ เมียงปล๊ะ ก็ได้หลับใหลไปจนถึงเวลารุ่งเช้าก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมา โดยที่มีมือของเขานั้นยังได้กุมดาบของเทพ มฤคยือฮือ เอาไว้แน่น นั่นแสดงให้เขานั้นได้เห็นว่า เื่ที่เกิดขึ้นมาเมื่อคืนนี้นั้นเป็เื่จริงนั่นเอง...
จากนั้นชายหนุ่มจึงได้มองไปยังเ้าแมวสองตัว ที่มานอนๆเลียขนอยู่ข้างๆตัวของเขา ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมากับเ้าแมวคู่ซี้สองตัวว่า
“ถ้างั้นเราไปกันเถอะ...เ้า หนึ่ง , เ้า สอง ไปทำภารกิจของพวกเรากันเถอะ...!!! ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่า ท่านเทพ มฤคยือฮือ จะให้รางวัลอะไรกับข้า แต่อย่างน้อยพวกเ้า ก็จะได้กลับไปอยู่ยังยุคที่พวกเ้านั้นได้จากมาอีกครั้ง...”
“เหมียว....ได้เลย...พวกเรานั้นรออยู่นานแล้ว...!!! พวกข้าก็อยากกลับไปสู่ยุคของพวกข้าแล้วเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเราไปตามหาเ้าสัตว์ที่เรียกว่า “สิงโต” พวกนั้นกันเถอะ !!!”
“ว่าแต่พวกเ้าก็ตัวนิดเดียว ไม่กลัวเ้าสัตว์ร่างั์แบบนั้นหรือ มันตัวใหญ่พอๆกับพวกเสือ ที่ข้าเคยเห็นในป่าอยู่แว่บๆเหมือนกันนะ แถมยังน่ากลัวมากๆด้วย”
“เหมียว...ไม่ต้องห่วงพวกข้าหรอกนิ...พวกข้าปีนต้นไม้เก่ง ถึงเ้าพวกนี้จะตัวใหญ่ยังไง ก็ทำอะไรพวกข้าที่อยู่บนต้นไม้ไม่ได้หรอก...ที่สำคัญท่านเทพ มฤคยือฮือ ก็บอกกับพวกข้าว่า พวกข้าสามารถคุยกับพวกนั้นได้รู้เื่อยู่นิ...ดังนั้นเ้าคงไม่ต้องห่วงพวกข้ามากนักหรอก...ห่วงแต่ตัวของเ้าเองเถอะนิ...เ้าพวกนั้นมีหลายตัว แล้วก็อันตรายทุกตัวเลย...เ้าต้องพยายามให้พวกข้าได้มีโอกาสได้พูดคุยกับพวกนั้นก่อนนิ แต่ถ้าเ้าโดนโจมตีก่อน อะไรจะเกิดขึ้นก็ยังไม่รู้เหมือนกันนะ...”
“นั่นซิ...ข้าก็คงต้องระวังให้มากเลยทีเดียว...เอาล่ะพวกเราไปกันเถอะ...!!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้