เมื่อตั้งใจจะสอบให้ได้คะแนนดีๆ ก็ต้องทุ่มเทความพยายามเป็ธรรมดา ไม่มีใครได้พร์มาจากฟ้า หมี่หลันเยว่ก็เช่นกัน ถึงแม้จะเตรียมบทเรียนมาพร้อมแล้ว แต่เธอก็ยังต้องลับคมดาบก่อนออกศึกอยู่ดี ลับให้คมกริบที่สุด เพื่อจะฟันฝ่าอุปสรรค มุ่งหน้าไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ
"หลันเยว่ ขอยืมยางลบหน่อยสิ"
เพื่อนร่วมโต๊ะของหมี่หลันเยว่เป็เด็กชายร่างท้วม กำลังใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเธอ ถึงแม้จะไม่ได้ออกแรงมากนัก แต่ก็ทำให้หลันเยว่รู้สึกเจ็บได้อยู่ดี นี่สินะ...ความแตกต่างของรูปร่าง
หมี่หลันเยว่หยิบยางลบจากกล่องดินสอส่งให้เขา
"นี่...ฉันล่ะเบื่อจริงๆ ยางลบดีๆ ไม่ใช้ ดันชอบตัดเป็ชิ้นเล็กๆ ทิ้งๆ ขว้างๆ พอจะใช้ทีก็หาไม่เจอ"
เ้าหนุ่มอ้วนไม่ใส่ใจคำบ่นของหลันเยว่เลยสักนิด
"ก็มีเธออยู่นี่ไง"
มองสีหน้ายียวนของเ้าหนุ่มอ้วนแล้ว หลันเยว่พูดไม่ออกเลยทีเดียว
ในยุค 80 ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงยังค่อนข้างสงวนท่าที ไม่เปิดเผยเหมือนยุคหลังๆ นักเรียนสมัยนี้ต้องขีดเส้นแบ่งเขตแดนบนโต๊ะ ใครล้ำเส้นถือเป็ชนวนาย่อมๆ
แต่เ้าหนุ่มอ้วนไม่ยอมทำแบบนั้น เขาอยากคุยกับหมี่หลันเยว่จะแย่ ถึงหลันเยว่จะเด็ก แต่ก็ใจกว้าง แถมข้าวกลางวันที่เธอเอามาก็หอมน่ากิน เปลี่ยนเมนูไม่ซ้ำ เ้าหนุ่มอ้วนเลยได้อาศัยบารมีหลันเยว่ กินของอร่อยไปเยอะ
หลันเยว่ไม่ได้ถือสาเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่แล้ว ทุกครั้งที่เอาข้าวมา ก็จะเผื่อให้เขาเยอะหน่อย เขาขาดอุปกรณ์การเรียนอะไร หลันเยว่ก็มักจะช่วยเหลืออยู่เสมอ เื่เล็กน้อยแค่นี้ เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
เ้าหนุ่มอ้วนไม่สนใจว่าหลันเยว่จะคิดยังไง เขาซาบซึ้งในบุญคุณของหลันเยว่มาก คอยปกป้องเธอทุกเื่ ไม่ว่าเื่เล็กเื่ใหญ่ ถ้าเกี่ยวกับหลันเยว่ เขาจะยืนอยู่ข้างหลังเธออย่างหนักแน่น คอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ แน่นอนว่าเพื่อนร่วมชั้นแบบเขามีมากกว่าหนึ่งสองคน
"หมี่หลันเยว่ สมุดตารางฉันหมดแล้ว เธอมีเหลือไหม"
เพื่อนนักเรียนหญิงที่นั่งอยู่ข้างหลัง แตะหลังหลันเยว่เบาๆ ดูเหมือนเด็กผู้หญิงคนนั้นจะขี้อาย พูดกับหลันเยว่ด้วยเสียงแ่เบา
"ขอโทษนะ วันนี้ไม่ได้เอามาเผื่อเลย ตอนเย็นค่อยไปซื้อที่ร้านค้าหน้าโรงเรียนนะ"
หลันเยว่ยิ้มแย้มตอบเธอ นักเรียนหญิงคนนี้ขี้อายมาก ปกติไม่ค่อยกล้าสุงสิงกับเพื่อนร่วมชั้น ถ้ามีเื่อะไรก็กล้าขอความช่วยเหลือจากหลันเยว่แค่คนเดียว
ถึงหมี่หลันเยว่จะอายุน้อยที่สุดในห้อง แต่ก็เป็คนที่มีความคิดเป็ของตัวเอง แถมยังใจกว้าง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนร่วมชั้น ใครมีเื่เดือดร้อนอะไร ก็อยากขอความช่วยเหลือจากเธอ นักเรียนหญิงคนนี้ก็คงเลือกคนที่ดูไม่น่าจะทำร้ายเธอที่สุด
เห็นนักเรียนหญิงคนนั้นตอบรับเบาๆ แล้วเงียบไป หลันเยว่ก็พอจะเดาออกว่า เธอคงไม่ได้พกเงินมา นักเรียนสมัยนี้ไม่ได้พกเงินติดตัวเป็เื่ปกติ สมัยนี้เงินไม่กี่เฟินก็ซื้อผักได้ ทำอาหารกินที่บ้านได้แล้ว
"ไม่ต้องห่วงนะ ตอนเย็นฉันไปซื้อให้ เธอใช้ไปก่อนเถอะ"
หลันเยว่กลัวว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นจะกังวลจนเรียนไม่รู้เื่ จึงรีบให้ความมั่นใจ เธอจึงยิ้มตาหยี แก้มแดงปลั่งขึ้นกว่าเดิม
"หมี่หลันเยว่ ขอบใจนะ พรุ่งนี้ฉันจะคืนให้ ส่วนวันนี้...วันนี้..."
