ฉู่เพ่ยลังเลที่จะรายงานเื่มู่อ๋องจ้าวอี้ต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้และฮองเฮา คำถามที่ถามออกมาอย่างกะทันหันของฮองเฮาอวี่เหวิน ทำให้เขามีสีหน้าตื่นตระหนกทันใด
แม้เขาจะมีสีหน้าตื่นตระหนกเพียงเล็กน้อย ทว่าอย่างไรมิอาจหลบซ่อนจากสายตาอันว่องไวของฮ่องเต้และฮองเฮาไปได้
"อี้เอ๋อร์เล่า?" ความรู้สึกไม่สบายใจสายหนึ่งขึ้นค่อยๆ ผุดขึ้นในหัวใจของฮ่องเต้หยวนเต๋อ
ฉู่เพ่ยขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม ฉับพลันนั้นฮองเฮาอวี่เหวินตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง พรวดยันตัวลุกขึ้นทันที "ท่านแม่ทัพ อี้เอ๋อร์ไม่ได้กลับมากับเ้าหรือ?"
"ฝ่าา ฮองเฮา..." ฉู่เพ่ยสูดหายใจลึก รีบเร่งคุกเข่าลงกับพื้นทันที "กระหม่อมสมควรตาย"
สมควรตายหรือ? เหตุใดถึงสมควรตาย?
พระหัตถ์ของฮองเฮาอวี่เหวินกำผ้าเช็ดหน้าแน่น ลางสังหรณ์ในใจนางชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“เมื่อคืนนี้ ยามที่กองไฟกำลังลุกไหม้เผาค่ายเสินเช่อ ท่านอ๋องมู่ทรงขี่ม้าออกไป กระหม่อมเร่งรีบตามไปทันที ทว่าท่านอ๋องมู่กลับขี่ม้าฝ่าเข้าไปในกองเพลิงเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฝ่าเข้าไปในกองเพลิงหรือ?
"เ้าหมายความว่าอย่างไร?" ฮองเฮาอวี่เหวินสั่นเทาไปทั้งตัว ในหัวนางผุดภาพฉากหนึ่งตามคำพูดของฉู่เพ่ย นางไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่นางได้ยินเลยแม้แต่น้อย
“ไฟแผดเผาทั้งค่ายเสินเช่อ ส่วนท่านอ๋องมู่เองก็...ข้าเกรงว่าเขาจะตกลงไปในกองเพลิงนั้น” ฉู่เพ่ยกัดฟัน ยอมมอบกายถวายชีวี เขากระแทกศีรษะลงบนพื้นอย่างหนักหน่วงรุนแรง “ฝ่าา ฮองเฮา กระหม่อมนั้นช่างประมาทเลินเล่อ ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง มิอาจปกป้องท่านอ๋องมู่ไว้ได้ ขอให้ฝ่าาและองค์ฮองเฮาทรงลงโทษกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
ใบหน้าของฮ่องเต้หยวนเต๋อเริ่มมืดมน ร่างกายและแขนขาของฮองเฮาพลันอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง หากมิได้ฮ่องเต้หยวนเต๋อคอยประคอง นางคงจะล้มลงไปกับพื้นทันทีทันใดอย่างแน่นอน
“ลงโทษหรือ! ฮ่าๆ ลงโทษหรือ? อี้เอ๋อร์...อี้เอ๋อร์ตกลงไปในกองเพลิง ตกลงไปอีกคนแล้ว!" สีหน้าของฮองเฮาอวี่เหวินเริ่มซีดเผือด ความเ็ปเศร้าโศกในหัวใจร้อยเรียงผูกรวมเป็เส้นเชือกสายหนึ่งเฆี่ยนตีหัวใจนางอย่างโหดร้าย นางจ้องฉู่เพ่ยเขม็ง พลางกรีดร้องออกมาอย่างรุนแรงว่า "ถึงแม้จะตัดหัวของเ้า มันก็ไม่เพียงพอที่จะชดใช้ชีวิตของอี้เอ๋อร์ของข้า!"
