เซี่ยจื่ออวี้อยากไปเผิงเฉิง
ถึงอย่างไรตรุษจีนปีนี้ของตระกูลหวังก็คงเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม แม้เซี่ยจื่ออวี้จะยังไม่ตัดใจจากหวังเจี้ยนหัว แต่เธอไม่คิดที่จะเอาใจหวังก่วงผิงกับหร่านซูอวี้อีกต่อไป
ลำดับข้าราชการของหวังก่วงผิงไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่เขากลับถูกสั่งย้ายไปทำงานที่สำนักประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์ เซี่ยจื่ออวี้คิดว่าอนาคตคงมีเื่ที่สามารถพึ่งพาหวังก่วงผิงได้น้อยมาก... บทลงโทษที่เธอต้องแบกรับแทนตระกูลหวัง หวังก่วงผิงยังมีอำนาจลบล้างมันได้อีกหรือ?
ตอนถูกส่งไปทำงานที่ไร่ เธอช่วยส่งสิ่งของจำเป็ให้หวังก่วงผิงกับหร่านซูอวี้อยู่เสมอ รวมถึงให้หวังเจี้ยนหัวยืมเงินสำหรับนำไปใช้หาเส้นสาย แต่การถูกส่งไปทำงานที่สำนักประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์ ขนาดสองพ่อลูกตระกูลหวังยังรู้สึกจนปัญญา แล้วนักศึกษาธรรมดาๆ อย่างเซี่ยจื่ออวี้ยังจะสามารถช่วยอะไรได้อีก!
อีกทั้งหวังก่วงผิงกับหร่านซูอวี้ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็หลังมือไม่เหมือนกับตอนอยู่ที่ไร่สักนิด แน่นอนว่าเซี่ยจื่ออวี้มองสองคนนี้ขาดตั้งนานแล้ว ไม่ว่าเธอจะทุ่มเทแค่ไหนก็ไม่มีวันเอาชนะใจพวกเขาได้สำเร็จ นอกเสียจากตัวเธอหรือครอบครัวจะกระเสือกกระสนจนขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับหวังก่วงผิงได้!
ขณะที่เซี่ยจื่ออวี้กำลังกลุ้มใจว่าควรเดินต่อไปทางไหน ก็ได้รับโทรเลขจากจางชุ่ยส่งข่าวมาบอกว่าเซี่ยต้าจวินร่ำรวยแล้ว
มีทางเลือกเข้ามาในยามที่ลำบากเช่นนี้เซี่ยจื่ออวี้ย่อมรู้สึกดีใจ แน่นอนว่าเธอไม่เชื่อข้อความทั้งหมดในโทรเลข ดังนั้นเธอต้องไปเห็นสถานการณ์ของเซี่ยต้าจวินด้วยตาตัวเอง ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอต้องเดินทางไปเผิงเฉิง
เดิมทีเซี่ยจื่ออวี้บอกว่าตรุษจีนปีนี้เธอจะอยู่ที่ปักกิ่ง แต่ตอนนี้เธอนัดหวังเจี้ยนหัวให้มาหาเธออีกครั้ง
หวังเจี้ยนหัวยังคงดูโทรมเล็กน้อย ทว่าหลังได้รับกำลังใจจากเซี่ยจื่ออวี้อยู่หลายครั้ง สภาพของเขาก็ดีขึ้นกว่าเมื่อหลายวันก่อนที่เมาหัวราน้ำ
“เจี้ยนหัว ฉันต้องรีบเดินทางไปเผิงเฉิง”
“นี่ก็สิ้นปีแล้ว เธอจะไปทำอะไรที่เผิงเฉิง”
หวังเจี้ยนหัวรู้สึกข้องใจและรู้สึกหวาดระแวงด้วยเช่นกัน “เธอไม่อยากฉลองปีใหม่กับพ่อแม่ฉันหรือ”
ปัจจุบันบรรยากาศที่บ้านหวังนั้นตึงเครียดมาก เื่หวังก่วงผิงถูกสั่งย้ายทำให้คนตระกูลหวังยังไม่อาจทำใจยอมรับได้ หวังเจี้ยนหัวซึ้งใจยิ่งนักที่คู่หมั้นของเขาไม่ทอดทิ้งกัน ส่วนความพาลโทษคนอื่นของพ่อกับแม่ เขาเองก็จนปัญญาที่จะแก้ไข
ตอนนี้พ่อเขาสติหลุดไปแล้ว หร่านซูอวี้เองก็จมอยู่กับความเศร้า หวังเจี้ยนหัวจึงทำได้เพียงขอให้เซี่ยจื่ออวี้ฝืนทนไปก่อนเท่านั้น
แต่ทั้งคู่ปรึกษากันแล้วว่า วันสิ้นปีเซี่ยจื่ออวี้จะอยู่รอฉลองวันขึ้นปีใหม่กับครอบครัวตระกูลหวัง มิเช่นนั้นหากปล่อยให้เธออยู่ตัวคนเดียวในปักกิ่ง คงเป็ตรุษจีนที่ว้าเหว่เกินไปอย่างแน่นอน!