เธออายที่จะบอกว่าไม่ได้พกเงิน แต่เธอรู้ว่าหลันเยว่เข้าใจ ไม่อย่างนั้น หลันเยว่คงไม่เสนอตัวซื้อให้
"ไม่ต้องเกรงใจหรอก พวกเราเป็เพื่อนกัน ช่วยเหลือกันเป็เื่ธรรมดา"
เมื่อพูดในสิ่งที่ควรพูดแล้ว หลันเยว่ก็หันกลับไปอ่านหนังสือ ต้องบอกว่าเพราะท่าทีที่หลันเยว่มีต่อเพื่อนๆ นี่แหละ ทำให้เพื่อนๆ ยิ่งเป็ห่วงเธอ ในเวลาที่เธอตั้งใจอ่านหนังสือ แทบจะไม่มีใครเข้ามารบกวนเธอเลย เว้นแต่จะมีเื่สำคัญจริงๆ ที่อยากให้เธอช่วย
ใกล้สอบเข้ามาแล้ว ทุกคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือ ต้องมีคนที่เจอปัญหาที่ไม่เข้าใจบ้างแหละ และหมี่หลันเยว่ก็คือครูสอนพิเศษตัวน้อยของพวกเขา ถึงจะร้อนรนจนแทบจะกัดนิ้วตัวเอง ก็ต้องรอให้เสียงกริ่งหมดเวลาเรียนดังขึ้นก่อน ถึงจะเข้ามาขอคำปรึกษาจากหลันเยว่
หลันเยว่จึงมีสภาพแวดล้อมในการทบทวนบทเรียนที่ดี เวลาเรียนก็อ่านหนังสือเอง เวลาพักก็ช่วยสอนเพื่อนๆ ทำโจทย์ ไม่เสียเวลาทั้งสองทาง หลันเยว่ไม่ได้ใจกว้างถึงขนาดสละเวลาทั้งหมดของตัวเองเพื่อเพื่อน ๆ
เพียงแต่ว่าพอเสียงกริ่งหมดเวลาเรียนดังขึ้น โต๊ะของหมี่หลันเยว่ก็แทบจะกลายเป็จุดรวมพลทันที ไม่ถึงกับมีคนล้อมสามชั้นนอกสี่ชั้นใน แต่ก็มีสิบกว่าคนเบียดเสียดกัน ถือหนังสือยื่นมาตรงหน้าหลันเยว่ ทุกครั้งที่เป็แบบนี้ แม้แต่ครูยังต้องส่ายหน้า
ไม่ใช่ว่าครูไม่สอนทำโจทย์ให้พวกนักเรียน แต่ครูดูดุเกินไป ทำให้พวกนักเรียนเกรงใจโดยไม่รู้ตัว สื่อสารกันไม่คล่อง อีกอย่าง วิธีสอนของหลันเยว่มาจากมุมมองของนักเรียน ไม่เหมือนกับการสอนของครู ทำให้พวกนักเรียนเข้าใจได้ง่ายกว่า ดังนั้นการให้หลันเยว่แก้โจทย์จึงกลายเป็ตัวเลือกแรกของนักเรียน
วันวันหนึ่งผ่านไปอย่างวุ่นวาย เวลาของหลันเยว่ก็ยังค่อนข้างเหลือเฟือ ถึงเธอจะต้องลับคมดาบก่อนออกศึก แต่เธอแค่ทำให้ดาบของตัวเองคมขึ้น ไม่ใช่เหมือนเพื่อนบางคนที่ลับดาบที่ทื่อจนสุดจะทื่อให้พอมีคมขึ้นมาบ้าง การลับดาบของทั้งสองฝ่ายจึงเป็คนละเื่กันเลย
"พี่เสี่ยวหว่านคะ วันนี้งานเป็ยังไงบ้าง"
หลังเลิกเรียน หลันเยว่ไม่ได้กลับไปที่ร้าน แต่ตรงมาที่โรงงานก่อน ไปดูการทำงานของหลิวเสี่ยวหว่านก่อน หลันเยว่มีความรู้สึกว่า ก่อนตรุษจีน หนิวต้าลี่น่าจะสั่งของเข้ามาอีกชุด
นี่ไม่ใช่ความฝันลมๆ แล้งๆ ของเธอ การที่ลุงหนิวมาที่ร้านของเธอเพื่อสั่งทำชุดฤดูหนาวอีกชุดในเวลาแค่เดือนเดียวนั้น แสดงให้เห็นว่ายอดขายของเขาดีขนาดไหน เมืองเล็กๆ ที่เธออาศัยอยู่ เทียบกับเมืองใหญ่ของเขาไม่ได้เลยจริงๆ