ตายแล้ว...อี้เอ๋อร์ของนางไม่กี่วันก่อนหน้านี้ยังมีชีวิตอยู่เลย เหตุใดถึง...
เพราะเหตุใด? เพราะเหตุใดเขาถึงต้องพาตัวเองเข้าไปในกองเพลิงนั้นด้วย?
“อา...”
ฮองเฮาอวี่เหวินเศร้าโศกอย่างสุดจะพรรณนา เสียงะโกรีดร้องปานหัวใจจะฉีกขาดดังก้องทั่วตำหนักชีอู๋ แม้กระทั่งตำหนักฉางเล่อที่อยู่ไกลถึงอีกฝั่งฟากยังได้ยินเสียงร้องนั้นแว่วหวิวดังเข้ามา
นอกห้องพระ ตำหนักฉางเล่อ สตรีแต่งตัวเรียบง่ายกำลังเข้าไปในห้องพอดี ทว่าเพราะเสียงหวีดร้องที่ดังเข้ามา ทำให้นางชะงักฝีเท้า นางจำได้ว่า เสียงร้องนี้เป็เสียงของฮองเฮาอวี่เหวิน ในน้ำเสียงนั้นแฝงความเศร้าโศกและสิ้นหวังอย่างชัดเจน
เศร้าโศก...สิ้นหวัง...
เื่ใดที่ทำให้มารดาแห่งวังหลังผู้นั้นเศร้าโศกสิ้นหวังได้ถึงเพียงนี้?
ฉางไทเฮาขมวดคิ้ว มุมปากยกยิ้ม ลอบดีใจมีความสุขในความทุกข์ของผู้อื่น ไม่ว่าเื่อะไร สำหรับฮองเฮาอวี่เหวินคงจะเป็เื่เลวร้าย สำหรับนางแล้วล้วนเป็เื่ดีทั้งนั้น
ณ ตำหนักชีอู๋
ฮองเฮาอวี่เหวินแขนขาอ่อนแรง ทิ้งตัวลงในอ้อมกอดของฮ่องเต้หยวนเต๋อ แม้เวลาผ่านไปนาน ทว่ายังมิอาจสงบสติอารมณ์ได้ ทันใดนั้น นางกำเสื้อผ้าของฮ่องเต้หยวนเต๋อแน่น จ้องมองเขาด้วยความหวังเต็มเปี่ยม “ฝ่าา อี้เอ๋อร์ไม่ได้ตายใช่หรือไม่เพคะ? พระองค์เพิ่งตรัสว่าจะให้อี้เอ๋อร์มารับตำแหน่งแม่ทัพหลวงต่อจากฉู่ชิง เช่นนั้นพระองค์คงให้ความสำคัญกับเขา มอบหมายความรับผิดชอบที่สำคัญให้กับเขา เขายังไม่ทันได้ช่วยพระองค์แบ่งเบาภาระเลย เขาไม่มีทางตายอย่างแน่นอน ใช่หรือไม่เพคะ?”
ฮองเฮาอวี่เหวินร่ำไห้อย่างเ็ปรวดร้าว ในใจของฮ่องเต้หยวนเต๋อเองก็รู้สึกโศกเศร้ากับข่าวนี้เช่นกัน จ้าวอี้เป็โอรสที่เขาดูแลอย่างดีที่สุด ในใจเขาตั้งมั่นมานานแล้วว่าจะยกบัลลังก์ให้จ้าวอี้ ทว่าจ้าวอี้กลับ...