หวังเจี้ยนหัวนึกว่าเซี่ยจื่ออวี้รู้สึกเสียใจภายหลังที่ตกลงว่าจะอยู่ฉลองตรุษจีนกับเขา แต่เมื่อเขามองหน้าเซี่ยจื้ออวี้กลับเห็นเธอทำสีหน้าตื่นเต้น
“ฉันต้องอยากฉลองตรุษจีนกับครอบครัวของเธออย่างแน่นอน แต่ที่บ้านส่งโทรเลขมาบอกว่าได้ข่าวอารองของฉันแล้ว! เจี้ยนหัว อารองหนีออกจากโรงพยาบาล ขาดการติดต่อไปเป็ปีๆ ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาอยู่ที่ไหน ตอนนี้พอได้ข่าวว่าเขาอยู่เผิงเฉิงแล้วฉันจะไม่ไปดูให้มั่นใจได้อย่างไรกัน”
มีข่าวของเซี่ยต้าจวินแล้ว?
ผู้ชายคนนี้หนีออกไปจากโรงพยาบาลตอนหวังเจี้ยนหัวเป็คนเฝ้า หลังเกิดเื่ขึ้นหวังเจี้ยนหัวเองก็รู้สึกผิดมากเช่นกัน ถึงอย่างไรคนป่วยมักจะมีอารมณ์แปรปรวน อีกทั้งหวังเจี้ยนหัวยังเผลอพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป ตอนนั้นเซี่ยต้าจวินได้รับาเ็ อีกทั้งโลกภายนอกไม่ค่อยสงบสุขนัก จึงมีคนคาดเดาว่าเซี่ยต้าจวินอาจจะตายไปแล้วก็เป็ได้... ตอนนี้จู่ๆ ก็มีข่าวของเขา หวังเจี้ยนหัวย่อมรู้สึกโล่งอกอย่างแน่นอน
“จริงหรือ? เยี่ยมไปเลย!”
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะเป็คนอกตัญญู แต่เขากับจื่ออวี้นั้นไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะจื่ออวี้ที่มีน้ำใจกับผู้อื่นอยู่เสมอ เธอกำลังจะเดินทางไปไกลถึงเผิงเฉิง ดังนั้นความห่วงใยของเซี่ยจื้ออวี้ที่มีให้กับคุณอาอย่างเซี่ยต้าจวินย่อมไม่ใช่เื่โกหก
“จื่ออวี้ ฉันจะไปเป็เพื่อนเธอเอง!”
เซี่ยจื่ออวี้ไม่อยากให้หวังเจี้ยนหัวตามไปด้วย แต่พอคิดอีกทีเธอก็ไม่ปฏิเสธ พร้อมทั้งพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น
“ได้สิ!”
ตระกูลหวังไม่มีทางอนุญาตให้หวังเจี้ยนหัวไปเผิงเฉิงอย่างแน่นอน ดังนั้นเซี่ยจื่ออวี้จึงไม่จำเป็ต้องบอกปัดด้วยตัวเอง
เป็ไปตามคาด หลังเซี่ยจื่ออวี้ซื้อตั๋วเสร็จสรรพหมดแล้ว หวังเจี้ยนหัวก็บอกว่าตนไม่สามารถไปด้วยได้ เซี่ยจื่ออวี้จึงกล่าวปลอบใจเขา “เธออยู่เป็เพื่อนคุณลุงคุณป้าให้ดีเถอะนะ ถ้าฉันถึงเผิงเฉิงแล้วจะส่งโทรเลขมาหา ฉันไปคนเดียวได้”
สำหรับการผิดนัดของเขา เซี่ยจื่ออวี้ไม่ตัดพ้อต่อว่าเขาเลยสักคำ นั่นยิ่งทำให้หวังเจี้ยนหัวรู้สึกผิด
ทันทีที่รถไฟเคลื่อนที่ออกจากชานชาลา หวังเจี้ยนหัวก็เอามันเผาที่เขาเพิ่งซื้อมามอบให้กับเซี่ยจื่ออวี้ ก่อนจะวิ่งตามรถไฟจนกระทั่งไล่ตามไม่ทัน
“เด็กหนุ่มคนนี้ดูรักจริงนะ!”