แถมก่อนตรุษจีน ก็เป็่เวลาทองของการขายของของร้านค้าทั่วประเทศอยู่แล้ว ลุงหนิวจะต้องมาเอาของเพิ่มอีกแน่นอน หลันเยว่มั่นใจเื่นี้ เพียงแต่ว่าเขาจะเอามากน้อยแค่ไหน ยังอยู่ใน่การคำนวณของหลันเยว่ หลังจากที่ได้คิดทบทวนมาหลายวัน เธอก็รู้สึกว่าการประเมินของตัวเองน้อยเกินไป
"ก็ราบรื่นดี ทุกวันผลิตได้ตามที่เราคาดการณ์ไว้ โกดังก็มีของสำรอง โรงงานก็เพิ่มแบบใหม่ๆ ตามที่เธอ้า เอาไปไว้ที่ร้านแล้ว ยอดขายก็ดี คนงานก็ทำได้เร็ว ก่อนตรุษจีนน่าจะทันนะ"
หลิวเสี่ยวหว่านเล่าเื่การผลิตของเธอ เธอก็เดาออกว่าการจัดการแบบนี้ของหลันเยว่น่าจะเป็การเตรียมของให้เมืองชิงไถ ตามจำนวนสินค้าคงคลังและความเร็วในการผลิตของโรงงาน น่าจะเก็บสะสมสินค้าสำหรับการสั่งซื้อของทางนั้น และสินค้าสำหรับร้านของตัวเองได้ ไม่มีปัญหา
"ฉันว่า ถ้าเป็ไปได้ ทุกคนก็ควรจะขยันกันอีกหน่อย ฉันคิดดูแล้วว่าเราต้องเพิ่มจำนวนสินค้าคงคลังอีก คิดดูสิ ก่อนปีใหม่ยอดขายในร้านเราเองก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็สองเท่า แล้วทางลุงหนิวก็คงจะสั่งของไม่น้อยเหมือนกันค่ะ"
"เมืองชิงไถเป็เมืองระดับสาม เมื่อเทียบกับเมืองเล็กๆ แบบซวงเฉิงของเราแล้ว มันต่างกันลิบลับ แค่ดูยอดขายก่อนปีใหม่ของลุงหนิว ก็พอจะเดาอะไรได้บ้างแล้ว ถ้าพวกเราคิดตามยอดสั่งซื้อของเขาตามจำนวนสินค้าชุดที่แล้ว เกรงว่าจำนวนจะไม่พอนะ"
"แถมใน่เทศกาลปีใหม่ เมืองชิงไถจะต้องมีคนกลับมาเยี่ยมญาติเป็จำนวนมาก นั่นก็เป็กำลังซื้อส่วนหนึ่ง บวกกับกำลังซื้อของเมืองนี้เอง สินค้าในคลังของเรา ไม่ใช่ไม่พอ แต่มันขาดเยอะเกินไป ฉันว่าการประเมินนรอบแรกของเราคิดผิดไปค่ะ เราคิดน้อยเกินไป"
"ถึงเราจะลดจำนวนสินค้าที่สั่งให้ลุงหนิวตามความสามารถที่แท้จริงของเราได้ แต่ถ้าทำแบบนั้น จะทำให้เขามองข้ามความสามารถของเราไปหรือเปล่า ในอนาคตยอดสั่งซื้อของเขาจะลดลงไหม นั่นจะเป็ความสูญเสียครั้งใหญ่ของเรา"
"ดังนั้นเราต้องพยายามให้มากขึ้น ห้ามไม่ให้ลูกค้าคิดว่าความสามารถของเรามีแค่นี้ เพราะมันจะเป็อุปสรรคต่ออนาคตของเรา ฉันว่าเราควรหลีกเลี่ยงเื่ที่จะทำให้ความเชื่อมั่นของลูกค้าลดลงให้ได้มากที่สุด เพราะเราจะไม่หยุดอยู่แค่ตรงนี้ โรงงานจะขยายต่อไปเรื่อยๆ เราจะปล่อยให้ตัวเองมาขัดขวางตัวเอง ขัดขวางการพัฒนาในอนาคตไม่ได้"
