รถตู้ของซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้กลับไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ขับออกไปจากหมู่บ้าน เหมือนกับการกลับเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อของ ทั้งที่คนขับน่าจะรู้ว่ามีสต็อกเพียงพอแล้ว แต่ในเมื่อผู้ใหญ่บ้านกำชับให้ขับรถวนออกไปรอบหนึ่ง คนขับจึงได้แต่ทำตามคำสั่งนั้น
คนขับไม่รู้ว่ามีชายหญิงห้อยอยู่ใต้ท้องรถ ไม่อย่างนั้นคงไม่ขับเร็วขนาดนี้
ในขณะที่หมู่บ้านลับสายตาออกไปแล้ว เสิ่นิก็ส่งสัญญาณให้ไพรปีนขยับตัวขึ้นไปทางท้ายรถ เมื่อปล่อยทั้งสองมือออก ความเฉื่อยทำให้ทั้งสองกลิ้งไปบนพื้นเป็ระยะ 8 เมตร เหมือนกับลูกบอล
ไม่รู้อีท่าไหน ทั้งสองม้วนตัวเข้าหากัน เมื่อหยุดลง ครึ่งหนึ่งของตัวไพรก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของเสิ่นิ และใบหน้าของเสิ่นิก็ถูกฝังอยู่ในหน้าอกของไพร
“ไอ้หัวขโมยสัปดน! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” ไพรสาปแช่งด้วยความอับอาย
“เข็มขัดมันติด ถ้าคุณออกไปได้ก็ลองออกให้ดูหน่อยสิ รอสักครู่!” เสิ่นิเหยียดมือลงบนหน้าท้องอย่างหดหู่เพื่อดึงเข็มขัดทางทหารที่ติดอยู่ออก
จากท่าทางแล้ว เสิ่นิกำลังรัดหน้าท้องรัดเอวของไพรอยู่ เสิ่นิมองไม่เห็นปมเลย ทั้งสองเกาะกันแน่น แน่นจนกระทั่งสามารถคลำได้ด้วยมือเพียงเท่านั้น
การััของเสิ่นินั้น ไม่สำคัญต่อตัวเขาเช่นไร แต่ใบหน้าของไพรกลับแดงไปทั่ว ต้องทราบก่อนว่าหญิงสาวอยู่ในชุดปั่นจักรยานรัดรูปทั้งตัว ปลายนิ้วััได้ทั้งทั่วิัโดยสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เธอมึนงงอย่างหนัก แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่!
“ไอ้หัวขโมยสัปดน ถ้าลองแตะตรงนั้น เชื่อไหมว่าฉันสับมือนายแน่?” ไพรคำราม
“อยู่ในท่านี้ ถ้าคุณสามารถดึงมีดออกมาได้ แล้วผมจะต้องคลำหนักขนาดนี้ทำไม? เกือบได้แล้ว!” เสิ่นิโอบเอวไพรและคลำไปตามขาหนีบ
“ไอ้หัวขโมย! ไอ้โรคจิต! ไอ้กุ๊ย! ไอ้! ...” เมื่อไพรนึกคำด่าไม่ออก ด้วยเสียง คลิก เสิ่นิก็ปลดหัวเข็มขัดยุทธวิธีที่หลังเอวของไพรได้ ในที่สุดทั้งสองก็แยกออกจากกัน
เสิ่นิพยุงร่างขึ้น ใบหน้าของไพรยังแดงไม่จาง...