“นั่นน่ะสิ โชคดีจริงๆ !”
เซี่ยจื่ออวี้ถือมันเผาไว้ในมือพลางยิ้มอย่างเขินอาย
ที่เธอกับหวังเจี้ยนหัวสามารถเดินมาจนถึงทุกวันนี้ได้ เธอต้องทุ่มเทมากมายแค่ไหน โดยความรักของเธอเริ่มมาจากการที่หวังเจี้ยนหัวไม่สนใจในตัวเธอเลย จนกระทั่งตอนนี้เขาไม่สามารถขาดเธอได้ ถึงกับต้องวิ่งไล่ตามรถไฟเช่นนี้
ช่างแตกต่างจากนิสัยของหวังเจี้ยนหัวเป็อย่างมาก คิดถึงตรงนี้แล้วเซี่ยจื่ออวี้ก็ยิ้มออกมา
ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้ไร้ซึ่งทุกสิ่ง แน่นอนว่าหวังเจี้ยนหัวคือหนึ่งในความสำเร็จของเธอ!
และตอนนี้เธอก็กำลังเดินทางไปเผิงเฉิง
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานเก่งกาจแค่ไหน แต่ถ้าพ่อของตัวเองอย่างเซี่ยต้าจวินเข้าข้างเธอ เซี่ยเสี่ยวหลานก็คงรู้สึกะเืใจอยู่ไม่น้อยแน่นอน
เธอจะต้องได้รับการสนับสนุนจากเซี่ยต้าจวิน และฉวยโอกาสนี้ทำความรู้จักกับเถ้าแก่ฮ่องกง จากนั้นก็ใช้ประโยชน์จากเงินทุนของอีกฝ่าย... เซี่ยจื่ออวี้ค่อยๆ ปอกเปลือกมันเทศ ทว่ารอจนกระทั่งมันเย็นชืด เซี่ยจื่ออวี้ก็หาได้กัดมันสักคำ
หวังเจี้ยนหัวไม่รู้เลยว่า เธอกินมันมามากพอแล้ว
อยู่บ้านนอกมีแต่มันเทศราคาถูกเต็มไปหมด!
เซี่ยจื่ออวี้ไม่อยากได้ชีวิตแบบเรียบง่าย เธออยากได้ชีวิตที่ดี มีบ้านหลังใหญ่ สวมเสื้อผ้าหรูหรา กินอาหารเลิศรส ไปไหนมาไหนก็มีรถรับส่ง!
แต่ก่อนที่เธอจะบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ เธอต้องเก็บงำความคิดที่แท้จริงของตัวเอง ใส่เสื้อผ้าเรียบๆ กินอยู่อย่างคนทั่วไป ก็ใครใช้ให้เธอไม่ได้เกิดมามีใบหน้าเหมือนเซี่ยเสี่ยวหลานกันเล่า ดังนั้นเพื่อให้ได้มาซึ่งบางสิ่งบางอย่าง เธอมีแต่จำต้องอดทนและทุ่มเทเท่านั้น!
อีกไม่นาน เธอก็จะไม่ต้องอดทนอีกต่อไป
เซี่ยจื่ออวี้คลี่ยิ้มออกมาอย่างคาดหวัง
ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกสงสารเหลือเกิน เด็กสาวหน้าตาพอดูได้ แต่ที่แก้มกลับมีรอยแผลเป็นูนขึ้นมาให้เห็นสีแดงจางๆ เวลายิ้มยิ่งเห็นรอยแผลนั้นเด่นชัดยิ่งขึ้น...