หลิวเสี่ยวหว่านเข้าใจสิ่งที่หลันเยว่พูด ไม่ให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถแค่นี้ ต้องทำให้เขารู้สึกว่าความสามารถของตัวเองไร้ขีดจำกัด พวกเขาถึงจะมีความมั่นใจที่จะร่วมมือกันในระยะยาวมากขึ้น
"ฉันเข้าใจแล้ว หลันเยว่ ฉันจะคุยกับคนอื่นๆ ในโรงงานให้ดี จะทำงานล่วงเวลาใน่ก่อนปีใหม่"
หลันเยว่รู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าจะให้คนงานทำงานล่วงเวลา แต่เื่มันมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ช่วยไม่ได้ การสั่งซื้อครั้งสุดท้ายก่อนปีใหม่ เป็บทสรุปที่ยิ่งใหญ่ของผลงานตลอดทั้งปี
"พี่เสี่ยวหว่านคะ ดูแลเื่อาหารการกินให้ดี อย่าเสียดายเงินเด็ดขาดนะคะ ทำอาหารอร่อยๆ ให้ทุกคนกิน ทุกคนจะได้มีกำลังใจทำงานค่ะ"
หลิวเสี่ยวหว่านตอบรับทันที การทำอาหารอร่อยๆ เลี้ยงทุกคน แน่นอนว่าเป็สิ่งที่ทุกคนตั้งตารอ และเป็วิธีที่ดีที่สุดในการผูกมิตรกับพนักงาน
"แล้วตอนกลางคืนอากาศเป็ยังไง ตอนนี้อากาศหนาวนะคะ อย่าให้ใครเป็หวัด จุดไฟให้ร้อนหน่อย แต่ต้องระวังเื่ความปลอดภัย ระวังแก๊สพิษ ตอนกลางคืนต้องตื่นตัวหน่อย หรี่ไฟให้ดี"
ในชาติที่แล้ว หมี่หลันเยว่เคยได้รับพิษจากแก๊ส แทบเอาชีวิตไม่รอด ดังนั้นเธอจึงระวังเื่ไฟเป็พิเศษ
"รู้แล้ว หลันเยว่ เธอวางใจได้เลย เื่นี้เธอเน้นย้ำตั้งกี่รอบแล้ว ฉันจะระวังอย่างแน่นอน"
"จะกี่รอบก็ต้องย้ำค่ะ เื่นี้ประมาทไม่ได้ แล้วก็ ถุงน้ำร้อน ขวดน้ำเกลือที่ฉันเอามาครั้งที่แล้ว ตอนกลางคืนต้มน้ำร้อนแล้วกรอกให้หมด ปิดให้สนิท ตอนนอนอุ่นเตียงก่อน พอหลับแล้วก็อุ่นเท้าด้วยนะคะ"
ท่าทางที่เอาใจใส่ทุกเื่ของหลันเยว่ เป็สิ่งที่ทำให้หลิวเสี่ยวหว่านซาบซึ้งใจมากที่สุด เธอจะดูแลคนอย่างละเอียดถี่ถ้วน รอบคอบ คนแบบนี้จะไม่ทุ่มเทให้สุดกำลังได้ยังไง หลิวเสี่ยวหว่านรู้ว่าหลันเยว่ไม่ได้ตั้งใจ เธอเป็คนอบอุ่นแบบนี้เอง
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว หลันเยว่ก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้กับการเตรียมสอบปลายภาค ไม่ว่ายังไง หลันเยว่ก็ไม่อยากแพ้ เธออยากท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง ดูว่าเธอจะยืนอยู่ในตำแหน่งที่หนึ่งได้นานแค่ไหน เมื่อคะแนนสอบปลายภาคออกมา หลันเยว่ถึงได้ถอนหายใจออกมา เฮ้อ... ผลสอบปลายภาคได้พิสูจน์ความพยายามของเธออีกครั้ง