“คุณไม่เป็ไรใช่ไหม?” เสิ่นิยื่นเข็มขัดคืนให้ไพร
“ถ้านายอยู่ห่างจากฉันหน่อย ฉันก็ไม่เป็ไรแล้ว” ไพรกระชากเข็มขัดมาและยืดเอวตั้งตัวขึ้น ทั้งคู่ไม่ได้เดินไปตามถนน แต่กลับปืนขึ้นกำแพงข้างถนนไป เพียงสองหรือสามก้าวที่เข้าไปในป่านั้น ด้วยลายพรางตัว ก็สามารถกลืนเข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว
เสิ่นิกางผ้าห่มพรางตัวที่เหมือนกับพรมดอกไม้คลุมร่างกายเขา แม้แต่ Mosin–Nagant ก็ยังถูกห่อด้วยเศษผ้าย้อมสี ผู้ชายคนนี้ยังใช้อุปกรณ์ต่างๆ จากเครื่องเคลือบและเตาหลอมโลหะ เขาประดิษฐ์อุปกรณ์เก็บเสียงระดับมาตรฐานสากลสำหรับ Mosin–Nagant ตอนนี้ปืนนี้สามารถเรียกได้ว่าได้รับการแปลงโฉมราวกับมีเวทมนตร์
ระดับการป้องกันตัวของเสิ่นิสูงกว่าไพรหลายระดับอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งสองเดินห่างกัน 5 เมตร แม้จะรู้ว่ามาที่นี่เพื่อเป็เป้าล่อ แต่การร่วมทีมกันของไพรกับหัวขโมยผู้นี้นั้นก็ไม่ได้เป็ไปด้วยความเต็มใจ หญิงสาวย่างท้าวเข้าไปในูเาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
"ช้าลงหน่อย งอหลังเล็กน้อย ใช้ต้นไม้กำบังร่างกายไว้ เพิ่มระดับความระวังตัวหน่อยได้ไหม?” เสิ่นิซึ่งอยู่ไม่ไกลเป็เหมือนเสียงกระซิบของแม่สามีที่ออกคำสั่ง
“นายตื่นเต้นอะไร ที่นี่อยู่ห่างจากหมู่บ้านขนาดนี้ สไนเปอร์ไม่มาทำงานที่นี่หรอก” ไพรคิดว่าผู้ชายที่ใช้ปืน ความกล้าหาญก็หดเล็กลงเหลือเท่าปืนไปด้วย
“ถ้าไม่รู้ว่าเรากำลังจะมา ก็คงไม่ทำอย่างนั้นแน่ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ด้วยความเหนือชั้นของผีูเานั้น มีโอกาสเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ที่เขาจะรู้ตัวว่าการไล่ล่านี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และมีโอกาสมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ที่เขาจะรู้ว่าเรามากันสองคน” เสิ่นิมองไปยังป่าทึบข้างหน้าอย่างระแวดระวัง แม้ว่าดวงอาทิตย์จะส่องแสงอยู่ภายนอก แต่ในป่าก็ยังดูมืดเล็กน้อย ใบไม้จำนวนมากบดบังแสงแดดที่ส่องผ่านมาจากก้อนเมฆ
“นายรู้ได้อย่างไร?” ไพรรู้สึกว่าเสิ่นิกำลังเป่าหู
“การดวลมือปืนก็เหมือนกับการเล่นหมากรุก เราก้าวหนึ่งก้าว ก็ต้องคาดการณ์ให้ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะก้าวไปอีกร้อยก้าวบนกระดานหมากรุกที่มีปัจจัยเงื่อนไขคงที่ ทั้งคู่ต่างเดินไปตามรูปแบบที่ตายตัว จนกว่าอีกฝ่ายจะพลาด และถูกจับทันที จะชนะหรือแพ้...ก็ไม่ได้หมายถึงความเป็ความตาย” เสิ่นิเหยียบย่างลงไปบนหินแล้วปีนขึ้นไปตามทางลาดเล็กๆ
“พูดซะสวยหรู ขอนายน้อยเอาฉันมาเป็เป้าล่อ ถ้านายไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ต่อให้ฉันเป็ผีตายไป ฉันก็จะไม่ปล่อยนายไปแน่” ไพรกล่าวอย่างเหี้ยมโหด
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้ขอให้คุณมาเป็เป้า เพียงแค่ให้คุณมาเป็ผู้ช่วยดึงดูดความสนใจของมือปืน เมื่อพลซุ่มยิงต้องเผชิญหน้ากับสองเป้าหมายในเวลาเดียวกัน สมาธิเขาจะหลุดโดยไม่รู้ตัว ทั้งหมดที่ผม้าคือความว้าวุ่นใจของเขา ตราบใดที่คุณวิ่งตามที่ผมบอก ภายใต้สภาวะความว้าวุ่นของมือปืนนั้น โอกาสรอดของคุณก็จะยิ่งสูงขึ้นไปด้วย
ผมพาคุณออกมาอย่างมีชีวิต ก็อยากจะพาคุณกลับไปอย่างมีชีวิตเหมือนกัน ข้อนี้ผมรับปากกับคุณได้” ในอดีต เสิ่นิทำอะไรบางอย่างที่ทำให้ผู้คนเปิดเผยพิกัดตัวเองต่อศัตรูนักแม่นปืน แต่ตอนนั้นเขาเป็ชาวนิรวาน การสังหารเป็ภารกิจของเขา แต่ในปัจจุบัน เขาเป็บอดี้การ์ด หน้าที่ของเขาคือการรักษาชีวิตผู้คนไว้
“ชีวิตของฉันไม่้าให้นายมารับประกัน ในฐานะทาสตระกูลเฝิง เป็หน้าที่ผูกพันที่ฉันจะต้องตายเพื่อตระกูล ถ้านายอยากให้สัญญา แค่สัญญากับฉันว่านายจะฆ่าผู้ชายคนนั้นให้จงได้” สตรีในตระกูลเฝิงฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาั้แ่เล็กแต่น้อย ถูกฝึกจนเป็มีดเหล็กกล้า ไพรเรียกได้ว่าเป็สาวแกร่ง อาจเรียกได้ว่าจะพบจุดอ่อนของหญิงผู้นี้ได้เฉพาะตอนที่เธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเท่านั้นแหละ?