"ฮองเฮา เ้าทำใจเสียเถิด" ฮ่องเต้หยวนเต๋อถอนหายใจ
“ทำใจหรือ? ไม่ ข้าไม่ทำใจ ปีนั้นจี้เยวี่ยของข้าต้องมาสิ้นพระชนม์ั้แ่เยาว์วัย ข้าต้องสูญเสียพระธิดาของข้า มาวันนี้ยังมาสูญเสียโอรสอีก แท้จริงแล้วข้าทำอะไรผิด เหตุใด์ต้องลงโทษข้าเยี่ยงนี้!” ฮองเฮาอวี่เหวินร่ำไห้ ฉับพลันเริ่มหัวเราะเยาะเย้ยให้กับโชคชะตา
ฮ่องเต้หยวนเต๋อเห็นทุกสิ่งในสายตา ทว่าเขาเองไม่รู้เช่นกันว่าจะทำอย่างไรดี
"ฉู่เพ่ย เ้าออกไปก่อนเถิด" ฮ่องเต้หยวนเต๋อตรัสสั่ง น้ำเสียงฟังดูเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรง
ฉู่เพ่ยเหลือบมองฮ่องเต้หยวนเต๋อที่สูญเสียท่านอ๋องมู่ รวมถึงเหลือบมองฮองเฮาอวี่เหวินที่เศร้าโศกสุดใจ บุรุษผู้ครองตำแหน่งสูงศักดิ์ผู้นี้ไหนเลยจะไม่เศร้าใจได้?
อย่างไรเสีย เขาเป็ทั้งพ่อ และในเวลาเดียวกันก็เป็ฮ่องเต้
ตำแหน่งแม่ทัพหลวงของฉู่ชิงมีความสำคัญมากในท้องพระโรงราชสำนักเป่ยฉี เพียงน้ำผึ้งหยดเดียว[1]ก็เกิดเื่ราวได้ใหญ่โต
เดิมทีเขาได้ตัดสินใจให้อี้เอ๋อร์เข้ารับตำแหน่งแม่ทัพหลวงและดูแลกองทัพ ทว่าตอนนี้อี้เอ๋อร์กลับสิ้นลมหายใจในกองไฟ แผนที่เขาวางไว้คงต้องคิดใหม่อีกครั้ง
"กระหม่อม...ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ" ฉู่เพ่ยโค้งคำนับให้อย่างหนักหน่วง และก้าวจากไป
ในห้องเหลือเพียงฮ่องเต้และฮองเฮาเพียงสองคน ฮ่องเต้หยวนเต๋อปล่อยให้ฮองเฮาอวี่เหวินแอบอิงในอ้อมกอด "ซินเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเ้าต้องสูญเสียลูกถึงสองคน เ้าเ็ปใจ เ้าเศร้าโศก ทว่าเจิ้น...ไหนเลยจะไม่เสียใจเล่า?"
สตรีในอ้อมแขนชะงักงันเล็กน้อย
ซินเอ๋อร์? นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เรียกนางด้วยชื่อเล่นเช่นนี้?
"แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลา" ฮ่องเต้หยวนเต๋อสูดหายใจอย่างหนักหน่วง
ฮองเฮาอวี่เหวินเข้าใจความหมายของฮ่องเต้หยวนเต๋อ
“เช้าตรู่วันนี้มีหนังสือทูลรายงานเข้ามามากมาย พวกเขาต่างเร่งเร้าให้เจิ้นแต่งตั้งคนที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากฉู่ชิง หึ ยามนี้แต่ละฝักฝ่ายหลายขั้วอำนาจในท้องพระโรงต่างจับจ้องมาที่ตำแหน่งนี้ และในยามนี้แม้แต่...ชื่อของจ้าวเยี่ยนก็อยู่ในรายชื่อที่ถูกเสนอเข้ามา”
จ้าวเยี่ยนหรือ?
ฮองเฮาอวี่เหวินขมวดคิ้ว
"ฝ่าาทรงโปรดผู้ใดหรือเพคะ?" บนใบหน้าของฮองเฮาอวี่เหวินยังคงมีหยาดน้ำตาไหลริน ทว่าในใจนางกลับรู้สึกกังวลขึ้นมาเพราะชื่อของคนผู้นี้
โปรดผู้ใดหรือ?
ฮ่องเต้หยวนเต๋อหรี่ตาลง มิตรัสสิ่งใดออกมา
ในตำหนัก ฮ่องเต้และฮองเฮาทั้งสองยังคงนิ่งเงียบเป็เวลานาน ในอากาศยังคงมีบรรยากาศหดหู่ยังคงไหลเวียนไปทั่วสารทิศ หากอี้เอ๋อร์ยังไม่ตาย อี้เอ๋อร์คือผู้ที่เหมาะสมที่สุด ทว่าในตอนนี้จะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี?