—------------------------------------------------
หลังเซี่ยจื่ออวี้รู้ข่าวก็รีบซื้อตั๋วรถไฟไปเผิงเฉิงทันที
ในขณะที่พวกแม่เฒ่าเซี่ยรู้ข่าวก่อนใคร แต่คนในบ้านกลับหาข้อสรุปไม่ได้ว่าใครจะเดินทางไปเผิงเฉิงบ้าง อีกทั้งยังทะเลาะกันด้วย
หวังจินกุ้ยย่อมอยากไป แน่นอนว่าเธอจะพาเซี่ยหงเซี๋ยไปด้วย
เซี่ยหงปิงที่เล่นพนันเสียเงินไปเป็จำนวนมาก ตอนนี้คนทั้งหมู่บ้านต้าเหอต่างรู้กันทั่วว่าเซี่ยต้าจวินรวยแล้วจึงมาเร่งเร้าให้เขาคืนเงิน เซี่ยหงปิงที่กำลังรอให้พี่รองผู้ร่ำรวยมาช่วยชีวิต ย่อมไม่อยากรอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน
แม่เฒ่าเซี่ยปากเบี้ยว เวลาพูดริมฝีปากสั่นเทิ้ม “ถ้าพวกแกทิ้งยายแก่อย่างฉันไว้ คะ.. คอยดูก็แล้วกันว่าต้าจวินจะสนใจพวกแกหรือเปล่า!”
จะว่าไปที่แม่เฒ่าเซี่ยพูดนั้นก็ใช่ เซี่ยต้าจวินคือคนที่กตัญญูต่อแม่เฒ่าเซี่ยมากที่สุด
หากแม่เฒ่าเซี่ยไม่ไปด้วย อย่าว่าแต่ได้อยู่เสพสุขอยู่กับเซี่ยต้าจวินเลย จะขอเงินได้หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ด้วยซ้ำ
ในที่สุดพวกเขาก็ตกลงกันได้ โดยผู้ใหญ่ทุกคนในบ้านเซี่ยจะเดินทางไปเผิงเฉิงด้วยกันทั้งหมด ส่วนน้องชายสองคนของเซี่ยหงเซี๋ยนั้นจะถูกนำไปฝากไว้ที่บ้านเกิดของหวังจินกุ้ยก่อน และหากได้อยู่ที่เผิงเฉิงต่อค่อยกลับมารับเด็กสองคนไปอยู่ด้วยกัน
เทศกาลตรุษจีนใกล้เข้ามาเต็มที คนที่ทำงานอยู่ต่างถิ่นย่อมอยากกลับบ้านเกิด มีเพียงคนตระกูลเซี่ยเท่านั้นที่รีบร้อนเก็บสัมภาระเร่งเดินทางออกนอกถิ่นฐาน
จากซางตูไปเผิงเฉิง ราคาตั๋วรถไฟสำหรับสี่คนย่อมไม่ใช่ราคาถูกๆ เซี่ยหงปิงบอกแค่ว่าไม่มีเงิน อีกทั้งเขายังติดหนี้คนอื่นอีกมาก! ส่วนหวังจินกุ้ยกับเซี่ยหงเซี๋ยไม่มีทางยอมควักเงินจ่ายอย่างแน่นอน หลังจ้องหน้ากันไปมา สุดท้ายแม่เฒ่าเซี่ยก็ต้องยอมเป็คนจ่ายเงิน
ไม่มีเซี่ยต้าจวินคอยหาเงินมาจุนเจือ หลังเซี่ยฉางเจิงกับจางชุ่ยแยกออกไปอยู่ที่อื่นก็ไม่เคยกลับมาบ้านเกิดอีก แม้จางชุ่ยจะเคยทิ้งค่าเลี้ยงดูเอาไว้ให้ ทว่านั่นก็เป็รายได้เพียงหนึ่งเดียวของแม่เฒ่าเซี่ย ต่อมาเธอหน้ามืดหมดสติจนต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล อีกทั้งเซี่ยหงปิงก็มาขอเงินไปเล่นการพนัน เมื่อเป็เช่นนี้เงินในมือแม่เฒ่าเซี่ยจึงร่อยหรอเต็มที
ตอนนี้ต้องควักเงินจ่ายค่าตั๋วรถไฟ แม่เฒ่าเซี่ยรู้สึกปวดใจยิ่งนัก
หากไปเผิงเฉิงแล้วไม่เจอต้าจวินเล่า คนที่บ้านจะทำอย่างไรต่อไป?