การปีนป่ายนั้นเหน็ดเหนื่อยที่สุด ไม่มีถนนหนทางอยู่ใต้ฝ่าเท้า ต้องใช้แรงทั้งมือและเท้าเพื่อก้าวไปข้างหน้า ไหนยังจะต้องแบกอุปกรณ์ต่อสู้อีก การก้าวไปข้างหน้าก็ถือเป็การต่อสู้แบบหนึ่ง อย่างไรก็ตามเสิ่นิและไพรเป็คนแกร่งมาก พวกเขามุ่งหน้าไปยังหนทางบนเนินเขาสูงชัน ความจริงแล้ว ไม่มีความจำเป็ที่จะต้องใช้มือเลย พวกเขาสามารถปีนขึ้นไปด้วยอะไรก็ได้ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า ความสมดุลของร่างกายเกินกว่านักกีฬาโอลิมปิก รู้สึกเหมือนเดินด้วยเท้าปกติ แสดงให้เห็นถึงพื้นฐานของวิชาตัวเบา
ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง เสิ่นิและไพรก็มาถึงยอดเขาแห่งนี้ จู่ๆ เสิ่นิก็หมอบลงกับพื้นและยกปืนขึ้น
ไพรย่อตัวลงโดยสัญชาตญาณ มือของเธอระแวดระวังคว้าด้ามมีดที่หลังเอว แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่อาจทำร้ายผีูเาซึ่งอยู่ห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตรได้ แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
“นายนั่งยองๆ ทำไม?” ไพรถามโดยใช้วิทยุสื่อสาร
“ถ้าผมบอกว่าผูกเชือกรองเท้า คุณจะฆ่าผมไหม?” เสิ่นิยิ้ม
“ไม่ ฉันจะทำหมันนายซะ”
“เอาล่ะ ผมพบบางสิ่งบางอย่าง มานี่สิ” เสิ่นิหยุดล้อเล่นเพื่อปกป้องนกเขาของเขา
ระยะห่างออกไป 5 เมตร ไพรทะยานไปเพียงไม่กี่ก้าวก็นั่งลงตรงข้ามกับเสิ่นิ รอยเท้าอันชัดเจนถูกทิ้งไว้บนโคลน
“รองเท้าคอมแบตรุ่นพิเศษสไตล์อเมริกัน อ้างอิงจากขนาดรองเท้า ความสูงของผีูเาควรจะอยู่ที่ระหว่าง 178 ถึง 183 เิเ รองเท้าคู่นี้เป็รุ่นโปรดของ US Navy SEALs… คาดว่าผีูเาของเราน่าจะมาจากที่นั่น” เสิ่นิเริ่มปวดขมับ
“แมวน้ำอะไร ซีล กะหล่ำปลีทะเล พูดให้มันชัดๆ หน่อย” ไพรอยู่แต่ในตระกูลเฝิงตลอด เธอรู้จักโลกภายนอกน้อยมาก
“หน่วยซีลของกองทัพเรือสหรัฐฯ เรียกเต็มๆ ว่า US Navy SEALs เป็ของกองทัพเรือสหรัฐฯ หนึ่งในสิบหน่วยรบพิเศษที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ในการต่อสู้มากที่สุดในโลก หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ลึกลับที่สุด
ว่ากันว่า ทั้งทะเล บก อากาศทั้งสามเหล่าทัพ พวกเขาสามารถทำงานได้ในทุกสภาพแวดล้อมบนโลก ลุงบินลาเดนผู้โด่งดังก็ถูกพวกมันสังหาร...