เื่นี้แม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่สามารถตัดสินใจได้
ท้องฟ้าเริ่มสว่างไสว ทว่าท้องนภาเหนือค่ายเสินเช่อยังคงเป็สีแดงจางประปรายไปทั่ว และไฟที่แผดเผายังคงมิมอดดับ
ั้แ่เมื่อคืนนี้ ฉู่เซียงจวินยืนอยู่ด้านหน้าค่ายเสินเช่อมาตลอด นางแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าที่มีแต่เปลวเพลิงลุกโชน เถ้าถ่านที่ล่องลอยไปมาบนฟ้าตกลงมาบนตัวนาง ทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่นธุลี ใบหน้างดงามมืดมนซีดเซียวจากความเศร้าโศก
“จื๋อหร่าน...” ฉู่เซียงจวินพึมพำคำสองคำนี้ นางไม่สามารถยอมรับความจริงเื่พี่ชายของนางถูกไฟเผาครอกจนตายได้
หน้ากากสีเงินและภาพวันวานในอดีตทุกฉากทุกตอนระหว่างนางและพี่ชายผุดขึ้นในหัว ฉู่เซียงจวินก้าวฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูค่ายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ทันทีที่มาถึงประตูค่ายเสินเช่อ เสาไม้สีแดงที่ถูกไฟไหม้เกิดล้มลงมา เสียงร้องะโใของทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังพลันดังขึ้นทันที ใครบางคนในกลุ่มนั้นพุ่งทะยานเข้ามาข้างหน้า เสาไม้ที่ควรตกทับฉู่เซียงจวิน กลับตกทับลงบนตัวทหารองครักษ์เข้าอย่างจัง
“กรี๊ด...” ฉู่เซียงจวินกรีดร้องอย่างตื่นใเมื่อเห็นคนถูกเสาไม้ทับ ฉับพลันนั้นนางตื่นตระหนกใทันที
ทหารองครักษ์คนอื่นๆ เร่งรุดก้าวเข้ามาทันที บางส่วนเข้ามาปกป้องดูแลฉู่เซียงจวิน ส่วนคนอื่นๆ ร่วมแรงกันเข้าไปช่วยชีวิตทหารองครักษ์ผู้นั้น
"คุณหนูฉู่ ข้างในอันตราย เชิญท่านกลับเข้าไปพักในกระโจมเถิดขอรับ" ทหารองครักษ์ที่เข้ามาช่วยบังเสาไม้ให้นาง กล่าวอย่างหนักแน่นโดยไม่สนใจรอยไหม้และแผลาเ็บนตัว
“แต่...”
“ท่านแม่ทัพหลวงคงไม่้าให้คุณหนูฉู่เป็อะไรไปอย่างแน่นอน ฮูหยินเองก็ยังอยู่ในกระโจม...” ทหารองครักษ์คนนั้นเอ่ยตัดบทฉู่เซียงจวิน
ดวงตาของฉู่เซียงจวินเป็ประกาย เขาพูดถูก จื๋อหร่านรักนางและท่านแม่มาก สิ่งที่นางควรทำในตอนนี้คือการดูแลท่านแม่ให้ดี...
ครั้นนางคิดได้ ดวงตาของฉู่เซียงจวินพลันฉายแววแน่วแน่ นางสูดหายใจลึก และเอ่ยออกมาอย่างเสียงดังกังวานว่า “ส่งข้ากลับไปเถิด”
ฉู่เซียงจวินเหลือบมองค่ายเสินเช่อ ดวงตาและหัวใจของนางรู้สึกซับซ้อน
เพียงครู่หนึ่ง นางถอนสายตากลับไป ทว่านางมิรู้เลยว่า อีกฟากฝั่งหนึ่งของค่ายเสินเช่อในยามนี้นั้น กลับมีสภาพที่แตกต่างไปอีกทาง
[1] น้ำผึ้งหยดเดียว เป็สำนวนหมายถึง เื่ที่มีต้นเหตุมาจากเื่เล็กน้อยแต่กลับลุกลามใหญ่โต