มันยากมากที่จะเป็ หน่วยซีลของกองทัพเรือสหรัฐฯ พวกเขามีสมาชิกแค่เพียง 2,000 กว่าคนเท่านั้น ในหมู่ของพวกเขามีบุคลากรน้อยกว่า 200 คนที่จะถูกส่งไปประจำที่ชั้นแนวหน้า
200 คนนี้ถือเป็ยอดฝีมือชั้นสูง”
“นายคิดว่าผีูเานั่นเป็หนึ่งในสองร้อยคนนั้นหรือเปล่า?” ในที่สุดไพรก็เข้าใจความน่ากลัวของสไนเปอร์ผู้นั้น
“แบกปืนไรเฟิลยาวได้ 2 กระบอก ยิงได้ในระยะเกิน 1800 เมตร... นอกจากนี้ยังสามารถออกแบบการสังหารได้อย่างมีกลยุทธ์ ผีูเานับได้ว่าโดดเด่นในบรรดา 200 คนนั้น” เสิ่นิพูดพลางเอามือลูบที่โคลน เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ “แต่ที่น่าแปลกก็คือ จากน้ำหนักของอุปกรณ์ที่เขาแบกบวกกับน้ำหนักตัวของเขาแล้ว รอยนี้มันดูตื้นเกินไป
ไม่อย่างนั้นผีูเาของเราก็คงจะผอมเหมือนกับกระดาษ ไม่ก็…”
“เขารู้วิชาตัวเบา!” ไพรสมทบ
“ไม่เพียงแต่รู้เท่านั้น แต่ฝึกสำเร็จมาไม่น้อย ตลอดทางที่มา ผมเห็นแค่รอยเท้านี้เพียงรอยเดียว เขาไม่เคยเอื้อมมือไปจับต้นไม้เพื่อพยุงตัว การทรงตัวไม่ได้เป็รองเราสองคน ชายวัยกลางคนชาวต่างชาติไม่ให้ความสนใจกับการฝึกวิชาตัวเบาหรอก
สิ่งที่พวกเขาเชื่อก็คือ ตูม! ตูม! ตูม! แค่ขอกำลังสนับสนุน ตูม! าเป็อันจบ...
ดังนั้น ผีูเาน่าจะเป็พลซุ่มยิงพิเศษของ Navy SEALs ที่เป็ชาวจีน”
จากรอยเท้า เสิ่นิแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะวิเคราะห์ไปถึงบรรพบุรุษรุ่นที่สิบแปดของฝ่ายตรงข้าม สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือผีูเานั้นก็รู้จักคู่ต่อสู้ของเขาเช่นกัน...
ณ ขณะนั้น บนูเาในป่าอันห่างไกล นกกระยางขาวกระพือปีกและร่อนลง สองเท้ายาวของเ้านกเกาะอยู่บนแขนของผีูเา
“แคว้ก แคว้ก แคว้ก” แพนด้าร้องไม่หยุด
“แพนด้า อ้วนจ้ำม่ำกลับมาอีกแล้วเหรอ? บอกแล้วว่าอย่ากินปลาแซลมอนมากเกินไป อาหารมื้อเย็นเป็สุขลักษณะที่ไม่ดี!” รอยยิ้มผุดขึ้นบนแก้มที่ทาด้วยสีน้ำมันของผีูเา
“แคว้ก แคว้ก แคว้ก” แพนด้าเถียง
“เอาล่ะ บอกฉันมาได้แล้ว ผู้ที่มาใหม่ แข็งแกร่งแค่ไหน?” ไม่รู้ว่าผีูเามีพลังวิเศษอะไรบ้าง แท้จริงแล้วได้เลี้ยงสัตว์ร้ายเอาไว้รับใช้ แล้วยังจะประหลาดอีกที่เขาเข้าใจภาษานก
เมื่อเห็นนกั์ที่ชื่อแพนด้าะโลงมาที่พื้น มันใช้ร่างกายและเสียงตอบคำถามผีูเา
“ขีดจำกัดของร่างกาย...กลั้นลมหายใจ...ร่างกายยอดเยี่ยม...คุณสู้เขาไม่ได้ ยังได้จิกนกเขาของเขาด้วย? เกือบถูกหักคอ?” ผีูเาพิงโขดหิน “ดูเหมือนว่าตาแก่นั่นจะได้พบผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมอีกคนหนึ่งแล้ว เส้นตายเหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่วัน จะช่วยชีวิตเขาไว้ได้หรือไม่?”
“...แคว้ก แคว้ก” แพนด้าใช้จะงอยปากััไปที่ใบหน้าของผีูเาเบาๆ เพื่อแสดงออกถึงความรัก
“เฮ้ แพนด้า ความคับข้องใจของฉันต่อเจิ้นถิงไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยคำพูด ฉันรู้ว่าเื่นี้มันทำให้แกลำบาก แต่ก่อนที่ตาแก่นั่นจะยอมแพ้ ฉันจะฆ่าทุกคนที่อยู่รอบตัวเขา! ถ้าแกเป็เพื่อนฉันก็อย่ามาเกลี้ยกล่อม…” ผีูเาลูบจะงอยปากของแพนด้าเบาๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า “เดี๋ยวก่อนนะ! เมื่อกี้นี้แกบอกว่าแกเอาจะงอยปากไปทำอะไรกับผู้ชายคนนั้นนะ? แกแปรงฟันหรือยัง?! เวร! ลืมไปเลยว่าแกไม่มีฟัน! เร็วเข้า เอาปากแกออกไปจากหน้าฉัน! เฮ้! ทำไมถึงมีเส้นขนสีดำขดอยู่ในปาก! พู่! พู่! พู่!”